โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 446
1/5
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.446 – ชิงโรงงาน
“ในเมื่อหลงซานที่ตายดันมีอุตสาหกรรมปืนอยู่พอดี งั้นฉันจะเข้าไปบริหารมันต่อเอง!” ฉินเฟิงผุดลุก สวมใส่ชุดต่อสู้ “ช่วยนำทางฉันไปที่โรงงานหน่อย”
“ขอรับ ขอรับ”
จิ่นเฟยรีบรับคำสั่ง แต่ที่เขาทำ มันก็แค่การบอกตำแหน่งบนแผนที่ ฉินเฟิงเปิดโหมดล่องเวหา ขับรถด้วยตัวเอง มุ่งหน้าไปยังโรงงานทันที
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งโรงงานก็เกิดความโกลาหลไม่น้อย แต่เนื่องจากมันคือโรงงานชั้นนำภายใต้การดูแลของหลงซาน เลยเป็นธรรมดาที่สถานที่นี้จะได้รับการปกป้อง แม้หลงซานจะหายตัวไป แต่ลูกน้องผู้ใช้พลังเลเวล D คนอื่นๆ ทั้งหมดมารวมตัวกัน
มีทั้งสิ้น 13 คน!
พวกเขาไม่เชื่อว่าหลงซานตายแล้ว
ถึงกระนั้น คนอื่นๆกลับเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ฉินเฟิงมิใช่คนแรกที่มาที่นี่ ก่อนหน้าเขา มีคนกลุ่มอื่นมาถึงก่อนแล้ว
ตั้งแต่ที่ข่าวแพร่กระจายออกมาช่วงเวลาเที่ยงตรง ทรัพย์สินจำนวนมากของเหล่าบอสที่ตายไปก็เริ่มถูกแก่งแย่ง ตัดแบ่งออกเป็นส่วนๆ และหนึ่งในธุรกิจของหลงซาน อย่างโรงงานแห่งนี้ ก็กำลังจะเป็นหนึ่งในนั้น
อุตสาหกรรมของหลงซาน ไม่ได้ทำกำไรมากมายอะไรนัก มันเป็นการมุ่งเน้นผลิตอาวุธปืนระดับสูงสุด แค่นักวิจัยเพียงอย่างเดียว ก็ปาเข้าไปมากกว่า 30 คนแล้ว!
ที่ต้องทุ่มทุนโดยไม่ค่อยได้กำไรแบบนี้ เป็นเพราะหลงซานคือมือปืน กล่าวได้ว่าเขาทำงานวิจัยเพื่อตนเอง
แม้โรงงานจะทำเงินไม่ได้เหมือนกับของหานเหวิน แต่ก็เป็นอุตสาหกรรมเดียวกัน ฉะนั้นน่าจับจอง!
เพราะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่จะทิ้งโรงงานไป หากเปรียบกับอาหาร โรงงานแห่งนี้แม้มีรสชาติจืดชืด แต่ได้กินก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ผลลัพธ์ก็คือ มีคนที่ต้องการมันถึง 4 คน
“โรงงานแห่งนี้ นับจากวันนี้ไป มันจะถูกเปลี่ยนมือเป็นของบอสเรา!”
“มาก่อนก็ได้ก่อนสิวะ ที่นี่ไม่มีอะไรให้พวกแกทั้งนั้น!”
“ปากหมาแบบนี้ เชื่อไหมว่าฉันฆ่าแกได้!”
“ไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตาสินะ รีบไสหัวไปในตอนที่ยังมีเวลาซะ!”
เลเวล D แต่ละคน ถลึงตาใส่กันด้วยความโกรธ แต่ไม่มีใครสามารถโน้มน้าวใจใครได้ สุดท้ายไม่มีทางเลือก จำต้องโทรหาพรรคพวกของตน
พริบตาเดียว ณ ที่นี้ก็เต็มไปด้วยผู้ใช้พลังเลเวล D กว่า 100 คน และแบ่งออกเป็น 4 ฝ่าย
กลุ่มเลเวล D 13 คน ที่เป็นลูกน้องของหลงซาน บัดนี้นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา พวกเขารอดูว่าโรงงานจะเปลี่ยนไปอยู่ในมือของใคร จะได้ทุ่มเทรับใช้เจ้านายคนใหม่
เมื่อเรื่องเริ่มลุกลามบานปลาย สุดท้ายเลเวล C ก็เดินทางมาด้วยตัวเอง
นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าโรงงานสามารถทำกำไรได้หรือไม่อีกแล้ว แต่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี!
“ในเมื่อไม่มีใครยอมใคร และพวกเราต่างฝ่าย ต่างก็ไม่อยากให้คนของตัวเองได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นขอเสนอให้ทำตามกฏดั้งเดิม!” เลเวล C คนหนึ่งเอ่ยปาก
เลเวล C อีกคนหัวเราะหยัน “มีกันตั้ง 4 คน แล้วจะใช้กฏเดิมได้ยังไง”
“ก็ตะลุมบอลกันทีเดียวไปเลย สู้เสี่ยงชีวิตกัน ใครรอดเป็นคนสุดท้าย คนนั้นก็ได้โรงงานไป”
“ฟังดูไม่เลว!”
เมื่อเลเวล C ทั้ง 4 ยอมรับเงื่อนไขกฏดั้งเดิม พวกเขาก็เริ่มเลือกลูกน้องเลเวล D ฝั่งตนออกมา ตัวแทนของใครยืนหยัดเป็นคนสุดท้าย ลูกพี่ของคนๆนั้นก็จะได้โรงงานไปครอบครอง
ในระหว่างนั้นเอง รถศึกของฉินเฟิงก็ขับมาจอดหน้าโรงงานพอดี
จิ่นเฟยดีดผึง เปิดประตูรถฝั่งตนอย่างรวดเร็ว ต้องการจะเดินไปเปิดประตูรถให้ฉินเฟิง แต่ฉินเฟิงไม่ใช่คนของเมืองหวัง เขาคร้านจะใส่ใจพิธีอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้ เปิดประตูลงจากรถด้วยตัวเองทันที
จากนั้น ก็เริ่มกวาดตามองไปยังผู้คนที่ออกันอยู่หน้าทางเข้าโรงงาน
จิ่นเฟยสั่นสะท้านไปทั้งตัว เมื่อเห็นบอสทั้ง 4 ของอีกฝ่าย
“ลูกพี่ เหมือนว่าพวกเขากำลังจะสู้กันเพื่อชิงโรงงาน และเลเวล C ทุกคนในที่นี้ ไม่มีใครง่ายเลย”
จิ่นเฟิยเริ่มกระซิบกระซาบ แนะนำแต่ละคน
ขณะเดียวกัน เลเวล C ทั้ง 4 คนต่างก็หันมองมายังฉินเฟิงเป็นสายตาเดียว
หลังจากได้รับชมงานเทียนไต้เมื่อวาน ไม่มีทางที่คนเหล่านี้จะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคือใคร!
อย่างไรก็ตาม แม้ฉินเฟิงจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่มีกำลังพล และหลังจากสังหารเลเวล C ไปกว่า 10 คน ฉินเฟิงก็ไม่ได้เข้าไปยึดสถานที่ใดๆของคนตาย
ดังนั้นจึงไม่มีใครคาดคิด ว่าฉินเฟิงจะบุกมาที่นี่
ฉินเฟิงเดินไปทีละก้าว ก่อนหยุดห่างจากฝ่ายตรงข้ามราวๆ 10 เมตร สายตากวาดมองฝูงชน
“ดูเหมือนว่าพวกคุณทุกคน จะชอบโรงงานแห่งนี้กันสินะ?” ฉินเฟิงเอ่ยถามเสียงครึ้ม
สีหน้าของเลเวล C ในที่นี้เริ่มแปรเปลี่ยนไป
โดยเฉพาะหนึ่งในนั้น ที่ยามจ้องมองฉินเฟิง กลับเผยถึงร่องรอยของความหวาดกลัว
และชายคนที่ว่า คือหนึ่งในสองที่ไปดักรอหน้าวิลล่าของฉินเฟิงเมื่อเช้า เพื่อเตรียมการลอบโจมตี และเป็นเขาอีกเช่นกัน ที่ไปยืนยันด้วยตาตัวเอง ว่าสหายเลเวล C ที่คิดร่วมมือกัน เสียชีวิตไปแล้ว
แม้จะกล่าวว่าฉินเฟิงทำลายศพจนไม่เหลือร่องรอย แต่รูนมืดยังคงหลงเหลืออยูในอากาศ ไหนจะกำลังภายในที่ใช้โจมตีอีก หลักฐานทั้งสองชิ้นนี้ บ่งบอกว่าฉินเฟิงเป็นคนลงมือ
แต่ตอนนี้ เทพแห่งความตายกลับปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขาอย่างกะทันหัน!
ในหัวใจของผู้ใช้พลังว้าวุ่น โดยไม่ทันรู้ตัว เขาก็ได้เลือกคำตอบแล้ว!
“เหอะ ไอ้โรงงานเส็งเคร็งแบบนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะถูกคนมากมายหมายปอง ‘สันติจะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง’ ฉันไม่อยากได้มันแล้ว พวกเรากลับ!”
ลูกน้องของชายคนนั้นหน้าแดงไปถึงลำคอ ทุกคนเบิกตากว้างมองบอสของตนเอง แต่เมื่อเจ้านายสั่ง เป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องปฏิบัติตาม
คลื่นลูกแรกซัดสาดผ่านไป ผู้คนจากไปกว่า 30 คน
เลเวล C ที่เหลืออีก 3 คนกลายเป็นตกตะลึง
พวกเขาเริ่มขมวดคิ้วมุ่น ในหัวใจเริ่มชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคน ที่คิดว่าฉินเฟิงเป็นผู้ลงมือสังหารเลเวล C เมื่อวานจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้ยังเกิดความละโมบในความมั่งคั่งของฉินเฟิง
“พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง แกชื่อฉินเฟิงใช่ไหม? อย่าบอกนะว่าแกเองก็ต้องการยึดครองโรงงานนี้เหมือนกัน?” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
ก่อนหน้านี้จิ่นเฟยลอบกระซิบรายละเอียดของทุกคนให้แก่ฉินเฟิงแล้ว คนที่เพิ่งเอ่ยปากออกมา เรียกว่าชางหมิง เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C2 นอกจากนี้ ยังทรงพลังเป็นอย่างมาก
“ถูกต้อง ผมต้องการโรงงานแห่งนี้ และหวังว่าทุกท่านจะยอมสละสมบัตินี้ไปสักชิ้น” ฉินเฟิงตอบกลับ
“ฮ่าฮ่า แค่แกเอ่ยปากว่าอยากได้ แล้วพวกเราจะต้องทำตามด้วยหรอ คิดว่าพวกเราเป็นตัวตลกรึไง?”
ฉินเฟิงแสยะยิ้ม “ถ้าคุณคิดอย่างนั้น แล้วเห็นว่าผมเป็นคนยังไง? คิดว่าผมดูล้อเล่นรึเปล่าที่เอ่ยปากอย่างมั่นใจว่าอยากได้โรงงาน?”
ชางหมิงพบว่าประโยคข้างต้นมันฟังดูแปลกๆ แต่เขาไม่ทันคิดอย่างรอบคอบถึงเรื่องนั้น ตวาดสวนโดยตรง “งั้นก็มอบเงินมา 1ล้านล้าน แล้วฉันจะลองเก็บเรื่องยกโรงงานให้แกไปพิจารณา”
“หึ” ฉินเฟิงส่งเสียงในลำคอ “ที่แท้คุณก็เป็นไอ้ตัวตลกจริงๆด้วย ข้อเสนอปัญญาอ่อนแบบนี้ คิดหรือว่าผมจะยอมทำตาม?”
คนอื่นๆที่กำลังรับฟัง อดหัวเราะออกมาไม่ได้ นี่มันอะไรกัน? เขากำลังข่มขู่ฉินเฟิงแท้ๆ แต่ไหงจู่ๆกลับเป็นโดนฉินเฟิงตลบหลัง ถูกด่าซะเองไปได้
“แกอยากตายใช่ไหม?”
ฉินเฟิงกล่าว “เมื่อวานนี้ มีคนที่ปากบอกว่าอยากจะฆ่าผมอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้ พวกมันหายไปจากโลกแล้ว”
เลเวล C อีก 2 คนเมื่อได้ยิน สีหน้าเริ่มซีดเผือดลง
อย่างไรก็ตาม ชางหมิงไม่ใส่ใจ เขากระทั่งมองดูถูกฉินเฟิง
“ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าคนอย่างแก จะสามารถฆ่าเจ้าพวกนั้นได้จริงๆ คิดจะล่อเสือออกจากถ้ำ แล้วฉกฉวยผลประโยชน์ไปคนเดียวล่ะสิท่า!”
ชางหมิงมิได้สั่งการให้ลูกน้องตนลงมือ เพราะหลังจากได้รับชมเหตุการณ์บนมิติเทียนไต้ ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงได้รับการพิสูจน์แล้ว ว่าท่ามกลางหมู่มวลเลเวล D ฉินเฟิงคือตัวตนอันคงกระพัน
ดังนั้นชางหมิงจึงตัดสินใจลงมือด้วยตนเอง
ไม่เล่นลูกไม้หรือตุกติกใดๆ กำลังภายในจากทั้งร่างของชางหมิงถูกขับออกมา แปรสภาพเป็นปราณกำลังภายใน ง้างฝ่ามือและตบฉาดเข้าใส่ฉินเฟิง
ฝ่ามือนี้ ไม่เพียงเพ่งเล็งมายังฉินเฟิง แต่ยังครอบคลุมไปถึงจิ่นเฟยด้วย
ฝีเท้าของฉินเฟิงวูบไหวทันใด
เขาคว้าจิ่นเฟย เปิดใช้งานก้าวมังกร ดีดตัวถอยหลังทันใด
ทุกกระบวนการรวดเร็วว่องไวเป็นอย่างมาก!
ปัง!
พื้นแตกระแหงในพริบตา
ความแข็งแกร่งของชางหมิง น่าหวาดกลัวมากจริงๆ
ลูกน้องผู้ใช้พลังเลเวล D สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึง ส่วนเลเวล C อีกสองคนสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เพราะพวกเขาตระหนักได้ ว่าชางหมิงดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นแล้ว
ทั้งสองต่างรู้ดี ว่าเมื่อใดก็ตามที่ก้าวขึ้นสู่เลเวลสูงๆ การจะยกระดับความแข็งแกร่งในแต่ละขั้น มันยากเย็นเพียงใด
แต่ชางหมิงสามารถก้าวไปได้อีกขั้น!
ชางหมิงไล่ตามติด
ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงก็เริ่มวูบไหวอีกครั้ง
เสียงของเขา ถูกส่งกระจายออกไป
“ในเมื่อคุณไม่เชื่อ งั้นก็ไปถามเจ้าพวกนั้นในนรกเองก็แล้วกัน!”
ร่างของฉินเฟิงหายวับไปทันใด
ซ่อนเงา!
ในเสี้ยวพริบตา ปรากฏกายขึ้นอีกที ฉินเฟิงก็มาโผล่เบื้องหลังชางหมิงแล้ว!
Comments