โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 117

Now you are reading โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 Chapter 117 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

3/4

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.117 – นายมันไม่ใช่มนุษย์!

 

ภายใต้พลังสมาธิ ฉินเฟิงสัมผัสได้ว่าเสียงกรีดร้องดังมาจากชั้นใต้ดิน

 

มันเป็นของพวกคนที่หลิวซูพามาตั้งแต่ตอนแรก

 

เวลานี้ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ทั้งหมดตัดสินใจวิ่งออกมาจากห้องใต้ดิน  เมื่อฉินเฟิงรับรู้ได้ถึงหลิวซู เขาก็สัมผัสได้ถึงมังกรดินที่เพิ่งสังหารใครบางคนไป เห็นได้ชัดในตอนนั้นที่ฉินเฟิงสังหารไป ไม่ใช่พวกมันทั้งหมด

 

หากจะให้อธิบายโดยละเอียดก็คือ คนเหล่านั้น หลังจากออกมาแล้ว เป็นธรรมดาที่จะถูกดึงดูดความสนใจโดยซากของมังกรดิน และบังเอิญโชคร้ายถูกมังกรดินตัวอื่นที่ซุ่มอยู่กลืนกินเข้าไป!

 

ระหว่างคนเหล่านั้นกรีดร้อง ภายใต้พลังสมาธิ ฉินเฟิงยังรับรู้ได้ถึงอีกการดำรงอยู่หนึ่ง

 

เป็นหลิวซู!

 

หลิวซูมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล F ดังนั้นความผันผวนของพลังจึงแตกต่างจากคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เอง ฉินเฟิงเลยสามารถรับรู้ถึงฝ่ายตรงข้ามได้อย่างรวดเร็ว

 

ใบหน้าของฉินเฟิงกลายเป็นน่าเกลียดทันที

 

เพราะในพลังสมาธิ นอกเหนือไปจากหลิวซูแล้ว มันยังมีมังกรดินระดับนายพลสัตว์ร้ายอยู่อีกตัว!

 

“ผู้หญิงคนนี้ พลาดเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอจริงๆ!”

 

ฉินเฟิงผลักประตูเปิดออกโดยตรง

 

ในเวลาเดียวกัน เหอหลิงกับคนอื่นๆก็บังเอิญอยู่นอกประตูก่อนแล้ว เหมือนกับว่าพวกเขาลังเลที่จะเคาะประตูเรียกฉินเฟิง

 

“มิสเตอร์ฉิน!” เหอหลิงมองไปทางฉินเฟิงด้วยความกังวลใจ “คือว่าหลิวซู เธอ … ”

 

“ฉันรู้แล้ว!” ฉินเฟิงขมวดคิ้ว เอ่ยถามด้วยความไม่สบอารมณ์ “ทำไมเธอถึงไปอยู่ที่นั่น?”

 

วังเฉินเร่งอธิบาย “จำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้พวกเราคุยกันว่าถ้าคุณตื่นขึ้นค่อยมาหารือกันว่าจะจากไป แต่หลิวซูเหมือนจะนำข่าวนี้ไปบอกกับคนอื่นๆด้วย ดังนั้นเวลานี้เลยมีผู้รอดชีวิตมากมายที่อยู่ใกล้ๆกำลังมาหาเรา เพราะต้องการที่จะฝ่าวงล้อมเมืองนี้ออกไป แต่ในบรรดาคนพวกนั้นก็มีหลายคนที่แข็งแกร่งรวมอยู่ด้วยเช่นกัน”

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มหยัน

 

“หลายคนที่แข็งแกร่ง? แล้วมันยังไง? เรียกคนมาเยอะๆแบบนี้น่ากลัวว่ามันจะเป็นการล่อเป้า หยิบยื่นอาหารให้กับพวกแมลงซะมากกว่า”

 

แม้บางคนที่มาสมทบจะเป็นผู้ใช้พลัง แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป

 

ฉินเฟิงไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือพวกเขา และไม่ชอบยิ่งกว่าถ้าจะต้องถูกบังคับให้ช่วยเหลือคนเหล่านี้

 

“เพราะงั้นหลิวซูเลยลงไปที่นั่น? เพราะความยุติธรรมในหัวใจของเธอใช่ไหม?”

 

พอถูกฉินเฟิงเอ่ยถามเช่นนี้ เหอหลิงกับเซ่าเซี่ยงก็ไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี อันที่จริงทั้งคู่ไม่เห็นด้วยกับการที่หลิวซูจะลงไปช่วยเหลือคนข้างล่าง ดังนั้นพวกเขาเลยไม่ไปด้วย แต่พอเกิดการต่อสู้ขึ้น พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วยหลิวซูเหมือนกัน

 

มีแค่วังเฉินเท่านั้นที่เร่งกล่าว “ใช่ และฉันยังได้ยินพนักงานโรงแรมพูดว่า คนพวกนั้นเลวร้ายมาก เดิมทีพวกเขาเป็นคนที่มาทีหลัง แต่กลับยึดห้องใต้ดิน และทอดทิ้งครอบครัวหลิว ไม่สนด้วยซ้ำว่าใครเป็นเจ้าของสถานที่ แต่ตอนนี้พวกเขากลับร้องขอให้หลิวซูช่วยเหลือ ทำไมถึงได้หน้าด้านแบบนี้!”

 

“ก็คงไม่พ้นเป็นพวกคนรวยอีกนั่นแหละ”

 

ฉินเฟิงกล่าวอย่างแผ่วเบา

 

ย้อนกลับไปตอนช่วงแรก ช่วงที่หลิวซูกำลังล่าถอยจากจตุรัสใจกลางเมือง ผู้คนที่กำลังหลบหนีในตอนนั้น ต่างเป็นคนที่มั่งคั่งไปด้วยเงินตรา เพราะหากเป็นคนจน คงไม่มีใครกล้าพูดสั่งหลิวซูซึ่งเป็นถึงหัวหน้าสาขาแบบนั้น

 

ทางหลิวซูเองก็อีกคน ดันทำตัวเป็นแม่พระไร้สมอง ไม่คิดเลยว่าจริงๆแล้วท่ามกลางสถานการณ์แบบนั้น ตนเองต่างหากที่มีอำนาจสั่งการ ผลสุดท้ายเลยเป็นเช่นนี้ คนพวกนั้นจึงติดตามหลิวซูเป็นปลิง จนมาถึงโรงแรม

 

“มิสเตอร์ฉิน พวกเราจะช่วยหลิวซูไหม?” เหอหลิงถาม

 

แต่วังเฉินชิงกล่าวตัดหน้า “ไม่ต้องไปที่นั่นหรอก หลิวซูสมควรจะรับมือได้ และการต่อสู้ของพวกข้างล่าง ถ้ามีตายไปบ้างก็ดี จะได้ไม่เป็นภาระต่อพวกเรา!”

 

ความคิดของวังเฉินเห็นแก่ตัวก็จริง แต่นี่ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

 

เพราะปัจจุบันเมืองหานน่ะอยู่ท่ามกลางดงศัตรู เวลานี้ขนาดคิดจะปกป้องตัวเองยังยากเลย แล้วจะให้ไปช่วยคนอื่นอีกได้ยังไง

 

ต่อให้ฉินเฟิงแข็งแกร่งมากก็จริง แต่เขาเป็นมนุษย์เหล็กเหนื่อยไม่เป็นหรืออย่างไร? หากมีคนให้ต้องปกป้องน้อยลง มันก็ช่วยประหยัดแรงเขาได้มากกว่าไม่ใช่หรือ? ตรงกันข้าม ถ้าคนเยอะเกินไป ในเวลานั้นน่ากลัวว่าต่อให้เป็นฉินเฟิง ก็คงไม่สามารถดูแลอย่างทั่วถึง!

 

“ไม่ได้หรอก เพราะถ้าฉันไม่ไป หลิวซูอาจจะตาย ถึงจะโง่ แต่ผู้คนน่ะมักจะชอบคนที่นิสัยเหมือนกับเธอ สรุปง่ายๆว่าคนแบบเธอมีความจำเป็นต่อสถานชุมชนของฉันในอนาคต”

 

แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่เวลานี้ฉินเฟิงก็โกรธมากเช่นกัน

 

เขาเดินลงไปตามทางลงสู่ชั้นใต้ดิน ขณะนี้ผู้คนกว่า 20 ชีวิตกำลังตกอยู่ในความโกลาหล และมังกรดินอีกกว่า 3 ตัว กำลังดีดดิ้นคลุ้มคลั่ง ไล่ล่าสังหารกลางดงฝูงชน

 

อันที่จริงแล้วมังกรดินพวกนี้มีเลเวลอยู่แค่ G5 มันแข็งแกร่งแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

อย่างในช่วงที่ฉินเฟิงเพิ่งปลุกพลังขึ้นมาได้ในตอนแรกๆ ช่วงที่พลังโจมตีของเขายังต่ำมาก หากตัดสินใจอย่างเยือกเย็น เขายังสังหารเขี้ยวทารกเลเวล G3 ได้เลย

 

แม้ว่าสาเหตุนั้นจะเป็นเพราะฉินเฟิงได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมนะว่าเวลานั้นเขาสู้เพียงลำพัง แต่คนในที่นี้มีจำนวนเยอะมาก ขอแค่ช่วยกันสัก 5 คนก็น่าจะจัดการมังกรดินเลเวล G5 ตัวหนึ่งได้แล้ว ไหนจะมีหลิวซูที่ลงมาเสริมอีก เดิมทีโอกาสชนะมีความเป็นไปได้สูงแท้ๆ

 

แต่น่าเสียดาย ที่พวกเขามีกันตั้งมากมาย แต่กลับสามารถทำได้แค่วิ่งหนี!

 

หนึ่งในนั้นกำลังถูกมังกรดินไล่ตาม เขาไม่รอช้าพุ่งเข้าหาหลิวซูทันที คล้ายกับว่าต้องการให้มังกรดินหันไปเล่นงานหลิวซูแทน

 

ซึ่งขณะนี้ หลิวซูกำลังรับมือกับนายพลสัตว์ร้ายเลเวล G8 อยู่ ยากที่จะแยกสมาธิจากสถานการณ์ดังกล่าว

 

แน่นอน ว่าสัตว์ร้ายนายพลตัวนี้ไม่สามารถสังหารเธอได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลิวซูมีเลเวลที่สูงกว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่หลายขั้น และขอเวลาอีกแค่ไม่นาน เธอก็จะสามารถสังหารคู่ต่อสู้ตรงหน้าลงได้ … แต่นั่นคือในกรณีที่ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายน่ะนะ

 

สีหน้าของฉินเฟิงกลายเป็นเย็นชา เขายืนอยู่หน้าทางเข้า ยกปืนพลังงานในมือขึ้นทันใด

 

ปุด!

 

แสงสีฟ้าระเบิดออก ยิงเข้าใส่ขาของคนที่กำลังวิ่งหนีไปทางหลิวซู

 

“อ๊า!”

 

ชายคนนั้นกรีดร้องน่าสังเวช ล้มลงกับพื้น

 

มังกรดินที่กำลังไล่ตามมากระโจนไปข้างหน้าทันที มันอ้าปากใหญ่ และกลืนกินมนุษย์คนนั้นลงกระเพาะโดยตรง!

 

จากนั้น มันก็พลิกตัว และมุดกลับลงไปใต้ดิน

 

มนุษย์หนึ่งคนก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มังกรดินอิ่มท้องได้ เมื่อได้รับอาหาร พวกมันก็จะกลับลงไปย่อยในสถานที่ปลอดภัย

 

ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นอายบนร่างกายของฉินเฟิงยังทำให้พวกสัตว์ร้ายรู้สึกหวาดกลัว พวกมังกรดินตัวอื่นๆจึงไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป เร่งพากันหลบหนี

 

ทางฝั่งหลิวซู แม้เธอจะกำลังต่อสู้อยู่ แต่ก็เห็นถึงการกระทำของฉินเฟิง เธอเบิกตาค้างไปชั่วขณะคล้ายกับจะใช้สายตาในการกล่าวโทษ

 

แตเธอยังไม่มีเวลาด่าฉินเฟิง ทำได้เพียงเร่งเร้าฝ่ามือเข้าโจมตีเท่านั้น

 

“ฝ่ามือเยือกแข็ง!”

 

ฝ่ามือที่สาดไอเย็นจากน้ำแข็งปะทะเข้าใส่ร่างของมังกรดินในกระบวนท่าเดียว กำลังภายในของหลิวซูพลันระเบิดออกมา

 

“จงเยือกแข็ง!”

 

น้ำค้างแข็งสีขาวขนาดใหญ่ แช่ทั้งร่างของมังกรดินในฉับพลัน!

 

“และแหลกสลาย!” อีกฝ่ามือหนึ่งตบลงไป ร่างของมังกรดินที่เป็นก้อนน้ำแข็ง ถูกทุบจนแหลกทันที

 

—-มังกรดินระดับนายพลสัตว์ร้าย จบชีวิตลงแล้ว!

 

แต่หลิวซูกลับไม่สนใจที่จะหยิบสินสงคราม เธอหันไปมองฉินเฟิง ในแววตาฟุ้งไปด้วยความโกรธ

 

“นายทำอะไรลงไป? ทำไมถึงต้องทำร้ายเขา!”

 

“ทำไมฉันถึงต้องทำร้ายเขาน่ะหรือ?” ฉินเฟิงมองไปทางหลิวซู “เธอไม่รู้รึไงว่าเขาต้องการจะทำอะไร?”

 

แน่นอนว่าหลิวซูรู้!

 

แม้เขาจะทำแบบนั้น แต่ชายคนนั้นก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเพียงต้องการรักษาชีวิตของตัวเองก็เท่านั้นเอง!

 

“ความผิดของเขาไม่ถึงกับต้องชดใช้ด้วยความตาย ถ้านายต้องการช่วยฉัน ก็ควรที่จะยิงใส่มังกรดินตัวนั้นตรงๆ แค่ฆ่ามันก็จบแล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมต้องฆ่ามนุษย์ด้วย นายรู้รึเปล่า ว่าการฆ่าคนบริสุทธิ์ นายจะต้องเข้าไปรับโทษที่ศาล!”

 

ฉินเฟิงกล่าวเย้ยหยัน “ไปที่ศาล? ใครจะกล้าจับฉันไปศาล เธอน่ะหรอ? เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนรุ่นเยาว์? หรือว่าหัวหน้าแห่งหน่วยลาดตระเวนที่ล่มสลายไปแล้ว? นี่เรากำลังอยู่ท่ามกลางภัยพิบัตินะ! รู้จักผ่อนปรนซะบ้าง!!”

 

หลิวซูถูกฉินเฟิงตะคอกประชดประชัน เธอรู้สึกเพียงว่าแก้มของตัวเองเริ่มแดงเรื่อด้วยความโกรธ

 

“นายมันไร้คุณธรรม ไม่มีความเป็นมนุษย์!”

 

ฉินเฟิงมองไปยังหลิวซูด้วยความดูถูก

 

“งั้นความเป็นมนุษย์ของเธอ คือการช่วยผู้คน แล้วโยนตัวเองลงสู่ความตายสินะ?”

 

ช่วงเวลานี้ ฝูงชนที่วิ่งหนีพากันเดินกลับมาแล้ว หลังจบการต่อสู้ มีคนตายไปทั้งสิ้น 5 คน ส่วนที่เหลือโชคดีรอดมาได้ แต่ทั้งหมดต่างกำลังมองฉินเฟิงด้วยความหวาดกลัว

 

เพราะฉากเมื่อครู่ … พวกเขาเองก็เห็นมันเช่นกัน!

 

ฉินเฟิงมองคนเหล่านั้นด้วยความเย็นชา พลางยกปืนพลังงานขึ้น ชี้ไปทางพวกเขา!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด