แม่ปากร้ายยุค​ 80 389 ออกแบบเสื้อผ้า

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 389 ออกแบบเสื้อผ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 389 ออกแบบเสื้อผ้า

หลังจากกินข้าวเสร็จ ฟางจั๋วหรานก็อาสาเป็นคนล้างจานให้ เหตุผลเพราะหลินม่ายเหนื่อยเกินไป

เมื่อฟู่เฉียงกลับถึงบ้านและพาแม่เสียสติของเขาออกมากินข้าว แล้วบังเอิญได้ยินคำพูดของฟางจั๋วหรานเข้า ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา

อาม่ายจื่อต้องเหนื่อยเกินตัวแบบนี้ก็เพราะพวกเขาทั้งสามคน

เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว หลินม่ายจึงถามว่า “พ่อเธอได้เตียงแล้วใช่ไหม?”

เด็กชายพยักหน้า “ครับ ตอนนี้เขาอยู่ในห้องผู้ป่วยรวม”

“งั้นก็รีบกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนแม่เถอะ กินเสร็จแล้วจะได้ห่ออาหารไปฝากพ่อ นี่ก็ดึกมากแล้ว พ่อเธอคงหิวแย่”

ฟู่เฉียงตอบรับ

คุณย่าฟางพูดเสริม “กับข้าวทั้งหมดของพวกเธอสามคนอยู่ในครัวนะ คุณอาฟางทำแกงจืดลูกชิ้นเผื่อพ่อเธอด้วย อย่าลืมเอาไปฝากพ่อล่ะ”

ขณะนั้นเอง ฟางจั๋วหรานเพิ่งล้างจานเสร็จและเดินออกมาจากห้องครัวพอดี ฟู่เฉียงจึงรีบหันไปขอบคุณเขา

ฟางจั๋วหรานตอบกลับเบา ๆ “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ถ้าอยากขอบคุณก็ให้ไปขอบคุณม่ายจื่อดีกว่า ฉันแค่ไม่อยากให้ม่ายจื่อทำงานหนักเกินไป ก็เลยทำอาหารให้พ่อของเธอ”

ฟู่เฉียงหันไปขอบคุณหลินม่ายอีกครั้ง

หลินม่ายโบกมือ “ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ ขอแค่เธอจดจำประโยคหนึ่งไว้ให้ขึ้นใจ ยามยาก เฝ้ารักษาคุณความดีเฉพาะตน เมื่อบรรลุผล อย่าหลงลืมส่งผ่านความดีงามสู่แผ่นดิน”

ฟู่เฉียงยิ้มแห้ง ๆ “คุณอา… ประโยคนี้หมายความว่าอะไรเหรอครับ…”

หลินม่ายยิ้ม “วันหนึ่งถ้าเธอโตขึ้นเดี๋ยวก็เข้าใจเอง”

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางตั้งใจว่าจะอยู่ที่บ้านของหลินม่ายสักสองสามวัน หลังจากนั้นค่อยย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์ของฟางจั๋วหรานในวันอาทิตย์

ฟางจั๋วหรานยังไม่รีบกลับ นั่งพูดคุยกับสองสามีภรรยาชราอีกสักพักใหญ่

คุณปู่ฟางนึกถึงผักที่เขาขนมาจากชนบทขึ้นมาได้ จึงพูดกับหลินม่ายว่า “ฉันควรทำยังไงกับผักสองตะกร้าที่หอบหิ้วมาจากชนบทดี? ขืนปล่อยไว้อีกสองวัน นอกจากจะไม่สดใหม่แล้วยังเน่าเสียจนต้องคัดทิ้งไป แล้วจะเสียดายมาก”

หลินม่ายตอบกลับ “ไม่ต้องกังวลนะคะ แค่ต้องหมั่นพรมน้ำลงบนผักเพื่อให้ผักยังคงความสดต่อไปอีกสักคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าค่อยเอาไปขายที่ตลาดสดก็ได้ จะได้ไม่ต้องทิ้งให้เสียดาย”

คุณย่าฟางพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “พวกเรายังไม่เคยไปเที่ยวตลาดสดของเธอเลย พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปส่งผักขายกับเธอและคุณปู่ด้วย จะได้เยี่ยมชมตลาดเสียเลย”

หลินม่ายพยักหน้า “ได้ค่ะ”

ฟู่เฉียงยกอาหารมื้อเย็นของเขาและแม่ออกมาจากห้องครัว พอเห็นว่ากับข้าวตรงหน้าเป็นไก่ย่างและเป็ดย่าง ก็รู้สึกประทับใจระคนตื้นตัน

เขาหันไปบอกคุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ว่า “คุณปู่ คุณย่า อาม่ายจื่อ พวกคุณไม่จำเป็นต้องเตรียมอาหารดี ๆ ไว้ให้พวกเราก็ได้ ไม่ว่าอะไรพวกเราก็กินได้ทั้งนั้น”

คุณย่าฟางยิ้มอย่างใจดีแล้วพูดว่า “นอกเหนือจากแกงจืดลูกชิ้นของพ่อเธอที่เราทำแยกไว้ต่างหาก อาหารอย่างอื่นล้วนเหมือนกันกับของที่พวกเรากิน ไม่ได้แยกอาหารดี ๆ ไว้ให้เธอเป็นพิเศษหรอก”

ได้ยินแบบนั้นแล้วฟู่เฉียงก็รู้สึกโล่งใจขึ้น

อาม่ายจื่อช่วยเหลือครอบครัวของเขามามากพอแล้ว ขืนยังทำอาหารอร่อย ๆ ไว้ให้พวกเขาสามคนต่างหาก เขาคงละอายใจเกินกว่าจะกล้าเผชิญหน้ากับครอบครัวผู้ใจดีนี้

หลังจากกินข้าวอย่างเร่งรีบ ฟู่เฉียงกำชับให้แม่เสียสติของเขาอยู่แต่ในบ้านของหลินม่าย อย่าได้เดินเพ่นพ่าน จากนั้นก็เก็บจานชาม แล้วออกไปส่งอาหารให้พ่อของเขา

เมื่อเห็นว่าดึกมาแล้ว ฟางจั๋วหรานก็ขอตัวกลับ

หลินม่ายยังอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางต่อ เหลือบมองไปทางแม่ฟู่เฉียงบ้างเป็นครั้งคราว

ประมาณหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ฟู่เฉียงก็กลับมาพร้อมกับชามอาหารที่ว่างเปล่าและเสื้อผ้าเค็มที่ผู้เป็นพ่อใส่แล้ว ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

เขาอาบน้ำก่อน จากนั้นก็เร่งให้แม่ตัวเองเข้าไปอาบต่อ

ท้ายที่สุดก็ซักผ้าของตัวเองและพ่อแม่ เสร็จแล้วจึงพาแม่ขึ้นไปนอนที่ห้องใต้หลังคา

ถึงช่วงสิ้นสุดวัน หลินม่ายก็เหนื่อยจนแทบหมดแรง

พอคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเห็นท่าทางแบบนั้นของเธอ ก็พูดกับหลินม่ายอย่างจริงจัง “วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ดีไม่ดีอาจจะเหนื่อยมากกว่าฟู่เฉียงด้วยซ้ำไป เธอรีบไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเถอะ”

หลินม่ายเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “นี่เพิ่งจะสองทุ่มเอง ยังไม่ถึงเวลานอนของฉันเลยค่ะ ยังอยู่คุยกับคุณปู่คุณย่าได้อีกสักพัก”

คุณย่าฟางพยายามโน้มน้าว “ฉันกับคุณปู่ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองแล้ว ยังมีเวลาพูดคุยกันอีกถมเถ จำเป็นต้องคุยทุกเรื่องให้จบภายในวันนี้เลยหรือไง? ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนพวกเราหรอก เราดูทีวีเพื่อฆ่าเวลาไปพลาง ๆ ยังได้ เธอไปอาบน้ำและนอนพักผ่อนได้แล้ว”

โต้วโต้วเหยียดมือไปผลักผู้เป็นแม่ “แม่จ๋า คุณย่าบอกให้แม่ไปนอน แม่ก็ต้องเชื่อฟัง เดี๋ยวหนูจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่กับคุณย่าเอง”

คุณปู่ฟางลูบศีรษะน้อย ๆ ของโต้วโต้ว “ใช่แล้ว มีโต้วโต้วอยู่กับพวกเราทั้งคน เธอไม่ต้องอยู่กับเราก็ได้”

หลินม่ายหัวเราะ จากนั้นก็ยื่นมือไปบีบใบหน้าเล็ก ๆ อ้วนกลมของโต้วโต้ว “ถ้าอย่างนั้นลูกต้องใช้เวลาดี ๆ ร่วมกับคุณปู่คุณย่านะ หลังจากอาบน้ำเสร็จแม่ว่าจะอ่านหนังสือต่ออีกหน่อย”

สองสามีภรรยาชราและเด็กหญิงตัวน้อยพูดพร้อมกัน “ไปเถอะ”

หลินม่ายต้มน้ำร้อนหม้อใหญ่สำหรับตัวเอง เอาไว้ผสมน้ำเย็นเพื่ออาบ

วันนี้เธอเหนื่อยกว่าทุกวัน จึงคิดว่าถ้าได้แช่ตัวอยู่ในน้ำร้อนที่มีระดับอุณหภูมิพอเหมาะ คงสบายเนื้อสบายตัวเกินกว่าจะพรรณนา ราวกับเดินล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ

เธอหลับตาพริ้มเพื่อซึมซับช่วงเวลาแห่งความผ่อนคลายนี้ ทว่าในสมองยังคงคิดนั่นนี่ไม่หยุด

ถึงแม้จะเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะถึงวันเปิดภาคเรียน แต่เธอก็ยังอยากแสวงหาผลกำไรจากการขายเสื้อผ้าให้กับบรรดานักเรียนหญิง

ปัจจุบันเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของแบรนด์ Unique เน้นเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มนักศึกษาหญิงและสาว ๆ วัยทำงาน

ความจริงแล้วนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายสามารถสวมใส่ได้ แต่ถ้านักเรียนหญิงชั้นมัธยมต้นสวมใส่อาจจะดูเป็นสาวเกินวัยไปสักหน่อย

หลินม่ายวางแผนว่าจะเปิดตัวคอลเลคชันใหม่เป็นเสื้อผ้าที่เหมาะสำหรับใส่ไปเรียน และชุดลำลองที่เหมาะสมสำหรับนักเรียนหญิงทุกช่วงวัยภายในสองวัน

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็กลับเข้าห้องนอนของตัวเองแล้วเริ่มออกแบบ… อะแฮ่ม เลียนแบบเสื้อผ้าจากความทรงจำในชาติที่แล้วของตัวเอง

ถึงเธอจะไม่ใช่นักออกแบบแฟชั่นมืออาชีพ แถมยังไม่มีพื้นฐานในการวาดแบบมาก่อน แต่เธอก็สามารถสเก็ตช์หุ่นนางแบบและเสื้อผ้าในสไตล์ต่าง ๆ ได้ดี

เถาจืออวิ๋นเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าอาชีพ ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นแบบเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายวาด จึงใช้กลวิธีครูพักลักจำออกแบบเลย์เอาต์ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

เดือนกันยายนตามปฏิทินทางสุริยคติตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่สภาพอากาศของเจียงเฉิงเพิ่งจะเข้าช่วงสิ้นสุดฤดูร้อน

สภาพอากาศโดยรวมยังคงอบอ้าว แต่ไม่ถึงกับร้อนจัด จึงออกแบบกระโปรงเอี๊ยมยีน สวมใส่กับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว เสื้อแขนสามส่วน และเสื้อแขนสั้น

ถึงแม้กางเกงยีนขาสั้นและเสื้อยืดหลากสีจะดูเป็นแฟชั่นคลาสสิกที่สุดสำหรับเด็กหญิงวัยรุ่น แต่เพราะแบรนด์ Unique ผลิตเสื้อผ้าบูติกเป็นหลัก จึงออกแบบให้เป็นเสื้อเชิ้ตแทนเสื้อยืด

ความจริงแล้วเสื้อเชิ้ตกับกระโปรงเอี๊ยมยีนจับคู่กันได้ดีกว่าเสื้อยืดกับกระโปรงเอี๊ยมยีนเสียอีก

เธอร่างภาพกระโปรงเอี๊ยมยีนทั้งหมดหกแบบ และเสื้อเชิ้ตอีกสิบแบบในคราวเดียว

หลังจากออกแบบเสื้อผ้าไปมากกว่าหนึ่งโหล เธอก็วางปากกาลงแล้วเตรียมตัวเข้านอน

โต้วโต้วผลักประตูเปิดเข้ามา เอาศีรษะน้อย ๆ โผล่เข้ามาผ่านบานประตูที่เปิดแง้มไว้ ถามหลินม่ายด้วยรอยยิ้ม “แม่จ๋า คืนนี้หนูไปนอนกับุคณปู่คุณย่าได้ไหมคะ?”

หลินม่ายอ้าปากหาววอด “ได้สิจ๊ะ แต่อย่าลืมเคาะประตูก่อนเปิดข้าไปนะ จะได้เป็นการรักษามารยาท”

เด็กหญิงตัวน้อยตอบรับ ปิดประตูกลับดังเดิมอย่างมีความสุข เตรียมตัวไปเข้านอนกับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง

หลินม่ายตื่นนอนตอนหกโมงเช้า เตรียมตัวซักผ้าเค็มให้กับคนทั้งครอบครัว แล้วค่อยไปทำอาหารมื้อเช้า

หลังจากนั้นค่อยพาสองสามีภรรยาชราไปเที่ยวชมตลาดสดฝูตัวตัว และเดินทางต่อไปที่โรงงานไป๋เหอโถวซื่อเพื่อเตรียมการสำหรับพิธีเปิดในช่วงเช้าวันนี้

คิดแล้วก็หัวหมุนแต่เช้า

ทันทีที่เธอเดินออกจากห้อง ก็เห็นว่าในห้องน้ำมีแสงไฟสว่างลอดออกมา

ตอนแรกเธอคิดว่าคงเป็นคุณปู่ฟางหรือไม่ก็คุณย่าฟางแน่ พวกเขาทั้งสองเป็นคนสูงวัยที่มักจะนอนดึกตื่นเช้า จึงไม่ได้ให้ความสนใจ

พอคิดว่าเช้าวันนี้อาจไม่มีใครอยู่บ้าน ถ้าฟางจั๋วหรานแวะมากินอาหารมื้อเช้าคงคลาดกันกับทุกคนแน่

หลินม่ายจึงโทรหาเขาโดยตรง บอกให้เขาติดต่อกินอาหารมื้อเช้าที่ร้านเปาห่าวซือโดยตรงได้เลย

ฟางจั๋วหรานเปล่งเสียงตอบรับมาตามสาย กำชับด้วยว่าให้เธอพักผ่อน อย่าโหมงานหนักจนเกินไป

หลินม่ายตอบกลับเบา ๆ “รู้แล้วค่ะ”

หลังจากวางสาย หลินม่ายเห็นว่ายังไม่มีใครออกมาจากห้องน้ำ และยังได้ยินเสียงน้ำไหลอย่างต่อเนื่อง

ได้ยินเสียงน้ำไหลแบบนี้ หมายความว่าประตูห้องน้ำไม่ได้ปิด เพราะถ้าประตูปิดคงไม่ได้ยินเสียงน้ำชัดขนาดนี้

เธอเดินเข้าไปใกล้ด้วยความอยากรู้ พบว่าเป็นฟู่เฉียงนั่นเองที่กำลังซักเสื้อผ้าทั้งหมดของคนในบ้าน

หลินม่ายเดินไปลูบศีรษะเขา “ฟู่เฉียง เธอไม่จำเป็นต้องทำงานพวกนี้หรอก กลับไปดูแลพ่อแม่ของเธอต่อเถอะ หลีกไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

ฟู่เฉียงหันกลับมายิ้มให้ “ไม่เป็นไรครับคุณอา ตั้งแต่ผมมาที่นี่ยังไม่ได้ทำงานบ้านช่วยคุณเลย ผมรู้สึกไม่สบายใจ…”

หลินม่ายบังคับให้เขาออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็ไปหางานอื่นทำแทนการซักผ้าเถอะ”

เขาจะซักผ้าให้ใครในบ้านนี้ก็ได้ แต่เธอไม่ยอมให้เด็กผู้ชายแบบเขาซักเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็น่าละอายทั้งนั้น

โชคดีที่ฟู่เฉียงเพิ่งตื่นได้ไม่นาน จึงซักแค่เสื้อผ้าของโต้วโต้วเท่านั้น ยังไม่ทันยุ่งกับเสื้อผ้าของเธอ

ฟู่เฉียงได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องน้ำเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี

หลินม่ายพูดกับเขาว่า “ถ้าเธอไม่มีอะไรจะทำจริง ๆ งั้นไปปรุงหมูสับนึ่งไข่ไก่ให้พ่อเธอสักชามสิ เธอทำหมูสับนึ่งไข่ไก่เป็นหรือเปล่าล่ะ?”

ฟู่เฉียงส่ายหน้าด้วยความเขินอาย “ไม่ครับ…”

ระหว่างซักผ้า หลินม่ายก็สอนวิธีการทำหมูสับนึ่งไข่ไก่ไปด้วย

หมูสับนึ่งไข่ไก่เป็นอาหารขึ้นชื่อของหูหนาน วิธีการทำไม่ยุ่งยาก แค่ตั้งซึ่งนึ่ง ตอกไข่ใส่ชามแล้วตีให้เข้ากัน ปรุงรส แล้วใส่เนื้อหมูสับตามลงไป เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย

ถึงแม้ว่าเมนูนี้จะค่อนข้างเรียบง่าย แต่มีรสชาติกลมกล่อมกำลังดี แถมยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เนื้อสัมผัสนุ่มเนียน ย่อยง่าย เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วย

ฟู่เฉียงไม่ใช่คนหัวทึบ ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ก็รีบเข้าไปในห้องครัวแล้วทำตามอย่างว่าง่าย

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

งานยุ่งทั้งวันเลยม่ายจื่อ อะไรที่ให้คนอื่นทำได้ก็ให้คนอื่นทำเถอะ หักโหมเกินไปมันไม่ดี

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *