แม่ปากร้ายยุค 80 1194 พบกับเสี่ยวหม่าน (จบ)
ตอนที่ 1194 พบกับเสี่ยวหม่าน (จบ)
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับพริบตา กระทั่งเข้าสู่ปี 1998 ตามถนนซอกซอยต่างร้องรำทำเพลง ‘มาสิ มาสิ มาเจอกัน’ ในปี 1998
โครงการท่องเที่ยวทั้งหมดที่หลินม่ายลงทุนในเขตปกครองตนเองเอินซือได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
หลินม่ายและสามีพาลูกทั้งห้าไปท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองเอินซือทั้งหมดก่อน และเด็ก ๆ ต่างก็ชอบกันมาก
นอกจากนี้เธอยังหาคนมาแต่งเพลงประกอบการท่องเที่ยวเอินซือที่จำง่ายและติดหู ทั้งยังขอให้เหวินจิ้นเชินผู้อำนวยการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเอินซือถ่ายวิดีโอสั้นเพื่อส่งเสริมความงามในท้องถิ่น
เหวินจิ้นเชินแต่งตัวเป็นอัศวินในชุดขาว ถือพัดกระดาษอยู่ในมือ และเดินไปในพื้นที่ท่องเที่ยวของเขตปกครองตนเองเอินซือที่งดงาม โดยมีหญิงสาวสองคนในชุดสีแดงอยู่ข้าง ๆ
เพียงชี้พัดไปทางใด สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านก่อเกิดมวลบุปผาเบ่งบาน
อีกมือหนึ่งดีดนิ้ว น้ำพุบนภูเขาก็ส่งเสียงใส พร้อมภูเขาลอยขึ้นทีละลูก
เหวินจิ้นเชินที่อยู่ตรงกลางแสดงการรำดาบ ไม่ว่าลมดาบจะพัดผ่านไปทางไหน กลีบดอกไม้ล้วนร่วงหล่นลงมาดูสวยงามมาก
หลังจากถ่ายวิดีโอสั้นเสร็จแล้ว ผู้ปฏิบัติงานภายในก็มารวมตัวกันเพื่อดูผลลัพธ์
ผู้ปฏิบัติงานชี้ให้เห็นว่าเหวินจิ้นเชินดูน่าเกลียดมากในชุดโบราณ และไม่ควรเผยแพร่วิดีโอสั้น ๆ นี้ในสื่อเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้
แต่หลินม่ายไม่เห็นด้วย
ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหน ตราบใดที่ยังน่าสนใจ มันก็จะมีบทบาทในการโฆษณาชวนเชื่อ
บางครั้งความงามก็ไม่จำเป็นต้องให้ผลเช่นเดียวกับความน่าเกลียดเสมอไป
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวละครที่น่าเกลียดในวิดีโอสั้นยังช่วยดึงความสวยงามของทิวทัศน์ออกมาได้ดียิ่งขึ้น
หลินม่ายต้องการเผยแพร่วิดีโอสั้น ๆ นี้ออกสื่อจริงๆ แต่ผู้อำนวยการเหวินจะต้องเห็นด้วยเช่นกัน
เมื่อการแต่งกายที่น่าเกลียดเช่นนี้ถูกเผยแพร่สู่สื่อ ผู้อำนวยการเหวินมีแนวโน้มที่จะถูกดูหมิ่นจากทุกทิศทุกทาง
ในปี 1998 ประเทศจีนมีอินเทอร์เน็ตแล้ว และจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ก็มีเกินหนึ่งล้านคน
หลินม่ายเล่าให้ผู้อำนวยการเหวินฟังถึงแผนการของเธอ รวมถึงพายุลูกใหญ่ที่เขาจะต้องเผชิญ จากนั้นปล่อยให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเอง
ผู้อำนวยการเหวินพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ลังเล
เขาไม่กลัวที่ภาพลักษณ์ของตนจะถูกทำลาย ทั้งยังไม่กลัวการถูกชาวเน็ตโจมตีและเยาะเย้ย ตราบใดที่เขาสามารถนำผลประโยชน์มาสู่บ้านเกิดและทำให้คนรวยได้
แน่นอนว่าเมื่อวิดีโอสั้นถูกเผยแพร่สู่สื่อ ผู้อำนวยการเหวินที่สวมชุดโบราณ “ดูน่าเกลียด” ก็กระตุ้นให้เกิดการอภิปรายอย่างดุเดือด
พวกเขาส่วนใหญ่เยาะเย้ยผู้อำนวยการเหวินว่าน่าเกลียด แต่ขณะเดียวกันกระแสที่เกิดขึ้นก็เป็นไปตามที่หลินม่ายต้องการ พื้นที่ท่องเที่ยวเอินซือดึงดูดความสนใจอย่างกว้างขวางเช่นกัน
หลินม่ายตีเหล็กขณะยังร้อน โดยการถ่ายวิดีโอสั้นๆ ให้ผู้อำนวยการเหวินและขอให้เขาตอบคำเยาะเย้ยของชาวเน็ตเหล่านั้น
ผู้อำนวยการเหวินสวมชุดสูทเรียบหรูนั่งอยู่หน้ากล้องแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “มันเป็นการโปรโมตบ้านเกิดของผม ตราบใดที่ทำให้ชาวเน็ตเห็นว่ามันน่าสนใจ ผมจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญหรอก แม้ว่าผมจะหลอกตัวเองก็ตาม”
คำพูดที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูงเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้เขารอดจากการถูกรังแกทางออนไลน์ แต่ยังได้รับความโปรดปรานจากชาวเน็ตอีกด้วย
ชาวเน็ตเปลี่ยนจากการเยาะเย้ยเขาในตอนแรก มาเป็นชมเชยเขา
ยิ่งกว่านั้นผู้อำนวยการเหวินที่อยู่ในชุดสูทก็ไม่น่าเกลียดเลย เขาดูอ่อนโยน สง่างาม ซึ่งได้รับความนิยมมาก
ผู้อำนวยการเหวินได้รับความนิยมในสื่อ ส่งผลให้เอินซือได้รับอิทธิพลเช่นกัน
ในวันแรงงาน พื้นที่ท่องเที่ยวเอินซือจะต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน หลินม่ายและผู้อำนวยการเหวินได้ทำการตรวจสอบอย่างครอบคลุม
ในอุตสาหกรรมการบริการต่าง ๆ เช่น รถมินิบัส แท็กซี่ และอุตสาหกรรมการขนส่งผู้โดยสารอื่น ๆ ผู้ขับขี่ไม่ได้รับอนุญาตให้ฉ้อโกงผู้โดยสาร แต่ต้องมีความสุภาพ กระตือรือร้น และช่วยเหลือผู้โดยสารอย่างแข็งขัน
โรงแรมและร้านอาหารไม่ได้รับอนุญาตให้ฉ้อโกงลูกค้าโดยเด็ดขาด ทั้งยังต้องรับประกันคุณภาพและปริมาณของอาหาร
เฉพาะคุณภาพการบริการที่ดีเท่านั้นที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
ยิ่งมีนักท่องเที่ยวมากเท่าไร เศรษฐกิจการท่องเที่ยวก็จะดีขึ้น และเศรษฐกิจท้องถิ่นก็จะดีขึ้นด้วย
นอกจากนี้ หลินม่ายยังได้ตรวจสอบการแสดงเพลงและการเต้นรำต่าง ๆ
เมื่อตรวจสอบเพลงและการเต้นรำครั้งแรก สีหน้าของหลินม่ายและผู้อำนวยการเหวินก็เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี
บทเพลงและการเต้นรำนี้เป็น“เพลงต้อนรับ” ของกลุ่มชาติพันธุ์แม้วแบบดั้งเดิม โดยกลุ่มเด็กสาวที่แต่งตัวหรูหราร้องเพลงและเต้นรำเพื่อชักชวนแขกให้ดื่ม
แต่หลินม่ายและผู้อำนวยการเหวินไม่เห็นหญิงสาวน่ารักสักคน เพราะทุกคนล้วนเป็นป้าใหญ่สูงวัยกันหมด
พวกหล่อนเต้นไม่เป็น ร้องเพลงก็ไม่เป็น
หลินม่ายถามผู้รับผิดชอบอย่างใจเย็น ว่าใครเป็นคนเชิญป้าใหญ่พวกนี้มา?
มีกฎเกณฑ์ที่กำหนดให้เด็กสาวต้องได้รับเชิญให้ไปแสดงในจุดชมวิวไม่ใช่หรือ?
เชิญป้าใหญ่มาแสดง แล้วใครจะดู!
หลินม่ายลงตรวจสอบเองด้วยความโมโห และได้เรียนรู้ว่าทั้งหมดเป็นความผิดของผู้รับผิดชอบ
เมื่อพูดถึงนักแสดงในพื้นที่ที่มีทิวทัศน์สวยงาม พวกหล่อนจะได้รับเงินเดือนสูงกว่าปกติ ผู้รับผิดชอบมักคัดเลือกญาติพี่น้องห่าง ๆ ทั้งหมดมาเข้าร่วม เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด
หลินม่ายไล่คนที่รับผิดชอบทั้งหมดออก เช่นเดียวกับญาติที่ยุ่งวุ่นวายของเขาทั้งหมด จากนั้นแทนที่พวกเขาด้วยกลุ่มเด็กผู้หญิงตัวเล็กในวัยกำลังน่ารัก
การประชาสัมพันธ์ทำได้ดีมาก และแม้กระทั่งก่อนวันแรงงาน ก็มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาที่เอินซือไม่สิ้นสุด
ทิวทัศน์ที่สวยงามและสภาพแวดล้อมการท่องเที่ยวที่ดีของเอินซือได้รับการยกย่องจากนักท่องเที่ยว และมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่ปีต่อมา หลินม่ายรักษาสัญญาของเธอ เธอไม่เพียงเปิดโรงงานไวน์แดงในมณฑลกานซูเท่านั้น แต่ไวน์แดงที่เธอผลิตก็ค่อย ๆ โด่งดังไปทั่วโลก และอัตราการผลิตไวน์แดงก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
ไม่เพียงช่วยบรรเทาความกดดันในการจ้างงานในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปัญหาการขายองุ่นของผู้ปลูกองุ่นจำนวนมากอีกด้วย
หลินม่ายยังสนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่นให้ปลูกฝ้าย ซึ่งไม่เพียงจัดหาโรงงานทอผ้าของตนเองเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เกษตรกรค้นหาตลาด ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เสี่ยวเหวินสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และกลับมาช่วยหลินม่ายดูแลกิจการ
เขาเริ่มต้นจากระดับรากหญ้า และทำงานจนกลายเป็นผู้บริหารที่สามารถจัดการความรับผิดชอบได้อย่างอิสระในปี 2003
หลินม่ายเห็นว่าเสี่ยวเหวินมีความสามารถ เธอจึงค่อย ๆ มอบอำนาจและบริษัทให้เขา ขณะหลินม่ายใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ กึ่งเกษียณ
วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ฟางจั๋วหรานมีวันหยุดพักผ่อน ในช่วงเที่ยงเขาพาหลินม่ายออกไปใช้เวลาด้วยกัน
วันวาเลนไทน์ของทุกปี แม้เขาจะไม่ได้รับวันหยุด แต่ฟางจั๋วหรานก็หาเวลาพาเธอออกข้างนอกด้วยกันเสมอ
เมื่อทั้งสองขับรถใกล้กับชุมชนจี๋เสียง พวกเขาก็เห็นรถตำรวจจอดอยู่ที่ทางเข้าชุมชน
ฝูงชนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ประตูพลางสอดส่องเข้าไปด้านในด้วยความตื่นเต้นขณะเบียดเสียดกันบนถนนแคบ ๆ ตำรวจจราจรขอให้ฝูงชนแยกย้ายกันไป แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อฟัง ซึ่งทำให้ตำรวจจราจรทำอะไรไม่ถูก
รถยนต์หลายคันไม่สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ และต้องถอยรถออกไป
หลินม่ายกำลังวางแผนเปลี่ยนเส้นทางเช่นกัน
ขณะที่ฟางจั๋วหรานกำลังจะถอยรถ หลินม่ายก็ตะโกนขึ้นให้เขาหยุดรถขณะที่สายตาจับจ้องไปยังประตูชุมชน
ฟางจั๋วหรานหันมองทางเดียวกัน ก่อนที่จะเห็นเสี่ยวหม่านที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดสีแดงและถูกตำรวจสองคนพาตัวออกไป
หลินม่ายรีบลงจากรถและตะโกนเสียงดัง “เสี่ยวหม่าน!”
เสี่ยวหม่านกำลังก้มตัวลงและเตรียมที่จะขึ้นรถตำรวจ เมื่อได้ยินเสียงของหลินม่าย ร่างกายของหล่อนพลันแข็งทื่อ
หล่อนค่อย ๆ หันกลับไปหาหลินม่ายราวกับหุ่นยนต์ขึ้นสนิมที่ขยับอย่างติดขัด จากนั้นเผยยิ้มทั้งน้ำตาโดยไม่ได้พูดสิ่งใด และขึ้นรถตำรวจไป
วันรุ่งขึ้น หลินม่ายอ่านข่าวหนังสือพิมพ์และรู้สาเหตุที่เสี่ยวหม่านถูกจับกุม
ปรากฏว่าเมื่อปีที่แล้ว พ่อเลี้ยงของเสี่ยวหม่านและลูกชายสองคนของเขาได้รับการปล่อยตัวหลังจากรับโทษจำคุก
กระท่อมที่พวกเขาอาศัยอยู่เดิมถูกทำลายลง และบ้านที่สร้างขึ้นใหม่ปัจจุบันตั้งอยู่ในย่านชุมชนจี๋เสียง
เสี่ยวหม่านกำลังรอโอกาสที่จะฆ่าพวกเขา
กระทั่งในคืนก่อน พ่อลูกสัตว์ร้ายทั้งสามก็ดื่มจนเมามาย
เสี่ยวหม่านใช้ทักษะการสะเดาะกุญแจที่ได้เรียนรู้หลังซ่อนตัวในทิเบตเป็นเวลาหลายปีเพื่อเปิดประตูและแอบเข้าไปในบ้าน
หล่อนทำการปิดปากพ่อลูกทั้งสามด้วยถุงเท้าที่มีกลิ่นเหม็นจนไม่สามารถส่งเสียงได้ จากนั้นทรมานพวกเขาด้วยวิธีต่าง ๆ อย่างโหดร้ายทารุณ
การทรมานดำเนินต่อไปจนถึงสิบโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น พ่อลูกทั้งสามโดนทรมานจนเสียชีวิต
เสี่ยวหม่านไม่ได้วิ่งหนีไป แต่กลับโทรแจ้งตำรวจด้วยตัวเอง
เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนต่อมา คดีของเสี่ยวหม่านได้รับการตัดสิน ศาลตัดสินให้เสี่ยวหม่านถูกประหารชีวิต โดยอ้างว่าวิธีการก่ออาชญากรรมของเสี่ยวหม่านนั้นโหดร้ายเกินไป และเธอได้สังหารคนสามคนติดต่อกัน จึงสมควรที่จะถูกตัดสินประหารชีวิตทันทีโดยไม่รอลงอาญา
เมื่อนั้นหลินม่ายจึงมีโอกาสไปเยี่ยมอีกฝ่าย
ครั้นหลินม่ายปรากฏตัวต่อหน้าเสี่ยวหม่าน เสี่ยวหม่านที่สวมชุดนักโทษก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ม่ายจื่อ ฉันบอกแล้วว่าจะไม่หลบหนีความรับผิดชอบ และฉันก็ทำมันจริง ๆ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ใจเธอมันได้มากเสี่ยวหม่าน รู้ว่ายังไงตัวเองก็ไม่พ้นต้องโดนประหาร แต่ก็ขอแก้แค้นสัตว์นรกสามพ่อลูกนั่นก่อน เมื่อไหร่ผู้หญิงจะได้รับความเป็นธรรมหนอ ต้องให้เกิดมิสซิสสรอีกกี่คนถึงเกิดการเคลื่อนไหวแต่ละที
ไหหม่า(海馬)
Comments