แม่ปากร้ายยุค 80 1192 ขาดการติดต่อ
ตอนที่ 1192 ขาดการติดต่อ
ยางลาส่ายหัวอย่างไม่สบายใจ
หลินม่ายบอกหล่อนด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะคุณนำอาหารมาให้สามีฉันทุกวัน ซึ่งทำให้เขาเดือดร้อน แต่เพราะมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่มี เขาจึงไม่กล้าบอกคุณตรง ๆ และขอให้ฉันนำอาหารกลางวันมาให้เขาทุกวันแทน ฉันมีงานยุ่งและไม่มีเวลาทำอาหารกลางวันให้สามีทุกวัน เลยจัดอาหารใส่มาในกระติกน้ำร้อนวันนี้เพื่อคุณ มาสิ หาที่นั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกันเถอะค่ะ”
หลินม่ายอดไม่ได้ที่จะดึงยางลาออกไป
ภายใต้แรงกดดันจากหลินม่าย ยางลาดูเหมือนแกะตัวน้อยที่เดินตามอีกฝ่ายไปยังร้านอาหารขนาดเล็ก
หลินม่ายเรียกเถ้าแก่และขอให้เขานำอาหารในกระติกน้ำร้อนใส่จานเปล่าให้เธอหน่อย โดยเธอจะจ่ายค่าจานเปล่าจานละ 1 หยวน ทั้งยังสั่งหมั่นโถวและข้าวเพิ่มด้วย
เถ้าแก่รับกระติกน้ำร้อนของหลินม่ายไปใส่จานอย่างอารมณ์ดี
เพียงแค่ให้ยืมจานเปล่าก็ได้รับเงินจานละหยวน ซึ่งมันคุ้มค่ามาก
ผ่านไปสักพัก เถ้าแก่และภรรยานำจานอาหารรวมถึงหมั่นโถวและข้าวที่หลินม่ายสั่งมาวางบนโต๊ะด้วยรอยยิ้มกว้าง
หลินม่ายหยิบชามข้าวขึ้นมาและเริ่มกินข้าว ก่อนจะเชิญยางลากินอาหารฝีมือเธอด้วยความกระตือรือร้น
ยางลาลิ้มรสอาหารทั้งหมดของหลินม่ายด้วยความกังวลใจ
หลินม่ายถามด้วยรอยยิ้ม “อาหารที่ฉันปรุงรสชาติดีไหมคะ?”
ยางลาพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “อร่อยมากค่ะ”
“เทียบกับอาหารของคุณแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”
ใบหน้าของยางลาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
หล่อนมักคิดว่าเสมอว่าฝีมือการทำอาหารของตัวเองนั้นค่อนข้างดี แต่เมื่อเทียบกับอาหารของหลินม่าย ก็พบว่าไม่เพียงรสชาติไม่ได้แย่กว่ากันเล็กน้อย แต่ห่างชั้นกันหลายพันลี้
ยางลาฝืนยิ้ม “มันอร่อยกว่าที่ฉันทำมาก”
หลินม่ายกินอาหารอย่างใจเย็น “คุณยอมรับว่าฝีมือการทำอาหารของฉันดีกว่า ดังนั้นก็หยุดนำอาหารมาส่งให้จั๋วหรานได้แล้ว คุณอยากจะจับผู้ชายด้วยอาหารอร่อย ๆ แต่คุณไม่มีความสามารถนั้น ฉันเตือนคุณไปแล้วว่าตั้งแต่จั๋วหรานแต่งงานกับฉัน เขาก็ชอบกินอาหารที่ฉันปรุงเท่านั้น อาหารอื่น ๆ ไม่ได้ทำให้เขาเพลิดเพลินเลย แต่แค่เติมเต็มท้องของเขาให้อิ่มเท่านั้น คุณนำอาหารมาให้จั๋วหรานทุกวันแบบนี้มันทำให้เขากังวลมาก เขาไม่ต้องการกินอาหารที่คุณนำมาให้ เพราะกลัวว่าฉันจะเข้าใจเขาผิด เขาจะไม่มีวันทำสิ่งใดที่ทำให้ฉันเข้าใจผิด และตัวเขาก็ไม่ต้องการ แต่เพราะเป็นคุณ จั๋วหรานจึงใจกว้างเป็นพิเศษ หากเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาคงบอกให้เธอคนนั้นออกไปและไม่ปล่อยให้ฉันมาคุยกับคุณแทน”
ยางลาถามด้วยความไม่เชื่อ “จั๋วหรานขอให้คุณมาคุยกับฉันเหรอคะ?”
หล่อนคิดว่าเป็นหลินม่ายเองที่ต้องการมาหาตนหลังจากได้ยินข่าวลือ
หลินม่ายพยักหน้า “จั๋วหรานจดจำน้ำใจของพ่อของคุณและคุณได้ ฉันเองก็รู้สึกซาบซึ้งความเมตตาของพวกคุณที่มีต่อจั๋วหราน ได้โปรดอย่าทำลายความประทับใจอันดีงามที่เรามีต่อคุณเลย”
จากนั้น เธอจ่ายเงินให้เถ้าแก่และเดินจากไป
ภายในไม่กี่วัน เธอจะไปที่ชิงเต่าเพื่อเข้าร่วมเทศกาลไวน์แดงที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการและเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดไวน์แดงในประเทศ เธอไม่ต้องการเสียเวลากับเรื่องของยางลา
ยางลามองไปยังร่างของหลินม่ายและสงสัยอย่างมากกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูด
วันรุ่งขึ้น หล่อนยังคงนำอาหารมาให้กับจั๋วหรานต่อไป
คราวนี้ฟางจั๋วหรานกล่าวปฏิเสธที่จะรับอาหารของหล่อนโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง
เขาพูดอย่างจริงจัง “ยางลา การที่คุณทำแบบนี้ มันไม่เพียงทำลายความประทับใจที่ผมมีต่อคุณ แต่ยังเป็นการทรยศต่อความมีน้ำใจของภรรยาผมด้วย ม่ายจื่อเป็นคนเอาเงินไปสร้างบ้านให้คุณ ม่ายจื่อเป็นผู้สนับสนุนการศึกษาลูก ๆ ของคุณ และเป็นหล่อนเองที่ซื้อหน้าร้านให้คุณเพื่อเริ่มธุรกิจขนาดเล็ก ม่ายจื่อมีน้ำใจกับคุณมาก แต่คุณกลับพยายามเขี่ยหล่อนออกไป มโนธรรมไม่ทำให้คุณเจ็บใจบ้างเหรอ?”
ใบหน้ายางลาแดงก่ำด้วยความอับอาย และรีบถือกระติกน้ำเดินจากไป
ไม่กี่วันต่อมา เมื่องานบรรเทาสาธารณภัยสิ้นสุดลง ทีมแพทย์และอาสาสมัครจำนวนมากก็ถึงเวลาต้องจากไป
หลังจากเกือบหนึ่งเดือนของการต่อสู้เคียงข้างกันเพื่อต้านทานภัยพิบัติ อาสาสมัครและทีมแพทย์ได้สร้างความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง
อาสาสมัครจำนวนมากลังเลที่จะจากไปและหลั่งน้ำตา ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนในทีมแพทย์ก็น้ำตาไหลเช่นกัน
ยางลาไม่มีอารมณ์จะร้องไห้ ดวงตาของหล่อนกวาดไปทั่วทีมแพทย์เพื่อหาฟางจั๋วหราน
หล่อนต้องการบอกลา และเพราะยังไม่ได้รับข้อมูลติดต่อของเขา หล่อนจึงไม่อยากขาดการติดต่อกับเขาอีก
แต่หลังจากค้นหาแล้ว ยางลาก็หาฟางจั๋วหรานไม่เจอ
หล่อนจึงต้องถามเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คนอื่น
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เล่าให้หล่อนฟังว่า ฟางจั๋วหรานพาภรรยาของเขาไปที่ชิงเต่าเมื่อวานนี้เพื่อเข้าร่วมเทศกาลไวน์แดง
ยางลายืนนิ่งอยู่ที่เดิม
คราวนี้ฟางจั๋วหรานจากไปและยังปฏิเสธที่จะทิ้งข้อมูลติดต่อของเขาไว้ให้หล่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหล่อนทำผิดพลาดจริง ๆ
แม้ว่าฟางจั๋วหรานและภรรยาจะจากไปโดยไม่บอกลา แต่หลินม่ายก็รักษาสัญญา โดยสร้างบ้านให้ยางลา ซื้อหน้าร้าน และสนับสนุนทุนการศึกษาของลูกสาวคนโต
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้กระทำโดยลูกน้องของพวกเขา หลินม่ายและสามีไม่เคยติดต่อกับยางลาอีกเลย
ยางลาสามารถเห็นเขาและภรรยาในทีวีได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วฟางจั๋วหรานและหลินม่ายต่างก็เป็นคนธรรมดาและไม่ชอบออกทีวี
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวภายหลัง
…
หลินม่ายและสามีขึ้นเครื่องบินไปชิงเต่าหนึ่งวันก่อนเข้าร่วมทีมแพทย์
เทศกาลไวน์เริ่มตั้งแต่ 18.00 น. ถึง 20.00 น.
เมื่อทั้งคู่เข้าไปในโรงแรม สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือวิ่งไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
ไม่ใช่ว่าอยากทำเรื่องน่าละอาย แต่มณฑลกานซูค่อนข้างขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และการอาบน้ำก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
หลังเกิดแผ่นดินไหว การเข้าถึงน้ำก็ยิ่งยากขึ้น
ทั้งหลินม่ายและสามีไม่ได้เตรียมการพิเศษใด ๆ เลย พวกเขาแบ่งปันความสุขและความเศร้าให้กับคนในท้องถิ่น ไม่มีใครอาบน้ำ และพวกเขาก็อดทนต่อความไม่สะดวกสบาย
ตอนนี้ได้มาอยู่ในเมืองที่ไม่ขาดแคลนน้ำ การอาบน้ำให้สดชื่นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาโหยหา
ทั้งคู่ช่วยกันอาบน้ำและมองตากันด้วยความรักใคร่
ในความรักนั้นมีความเสน่หาในครอบครัวที่ข้นยิ่งกว่าน้ำ และความรักที่จะคงอยู่ตราบจนวันตาย
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็เหลือเวลาค่อนข้างมากก่อนที่เทศกาลไวน์จะเริ่มขึ้น ทั้งคู่จึงวางแผนจะงีบนอนเสียก่อน
ระหว่างเกิดแผ่นดินไหว ทั้งคู่อาศัยอยู่ในเต็นท์และนอนไม่หลับทุกวัน
พื้นดินที่ไม่เรียบเป็นเหตุผลหนึ่ง เช่นเดียวกับความกลัวต่ออาฟเตอร์ช็อก
ตอนนี้พวกเขาจึงต้องการนอนอย่างมาก
พวกเขาทั้งสองนอนอยู่บนเตียงนุ่มสบาย เดิมทีแค่อยากจูบสักเล็กน้อยก่อนที่จะงีบหลับ
โดยไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะสูญเสียการควบคุมขณะจูบ
สุดท้ายทั้งสองก็พลอดรักกันได้สักพักก่อนจะผล็อยหลับไป
แต่คราวนี้ทั้งคู่หลับสบายมาก นาฬิกาปลุกดังขึ้นหลายครั้งก่อนที่พวกเขาจะตื่นขึ้นมา
ทั้งสองลุกขึ้น แต่งตัว และเดินทางไปยังสถานที่จัดงาน
มีหญิงสาวหลายคนในชุดกี่เพ้าแหวกสูงยืนที่ประตู พวกหล่อนมีหน้าที่ต้อนรับแขก ตรวจตั๋ว และลงทะเบียนระหว่างทาง
หลินม่ายมีตั๋วเชิญอยู่กับตัว เธอแสดงตั๋วเชิญของตนและอธิบายว่าฟางจั๋วหรานคือสามีของเธอ
พนักงานต้อนรับหญิงไม่ได้ทำอะไรให้ยุ่งยาก แค่พูดว่า “ทำไมถึงมีคุณหลินสองคนล่ะ?”
จากนั้นจึงปล่อยหลินม่ายและสามีเข้าไป
ทั้งหลินม่ายและฟางจั๋วหรานไม่ได้คำนึงถึงคำพูดของหญิงสาวแผนกต้อนรับ หลินเป็นนามสกุลทั่วไป และไม่แปลกใจที่บางคนจะมีนามสกุลหลินเช่นกัน
ทั้งคู่จับมือเข้าไปในงานด้วยกัน แสงไฟภายในงานสลัวจนยากจะมองเห็นหน้าผู้อื่น เว้นแต่จะเดินเข้าไปหาพวกเขา
ทุกคนกล่าวทักทาย สร้างความสัมพันธ์ และพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ
ไม่ไกลนัก มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับหลินม่าย 30% แต่งหน้าที่คล้ายกับหลินม่าย 50% และเลียนแบบชุดของหลินม่าย กำลังถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน
ทุกคนมีรอยยิ้มที่ประจบประแจงบนใบหน้า แต่ผู้หญิงคนนั้นดูภูมิใจมาก
หลินม่ายพาฟางจั๋วหรานเดินไปดูว่า มีโอกาสทางธุรกิจหรือไม่
ทั้งคู่ฟังคำพูดของอีกฝ่ายอยู่รอบนอก และยิ่งพวกเขาฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น
สามีของคุณหลินมีแซ่ฟาง และเป็นศัลยแพทย์เช่นกัน
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้พูดโดยคุณหลิน แต่เป็นคำพูดจากผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง
พวกเขาสองคน คนหนึ่งรับผิดชอบในการเล่าเรื่อง ส่วนอีกคนมีหน้าที่แสดง และทั้งสองคนก็แสดงได้ดีพอสมควร
ครอบครัวคุณหลินมีธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่เพียงมีอุตสาหกรรมมากมายในสหรัฐอเมริกา แต่ยังมีธุรกิจในประเทศยุโรป…
“…พวกเขาโง่หรือเปล่า?” หลินม่ายไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่าจะมีคนประเภทนี้อยู่ ราวกับกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าพวกเขาร่ำรวย
โดยปกตินักธุรกิจจะไม่เปิดเผยความมั่งคั่งของตน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ล้ำเส้นเขาเสียแล้ว เขาเลยไม่ทิ้งที่อยู่ให้ติดต่อเสียเลย
มีใครสวมรอยเป็นม่ายจื่อกับพี่หมองั้นเหรอ? แถมงานก๊อปเกรดซีด้วย
ไหหม่า(海馬)
Comments