โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 406
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.406 – เข้าร่วมเฟิงหลี
ฉินเฟิงและคนอื่นๆอยู่ในแนวหน้า ในกรณีที่เขาเผชิญกับศัตรูต่างมิติ หรือถูกใครบางคนไล่ล่า ซื่อฉิงไม่เชื่อว่าเลเวล D กลุ่มนี้จะสามารถหนีรอดไปได้
“ขอบคุณท่านนายพล” ฉินเฟิงไม่เก็บความคิดมองโลกในแง่ร้ายของอีกฝ่ายมาใส่ใจ กดปิดอุปกรณ์สื่อสารไป
วันต่อมา หรือหากจะให้พูดเป๊ะๆคือ 23 ชั่วโมง ฉินเฟิงกับสมาชิกที่เหลือของเกาหยูคังขยับเท้าตลอดเวลา ไม่มีใครหยุดพัก
จนสามารถกลับมาถึงสถานชุมชนหลงฉวนที่ 3 ได้ในที่สุด
เมื่อมาถึงที่นี่ พวกเขาสามารถเรียกใช้ฮอลศึกเพื่อบินกลับไปยังเมืองหลงฉวนได้โดยตรง อย่างน้อยที่นั่นก็มีผู้ใช้พลังเลเวล B คอยคุ้มครอง
อย่างไรก็ตาม ภายในสถานชุมชนที่ 3 เวลานี้เกิดความวุ่นวายไปทุกหนแห่ง ทั้งหมดกำลังอพยพกันอย่างเต็มที่ ยังไม่พอ ปัจจุบันในสถานชุมชนยังประกาศกฏอัยการศึก!
ผู้ใช้พลังเลเวล C ขึ้นไปจะถูกบังคับให้เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ ส่วนผู้ใช้พลังเลเวล D หากสมัครใจเข้าร่วม จะได้รับเงินรางวัลที่สูงมาก แต่ก็ต้องรับผลเสี่ยงมากๆที่กำลังจะตามมาให้ได้ด้วยเช่นกัน
ฉินเฟิงกับไป๋หลี แน่นอนว่าสมัครเข้าร่วมการต่อสู้นี้
…
ณ โรงแรมหรูหราที่สุดในสถานชุมชนที่ 3 มีคนกลุ่มหนึ่ง มารวมตัวกันอยู่ในห้องเดียว
–เป็นสมาชิกที่เหลือของเกาหยูคัง
ตอนนี้พวกเขาเหลือกันแค่สิบคนเท่านั้น
สีหน้าของเจิ้งเฉียนเคร่งขรึมจริงจัง กวาดมองสมาชิกที่เหลือและกล่าว “ทุกคนคงได้ยินข่าวแล้ว พันธมิตรมนุษยชาติประกาศกฏอัยการศึก วางแผนจะปกป้องที่นี่ ต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา และฉันตั้งใจจะรั้งอยู่ที่นี่ เลยอยากจะถาม ว่าทางพวกนายจะเอายังไง?”
“เรื่องนี้ยังต้องถามอีกหรือ? พวกมันฆ่าหัวหน้า พวกเราต้องแก้แค้น!”
“ฉันจะทำให้พวกมันทั้งหมดต้องตาย!”
“แก้แค้น!”
คนที่เหลือ ไม่มีใครยอมจากไป!
แม้จะรู้สึกดีใจ แต่เจิ้งเฉียนกลับรู้สึกเศร้ามากกว่า
“ฉันรู้ ว่าทุกคนอยากล้างแค้นให้หัวหน้า” เจิ้งเฉียนสูดหายใจลึก แต่อารมณ์ในน้ำเสียงกลับตรงกันข้าม “แต่! ร่างของหัวหน้ายังไม่เย็นเลย ถ้าพวกเรารีบไปตาย แบบนั้นไม่เท่ากับว่าการเสียสละของเขาสูญเปล่าหรอกหรือ”
หัวข้อสนทนาจู่ๆก็กลายเป็นหนักอึ้งขึ้นทันที
ทุกคนแข็งค้าง ราวกับถูกสาดใส่ด้วยน้ำเย็น หัวใจเริ่มรู้สึกด้านชา
เพราะอย่างไรเสีย พวกเขาทราบดี ว่าด้วยความแข็งแกร่งของตน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะล้างแค้นให้หัวหน้า
เผ่ากริมแข็งแกร่งมาก แต่ละตัวล้วนอยู่ในระดับผู้ใช้พลังเลเวล C ทั้งจำนวนที่มา อาจเป็นกองทัพ ซึ่งตัวเลขดังกล่าว มันทำให้ผู้คนรู้สึกหมดหวัง
จริงอยู่ที่เดิมทีเจิ้งเฉียนสามารถพาคนที่เหลือหลบหนีไปได้ แต่ตอนนี้ เธอได้ขึ้นเป็นเลเวล C แล้ว ฉะนั้นถูกบังคับให้ต้องต่อสู้ และหากไม่มีเจิ้งเฉียน สมาชิกทีมคนอื่นๆอาจไม่ปลอดภัย
หลังจากวิเคราะห์จนถึงขั้นสุดท้าย เจิ้งเฉียนเพิ่งก้าวขึ้นสู่เลเวล C รากฐานของเธอยังไม่มั่นคง ไม่สามารถเทียบเปรียบประสิทธิภาพการต่อสู้กับเกาหยูคังได้
“พวกเราจะต้องจากไปทั้งๆแบบนี้จริงๆหรอ? ทำแบบนั้น ฉันรู้สึกว่าความตายของหัวหน้าจะไม่ได้รับความยุติธรรม” เสียงของสมาชิกคนหนึ่งเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
เจิ้งเฉียนเงียบไป ลูบไล้อุปกรณ์รูนมิติในมือ ซึ่งมีศพของเกาหยูคังอยู่ภายใน
พวกเธอมีเวลาทำได้แค่ซื้อโลงศพคริสตัลให้แก่เขา แต่ไม่มีเวลามากพอที่จะช่วยเผาศพ!
นี่คือเลเวล C ทั้งยังเป็นผู้การรัฐ ดังนั้นจำเป็นต้องกลับไปยังสี่เมืองทะเลเหนือ และจัดพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ควรจัดให้จบๆไปที่นี่อย่างรีบร้อน
เพราะหากทำเช่นนั้นมันจะก่อให้เกิดความรู้สึกเหมือนกับว่า เกาหยูคังเป็นเพียงสุนัขเร่ร่อน กลายเป็นแค่ทหารเลวผู้พ่ายแพ้!
ไม่! ต้องไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในความคิดของเจิ้งเฉียนและสมาชิกคนอื่นๆ เกาหกยูคังคือฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุด!
อีกสิบคนสังเกตเห็นถึงการกระทำของเจิ้งเฉียน แต่เมื่อมองตาเธอ มันกลับฉายแววมั่นคงเด็ดเดี่ยว
“อาเจ๊ คุณบอกพวกเรามาเถอะ ว่าจะเอาอย่างไรต่อ ทุกคนพร้อมรับฟัง”
“ถูกต้อง เจิ้งเฉียน คุณตัดสินใจได้เลย”
เจิ้งเฉียนกล่าวเสียงจม “ฉันสามารถให้พวกนายได้สองตัวเลือก”
ทุกคนมองมายังเจิ้งเฉียน
“หนึ่งคือ ฉันจะเข้าสู่ระบบบัญชีส่วนตัวของหัวหน้า ภายในนั้นมีเงินอยู่ประมาณ 800,000 ล้านเหรียญ ถ้านับรวมในอุปกรณ์รูนมิติด้วย จะมีอยู่เกือบ 1,100,000 ล้าน หากนำมาแบ่งเฉลี่ยกัน พวกเราจะได้คนละ 100,000 ล้าน”
ตูม!
หนึ่งในผู้ใช้พลังเลเวล D ตบโต๊ะน้ำชาแตกเป็นชิ้นทันที
“ไร้สาระ! ฉันไม่มีทางเลือกแบบนั้น”
“เจิ้งเฉียน ถ้าคุณพูดแบบนี้อีกครั้งเดียว ต่อให้เป็นผู้หญิง ก็อย่าโทษว่าเหล่าพี่น้องไม่ไว้หน้าคุณ!”
“ต้องการจะทอดทิ้งทุกคนแล้วบินเดี่ยวงั้นหรือ? เจิ้งเฉียน ทำไมคุณถึงเป็นคนแบบนี้!”
“ทุกคนใจเย็นๆก่อน ยังมีตัวเลือกที่สองอีกไม่ใช่หรือ?”
บางคนหันหน้าไปอีกทาง บางคนพยายามห้ามปราม แต่คนเหล่านี้ ไม่มีใครถูกเงินซื้อได้ และไม่มีใครคิดถอนตัว
หากฉินเฟิงรู้ เกรงว่าเขาคงต้องถอนหายใจ กองกำลังกลุ่มนี้ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
หากเกาหยูคังยังไม่ตาย ไม่ช้าก็เร็ว ภายใต้การสนับสนุนของพวกเขา เจ้าตัวคงได้กลายเป็นราชาในหมู่ดวงดาว
แต่ช่างน่าเสียดาย โชคชะตามันก็เป็นแบบนี้
เขาไม่สามารถหลบหนีจากความตายได้
ไม่นาน ภายในห้องพัก สมาชิกของเกาหยูคังค่อยสงบลงอีกครั้ง รอคำตอบจากเจิ้งเฉียน
“ทางเลือกที่สอง พวกเราจะติดตามผู้นำคนใหม่ คนๆนั้นคือคนที่หัวหน้าตั้งใจมอบตราประจำตัวของเขาให้ –เป็นฉินเฟิง อีกอย่างความแข็งแกร่งของคนๆนั้น ย่อมสามารถต่อกรกับเลเวล C ได้ เขาคือตัวตนทรงพลังอย่างแน่นอน”
ทุกคนเงียบ
เป็นตัวตนทรงพลัง แต่ว่ายังมีเลเวลแค่ D !
และพวกเขายังระบุได้ ว่าฉินเฟิงมีเลเวลอยู่แค่ D4 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถึงจะแค่ D4 แต่ก็ครอบครองพรสวรรค์อันน่าพรั่นพรึง กระทั่งเล่ยหยิงที่คิดลอบโจมตี ก็ยังไม่อาจทำอะไรเขาได้
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินเฟิงได้ยินเสียงเคาะประตู
พลังสมาธิของฉินเฟิงสแกนออกไป และพบว่านอกห้องเป็นเจิ้งเฉียนและคณะ
ฉินเฟิงเปิดประตู
เจิ้งเฉีัยนและคนอื่นๆมองฉินเฟิง บังเกิดความประหลาดใจ ในแววตาเผยถึงความลังเลเล็กน้อย
พวกเขายังคงสงสัยว่าตนเองมาหาคนผิดไปหรือไม่
เพราะในตอนนี้ ฉินเฟิงกำลังสวมใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงขายาว ทั้งตัวเป็นสีขาว ดูราวกับนายน้อยที่อาศัยอยู่ภายในสถานชุมชนที่มีความปลอดภัยสูง
สภาพเหมือนกับนายน้อยที่ร่ำรวย ตลอดทั้งชั่วชีวิต ไม่เคยออกสู่ทุ่งล่า
“เข้ามาก่อนสิ”
ฉินเฟิงเปิดประตู ขยับตัวเปิดทาง
“ใครมางั้นหรอ?” ไป๋หลีชะโงกหัว ผมสีเงินยาวของเธอถูกมัดเป็นหางม้า อยู่ในชุดเดรส ไม่ว่าจะวัสดุเนื้อผ้าหรือสี ล้วนเหมือนกับฉินเฟิง น่าจะเป็นเสื้อคู่กัน
หลังจากที่เห็นไป๋หลี เจิ้งเฉียนจึงค่อยผ่อนคลายลง ที่แท้ก็เสื้อคู่รัก ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดอย่างที่เธอคิด
มองไปยังการปรากฏกายของทั้งฉินเฟิงและไป๋หลี สายตาของทุกคนก็คลายลงเล็กน้อย แต่แล้วพวกเขาก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง เกิดความลังเลบางอย่างในสิ่งที่เพิ่งตัดสินใจไป
—สองคนนี้ ไม่เด็กเกินไปหน่อยหรือ?
แต่เมื่อนึกถึงฉากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ของฉินเฟิง ทั้งหมดก็เตะความคิดนี้ทิ้งไป
ฉินเฟิงร้ายกาจแค่ไหน พวกเขาได้เห็นมากับตาแล้ว
“อ้อ พวกคุณมาที่นี่เพื่อรับวัตถุดิจักรพรรดิสัตว์ร้ายใช่ไหม อันที่จริงอีกสักพักพวกเราจะออกไปมอบให้อยู่แล้ว” ฉินเฟิงกล่าว
“ไม่ ไม่ ไม่” เจิ้งเฉียนปัดป่ายมืออย่างเร่งร้อน รีบกล่าว “คือฉันอยากจะถามมิสเตอร์ฉิน ว่าคุณมีแผนจะอยู่ในสถานชุมชนที่ 3 รึเปล่า ได้สมัครเข้าร่วมปฏิบัติการไหม?”
“แน่นอน”
เจิ้งเฉียนพอได้ยินคำยืนยันของฉินเฟิง ก็รู้สึกโล่งใจ สีหน้าของสมาชิกคนอื่นก็ดูจะแสดงออกไม่ต่างกัน
“ฉินเฟิง กองกำลังที่เพิ่งก่อตั้งของคุณ เรียกว่าทหารรับจ้างเฟิงหลีใช่ไหม”
“ใช่ มีอะไรรึเปล่า?” แม้ฉินเฟิงพอจะคาดเดาได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เอ่ยออกมา เขาให้เจิ้งเฉียนพูดมันด้วยตัวเอง
ท่าทีของเจิ้งเฉียนในเวลานี้ กลายเป็นจริงจัง
“ถ้าอย่างงั้นฉินเฟิง พวกเราจะสามารถเข้าร่วมกับกองกำลังทหารรับจ้างเฟิงหลีด้วยได้ไหม?”
ทุกคนมองฉินเฟิงเป็นสายตาเดียว
Comments