แม่ปากร้ายยุค 80 1151 การเผยแพร่ถูกระงับ
ตอนที่ 1151 การเผยแพร่ถูกระงับ
……….
ตอนที่ 1151 การเผยแพร่ถูกระงับ
หลินม่ายไม่ได้ปิดบังอะไรและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ จึงเตือนพวกเขาระวังตัวให้มากขึ้น
แม้ครอบครัวของพวกเขาจะได้รับความคุ้มครองอย่างลับ ๆ จากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติและมั่นใจเรื่องความปลอดภัย ซึ่งรับประกันได้ว่าไม่มีความประมาทเลินเล่อแต่อย่างใด
แต่การระมัดระวังตัวย่อมเป็นเรื่องดี
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย อย่างไรก็ตามคุณปู่ฟางและภรรยาคิดเช่นเดียวกับจางเสวี่ยฉุน โดยสงสัยว่าหลินม่ายจะระแวงมากเกินไป
หลินม่ายยังคงเชื่อมั่นในตัวเองว่าเธอไม่ได้ระแวงมากเกินไป
เธอสงสัยว่าองค์กรเหยี่ยวดำสร้างสถานการณ์หลอกลวงดังกล่าว และสร้างบรรยากาศตึงเครียดเพื่อทำให้จางเสวี่ยฉุนค่อย ๆ เพิ่มกังวลอย่างมาก ในท้ายที่สุดหล่อนจะต้องฆ่าตัวตายเนื่องจากความทรมานที่ได้รับ
นี่คือวิธีที่พวกเขาบังคับจางเสวี่ยฉุนในชีวิตก่อน
ก่อนเข้านอน แจ็คโทรมาบอกหลินม่ายถึงผลการสอดแนม
ชายผิวดำเป็นคนขี้เมาและมีขวดเหล้าติดตัวอยู่เสมอ เขาไม่ได้ถูกใครส่งมาทำให้จางเสวี่ยฉุนตกใจ
หลินม่ายจมดิ่งกับความคิด หรือเธอจะหวาดระแวงเกินไปจริง ๆ?
อย่างไรก็ตาม ภายในไม่กี่วันต่อมา เธอก็รู้ว่าสัญชาตญาณของตนเองนั้นถูกต้อง
หลายวันผ่านไป จางเสวี่ยฉุนไม่เคยโทรมาเลย หลินม่ายจึงต่อสายหาอีกฝ่ายก่อน และถามถึงความคืบหน้าของการตีพิมพ์หนังสือ
จางเสวี่ยฉุนบอกเธอด้วยความหงุดหงิดว่า สำนักพิมพ์ได้ระงับแผนการตีพิมพ์หนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” ของหล่อน
หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าเราเจรจาและเซ็นสัญญาไปแล้วเหรอ?”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ จางเสวี่ยฉุนขมวดคิ้วอย่างเหนื่อยหน่าย “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้อำนวยการและครอบครัวของเขาถูกองค์กรเหยี่ยวดำคุกคาม ดังนั้นแผนการเผยแพร่จึงถูกระงับไป”
หลินม่ายถามด้วยความสับสน “แล้วผู้อำนวยการได้โทรแจ้งตำรวจไหม หน่วย FBI ในสหรัฐอเมริกามีอำนาจมาก ถ้าอย่างนั้นเราให้หน่วย FBI กวาดล้างองค์กรเหยี่ยวดำทั้งหมดที่น่ารำคาญเหมือนแมลงวันไม่ดีกว่าเหรอ?”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ!” จางเสวี่ยฉุนบอกกับหลินม่ายว่า เมื่อไม่กี่วันก่อน ลูกสาวคนเล็กของผู้อำนวยการสำนักพิมพ์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
บุคคลนั้นบอกกับผู้อำนวยการว่าหากต้องการให้ชีวิตของลูก ๆ ปลอดภัย เขาจะต้องไม่ตีพิมพ์หนังสือของจางเสวี่ยฉุน
ไม่เช่นนั้นเมื่อมีเด็กหายตัวไปอีก พวกเขาอาจไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้ที่จะถูกส่งตัวกลับมา
หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ครอบครัวของผู้อำนวยการก็ประสบอุบัติเหตุหลายครั้งเช่นกัน
เช่น ตอนที่กำลังขับรถออกไป พวกเขาเกือบประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หลายครั้ง
มีเหตุการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่งครั้งหนึ่ง เมื่อมีแก๊สรั่วในบ้านพวกเขา
โชคดีที่เขาเปิดประตูแล้วได้กลิ่นฉุนของแก๊ส จึงไม่ได้จุดเตาไฟ ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาคงกลายเป็นหายนะที่ไม่อาจจินตนาการได้
หลังจากเผชิญกับภัยคุกคามมากมาย ผู้อำนวยการสำนักพิมพ์จะกล้าเซ็นสัญญากับจางเสวี่ยฉุนอีกครั้งได้อย่างไร?
จางเสวี่ยฉุนกล่าว “ม่ายจื่อ ที่แท้ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ระแวงจนเกินไป มันเป็นองค์กรเหยี่ยวดำที่กำลังข่มขู่ฉันจริง ๆ ครั้งนั้นชายผิวดำอาจหยิบขวดวิสกี้ออกมาก็จริง แต่สิ่งที่เขาจะหยิบออกมาในครั้งต่อไปอาจเป็นปืนก็ได้”
หลินม่ายพูด “ใช่ พวกเขาต้องการทำให้คุณหวาดกลัวอย่างหนักจนไม่กล้าตีพิมพ์หนังสือเล่มนั้น”
จางเสวี่ยชุนพูดอย่างหนักแน่น “ฉันจะไม่ยอมถอยเด็ดขาด!”
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายอีกด้านของโทรศัพท์นิ่งเงียบไป หล่อนจึงพูดปลอบใจว่า “ม่ายจื่อ เธอไม่ต้องกลัวว่าหนังสือของฉันจะไม่ได้ตีพิมพ์นะ คุณสมิธที่ฉันต้องการเซ็นสัญญาด้วยคือผู้จัดพิมพ์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นคนมีชื่อเสียงมาก คุณสมิธโทรแจ้งตำรวจแล้ว ตำรวจได้เข้ามาแทรกแซงเรื่องดังกล่าว แม้จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้องค์กรเหยี่ยวดำหวาดกลัวได้ แผนของคุณสมิธคือรอจนกว่าองค์กรเหยี่ยวดำจะเงียบหายไป จากนั้นเขาจะเซ็นสัญญากับฉันทันที”
อย่างไรก็ตาม หนึ่งเดือนต่อมา หลินม่ายไม่ได้รับการตอบกลับจากคุณสมิธเกี่ยวกับการเซ็นสัญญากับจางเสวี่ยฉุน กลับกันเธอได้รับข่าวว่าเขาตั้งใจละทิ้งความร่วมมือกับจางเสวี่ยฉุนโดยสิ้นเชิง
คำอธิบายของเขาคือ เขาไม่ต้องการใช้ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา
นับตั้งแต่เขาโทรหาตำรวจ องค์กรเหยี่ยวดำไม่เพียงไม่หวาดกลัวและเงียบหายไป แต่กลับเพิ่มความพยายามในการข่มขู่ครอบครัวของเขาอย่างเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม
ในตอนแรกคุณสมิธยังพอทนได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ครอบครัวของเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จนเขาเองก็หวาดระแวงไปด้วย
คุณสมิธรู้ว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือขององค์กรเหยี่ยวดำ ทว่าแล้วอย่างไร?
การข่มขู่ทุกครั้งได้รับการวางแผนอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ แม้แต่ตำรวจก็ยังไม่พบข้อบกพร่องใด ๆ
แม้คุณสมิธจะรู้ว่าการตีพิมพ์หนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” ของจางเสวี่ยฉุนจะสร้างรายได้มหาศาล แต่ความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะยอมแพ้
จางเสวี่ยฉุนหดหู่ใจอยู่ราวสองวันก่อนกลับมาเป็นปกติ หล่อนบอกกับหลินม่ายว่า ในสหรัฐอเมริกามีสำนักพิมพ์หลายแห่ง ดังนั้นจะต้องมีคนที่ยินดีตีพิมพ์หนังสือของหล่อนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีต่อมากลับไม่มีสำนักพิมพ์ไหนกล้าตีพิมพ์หนังสือของหล่อนเลย
ตราบใดที่ผู้จัดพิมพ์ยอมรับการตีพิมพ์หนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” ของจางเสวี่ยฉุน พวกเขาจะประสบกับเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่คุณสมิธเจอ
ในกรณีนี้ ใครจะกล้าแย่งถือมันฝรั่งร้อน ๆ?
เมื่อพิจารณาจากการอาละวาดอันหนักหน่วงขององค์กรเหยี่ยวดำ หลินม่ายสงสัยว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจจงใจเพิกเฉยต่อสถานการณ์
สำหรับเหตุผลที่ซ่อนอยู่นั้น ทุกคนล้วนเข้าใจดี
จากความหวังเริ่มแรกสู่ความมุ่งมั่น และตอนนี้กลายเป็นความสับสนเนื่องจากความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลินม่ายเห็นการต่อสู้ดิ้นรนของจางเสวี่ยฉุนมาโดยตลอด และถึงเวลาแล้วที่เธอจะก้าวเข้าไปช่วยเหลือ
เธอบอกกับจางเสวี่ยฉุนว่า เธอจะจัดพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” เอง
ในเวลานั้น คนสองคนกำลังดื่มเครื่องดื่มในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
แสงอาทิตย์อันอบอุ่นในฤดูหนาวสาดส่องลงบนร่างทั้งสองผ่านม่านกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน
หล่อนวางกาแฟในมือลง และรีบจับมือข้างหนึ่งของหลินม่ายด้วยความตื่นเต้นพร้อมพูดอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณนะม่ายจื่อ!”
แต่หลังจากจิบกาแฟต่ออีกเล็กน้อย จางเสวี่ยฉุนก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่จำเป็นอีกแล้วล่ะ ฉันไม่อยากให้เธอและครอบครัวต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว”
หลินม่ายพูดอย่างเฉยเมย “เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับครอบครัวของฉันหรอก ฉันจะส่งพวกเขาทั้งหมดกลับประเทศก่อนที่จะดำเนินการอย่างเป็นทางการ ไม่มีใครทำร้ายพวกเขาได้ในอ้อมกอดของมาตุภูมิหรอก จากนั้นฉันจะอยู่และต่อสู้เคียงข้างคุณเอง”
หลินม่ายจิบกาแฟที่ใส่นมสดปริมาณมาก “เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก องค์กรเหยี่ยวดำรู้เพียงวิธีข่มขู่เท่านั้น แต่ไม่กล้าฆ่าบุคคลสาธารณะเช่นฉันหรอก พวกเขาแค่ทรมานผู้คนทางจิตใจ แต่ฉันไม่กลัวอะไรง่าย ๆ เช่นนั้นทำไมต้องกลัวพวกเขาด้วย?”
องค์กรเหยี่ยวดำไม่มีทางกล้าทำร้ายหลินม่ายซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกา เว้นแต่ว่าพวกเขาจะไม่กลัวที่จะสร้างปัญหา
ตราบใดที่หลินม่ายมีจิตใจเข้มแข็งเพียงพอ ปีศาจร้ายจากองค์กรเหยี่ยวดำก็ไม่มีทางทำอะไรเธอได้
จากนั้นจางเสวี่ยฉุนก็ตกลงที่จะช่วยเหลือหลินม่ายอย่างเต็มที่
แต่เมื่อหลินม่ายพูดคุยเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์และส่วนแบ่งการขาย จางเสวี่ยฉุนก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อเสนอของหลินม่าย
ค่าลิขสิทธิ์และส่วนแบ่งการขายที่หลินม่ายเสนอให้หล่อนนั้นสูงเกินไป!
หล่อนรู้ว่าหลินม่ายต้องการช่วยเหลือ แต่หล่อนไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง การตีพิมพ์หนังสือของหลินม่ายช่วยหล่อนได้มากแล้ว เช่นนั้นจะยอมให้อีกฝ่ายประสบความสูญเสียทางการเงินอีกได้อย่างไร?
จางเสวี่ยฉุนกล่าวอย่างหนักแน่นว่าหล่อนจะปฏิเสธการให้ความร่วมมือ เว้นแต่จะได้รับค่าลิขสิทธิ์และส่วนแบ่งการขายในราคาตลาด
หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเห็นด้วย
หลังจากทั้งสองดื่มกาแฟเสร็จและกำลังจะจากไป หลินม่ายเอื้อมมือไปใต้โต๊ะและคลำหาไปรอบ ๆ เมื่อเธอชักมือกลับมาจากใต้โต๊ะก็ปรากฏเครื่องดักฟังขนาดเล็กในมือ
จางเสวี่ยฉุนพูดด้วยความตกใจ “ทำไมถึงมีเครื่องดักฟังอยู่ใต้โต๊ะของเราล่ะ? มีคนกำลังแอบฟังเราอยู่หรือเปล่า?”
หลินม่ายพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “มันควรจะเป็นแบบนั้น”
เธอตะโกนขึ้นเสียงดังในทันที “มีคนแอบสอดแนมพวกเรา!”
เสียงตะโกนของเธอเรียกร้องความสนใจจากลูกค้าคนอื่นในร้านให้หันมองด้วยความสงสัย
…………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โดนบีบมันทุกทางเลย จะใช้วิธีไหนไปงัดข้อองค์กรชั่วนี่ดีนะ
ไหหม่า(海馬)
……….
Comments