แม่ปากร้ายยุค​ 80 381 ขอแต่งงาน

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 381 ขอแต่งงาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 381 ขอแต่งงาน

หลังจากค่ำคืนอันบ้าคลั่ง หวังหรงกับกวนหย่งหัวก็นอนหลับเป็นตายจนถึงเที่ยงของวันถัดไป

ทั้งสองลุกขึ้นมาแต่งตัว กินอาหารมื้อใหญ่ ก่อนจะออกไปช็อปปิ้งด้วยกันเพื่อหาซื้อของขวัญสำหรับสู่ขอ

กวนหย่งหัวใจกว้างมาก เขาไม่เพียงซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมระดับไฮเอนด์จำนวนมาก แต่ยังซื้อต่างหูทองคำให้กับแม่หรงและแม่เฒ่าหวังอย่างละหนึ่งคู่ พร้อมด้วยนาฬิกาข้อมือหรูสำหรับพ่อหรง

นอกเหนือจากนี้ เขายังทำตามคำขอของหวังหรง คือซื้อลูกอมกระต่ายขาวห้าห่อเพื่อไปแจกจ่ายให้กับบรรดาเพื่อนบ้านของผู้เป็นย่า

หลังจากซื้อของขวัญแล้ว ทั้งสองก็เดินทางไปที่บ้านของแม่เฒ่าหวังด้วยกัน

ทันทีที่เข้าไปในละแวกชุมชนที่แม่เฒ่าหวังอาศัยอยู่ หวังหรงก็เป็นฝ่ายปรี่เข้าไปทักทายเพื่อนบ้านทันที

บรรดาเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงต่างแปลกใจกันมาก

นับตั้งแต่หวังหรงเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นบ่อยครั้ง หล่อนก็ตกเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านเยาะเย้ย จนหล่อนทำเมินไม่ยอมทักทายคนอื่นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ทำไมวันนี้ถึงได้ดูกระตือรือร้นนัก?

สายตาของทุกคนอดจับสังเกตไปที่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและแต่งตัวดีซึ่งยืนอยู่ข้างหล่อนไม่ได้

เป็นไปได้ไหมว่าผู้ชายคนนี้มีส่วนทำให้หล่อนมั่นใจมากขึ้น?

บางคนถามด้วยเสียงกระซิบ “หรงหรง พ่อหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน?”

หวังหรงกำลังรอให้ใครสักคนถามคำถามนี้อยู่พอดี จึงตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจ “แฟนฉันเอง เขาเป็นเจ้าของโรงงานตัดเสื้อในฮ่องกง”

บรรยากาศรอบข้างเงียบลงทันตาเห็น เพื่อนบ้านหลายคนจ้องมองไปที่หวังหรงด้วยสายตาซับซ้อน

อดคิดในใจไม่ได้ว่าสวรรค์ช่างเข้าข้างสาวสวยอย่างหล่อนเสียจริง

ชื่อเสียงโดยรวมของหวังหรงเรียกได้ว่าเน่าเฟะจนกู่ไม่กลับ แต่หล่อนกลับหาแฟนหนุ่มที่ยอดเยี่ยมเช่นเขาเข้าจนได้

กลับกันลูกสาวของพวกเขาทั้งทำงานหนักและประพฤติตัวดี แต่กลับได้แฟนที่มีฐานะและหน้าตาธรรมดาทั่วไป เพราะพวกหล่อนไม่ได้มีภาษีด้านหน้าตาเป็นจุดขาย

โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย!

เมื่อเห็นเพื่อนบ้านแสดงสีหน้าเศร้าสร้อย หวังหรงก็เริ่มได้ใจ เพราะนี่คือสิ่งที่หล่อนต้องการเห็น

จากนั้นก็เหลียวไปพูดกับกวนหย่งหัว “พี่กวน ช่วยแจกจ่ายลูกอมกระต่ายขาวที่ซื้อมาเมื่อกี้ให้เพื่อนบ้านหน่อยสิคะ”

กวนหย่งหัวรีบทำตาม หยิบแพ็คลูกอมกระต่ายขาวออกมาแล้วยื่นให้กับเพื่อนบ้านพลางขอโทษ

“ผมไม่ทราบธรรมเนียมของที่นี่ เลยไม่ได้ซื้อลูกอมติดมาจากฮ่องกง แต่แวะซื้อลูกอมกระต่ายขาวพวกนี้จากห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิงแทน ถ้าผมรู้ก่อนหน้านี้ คงหิ้วลูกอมแมวจากฮ่องกงมาแจกให้ทุกคนได้ลองชิมกัน”

สีหน้าของเพื่อนบ้านดีขึ้นทันทีเมื่อได้รับขนม พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณมากนะคะ”

หวังหรงกับกวนหย่งหัวเดินสายแจกจ่ายลูกอมให้เพื่อนบ้านทุกคนในละแวกใกล้เคียง แต่ละคนได้รับลูกอมกระต่ายขาวกันไปหลายชิ้น

หลังแจกจ่ายเสร็จแล้ว หวังหรงก็เดินไปเคาะประตูบ้านแม่เฒ่าหวัง พูดเสียงดัง “คุณย่าคะ ฉันพาแฟนมาหาค่ะ”

พ่อแม่ของหวังหรงและแม่เฒ่าหวังได้ยินแล้วต่างก็อึ้งงันไปทันที

หวังหรงเพิ่งจะคบกับพ่อหนุ่มฮ่องกงคนนั้นได้ไม่เท่าไรเอง ทำไมถึงได้พาเขาเข้าบ้านเร็วนัก?

ถ้าหลังจากนี้พวกเขาเกิดเลิกกันขึ้นมาล่ะ เพื่อนบ้านแถวนี้ไม่หัวเราะเยาะกันแย่เหรอ?

แต่คนมาเยือนถึงที่แล้ว จะปิดประตูไม่ยอมให้เข้ามาก็กระไรอยู่

สมาชิกในครอบครัวทั้งสามช่วยกันจัดแจงภายในบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แม่หรงจะวิ่งเหยาะ ๆ ไปเปิดประตูลานบ้าน

พอเห็นว่าชายหนุ่มรูปหล่อท่าทางดูดียืนอยู่เคียงข้างลูกสาวของตัวเอง จู่ ๆ หล่อนก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “ที่แท้ก็เป็นคุณกวนนี่เอง เข้ามาก่อน เข้ามาก่อนค่ะ!”

กวนหย่งหัวขอบคุณด้วยท่าทางสุภาพ จากนั้นก็เดินเข้าไป

ทันทีที่ประตูลานบ้านของแม่เฒ่าหวังปิดลง เพื่อนบ้านหลายคนที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลก็หันไปซุบซิบนินทากันทันควัน

เพื่อนบ้านคนหนึ่งถามว่า “พ่อหนุ่มคนนี้เป็นชาวฮ่องกงจริงเหรอ?”

เพื่อนบ้านอีกคนตอบกลับ “ดูจากสำเนียงจีนกลางสไตล์ฮ่องกงของเขาสิ เขาต้องมาจากฮ่องกงไม่ผิดแน่ แต่เขาจะเป็นเจ้าของธุรกิจจริงไหมอันนี้ไม่รู้เหมือนกัน ขนาดคนล้างจานในฮ่องกงยังได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดือนละสองพันหยวน เขาคงไม่ลงทุนบินเข้ามาในประเทศเราแล้วโกหกว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจหรอกมั้ง”

เพื่อนบ้านอีกคนพูดด้วยความอิจฉา “ฉันล่ะอยากไปทำงานล้างจานที่ฮ่องกงจริง ๆ เงินเดือนไม่ต้องถึงสองพันก็ได้ แค่พันเดียวก็ดีถมเถ”

เพื่อนบ้านคนก่อนหน้านี้ค้อนมองอีกฝ่าย “คุณคิดว่างานในฮ่องกงหาง่ายนักหรือไง? ญาติฉันที่อยู่ฮ่องกงว่างงานอยู่หลายเดือน กว่าจะหางานใหม่ได้อีกครั้ง”

กวนหย่งหัวไม่ได้ยินคำนินทาของเหล่าเพื่อนบ้าน เพราะเขาเอาแต่ประหลาดใจเมื่อเห็นว่าภายในลานบ้านได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม ทำเป็นสวนดอกไม้ร่มรื่น

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้มาเจียงเฉิง เขาไม่เคยเห็นคนจีนแผ่นดินใหญ่คนไหนมีบ้านหลังใหญ่เท่านี้มาก่อน แม้กระทั่งคนที่มีฐานะใหญ่โตก็ตาม

จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ถ้าหวังหรงมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาแล้วละก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขาคงต้องปล่อยมือจากหล่อน

คนอย่างเขาไม่มีวันพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแค่เพราะต้องการช่วยชีวิตลูกสาวแน่

แม่เฒ่าหวังและคนอื่น ๆ ต่างให้การต้อนรับกวนหย่งหัวอย่างอบอุ่น ทั้งบริการชงชา ทั้งหั่นแตงโมมาเสิร์ฟให้เขา ก่อนจะพูดคุยกัน

ทุกคนพูดคุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

พ่อหรง แม่หรง และแม่เฒ่าหวังต่างผลัดกันสอบถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของกวนหย่งหัว

กวนหย่งหัวเองก็อาศัยจังหวะที่ตอบคำถามสืบถามเกี่ยวกับภูมิหลังทางครอบครัวของพวกเขาเช่นเดียวกัน

หลังจากคุยไปได้สักระยะ เขาถึงรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นสมบัติของสามีแม่เฒ่าหวังที่ทิ้งไว้ให้หลังจากล่วงลับ ส่วนครอบครัวตระกูลหวังไม่ได้มีภูมิหลังหรือเส้นสายใด ๆ เป็นพิเศษ

หากจะมี ก็คงมีแต่พ่อของฟางจั๋วหรานที่มีศักดิ์เป็นลูกเขย

แต่แม่เฒ่าหวังกับคนอื่น ๆ ดูไม่ค่อยเต็มใจจะพูดถึงฟางเว่ยกั๋วสักเท่าไหร่ แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับฟางเว่ยกั๋วอยู่ในระดับปานกลาง

เท่านี้กวนหย่งหัวก็โล่งใจ

เขาอดกลัวไม่ได้ว่าเงินมหาศาลที่ลงทุนไปกับหวังหรงจะกลายเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์

แต่ตอนนี้เขาไม่กังวลเกี่ยวกับมันอีกต่อไป

หลังจากสอบถามเรื่องทุกอย่างที่อยากรู้จนเข้าใจกระจ่างแล้ว กวนหย่งหัวก็เป็นฝ่ายเข้าประเด็น ว่าจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ก็เพราะต้องการขอหวังหรงแต่งงาน

พ่อแม่ของหวังหรงและแม่เฒ่าหวังหันขวับมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ตอนแรกพวกเขาคิดว่ากวนหย่งหัวแค่แวะมาเยี่ยมเพื่อสานสัมพันธ์ในฐานะที่เขาเป็นแฟนของหวังหรงเท่านั้น

ใครจะคิดว่าเขาตั้งใจมาคุยเรื่องการสู่ขอโดยตรง

เมื่อเห็นท่าทางของแม่เฒ่าหวังกับพ่อแม่ของตัวเอง หวังหรงก็กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ

เมื่อจินตนาการว่าพ่อแม่และผู้เป็นย่าจะแสดงสีหน้าตกใจแค่ไหนเมื่อเห็นว่ากวนหย่งหัวหอบสินสอดทองหมั้นจำนวนมากมาให้ หล่อนก็ยิ่งรู้สึกลำพองใจขึ้นไปอีก

ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าหวังกับพ่อแม่เคยด่าทอว่าหล่อนเป็นตัวซวยของตระกูลไม่ใช่เหรอ?

กวนหย่งหัวคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมไปหยิบถุงบรรจุอาหารเสริมระดับไฮเอนด์ทั้งหมดที่ซื้อมาขึ้นมาวางบนโต๊ะกาแฟ

ถึงแม้ในอดีตพ่อหรงและแม่หรง รวมถึงแม่เฒ่าหวังจะเคยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย แต่พวกเขาแทบไม่เคยลิ้มรสของดีอย่างหอยเป๋าฮื้อมาก่อนเลย

อาจเป็นเพราะยุคนี้ประเทศยังล้าหลัง

สำหรับคนส่วนใหญ่ เห็ดหูหนูขาว เม็ดบัว และลำไยก็นับว่าหรูมากแล้ว

เมื่อกวนหย่งหัวสังเกตเห็นท่าทางของพ่อหรง แม่หรง และนางหวังมองด้วยสายตาเป็นประกาย ก็รู้ว่าพวกเขาพึงพอใจกับของขวัญเหล่านี้มาก

จากนั้น เขาก็ควักเงินออกมาอีกหกร้อยหยวน แจกจ่ายให้พ่อหรง แม่หรง และแม่เฒ่าหวังคนละสองร้อยหยวน

“เงินสองร้อยหยวนนี้เอาไว้ให้คุณย่า คุณลุง และคุณป้าเอาไปเลือกซื้อเสื้อผ้าได้ตามชอบเลย ผมเป็นผู้ชาย งานแบบนี้ไม่ค่อยถนัดนัก ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

กวนหย่งหัวแสดงการกระทำอันใจกว้าง แถมยังพูดจาสุภาพ พ่อแม่ของหวังหรงและแม่เฒ่าหวังต่างก็พอใจในตัวเขาจนหน้าบานเป็นจานเชิง

พวกเขาแอบชื่นชมอยู่ในใจ อย่างไรเสียเขาก็เป็นนักธุรกิจชาวฮ่องกง แน่นอนว่าต้องได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี

พอเห็นว่าของขวัญแค่เล็กน้อยสำหรับเขาสามารถทำให้อีกฝ่ายตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด กวนหย่งหัวก็ลอบดูถูกพวกเขาอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมา

เขาหยิบเครื่องประดับทองคำออกมาแล้วมอบให้แม่หรงกับแม่เฒ่าหวัง ตามด้วยนาฬิกาของพ่อหรง พร้อมสินสอดทองหมั้นอีกจำนวนสองพันแปดร้อยแปดสิบแปดหยวน ทำให้ทั้งสามคนยิ่งตาโตเข้าไปใหญ่

ทุกคนสรรเสริญยกยอราวกับเขาเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง สรรหาถ้อยคำดี ๆ ทั้งหมดทั้งมวลมาชมเชยเขา

กวนหย่งหัวอดทนรอให้พวกเขาพูดจนจบ จากนั้นก็มองไปทางหวังหรงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หา แล้วหันกลับมาพูดกับแม่เฒ่าหวังว่า

“ผมอยากแต่งงานกับหรงหรงโดยเร็วที่สุด หลังจากนั้นจะได้พาหล่อนไปอยู่ด้วยกันที่ฮ่องกงซะที เพื่อที่เราสองคนจะไม่ต้องพรากจากกันอีก พวกคุณคิดว่ายังไงครับ?”

ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แม่เฒ่าหวังพร้อมด้วยลูกชายและลูกสะใภ้ก็แทบพยักหน้าโดยไม่แม้แต่จะคิด

พวกเขาไม่ใช่คนโง่ ถึงหวังหรงไม่เคยพูดอย่างชัดเจน แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าหวังหรงต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเกินเลยกับเขาแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

ก่อนหน้านี้พวกเขาหวั่นวิตกทั้งวันทั้งคืนว่ากวนหย่งหัวอาจเห็นหวังหรงเป็นแค่ดอกไม้ริมทาง

ตอนนี้กวนหย่งหัวเป็นคนออกปากเองว่าเขาอยากแต่งงานกับหวังหรง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะให้การสนับสนุน

ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็สะกดกลั้นอารมณ์ไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตกลง

กวนหย่งหัวถามกลับด้วยรอยยิ้ม “ผมอยากแต่งงานกับหรงหรงในอีกครึ่งเดือนครับ”

…นี่มันเร็วเกินไปหรือเปล่า!

แม่หรงเป็นคนแรกที่แสดงท่าทางคัดค้าน “ฉันว่างานแต่งควรจัดขึ้นในวันชาติดีกว่า ลำพังระยะเวลาครึ่งเดือนยังเตรียมตัวไม่ทันด้วยซ้ำ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิดเกินไป!”

ความจริงแล้วถึงการเตรียมงานแต่งในเวลาแค่ครึ่งเดือนจะกระชั้นชิดไปหน่อย แต่ก็ยังพอมีเวลา

เหตุผลที่แม่หรงอยากให้พวกเขาจัดงานแต่งงานในวันชาติ ก็เพราะคนเกือบทั้งประเทศต่างหยุดงานในวันนั้นพอดี หล่อนจะได้วางแผนเชิญญาติและเพื่อน ๆ ให้มาร่วมงานแต่งของหวังหรง

หล่อนตั้งใจว่าจะจัดงานแต่งของหวังหรงกับกวนหย่งหัวให้ยิ่งใหญ่ตระการตา เพื่อเป็นหน้าตาให้กับตัวเองและสามี

ช่วงที่ผ่านมา ทั้งหล่อนและสามีต้องกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่น เรื่องนี้ทำให้หล่อนรู้สึกหดหู่ไม่น้อย

แม่เฒ่าหวังกับพ่อหรงต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ทันใดนั้นแม่เฒ่าหวังก็หันไปพูดกับกวนหย่งหัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มยินดี “ที่นี่มีธรรมเนียมว่า เมื่อลูกสาวแต่งงาน จะต้องจัดงานแต่งที่บ้านของพ่อแม่ ไม่ใช่บ้านของญาติ ๆ ปัญหาก็คือพ่อแม่ของหรงหรงไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ถ้าอย่างนั้น…”

ถึงแม่เฒ่าหวังจะพูดยังไม่ทันจบประโยค แต่กวนหย่งหัวกลับเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร

เขารีบตอบกลับ “ผมจะซื้อบ้านสองห้องนอนให้คุณลุงกับคุณป้า แน่นอนว่าถ้าผมหาบ้านแบบสามห้องนอนได้ ผมจะตัดสินใจซื้อบ้านสามห้องนอนอย่างไม่ลังเล”

บ้านสามห้องนอนในเจียงเฉิงมีราคาอยู่ที่ประมาณสองถึงสามพันหยวน สำหรับเขาแล้วเงินส่วนนี้ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วง ดังนั้นเขาจึงรับปากอย่างง่ายดาย

พ่อหรงและแม่หรงมีความสุขมาก ในที่สุดพวกเขาก็จะได้มีบ้านเป็นของตัวเองเสียที

ถึงแม้บ้านของแม่เฒ่าหวังจะกว้างขวางและอาศัยอยู่ได้อย่างสะดวกสบาย แต่อย่าลืมว่าแม่สามีและลูกสะใภ้มีปัญหาไม่ลงรอยกัน

แม่เฒ่าหวังมักจะหาเรื่องหักหน้าแม่หรงอยู่เนือง ๆ ทำให้แม่หรงไม่ค่อยอยากอยู่ร่วมชายคากับอีกฝ่าย

แม่เฒ่าหวังเองก็ไม่อยากให้ลูกชายและลูกสะใภ้อยู่ร่วมบ้าน เพราะทั้งสองไม่คิดจะออกไปหางานทำ เอาแต่กินดื่มใช้เงินส่วนตัวของนางฟรี ๆ

นั่นเป็นเหตุผลที่นางเป็นฝ่ายออกปากหยั่งเชิงให้กวนหย่งหัวลงทุนซื้อบ้านให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ของตัวเอง เพื่อที่พวกเขาจะได้ย้ายออกไปจากที่นี่ซะ

คำตอบของกวนหย่งหัวทำให้ทุกคนมีความสุขกันถ้วนหน้า

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ดูไม่เหมือนเจรจาสู่ขอแต่งงานนะ เหมือนเจรจาซื้อหมูเข้าโรงเชือดมากกว่า นังหรงจะมีชีวิตรอดไหม

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *