โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 217

Now you are reading โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 Chapter 217 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Provider : Muntra

 

 

วันนี้ลง 2 ตอน 217 218

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.217 – ช่วงชิงตัวเชื่อมต่อมิติ

 

ในเวลานี้ รถศึกล่องเวหาคันแล้วคันเล่าขับเคลื่อนอย่างบ้าคลั่ง จนโผล่พ้นนอกกำแพงเมืองไห่ 

 

คนในรถคันแรกพยายามขับหนีสุดชีวิต ขณะเดียวกันก็คอยหลบเลี่ยงการโจมตีนับไม่ถ้วนที่พรั่งพรูเข้ามา

 

และเนื่องจากไม่มีถนนคอยขวางกั้นอีกต่อไป รถคันอื่นๆที่กำลังไล่ตามจึงสามารถเร่งความเร็วจนย่นระยะแทบประชิดรถคันแรก

 

สำหรับชาวเมืองไห่ เกรงว่าพวกเขาคงไม่เคยเห็นรถศึกระดับสูงจำนวนมากประชันความเร็วกันเช่นนี้มาก่อน มันเป็นความเร็วที่พุ่งทะยานขึ้นถึงขีดสุด บ้างเบียดกัน บ้างถึงขั้นกระแทกกันอย่างไร้ปราณี และรถล่องเวหาของใครที่พลิกคว่ำ ก็จะถือว่าล้มเหลวในการช่วงชิงครั้งนี้

 

ปัง!

 

ปังปังปังปัง!

 

วู้มมม!

 

ทั้งไรเฟิล ปืนกลหนัก และปืนใหญ่ต่างถูกระดมยิงออกไป พริบตาเดียว รถล่องเวหากว่า 3 – 4 คันที่กำลังประชันความเร็วก็ถูกระเบิดหลุดจากเส้นทาง

 

ฉากสงครามดังกล่าวนี้ ส่งผลให้กระทั่งฮั่นเจียนและชิหลงยังรู้สึกเสียขวัญเล็กน้อย เกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจว่าพวกเขาจะโดนลูกหลงไปด้วยหรือไม่ 

 

แต่ทั้งหมดมั่นใจว่าพวกตนย่อมไม่ใช่กลุ่มแรกๆที่ถูกเขี่ยทิ้งอย่างแน่นอน!

 

มือปืนภายในรถล่องเวหาคันแรกที่กำลังส่งคลื่นความผันผวนของกระแสมิติออกมา สุดท้ายก็ไม่อาจฝืนรับมือจากการระดมโจมตีของทุกคนได้ พลังสมาธิของเขาถูกเร่งเร้าจนเกินขีดจำกัด 

 

วินาทีต่อมา กระสุนปืนใหญ่หลายนัดก็ตกลงบนรถศึกของเขา

 

เปรี้ยง เปรี้ยง!

 

โล่พลังงานของรถศึกปรากฏขึ้นทันที เพื่อป้องกันความปลอดภัยของรถ แต่มันก็พังทลายลงในชั่วพริบตา ตกอยู่ท่ามกลางดงกระสุนปืน 

 

ชายในรถกระโจนออกมา แต่มันก็เท่านั้น เพราะเขาถูกปิดล้อมโดยสิ้นเชิง

 

“ในเมื่อพวกแกต้องการมันนัก งั้นก็ไปแย่งกันเอง!” จู่ๆชายคนนั้นก็โยนแผ่นหินที่ใช้เชื่อมต่อมิติขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างกระทันหัน

 

ผู้คนเกือบทั้งหมดที่ไล่ตามมาพลันเคลื่อนไหว โฉบลงจากรถ ระเบิดอำนาจในกายตนโถมเข้าหามัน

 

กำลังภายในจำนวนมหาศาลยื้อยุทธกันและกัน ผลพวงของมันบดขยี้แผ่นหินจนแหลกในพริบตา

 

เปรี้ยง!

 

แผ่นหินพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ รูนสีเงินแตกกระเจิงไปทั่วบริเวณโดยรอบ

 

อากาศที่ว่างเปล่าบนท้องฟ้าเริ่มเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อตัวเป็นกระแสวังวนที่ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บิดเบือนมิติจนเกิดเป็นช่องว่างสีดำที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 10 เมตร

 

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!”

 

อุปกรณ์สื่อสารของทุกคนสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง

 

แจ้งเตือนพวกเขาว่าช่องว่างมิติได้ปรากฏขึ้น

 

และผู้คนไม่มัวเสียเวลาคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับมัน กระโจนมุ่งหน้าเข้าไปทันที!

 

ทางกลุ่มฉินเฟิงก่อนหน้ามิได้ลงจากรถ เวลานี้รถลิมูซีนสุดหรูถูกกระทืบคันเร่ง ระเบิดความเร็วอย่างกระทันหัน เหินเข้าสู่ช่องว่างมิติโดยตรง

 

“อ้าว สุดท้ายก็เข้ามาได้ง่ายๆเฉยเลย” ฮั่นเจียนอุทานอย่างไม่คาดฝัน เขาไม่คิดเลยว่าทุกอย่างมันจะราบรื่นแบบนี้

 

ฉินเฟิงมิได้กล่าวคำใด แต่การที่ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างราบรื่น ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

 

เพราะอันที่จริงแล้ว ทั้งหมดนี้มันคือแผนสมรู้ร่วมคิด! 

 

และเขาคือหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด(หมายถึงล่วงรู้แผนการแต่ไม่ยอมเตือนใคร) ที่แม้ไม่ได้ลงมือใดๆ แต่ก็สามารถคว้าผลลัพธ์ได้ตามต้องการ!

 

ปัจจุบัน เกาะอันงดงามได้ปรากฏสู่สายตาแล้ว!

 

“เข้ามาได้ง่ายๆก็จริง แต่คงยากที่จะออกไป คุณลองนึกดูดีๆสิ ว่าพวกเราไม่มีอุปกรณ์มิติบันทึกพิกัดเมืองไห่เฉิงนะ แล้วทีนี้พวกเราจะกลับกันอย่างไรดี?” ฉินเฟิงกล่าวเบาๆ

 

สีหน้าของฮั่นเจียนกับชิหลงแปรเปลี่ยนไป ทั้งสองเอี้ยวตัวหันกลับไปมองข้างหลัง

 

ทั้งคู่พบว่าขณะนี้ หลังจากที่ฉินเฟิงขับรถพุ่งนำเข้ามา ก็มีรถล่องเวหาอีกหลายคันเหยียบคันเร่งเข้าตาม ทั้งยังมีคนอื่นๆที่เพิ่งลงจากรถ ตัดสินใจกระโจนเข้ามามากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

 

“ช่องว่างมิตินี้ มันน่าจะอยู่ได้อีกสักพัก ยังพอมีเวลาให้พวกเราออกล่าสมบัติ .. ” ฮั่นเจียนกล่าวด้วยความกังวล

 

ทว่าเมื่อเสียงนี้ตกลง ช่องว่างมิติก็เริ่มหดตัวอย่างรวดเร็ว และหายวับไปในพริบตา

 

ผู้ใช้พลังที่เข้ามา ทั้งหมดต่างเหลียวมองมันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

 

ทันใดนั้นในหัวใจของพวกเขาก็เริ่มเกิดความสับสนและตื่นตระหนก

 

อย่างไรก็ตาม ไม่นานสายตาของพวกเขาก็ล็อคเป้าลงไปยังใครบางคน 

 

ซึ่งบางคนที่ว่า ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าคือเจ้าของอุปกรณ์บันทึกพิกัด ผู้ที่เคยใช้จ่ายเงินนับ 100 ล้านเพื่อซื้อตั๋วขามาและขากลับนั่นเอง

 

“ทุกท่าน ไหนๆพวกเราก็มายังเกาะนี้เพราะเป้าหมายในการตามหาสมบัติล้ำค่ากันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้อะไรกันเลย ดังนั้นอย่าเพิ่งทะเลาะกันจะดีกว่า ไว้ฉันจะแบ่งพิกัดกลับเมืองไห่ให้ทุกคนเอง แบบนี้จะดีกว่าไหม?”

 

การที่สามารถมาถึงเลเวล E ได้ นั่นหมายความว่าพวกเขาย่อมไม่ใช่คนโง่ เพียงเห็นถึงวิกฤตในปัจจุบันก็เข้าใจทันที และกล่าวอย่างรวดเร็วว่าตนจะแบ่งพิกัดรูนมิติให้

 

“ใช่แล้วล่ะ เมื่อทุกคนมีรูน การจะกลับไปมันก็ไม่ใช่ปัญหา!”

 

“บนเกาะแห่งนี้เองก็เต็มไปด้วยอันตราย ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นก็ได้ ฉะนั้นอย่าเพิ่งทะเลาะกันเองเลย!”

 

เมื่อได้ยินถึงประโยคนี้ หลายคนเลยล้มเลิกเจตนาที่จะเข่นฆ่าแย่งชิงตั๋วขากลับกัน

 

เพราะหลังจากได้รับแบ่งปันพิกัดรูนมิติแล้ว ตราบใดที่หาวัสดุมิติมาได้ คุณก็จะสามารถสร้างตัวเชื่อมมิติและใช้มันหาทางกลับได้

 

อย่างไรก็ตาม ทุกท่านเกิดข้อสงสัยกันใช่หรือไม่ ว่าวัสดุมิติที่ว่ามันจะหาได้ง่ายๆขนาดนั้นเชียวหรือ? คำตอบคือไม่ยากเลย หากหาไม่เจอก็แค่ทำการแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์มิติของตัวเองมาใช้เป็นวัสดุก็พอแล้ว!

 

แม้จะยังไม่ถึงขั้นต้องทำถึงขนาดนั้น แต่เวลานี้สีหน้าของทุกคนที่มองกันและกันก็เขม็งเกร็ง แลดูน่าเกลียด ทั้งหมดเริ่มทยอยกันไปบันทึกพิกัดมิติ แม้ตนจะไม่เข้าใจความหมายของพิกัด และไม่สามารถอ่านมันออกได้ แต่ก็ยังสามารถบันทึกลงในอุปกรณ์สื่อสาร

 

เหล่าผู้ที่ถือครองตั๋วขากลับพากันถอนหายใจโล่งอก เพราะนี่เท่ากับสามาถรับรองความปลอดภัยของตนไปได้อีกระยะหนึ่ง

 

หลังจากบันทึกพิกัด บางคนก็แยกย้ายกันไป ในขณะที่ผู้คนจากแต่ละสามเฉิงเริ่มรวมกลุ่มกัน ชิหลงปฏิเสธการชักชวนจากคนเมืองฟูเฉิง และตั้งใจจะติดตามฉินเฟิง

 

เพราะเขาทราบดีถึงความแข็งแกร่งของฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงกวาดตามองสภาพแวดล้อมโดยรอบ และพบว่าตำแหน่งที่ตนอยู่ คือริมหาดทะเล สีหน้าของเขาก็พลันซีดลง

 

“เร็วเข้า พวกเราจะเข้าไปในป่า” ฉินเฟิงกล่าวเสียงจม

 

ฮั่นเจียนเกิดข้อสงสัย “แต่ที่นี่ดูปลอดภัยดี พวกเราจะไม่พักผ่อนตอนกลางคืนกันหรือ? ค่อยเข้าไปตอนรุ่งเช้าก็ได้รึเปล่า? บอกตามตรงว่าถ้าให้เข้าไปตอนนี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะเจออันตรายอะไรบ้าง”

 

ฉินเฟิงส่ายหัว ปฏิเสธความเห็นนี้อย่างจริงจัง

 

“เชื่อผมเถอะ เข้าไปดีกว่า!”

 

ฮั่นเจียนทำได้เพียงพยักหน้า ก้าวลึกเข้าไปในเกาะเล็กน้อย ตัดสินใจตั้งแคมป์พักผ่อนกันในป่า

 

แม้พวกเขาจะไม่เหนื่อยล้า เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้กระโจนร่วมวงต่อสู้ แต่ความมืดมิดส่งผลต่อประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกเขาอย่างมาก และบางทีอาจจะพลาดไม่เห็นสมบัติได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจรอกันจนถึงรุ่งเช้า

 

 

ช่วงเวลาตีสี่ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวเล็กน้อย แต่ในตอนนั้นเอง กลับปรากฏเสียงกรีดร้องดังผ่านเข้ามาในอากาศ ปลุกเหล่าผู้ใช้พลังเลเวล E ให้ตื่นขึ้น

 

ฉินเฟิงผุดลุกทันใด คนอื่นๆทยอยกันเปิดถุงนอนแล้วตามเขาออกไป

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ฮั่นเจียนสงสัย

 

ชิหลงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ ติดตั้งปืนไรเฟิลกำลังสูงในมือ แนบตาลงบนลำกล้อง มองไกลออกไป

 

ไม่นาน ต้นตอของเสียงร้องก็ปรากฏชัดในสายตาของเขา มันคือฉากน่าสยดสยองสุดบรรยาย!

 

ณ บริเวณชายฝั่ง ในเวลานี้มีสัตว์ร้ายน่าหวาดกลัวปรากฏกายขึ้น!

 

สัตว์ร้ายเหล่านี้มีลักษณะคล้ายกับจระเข้ ขนาดยาวกว่า 5 เมตร แต่ละตัวมีขนาดใหญ่โต สับเท้าไปทั่วชายหาด วิ่งอย่างเบิกบานอารมณ์คล้ายที่แห่งนี้คือสรวงสวรรค์ของพวกมัน

 

ตรงกันข้ามกับบรรดาผู้ใช้พลังเลเวล E ที่ราวกับตกนรก เพราะเป็นทั้งหมดเองที่บุกรุกอาณาเขตของพวกมัน ทั้งยังเลือกที่จะหลับนอนริมหาด เลยตกเป็นอาหารเช้ามื้อพิเศษไป

 

ฝูงสัตว์ร้ายกระโจนล่าสังหารอย่างรวดเร็ว

 

“พวกมันคือสัตว์ร้ายจระเข้มังกร!”

 

ชิหลงถอนสายตากลับมา ตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 

ในบรรดาสัตว์ร้ายระดับสูงทั้งหมด ไม่ว่าตนใดที่มีคำว่ามังกรพ่วงอยู่ด้วย นั่นหมายถึงการดำรงอยู่ที่ไม่สมควรตอแย

 

“สัตว์ร้ายจระเข้มังกร? ใช่สายพันธ์ระดับสูงที่เกิดมาก็ครอบครองระดับทหารสัตว์ร้ายเลยรึเปล่า? มันเป็นสัตว์สังคมที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง และเมื่อโตเต็มวัยจะมีเลเวล E !” 

 

หลิงหวูยี่เอ่ยปาก ถึงตนจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมากว่า 5 ปี แต่เขาก็ยังไม่ลืมเลือนคำสอนที่เคยร่ำเรียนมา

 

แม้เขาจะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนายพลสัตว์ร้าย แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝูงทหารสัตว์ร้าย ชะตากรรมตนคงไม่พ้นกลายเป็นอาหารในปากของพวกมัน

 

ในเวลานั้นเอง ดวงตาของฉินเฟิงพลันทอประกายสว่างวาบ !

 

เพราะจระเข้มังกรที่กำลังอาละวาดคลั่ง ได้ตกเป็นเป้าหมายในการล่าของเขาในครั้งนี้ซะแล้ว!

 

“เตรียมพร้อมต่อสู้!”

 

ฉินเฟิงคว้าอาวุธประจำกายตนออกมาจากอุปกรณ์รูนมิติ ข้างขวาเป็นมีดกษัตริย์คราม ข้างซ้ายเป็นกรงเล็บเพลิงสีชาด สองอุปกรณ์รูนประกบซ้ายขวาฉินเฟิง ขับดันให้เขาดูทรงอำนาจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด