แม่ปากร้ายยุค 80 762 พลังบวกสามารถส่งต่อได้
ตอนที่ 762 พลังบวกสามารถส่งต่อได้
หลินม่ายทำในสิ่งที่เธอต้องการ โดยขอให้พนักงานโทรหาตำรวจเพื่อเชิญพวกเขามา
ทันทีที่ตำรวจมาถึง หลินม่ายจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง
หลังจากพูดจบ เธอพูดต่อว่า “เพื่อให้แน่ใจว่าชาวเมืองหลวงจะได้รับการจัดสรรอย่างทั่วถึง สินค้าทั้งหมดในตลาดของฉันจึงขายในราคาทุน พนักงานในตลาดของฉันไม่ต้องการค่าล่วงเวลา แม้พวกเขาจะต้องทำงานล่วงเวลา พูดตรงๆ แล้วก็คือพวกเขาให้บริการชาวเมืองปักกิ่งโดยไม่ได้รับการตอบแทนเลย คนทำความดี แต่กลับยังโดนด่าทอ คุณตำรวจคะ คุณต้องให้ความเป็นธรรมแก่พนักงานของเรานะคะ”
บรรดาลูกค้าที่ซื้อนมผงและอยู่ให้การเป็นพยาน พวกเขาบอกกับตำรวจเป็นเสียงเดียวกันว่า “คุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้การทุบตีใครสักคนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่กรณีนี้เลวร้ายเกินไปจริงๆ ฉันหวังว่าคุณจะจัดการกับมันอย่างจริงจัง มิฉะนั้นมันจะบั่นทอนจิตใจของคนดี”
ตำรวจปฏิบัติตามเจตจำนงของประชาชน และคุมขังผู้หญิงผมหยิกสั้นในสถานีตำรวจเป็นเวลา 5 วัน
พร้อมให้ขอโทษพนักงานหญิงที่ขายนมผงและจ่ายค่าชดเชย 20 หยวนเพื่อเยียวยาจิตใจพนักงาน อีกทั้งต้องเสียค่าปรับให้ตำรวจอีก 10 หยวน
การขอโทษพร้อมจ่ายค่าปรับและค่าชดเชยผ่านไปด้วยดี แต่ขณะที่กำลังถูกพาตัวไปยังสถานีตำรวจ หญิงสาวผมหยิกสั้นต้องการฝ่าฝืนกฎหมาย
หล่อนโจมตีตำรวจและพยายามหลบหนี ผลที่ได้คือการเพิ่มโทษ
เปลี่ยนจากคุมขัง 5 วันเป็น 15 วันในสถานีตำรวจ
หลังผู้หญิงผมหยิกสั้นถูกตำรวจจับตัวไป ตลาดสดก็กลับสู่ภาวะปกติ
ไม่นานก็เป็นเวลาห้าโมงเย็น
ทังอี้วิ่งเข้ามาหาหลินม่ายด้วยใบหน้าที่แดงก่ำพร้อมบอกเธอว่า เขาพาพนักงานสองคนพร้อมวัตถุดิบไปยังร้านอาหารฝั่งตรงข้าม และขอให้พ่อครัวช่วยทำอาหารให้พนักงาน
เมื่อเถ้าแก่ได้ยินว่าเขากำลังทำอาหารให้กับพนักงานของตลาดสดฝูตัวตัว เขาก็ไม่คิดค่าจ้างแต่อย่างใด
ผู้จัดการทังยืนกรานที่จะจ่ายเงินแก่เถ้าแก่ แต่เถ้าแก่พูดว่า คราวตลาดสดฝูตัวตัวยังไม่ขึ้นราคาสินค้าเพื่อผู้คนในเมืองหลวง แล้วเหตุใดเขาจะช่วยทำอาหารให้พนักงานของตลาดสดฝูตัวตัวโดยไม่รับค่าจ้างบ้างไม่ได้
ในวันที่หิมะตกหนักไม่ค่อยมีลูกค้าในร้าน ดังนั้นการทำอาหารให้พนักงานตลาดสดฝูตัวตัวจึงไม่มีปัญหาใด
ผู้จัดการทังพูดด้วยความประทับใจ “เถ้าแก่ของร้านใจดีกับเรามากเลยครับ!”
หลินม่ายพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
พลังบวกสามารถส่งต่อออกไปได้จริงๆ
เมื่อคนคนหนึ่งเป็นผู้นำในการทำดี คนกลุ่มหนึ่งย่อมริเริ่มทำความดีตาม
หลินม่ายกล่าว “ในเมื่อเถ้าแก่ร้านอาหารไม่คิดค่าจ้าง เช่นนั้นคุณสามารถนำน้ำมัน เกลือ ซอส น้ำส้มสายชู และถ่านหินไปให้พวกเขาใช้ ธุรกิจขนาดเล็กไม่ต้องการรับเงินจากเรา แต่เขายังต้องจ่ายค่าน้ำมัน เกลือ ซอส น้ำส้มสายชู และถ่านไฟเหล่านั้นเพื่อเรา”
ทังอี้ตอบรับ “ถ้างั้นผมจะนำของพวกนั้นไปให้เถ้าแก่เองครับ ยกเว้นเพียงแค่ถ่านหิน”
พวกเขาจำเป็นต้องรอให้พายุหิมะสิ้นสุดลงก่อน จึงจะไปยังร้านขายถ่านหินและนำไปให้เถ้าแก่ร้านอาหารในภายหลัง
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน นมผงชุดที่สองก็มาถึง
มีนมผงจากลุ่มแม่น้ำแยงซีทั้งหมด 20,000 ถุง
หลินม่ายรู้สึกโล่งใจหลังจากได้ยินสิ่งนี้
ด้วยนมผงจำนวนนี้รวมกับนมผงจากซูกั๋วชุดก่อนในโกดัง มันสามารถแก้ปัญหาความต้องการนมผงของทารกจำนวนมากในเมืองหลวงได้ชั่วขณะ
อย่างไรก็ตามนมผงเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวขนาดเล็กสำหรับเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่
พวกเขายังต้องรอให้นมผงจากซูกั๋วของแม่ถ่าน่ามาถึง เพื่อจะบรรเทาปัญหาการขาดแคลนนมผงอย่างรุนแรงในเมืองหลวงได้
ไม่นานก็ถึงเวลาอาหารเย็น ทังอี้จัดให้พนักงานผลัดเวรกันไปกินและเรียกหลินม่ายมากินด้วยกัน
หลินม่ายวางงานทุกอย่างที่กำลังทำลงและไปกินอาหารร่วมกับพนักงาน
หลังจากได้พบกับเถ้าแก่และภรรยาของเขา เธอจึงแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
เถ้าแก่โบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “เมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณทำ สิ่งเหล่านี้แทบไม่มีค่าให้พูดถึง”
หลินม่ายชำเลืองมองอาหารเย็นที่ทังอี้จัดการ ไม่มีอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไม่มีแม้แต่ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาหารล้วนเป็นผักใบเขียว ผักดอง ซุปกระดูกหมูและหัวไชเท้า
ตอนนี้ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองและเนื้อมีอย่างจำกัด ทังอี้ไม่กล้าใช้พวกมันมาทำอาหารของพนักงาน
แต่ไม่มีพนักงานคนใดที่ขุ่นเคือง พวกเขาดูพึงพอใจหลังจากกินและดื่มซุปกระดูกหมูพร้อมหัวไชเท้าเหล่านั้น
หลินม่ายเพิ่งยกชามซุปกระดูกหมูขึ้นจิบ ฟางจั๋วหรานที่มารับเธอหลังเลิกงานก็เดินเข้ามาหา
เมื่อเห็นดังนั้น เขาจึงถามว่า “คุณไม่กลับไปทานอาหารเย็นที่บ้านหรอกหรือ?”
หลินม่ายส่ายหัว “ฉันไม่กลับ เดี๋ยวฉันจะกลับไปหลังทำงานเสร็จแล้ว”
ฟางจั๋วหรานถาม “คุณจะเลิกงานเมื่อไหร่?”
“ราวสองทุ่ม” หลินม่ายโบกมือให้เขา “คุณกลับไปกินข้าวที่บ้านก่อนเถอะ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวได้”
ฟางจั๋วหรานจึงกลับไปโดยดี
ในเวลานี้ พนักงานหญิงที่ขายนมผงเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องข้าวขนาดใหญ่ หล่อนนั่งลงด้านข้างหลินม่ายและถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น “ประธานหลินคะ การทำงานล่วงเวลาของเราในช่วงปีใหม่ถือเป็นการทำงานล่วงเวลาภาคบังคับหรือคะ?”
“เปล่านี่” หลินม่ายเทข้าวลงในชามซุปกระดูกเพื่อกินพร้อมกัน “ทำไมจู่ๆ ถึงถามอย่างนั้นล่ะคะ?”
พนักงานหญิงตอบ “ฉันได้ยินคุณบอกตำรวจว่า เรามีหน้าที่ต้องทำงานล่วงเวลาและไม่มีค่าตอบแทนสำหรับการทำงานล่วงเวลา”
หลินม่ายกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันแค่พูดไปอย่างนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าพยานและตำรวจจะเข้าข้างคุณ และฉันต้องการลงโทษหญิงที่หยิ่งยโสคนนั้นด้วย แน่นอนว่ายังคงมีค่าตอบแทนสำหรับการทำงานล่วงเวลา และจะมอบให้คุณ 10 หยวนเป็นพิเศษเพื่อเป็นเงินปลอบขวัญ”
พนักงานหญิงรู้สึกโล่งใจ
เธอกลัวว่าการทำงานล่วงเวลาในช่วงปีใหม่จะถูกนับเป็นการทำงานล่วงเวลาภาคบังคับ และจะไม่ได้รับเงินค่าตอบแทน
หลินม่ายพูดกับพนักงานหญิง “อย่ากังวลเรื่องนี้เลย ฉันจะไม่หักเงินค่าล่วงเวลาคุณสักหยวนเดียว”
พนักงานหญิงพยักหน้ารับอย่างเขินอาย
ในเวลานี้ทังอี้เดินกลับมาอีกครั้งและบอกกับหลินม่ายว่า หลังจากที่ลูกค้าซื้อสินค้าแล้ว พวกเขาไม่ได้คืนป้ายทะเบียนให้กับคนเฝ้าประตู
เขาคาดเดาว่าลูกค้าเหล่านั้นต้องการใช้ป้ายทะเบียนเพื่อซื้อของโดยไม่ต้องต่อคิวในวันพรุ่งนี้
หลินม่ายครุ่นคิดเพียงครู่ “ป้ายทะเบียนของวันนี้จะไม่สามารถใช้งานได้อีก ส่วนของวันพรุ่งนี้ให้จัดทำป้ายทะเบียนใหม่ ซึ่งป้ายทะเบียนแต่ละวันจะแตกต่างกันไป เพื่อป้องกันไม่ให้คนฉวยโอกาสจากช่องโหว่นี้”
หลังกินอาหารเย็น แม้แสงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าแล้ว แต่ยังคงมีผู้คนหลั่งไหลมายังตลาดสดฝูตัวตัวเพื่อจับจ่ายใช้สอยไม่ขาด
เวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง พนักงานชายสองคนที่ยืนเฝ้าประตูแจ้งกับลูกค้าที่มาภายหลังว่า วันนี้จะไม่มีการทำป้ายทะเบียนและบอกให้พวกเขาเลิกรอคิว นอกจากนี้ยังบอกให้มาตั้งแต่เช้าตรู่วันพรุ่งนี้แทน
แต่ลูกค้าเหล่านั้นไม่ยอมออกไปโดยดี ขณะอ้อนวอนอย่างหนักเพื่อปล่อยให้พวกเขาเข้าไป
ไม่ว่าพนักงานชายสองคนจะพูดอย่างไร ลูกค้าเหล่านี้ก็ไม่ยอมรับฟัง
หลินม่ายเดินไปพูดกับลูกค้าที่มารอด้านหน้าว่า “ในช่วงวันปีใหม่ ตลาดสดฝูตัวตัวจะเปิดถึงเวลา 18.00 นาฬิกาเท่านั้น วันนี้เราได้ขยายเวลาออกไปอีกสองชั่วโมงแล้ว และไม่สามารถขยายต่อไปได้อีก พนักงานของเราเป็นมนุษย์ที่ประกอบด้วยเลือดเนื้อ ไม่ใช่หุ่นยนต์เหล็กกล้า ทุกคนทำงานล่วงเวลาและเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว ถ้าคุณยืนกรานไม่ให้พวกเขาเลิกงาน พวกเขาอาจเหนื่อยล้าจนเกิดการเจ็บป่วย กระทั่งไม่สามารถมาทำงานให้บริการพวกคุณในวันพรุ่งนี้ได้ ได้โปรดเข้าใจเราด้วยค่ะ”
คนส่วนใหญ่ถูกโน้มน้าวใจจนเชื่อฟัง และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินกลับด้วยความผิดหวัง
แต่ยังคงมีผู้คนอีกราว 70 ถึง 80 คนที่ไม่ยอมกลับไป “ให้เราเข้าไปเถอะ คุณแค่ยืดเวลาเลิกงานออกไปอีก 20 นาทีเท่านั้น ซึ่งมันไม่ส่งผลกระทบต่อพนักงานของคุณ หลังจากนั้นพวกเขาสามารถกลับบ้านไปพักผ่อนได้”
เมื่อหลินม่ายได้ยินสิ่งนี้ เส้นเลือดบนหน้าผากของเธอก็กระตุก
เมื่อคนคนหนึ่งกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เขาจะไม่คำนึงถึงผู้อื่นเลย และจะคิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น
แต่ในอุตสาหกรรมบริการ คุณจะพบเรื่องแปลกประหลาดทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคืออย่าโต้เถียงกับคนแปลกประหลาดเหล่านี้ เพราะพวกเขาอาจทำให้ความอดทนของคุณถึงจุดตกต่ำได้อย่างง่ายดายกระทั่งระเบิดความโกรธออกมา
หลินม่ายยืนกรานคำเดิม “ฉันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ค่ะ เพราะเมื่ออนุญาตให้ขยายเวลาออกไป คนที่มาภายหลังก็จะร้องขอแบบเดียวกันไม่หยุดหย่อน แล้วคืนนี้ตลาดสดฝูตัวตัวคงไม่ได้ปิด และต้องมีทำงานหนักจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้ พนักงานของเราจะต้องเหน็ดเหนื่อยและล้มป่วยไปพร้อมกัน!”
หลังจากพูดแบบนี้ เธอหันไปสั่งพนักงานชายสองคนที่เฝ้าประตู “ห้ามให้ใครเข้ามาแม้แต่คนเดียว!”
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายออกคำสั่งเด็ดขาด กลุ่มคนเหล่านั้นก็รู้ว่าไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจได้ พวกเขาจึงต้องจากไปด้วยความโกรธ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จัดการวิกฤตได้ยอดเยี่ยมมากอะ แสดงว่าผู้เขียนเจออะไรแบบนี้มาบ่อย
ไหหม่า(海馬)
Comments