โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 398

Now you are reading โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 Chapter 398 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.398 – คำถามของเกาหยูคัง

 

เกาหยูคังเอ่ยออกมาเช่นนี้ เจ้าตัวก็เกรงอยู่เหมือนกัน ว่าฉินเฟิงจะคิดว่าเขาตัดเยื่อใย

 

“ฉินเฟิง ความหมายของฉันก็คือ อยากจะให้คุณลองเปลี่ยนเป็นเป้าหมายอื่น”

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับผู้การรัฐเกา เอาไว้พวกเราค่อยร่วมมือกันอีกทีในอนาคตก็ได้ ไม่ต้องคิดมากหรอก”

 

ฉินเฟิงพอจะรู้ว่าเกาหยูคังกำลังคิดอะไรอยู่

 

เกาหยูคังยังคงเคลือบแคลงในตัวฉินเฟิง ว่าเขามีความสามารถมากพอจะสังหารจักรพรรดิหวันเซี่ยงได้จริงหรือไม่

 

จักรพรรดิหวันเซี่ยง คือเผ่าพันธุ๋สัตว์ร้ายที่มีขนาดใหญ่โต ทั้งยังมีจำนวนประชากรในฝูงมหาศาล 

 

คราวก่อนที่กลุ่มเล่ยถังยอมปล่อยพวกฉินเฟิงและคนอื่นๆไปอย่างง่ายดาย นั่นเพราะพวกเขาเห็นแต่ไกล ว่าสัตว์ร้ายที่ถูกดึงดูดเข้ามาโจมตีคือช้างโบราณเลเวล D

 

อีกฝ่ายหวั่นเกรงเผ่าพันธุ์นี้ ว่าจะชักนำจักรพรรดิสัตว์ร้ายเข้ามาโจมตี!

 

อธิบายถึงจุดนี้ ทุกท่านคงพอจะคาดเดากันได้แล้ว ใช่! จักรพรรดิหวันเซี่ยงที่ว่า แท้จริงแล้วมันคือช้างโบราณ! เป็นช้างสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งที่สุดในฝูง ครอบครองความสูงกว่า 20 เมตร ยาวกว่า 40 เมตร เป็นเจ้าเหนือหัวของเทือกเขา

 

มันโจมตีเพียงครั้ง สามารถถึงขั้นสั่นสะเทือนทั้งขุนเขาและผืนดิน 

 

การดำรงอยู่ดังกล่าว น่ากลัวว่ากระทั่งผู้ใช้พลังเลเวล B ยังต้องคิดให้รอบคอบหากลงมือ

 

เพราะคนเหล่านั้น ตระหนักดีว่าตนคือมนุษย์ตัวเล็กจ้อย หากถูกเหยียบย่ำขึ้นมา คิดว่าคงไม่รอดเหมือนกัน

 

ในขณะที่ฉินเฟิงเป็นแค่เลเวล D เท่านั้น ต่อให้สนิทกัน แต่เกาหยูคังคิดจริงๆ ว่าฉินเฟิงผยองในฝีมือตนมากเกินไป

 

ฉินเฟิงไม่คิดเปลี่ยนแปลงเป้าหมาย ช่วงนี้เขายังศึกษาศัตรูมาพอสมควร และวางแผนที่สามารถบรรลุภารกิจได้สำเร็จเอาไว้แล้ว

 

ดังนั้น เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมเปลี่ยนความคิด ข้อเสนอในการร่วมมือครั้งนี้เลยเป็นอันตกไป

 

วันต่อมา ฉินเฟิงนำกองทหารรับจ้างเฟิงหลี มุ่งหน้าลึกเข้าไปในเทือกเขาหลงฉวน

 

และเป็นอีกครั้งที่เล่ยหยิงได้รับข้อมูลนี้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะนิ่งเฉย

 

“ท่านประธาน พวกเราควรลอบติดตามไปด้วยหรือไม่?” ผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ยถาม

 

“ลอบติดตาม? ตามไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา!” เล่ยหยิงตะโกนเกรี้ยวกราด ระบายความโกรธใส่ลูกน้องตน

 

ลูกน้องหดตัวลีบ ไม่กล้าเอ่ยเรื่องนี้อีก “ขะ .. ขอรับ! ขออภัยที่ล่วงเกิน”

 

เอ่ยจบ เขาก็เร่งถอยจากสำนักงานของเล่ยหยิง และถ่ายทอดคำพูดของเล่ยหยิงออกไปทันที

 

คนของกลุ่มเล่ยถัง มองหน้ากันไปกันมาด้วยความตกใจเล็กน้อย

 

“เจ้าฉินเฟิงที่ว่านี่ มันแข็งแกร่งมากถึงขนาดนั้นเลยหรือ?”

 

“แกร่งซีวะ เขาเป็นคนฆ่าเล่ยชางเชียวนะ ถ้าอิงตามอารมณ์ในครั้งก่อนๆของท่านประธาน เจ้าฉินเฟิงคงถูกบุกสังหารตั้งนานแล้ว”

 

“งั้นทำไมตอนนี้ถึงฆ่ามันเลยไม่ได้เล่า?”

 

“ชู่ว! ระวังคำพูดหน่อย อย่าให้ท่านประธานได้ยินเชียว”

 

ในหัวใจของพวกเขาตระหนักชัด ว่าหากคำพูดเหล่านี้ หลุดไปถึงหูของเล่ยหยิง มันจะน่ากลัวขนาดไหน

 

อย่างไรก็ตาม หากไม่ลงมือทำสิ่งใดเลย ด้วยนิสัยของเล่ยหยิง เขาคงอึดอัดจนขาดใจตาย!

 

ครั้งก่อนที่ถูกไล่ล่าโดยสัตว์ร้าย สมาชิกของเขาได้รับบาดเจ็บหนักถึง 5 คน กว่าจะฟื้นตัว ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 เดือน ห้วงอารมณ์ของเล่ยหยิงบูดบึ้ง คล้ายไม่อาจกล้ำกลืนความรู้สึกนี้ลงได้

 

แต่เกรงว่าในกลุ่มเล่ยถัง คงมีเพียงเล่ยหยิงคนเดียวที่เข้าใจ ว่าไอ้บัดซบฉินเฟิงมิใช่คนที่สมควรตอแย

 

“แต่ถ้าปล่อยให้ไอ้สารเลวน้อยนี่เติบโตขึ้น มันจะไม่กลายเป็นภัยคุกคามต่อฉันหรอกหรือ?”

 

ในแววตาของเล่ยหยิง สะท้อนไปด้วยประกายมุ่งร้าย

 

เขากำลังวางแผนการในจิตใจ ว่าจะติดต่อกลุ่มอื่นๆ ให้ร่วมมือกันสังหารฉินเฟิง!

 

 

รอบนอกเทือกเขาหลงฉวน สัตว์ร้ายนับวันยิ่งเพิ่มพูนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับผู้คน

 

ระหว่างเดินทางก่อนจะถึงเป้าหมาย มักเจอสัตว์ร้ายเข้ามาขัดขวาง ฉินเฟิงไม่ต้องการเสียเวลาบนท้องถนนอีกต่อไป

 

“ทุกคนหยุดก่อน ไปเรียกมือปืนด้านหน้ากลับมาด้วย” ฉินเฟิงเอ่ยขึ้น

 

ทุกคนมารวมตัวกัน มือปืนที่คอยสังเกตการณ์บนต้นไม้ใหญ่ข้างหน้ากลับมารวมกลุ่ม

 

สายตาของฉินเฟิง กวาดมองทุกผู้คน

 

ปัจจุบัน คนที่กำลังติดตามฉินเฟิงในตอนนี้ มีเลเวล D อยู่ทั้งสิ้น 40 คน ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่อ่อนแอ ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ออกล่าด้วยกัน ทำให้ฉินเฟิงรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี

 

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ คนเหล่านี้ คาดว่าในอนาคต ทั้งหมดจะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ของฉินเฟิง ไม่มีการคิดทรยศ!

 

นั่นเพราะร่างกายของพวกเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ

 

และมีเพียงฉินเฟิงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ สามารถช่วยให้พวกเขาเกิดความรู้สึกว่าตนยังมีที่พักพิง

 

ฉินเฟิงขบคิดชั่วขณะ ก่อนกล่าว “อันที่จริงผมมีความลับที่ยังปกปิดเอาไว้ หวังว่าทุกคนจะไม่ถือโทษโกรธกัน แน่นอน บางคนอาจจะพอเดาได้แล้ว ดังนั้นตอนนี้ ผมจะไม่ปิดบังทุกคนอีกต่อไป”

 

ฉินเฟิงวาดมือ เร่งเร้าพลังสมาธิ บนปลายนิ้วเขา ปรากฏรูนมืดสีดำขนาดเท่ากำปั้นขึ้น

 

“ตั้งแต่ที่อบิลิตี้ของผมตื่นขึ้น มันก็ถูกปลุกพร้อมกันถึงสองธาตุ แต่เนื่องจากอบิลิตี้มืดมันพิเศษเกินไป ผมเลยเลือกที่จะเปิดเผยแค่เฉพาะอบิลิตี้ไฟ”

 

สมาชิกกองทหารรับจ้าง เมื่อเห็นกลุ่มอากาศอันมืดมิดบนมือฉินเฟิง สมองพลันกลายเป็นด้านชา บางคนก็ร้องอ้อทันที บางคนรู้สึกตกใจ มีแม้กระทั่งบางคนที่อิจฉา!

 

แค่เฉพาะเพลิงกลายพันธุ์ของนกยูงก็น่าอิจฉามากพออยู่แล้ว แต่นี่เขายังครอบครองอบิลิตี้สองประสานอีก มองยังไงก็เป็นคนที่สวรรค์โปรดปราณชัดๆ!

 

“ฉันเคยคิดอยู่เหมือนกัน ว่าสีเปลวไฟของหัวหน้ามันดูแปลกๆ ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้ามักจะเรียกมันว่าเพลิงโลกันต์ ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นอบิลิตี้ไฟกลายพันธุ์ซะอีก ที่แท้ก็เป็นทักษะฟิวชั่นน่ะเอง”

 

“หัวหน้าจะเก็บเป็นความลับก็ไม่แปลก มีใครบ้างเล่าที่ไม่เก็บงำไพ่ตาย!”

 

“นั่นสิ อบิลิตี้มืด จะดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนใช้มัน ไม่มีใครถือโทษ โกรธหัวหน้าหรอก”

 

ฉินเฟิงเห็นการตอบสนองของฝูงชน ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

 

ในตอนแรกที่เขาได้รับการปลุกพลัง ฉินเฟิงไม่คิดเปิดเผยอบิลิตี้นี้ออกไป เพราะมีองค์กร Z เป็นดั่งกิโยตินลอยอยู่เหนือหัว ฉินเฟิงกลัวว่าในช่วงเวลาที่ความแข็งแกร่งของเขาต่ำเกินไป จะถูกทำรายโดยพวกเจตนาชั่ว ดังนั้นจึงปิดบัง เพื่อมิให้เกิดความผิดพลั้งซ้ำรอยเดิม

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเขามีพลัง แข็งแกร่งมากพอแล้ว ดังนั้นการปกปิดมัน ไม่จำเป็นอีกต่อไป

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เกิดการต่อสู้กับกลุ่มเล่ยถัง ฉินเฟิงได้สังหารเล่ยเต๋าผู้ใช้อบิลิตี้มืดไป ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถใช้มันได้อย่างเปิดเผย ฉะนั้นทำไมเขาถึงใช้ไม่ได้เล่า?

 

“ขอบคุณทุกคนมาก เอาล่ะ ต่อไปนี้จะเข้าเรื่องกันแล้ว ผมขอเอ่ยแบบรวบรัด : ผมจะใช้อบิลิตี้มืดซ่อนกองกำลังของพวกเรา จะได้เดินทางอย่างสะดวกรวดเร็ว”

 

แผนของฉินเฟิงในครั้งนี้ค่อนข้างใหญ่ และจำเป็นต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน

 

ถึงตอนนี้ยังไม่มีกองกำลังไหนเริ่มลอบติดตามพวกเขา แต่เมื่อฉินเฟิงเริ่มเคลื่อนไหว ข่าวของเขาย่อมแพร่กระจายออกไป

 

ดังนั้นสิ่งที่ฉินเฟิงต้องการ คือการสร้างความแตกต่างทางด้านเวลา เมื่อไหร่ที่คนเหล่านั้นได้รับข้อมูล และเริ่มออกจากสถานชุมชนที่ 3 ตรงมายังตำแหน่งของพวกเขา คาดว่าจะใช้เวลาสามวัน!

 

ดังนั้น ฉินเฟิงต้องเร่งความเร็วยิ่งกว่าเดิม

 

บทสนทนาระหว่างฉินเฟิงกับเกาหยูคังก่อนหน้านี้ มิได้ปกปิดเป็นความลับแต่อย่างใด ฉินเฟิงไม่หวาดกลัวจักรพรรดิหวันเซี่ยง แต่หวาดกลัวกรณีถูกลอบทำร้าย

 

“เริ่มเดินทางต่อเถอะ”

 

ฉินเฟิงออกคำสั่ง พลางปลดปล่อยอบิลิตี้มืดจากร่างกาย แปรสภาพเป็นหมอกจางๆ ปกคลุมสมาชิกทุกคน

 

ทั้งหมดพบว่าพวกเขาสามารถมองเห็นด้านนอกของหมอกได้อย่างชัดเจน แต่สัตว์ร้ายจากภายนอกกลับไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของพวกเขาได้อีกต่อไป ยกเว้นในกรณีที่อยู่ระยะประชิด 

 

ความเร็วในการเดินทางของกองกำลังเฟิงหลีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก บวกกับฉินเฟิงเป็นคนนำทาง พวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็มาถึงภูเขาเป้าหมาย

 

หุบเขานี้มีความลึกกว่า 60 เมตร กว้าง 30 เมตร ยาวกว่า 3,000 เมตร สภาพแวดล้อมรอบตัวยากที่จะซ่อน อีกทั้งยังมีแร่ธาตุชนิดพิเศษ

 

แร่ของที่นี่ เป็นวัตถุดิบเลเวล E

 

ทั้งๆที่น่าจะมีมูลค่าพอสมควร แต่กลับแทบไม่มีใครกล้ามาเก็บกู้พวกมัน

 

นั่นเพราะสถานที่แห่งนี้ คือที่อยู่อาศัยของแม่พันธุ์แมงมุมขาเหล็กอันน่าสะพรึง!

 

แน่นอน แม่พันธุ์แมงมุมตัวนี้ มิใช่เป็นแค่เลเวล F เหมือนกับที่ฉินเฟิงเคยพบเจอในเมืองหาน แต่มันเป็นเลเวล D!

 

เป็นแม่พันธุ์แมลงเลเวล D !

 

“ตอนนี้ผมจะประกาศแผนการ” ฉินเฟิงกล่าว เปิดแผนที่บนอุปกรณ์สื่อสาร และขยายมัน

 

“เป้าหมายของผมในคราวนี้คือจักรพรรดิหวันเซี่ยง ประชากรในฝูงของมันมีราวๆ 2,000 ตัว และทุกตัวมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นคราวนี้ พวกเราจะใช้กลยุทธอาศัยประโยชน์จากภูมิประเทศตรงจุดนี้ซุ่มโจมตี!”

 

ทุกคนรับฟังแผนการของฉินเฟิงอย่างจริงจัง

 

แม้เกาหยุคังจะไม่เชื่อมั่นใจตัวฉินเฟิง แต่พวกเขาเชื่อมั่นสุดหัวใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด