โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 181

Now you are reading โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 Chapter 181 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Provider : Muntra

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.181 – สะกดจิต

 

แต่ในตอนนั้นเอง ประตูฝั่งข้างคนขับก็เปิดออก ไป๋หลีลุกขึ้น ก้าวออกมามองฉินเฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“ที่รักตั้งใจจะทรมานพวกเขาหรอ? งั้นมาลองวิธีการสะกดจิตของฉันดูก่อนไหม”

 

สำหรับฉินเฟิง ปกติแล้วเขาถนัดใช้แต่ความรุนแรง เมื่อได้ยินคำอีกฝ่ายจึงทวนซ้ำ

 

“สะกดจิต?” ฉินเฟิงไม่ทราบว่าไป๋หลีเองก็มีความสามารถนี้ด้วยเช่นกัน

 

“ใช่ ฉันเพิ่งเห็นในหนังมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เห็นพวกมือปืนเขาทำกัน และคิดว่ามันน่าจะได้ผล”

 

มือปืนมีพลังสมาธิแข็งแกร่งมาก ดังนั้นหากคิดแทรกแซงจิตใจของคนธรรมดาก็น่าจะได้ผล แต่หนังของไป๋หลีมันฉายให้คนธรรมดาทั่วๆไปดู นั่นหมายความว่า ความสามารถของพวกผู้ใช้พลังในหนัง น่าจะเกินกว่าเรื่องจริงไประดับหนึ่ง

 

ในความเป็นจริงแล้ว วิธีการสะกดจิตนี้ จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์ที่พลังสมาธิระหว่างทั้งสองมีความห่างชั้นช่วงใหญ่ เหมือนกับชายหนุ่มเลเวล G คนนี้ ที่ฉินเฟิงยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย อีกฝ่ายก็ยอมคายทุกอย่างออกมาแล้ว ดังนั้นการสะกดจิตที่ว่า สมควรเรียกอีกอย่างว่าเป็น ‘แรงกดดันที่ระดับสูงใช้ต่อระดับต่ำ’ จึงจะเหมาะสมกว่า

 

แต่เมื่อฉินเฟิงใช้มันกับผู้ใช้พลังเลเวล F เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยได้ผลนัก

 

อย่างไรก็ตาม ไป๋หลีเดินเข้ามาไม่กี่ก้าว ก่อนจะหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเลเวล F

 

“จงมองมาที่ฉัน”

 

ในช่วงเวลานี้ สีหน้าของไป๋หลีกลายเป็นเย็นชา ความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาหายวับไปไม่มีหลงเหลือ สิ่งที่ปรากฏอยู่คือความสง่างามในฐานะราชันย์

 

ไหนจะเรื่องที่ครอบครองความงามระดับล่มเมือง จิตใจของทั้งสองจึงอยู่ใต้เงื้อมมือเธอโดยไม่อาจขัดขืนใดๆ

 

ทุกคนในฉากที่กำลังจ้องมองเธอ รู้สึกคล้ายกับดวงตาเริ่มพร่ามัว กระทั่งฉินเฟิงเองยังสั่นสะท้านในจิตใจ ช่วงเวลานี้เขารู้สึกแค่เพียง ไป๋หลีคือราชินี และทุกคนต้องยอมศิโรราบ คืบคลานแทบเท้าเธอ

 

ไป๋หลีเปิดปากและกล่าวว่า “ห้องทดลองขององค์กร Z อยู่ที่ไหน?”

 

“อยู่ภายในฐานป้องกันบนภูเขา ห่างออกไป 20 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสถานชุมชนหลิงซาน”

 

ไป๋หลีคลายดวงตาที่หรี่แคบลง หันไปมองฉินเฟิงข้างๆ

 

“ที่รัก เป็นยังไงบ้าง ฝีมือสะกดจิตของฉันสุดยอดไปเลยใช่ไหม!” ไป๋หลีทำทีราวกับลูกศิษย์รอรับคำชม

 

“มันสุดยอดไปเลย!” ฉินเฟิงขยี้ผมสีขาวของไป๋หลีด้วยความเอ็นดู

 

ในเวลานั้นเอง เมื่อมิได้ถูกข่มโดยดวงตาของไป๋หลี ผู้ใช้พลังเลเวล F ก็เรียกคืนสติตัวเอง และที่สำคัญก็คือ เขายังจดจำได้ว่าตนทำอะไรลงไป หรือเอ่ยอะไรออกมา

 

พริบตานั้น เขากลายเป็นตกตะลึง ทั้งยังเริ่มสั่นด้วยความหวาดกลัว

 

ซึ่งความหวาดกลัวของเขา มันคือข้อพิสูจน์ว่าคำพูดเมื่อครู่คือเรื่องจริง

 

ฉินเฟิงหยิบสเปรย์ออกมา แล้วพ่นใส่ทั้งสองคน

 

ฝั่งคนหนุ่มยังไม่ทราบว่าทำไมถึงทำแบบนี้ แต่จู่ๆตาข่ายเหนียวหนืดก็คลายลง

 

เนื่องจากผู้ใช้พลังเลเวล F ถูกทำลายทั้งแขนขา เมื่อไร้ซึ่งสิ่งใดคอยเหนี่ยวรั้งก็ร่วงตกลงกับพื้น แต่คนหนุ่มกลับหยั่งเท้า ได้รับอิสรภาพกลับคืน

 

“ท่านผู้ใหญ่จะปล่อยผมไปหรือ? ขอบพระคุณท่าน ขอบคุณความเมตตาของท่านที่ไม่ฆ่าผม!”

 

เลเวล F พอได้ฟังก็หัวเราะออกมา

 

“ปล่อยแกไป? คิดจริงๆหรือว่าจะเป็นแบบนั้น กำลังฝันหวานอยู่รึไง!”

 

ฉินเฟิงทราบในสิ่งที่ต้องการแล้ว ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ไม่คิดจะเก็บพวกเขาไว้อีกต่อไป

 

ไม่รอรีให้เลเวล F เอ่ยคำใดอีก ฉินเฟิงกระทืบลงกลางลำคอของศัตรู บังเกิดเสียงแกร๊ก ทันใดนั้นกระดูกก็แตกร้าวเป็นชิ้นๆ

 

คนหนุ่มเลเวล G เมื่อเห็นฉากนี้ น้ำหูน้ำตาพลันหลั่งออกมา หวาดผวาอย่างมิอาจบอกบรรยาย

 

“ท่านผู้ใหญ่ ถ้าท่านปล่อยผมไป … ผมสัญญาว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง!”

 

ใบหน้าของฉินเฟิงไร้อารมณ์ เฝ้ามองสารรูปอีกฝ่ายแล้วย้อนนึกไปถึงในชีวิตก่อนหน้า : เป็นเจ้าหมอนี่ที่ไล่ฆ่าเขา ยามนั้นตนเองหมดแรงทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจฝืนสู้กลับได้ เวลานั้นเป็นคนหนุ่มที่เหยียบย่ำเขา บังคับให้ร้องขอความเมตตา ทั้งยังฉี่รดตนอย่างหยามเหยียด

 

และในจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอนั้นเอง ฉินเฟิงถึงสามารถคว้าโอกาส สลับตำแหน่งจากเหยื่อเป็นผู้ล่าได้

 

“ไม่ว่าจะชีวิตก่อนหรือชีวิตนี้ ยังไงวันนี้ก็ถูกกำหนดให้เป็นวันตายของแก ตายซะ!” ฉินเฟิงเยาะหยัน ง้างหมัดทุบเข้าใส่หัวของฝ่ายตรงข้าม

 

โผล๊ะ!

 

มันสมองของอีกฝ่ายลอยฟุ้งผสานไปกับหมอกเลือด ตายคาที่ทันที

 

“ไปกันต่อเถอะ”

 

ฉินเฟิงหันหลัง เดินกลับขึ้นรถศึก ก่อนจะขับจากไปก็สะบัดเปลวไฟเล็กๆตกลงบนศพของทั้งสอง

 

เพลิงโลกันต์ลุกพรึบ แผดเผาศพทั้งสองอย่างหมดจด

 

 

สถานชุมชนหลิงซาน คือหนึ่งในเมืองสำคัญที่อยู่ใกล้เคียงกับฟูเฉิง

 

เหมือนกับเมืองเฉิงหยาง ที่รอบทิศทาง เหนือ ใต้ ออก ตก จะมี 4 สถานชุมชนตั้งอยู่

 

รถศึกของฉินเฟิงขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็มาถึงถนนเลียบภูเขา

 

เขาปล่อยไป๋หลีลง แล้วให้เธอเก็บรถศึกในพื้นที่มิติ จากนั้นทั้งสองก็เดินเท้าฝ่าท่ามกลางภูเขาและป่าไม้หนาแน่น หายไปจากถนนสายหลักอย่างไร้ร่องรอย

 

แม้ว่าอีกฝ่ายจะเฉลยว่าห้องทดลองอยู่ที่ไหนแล้วก็ตาม แต่ฉินเฟิงก็ยังไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอนของมัน ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหา พลังสมาธิอันแข็งกร้าวเริ่มทำงาน ผสานไปกับอบิลิตี้มิติของไป๋หลี ทำให้การค้นหาห้องทดลอง เป็นเรื่องง่ายดาย

 

ไม่นาน ไป๋หลีก็พบสถานที่ตามหา

 

“อยู่นี่เอง!” ไป๋หลีค้นพบตำแหน่งของห้องทดลองแล้ว

 

“งั้นเธอพอจะหาตำแหน่งที่ไม่มีคนอยู่ได้ไหม?” ฉินเฟิงถาม

 

ไป๋หลีพยักหน้า ไม่นานเธอก็ค้นพบตำแหน่งที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน และนำตัวฉินเฟิงเทเลพอร์ตไปทันที

 

ฉินเฟิงรู้สึกได้ถึงการแปรผันของมิติ สภาพแวดล้อมโดยรอบเปลี่ยนแปลงไป

 

ในสายตาเขา ปรากฏเสื้อคลุมยาวสีขาวแขวนอยู่บนผนัง และเสื้อผ้าอีกมากมาย เห็นได้ชัดว่านี่คือห้องนอนของนักวิจัย

 

“ออกไปกันเถอะ แต่จำไว้ให้ดี ต้องระวังอย่าให้ใครเจอตัว”

 

ฉินเฟิงกล่าว ตามร่างกายเริ่มปรากฏชั้นรูนสีดำเข้าปกคลุม

 

สถานที่ๆฉินเฟิงยืนอยู่ ราวกับถูกเงามืดค่อยๆปกคลุมทีละน้อย ทีละน้อย ส่งผลให้ร่างกายของเขาหายไป มิอาจมองเห็นได้

 

ไป๋หลีกระโดดผ่านรูนมิติ ออกมานอกห้องนอนอย่างรวดเร็ว พบกับระเบียงทางเดิน

 

สถานที่ทดลองแห่งนี้ มีขนาดใหญ่กว่าสถานชุมชนเฉิงเป่ยเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังพลุกพล่านไปด้วยผู้คน เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดกำลังยุ่ง

 

ฉินเฟิงเดินตามใครบางคนไป เคลื่อนผ่านซ่อนเงา และเนื่องจากตนเป็นถึงเลเวล E ฉะนั้นคนพวกนี้ไม่มีใครต่อกรกับเขาได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่จะรู้สึกตัวว่าฉินเฟิงกำลังลอบติดตามอยู่

 

พวกเขาเพียงแค่เดินต่อไป และสัมผัสได้แค่ว่าเกิดความหวาดกลัวลึกๆในจิตใจ

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงเชื่อมต่อกับไป๋หลี “ไปที่ห้องมอนิเตอร์!”

 

ปัจจุบันไป๋หลีมีความรู้มากมายเกี่ยวกับของมนุษย์ ดังนั้นทราบได้ทันทีว่าห้องมอนิเตอร์หมายถึงห้องที่เต็มไปด้วยจอทีวี เธอจึงค้นหามันจนพบได้อย่างง่ายดาย

 

วูซซซ!

 

ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงและไป๋หลีหายวับไปอีกครั้ง ปรากฏกายขึ้นอีกที ก็เป็นภายในห้องมอนิเตอร์แล้ว

 

ทว่าคราวนี้ ภายในห้องมอนิเตอร์มิได้ว่างเปล่า มันมี 3 คนอยู่ที่นี่ สองในสามเป็นคนธรรมดา ที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจสอบจออย่างเป็นเรื่องเป็นราว อีกคนคือผู้ใช้พลังเลเวล F ที่กำลังนั่งเอนหลัง ผิวปากอย่างสบายอารมณ์

 

ฉินเฟิงก้าวเข้าไป ตวัดมีดเฉือนอย่างไม่ลังเล

 

ผู้ใช้พลังเลเวล F คล้ายตระหนักได้ถึงอันตราย สองตาเบิกโพลง ม้วนตัวกลิ้งเพื่อหลบเลี่ยง

 

ฉัวะ!

 

ภายใต้คมมีด ผู้ใช้พลังเลเวล F แม้หลบเลี่ยงแต่ก็ยังถูกฟันใส่อยู่ดี ถึงจะเบี่ยงจุดสำคัญไปได้ แต่ก็ไม่พ้นความตาย!

 

เลือดสาดกระจายเต็มหน้าจอ คนธรรมดาทั้งสองก็รู้ตัวแล้วเช่นกัน พวกเขาหันกลับมามองฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงไม่ลังเล ตวัดสองคมมีดออกไป

 

และทั้งสองก็จบชีวิตลงอย่างรวดเร็ว

 

โชคยังดีที่ฉินเฟิงเร็วมากพอ ไม่ทันมีเวลาให้อีกฝ่ายส่งเสียงใดๆ ดังนั้นจึงไม่มีใครค้นพบพวกเขา

 

ฉินเฟิงกวาดมองไปตามหน้าจอต่างๆ แล้วก็พบว่า ในกล้องวงจรปิดที่คนธรรมดาทั้งสองกำลังดูอยู่ คือระเบียงทางเดิน ซึ่งบนจอ สถานที่แห่งนั้นมิได้ดูพิเศษใดๆ

 

แต่บนจอที่ผู้ใช้พลังเลเวล F กำลังดูอยู่เมื่อครู่ กลับแตกต่างออกไป

 

ในบรรดาหน้าจอเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเชื่อมโยงกันจนไปถึงห้องทดลอง ทั้งยังห้องกักขัง

 

ซึ่งภายในเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายที่ถูกแช่แข็ง ไม่ก็มนุษย์ที่ถูกขังอยู่ในกรง

 

ยิ่งไปกว่านั้น อีกห้องหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นห้องขังกลุ่มเขี้ยวทารก สัตว์ร้ายตัวแรกที่ฉินเฟิงพบเจอเมื่อครั้งได้ย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่ …

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด