โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 45

Now you are reading โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 Chapter 45 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.45 – ผู้ชักใยเบื้องหลัง

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.45 – ผู้ชักใยเบื้องหลัง

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น นักวิจัยก็พ่นคำออกมาอย่างรวดเร็ว “งานของพวกเราก็คือ การค้นหาวิธีการที่จะทำให้มนุษย์กลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ และหลังจากทดลองมาหลายวิธี พวกเราก็สามารถค้นพบวิธีการถ่ายโอนแก่นอบิลิตี้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม แก่นอบิลิตี้ที่โตเต็มวัยแล้วมันจะมีขนาดใหญ่มากเกินไป และพลังของมันจะลดทอนลงหลังถูกดึงออกจากร่างของสัตว์ร้าย ดังนั้น …”

 

“ดังนั้นพวกแกเลยออกตามหาแก่นอบิลิตี้เล็กจากผู้ใช้อบิลิตี้ที่เพิ่งสามารถปลุกพลังให้ตื่นขึ้นมาได้!

 

ฉินเฟิงชิงเอ่ยปาก เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็เหมือนจะเข้าใจถึงสถานการณ์ในชีวิตก่อนหน้าของตัวเอง

 

เข้าใจว่าตนแท้จริงเป็นคนที่โคตรจะโชคร้าย!

 

เรื่องราวที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งในงานวิจัยของพวกมัน

 

“ใช่ … ใช่แล้ว … ” นักธุรกิจอีกคนไม่กล้ายั่วยุให้ฉินเฟิงโกรธ รีบตอบกลับตะกุกตะกัก

 

ทว่าความโกรธของฉินเฟิงยิ่งนานก็ยิ่งปะทุขึ้นเรื่อยๆ

 

แต่เขาก็พยายามข่มมันไว้ และเค้นถามคำถามที่สอง

 

“แกยังไม่ตอบอีกคำถามของฉันเลย!” ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น “ก่อนหน้านี้พวกที่บุกชิงตัวเพื่อนฉันสวมหน้ากากแมงมุมดำ แต่ฉันรู้นะ ว่าแกไม่ใช่คนจากกลุ่มแมงมุมดำ จริงๆแล้วแกรับใช้องค์กรใดกันแน่!”

 

เมื่อได้ยินคำถามนี้ สองชายแขนด้วนก็บังเกิดความลังเลขึ้นทันที

 

ฉินเฟิงไม่รอช้า ยกมีดขึ้นอีกครั้ง เตรียมตัดแขนอีกข้างของชายในชุดสูท

 

“อ๊า! บอกแล้ว ฉันยอมบอกแล้ว!”

 

เฉินเฟิงราวกับคนบ้า ไม่พอใจก็คิดจะสับแขนทิ้ง อีกฝ่ายจึงไม่กล้าต่อต้านใดๆ

 

“องค์กรของเราไม่ใช่แมงุมุมดำหรือแม้แต่องค์กรต่อต้านมนุษยชาติ แต่มันเป็นความลับมาก ที่พวกเรารู้ มีแค่ว่ารหัสองค์กรคือ ‘Z’ เท่านั้น”
 

“บอกรายละเอียดเพิ่มเติมมาอีก!” ฉินเฟิงตะคอกดุร้าย

 

“ฉัน ฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้แล้ว แต่องค์กรของพวกเรามีอำนาจมาก ไม่ว่าจะสัตว์ทดลองหรือห้องปฏิบัติการพวกนี้ ล้วนได้รับมาจากพวกเขา!”

 

ที่จงใจเอ่ยออกมาเช่นนี้ ก็เพื่อหมายจะข่มขู่ฉินเฟิง

 

“องค์กร์ Z … ” รหัสนี้ตีได้หลายความหมายมากเกินไป แม้แต่ฉินเฟิงเอง ถ้าให้ย้อนคิดแบบเฉพาะเจาะจง เขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

 

แต่เมื่อเขามองไปในแววตาของนักธุรกิจพุงพลุ้ยที่ฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัว เจ้าตัวก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะโกหก

 

ฉินเฟิงไม่เก็บมาคิดอีกต่อไป เขาเตรียมฟันใส่คู่แค้นอีกครั้ง

 

“ในเมื่อรู้แค่นี้ ก็จงตายซะ!”

 

ฉินเฟิงง้างมีดกษัตริย์ครามในมือ ชูขึ้นเหนือหัวของเขา

 

“อย่า! ได้โปรดอย่าฆ่าฉัน ถึงจะไม่ใช่เรื่องขององค์กร แต่ฉันยังมีอีกความลับหนึ่งที่สามารถบอกได้!” เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าชายชุดสูท เขากลัวว่าฉินเฟิงจะลงมีดใส่จริงๆ

 

สองตาของฉินเฟิงหรี่แคบลง มีดในมือหยุดกลางอากาศ

 

“ถ้าความลับนี้มันไร้ประโยชน์ ฉันจะไม่ปล่อยให้แกมีลมหายใจอยู่อีกต่อไป!”

 

“ไม่ ไม่ไร้ประโยชน์แน่นอน!” ชายวัยกลางคนในชุดสูทกล่าวอย่างเร่งรีบ ในความเป็นจริงแล้วเขารู้ความลับค่อนข้างน้อย แต่ตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคายบางอย่างให้แก่ฉินเฟิง

 

“ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นแค่ส่วนเล็กๆขององค์กร Z แต่พวกเราก็มีกำลังในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ทรงประสิทธิภาพมาก ดังนั้นเราจึงมีฐานที่มั่นอยู่ในทุกสถานที่ชุมชนหรือเมือง และทางเรามักจะแลกเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างกับผู้นำของสถานที่เหล่านั้น การบุกโจมตีเพื่อนร่วมชั้นของเธอเดิมทีไม่ได้เป็นเป้าหมายของทางเรา แต่เป็นอีกฝ่ายที่ผลักดันให้เกิดขึ้น ”

 

ในหัวใจของฉินเฟิงกระตุกไหว

 

“อีกฝ่ายที่แกกำลังพูดถึงคือใคร?”

 

ภายใต้แรงกดดันจากมีดกษัตริย์คราม ชายวัยกลางคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่และกล่าว “เป็นรองผู้ว่าการเขตเฉิงเป่ย!”

 

คิ้วของฉินเฟิงขมวดเข้าหากันอย่างรุนแรง

 

ทันใดนั้น ภาพของอีกฝ่ายก็วาบผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา

 

“ที่แท้ก็เป็นมัน!”

 

ความชิงชังอันน่าหวาดกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของฉินเฟิง

 

สถานที่ชุมชนทางตอนเหนือเป็นชุมชนขนาดใหญ่ แต่สำหรับเมืองเฉิงหยาง มันมีอีกชื่อหนึ่ง เรียกว่า : เขตเฉิงเป่ย

 

ซึ่งผู้ที่ครอบครองสถานะสูงสุดของเขตเฉิงเป่ยก็จะมีสองผู้ว่าการ , สามนายพล และสองสมาชิกสภา

 

แต่โดยสิ้นเชิงแล้ว ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในเขตเฉิงเป่ย จะมีทั้งสิ้น 10 คน

 

และหนึ่งในนั้นคือรองผู้ว่าการหลินเซิง เป็นตัวตนทรงพลังในเลเวล E

 

นอกจากนี้เขายังมีลูกชายชื่อว่าหลินไค

 

“สรุปง่ายๆก็คือ หลินเซิงต้องการให้ลูกชายตัวเองกลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้อย่างงั้นสินะ?”

 

“ใช่ ใช่แล้ว! ” ชายในชุดสูทเร่งตอบ “การทดลองทั้งหมดของพวกเรา ล้วนดำเนินการกับสัตว์ร้าย แต่เวลาที่พลังของพวกสัตว์ร้ายจะตื่นขึ้นมันไม่แน่ไม่นอน ในขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นช่วงที่พวกเด็กๆกำลังฉีดยากระตุ้นพลังพอดี พวกเราเลยตัดสินใจ เบนทิศไปจับตัวเด็กที่สามารถปลุกพลังพิเศษได้แทน”

 

“ทุกคำที่ฉันพูดเป็นความจริง ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนให้การสนับสนุน พวกเราจะสามารถเปิดห้องทดลองใกล้กับชุมชนทางตอนเหนือได้อย่างไร? พวกเราได้รับอำนาจถึงขั้นที่ว่าถ้าถูกใครบางคนค้นพบ ก็สามารถบอกออกไปได้ว่าพวกเราทำธุรกิจถูกกฏหมาย!”

 

“เป็นแบบนี้ เป็นแบบนี้นี่เอง!” ฉินเฟิงกัดกรามจนแน่น เปล่งเสียงเล็ดลอดผ่านไรฟัน

 

หรืออีกความหมายนึงก็คือ ในชีวิตก่อนหน้า อบิลิตี้ของฉินเฟิง มันถูกส่งมอบไปให้กับหลินไคนั่นเอง!

 

หลินไคแต่เดิมเป็นแค่เพลย์บอย แต่จู่ๆก็สามารถปลุกพลังพิเศษขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน แถมยังเป็นธาตุมืดที่แสนจะหายาก

 

หลังจากนั้นหลินไคก็กลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ที่ทรงพลัง ความแข็งแกร่งของเขาก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว มันเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ แต่สิ่งที่เขาทำนั้นช่างโหดเหี้ยม เปลี่ยนทั้งสถานที่ชุมชนทางตอนเหนือให้ฟุ้งไปด้วยควันไฟแห่งความโกลาหล

 

และต้นทุนทั้งหมดของมัน ก็ปล้นชิงมาจากฉินเฟิง!

 

“นี่สินะคือสิ่งที่เป็น!” ฉินเฟิงตอนนี้เกลียดชังสุดแสน เขาต้องการจะฉีกกระชากอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆ

 

แต่ในเวลานั้นเอง ช่างน่าแปลกใจ จู่ๆใบหน้าของชายชุดสูทก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมา

 

“แอ๊!”

 

เสี่ยวไป๋ผู้นั่งยองๆบนไหล่ของฉินเฟิงตลอดมา จู่ๆก็เปล่งเสียงร้องอย่างฉับพลัน จากนั้นรังสีแสงสีเงินก็กระพริบไหว ทั้งสองหายวับ และปรากฏตัวขึ้นตรงมุมห้อง

 

“โครม!”

 

อีกหนึ่งเสียงอึกทึกดังตามมา

 

ประตูถูกกระแทกเปิดออก แรงปะทะส่งเข้าใส่ตำแหน่งเดิมที่ฉินเฟิงยืนอยู่ คละคลุ้งไปด้วยเศษชิ้นส่วนประตูห้องทดลอง ส่งผลให้ชายสองคนที่อยู่ใกล้ๆถูกเป่าปลิวกระเด็นราวกับเศษผ้า

 

น่ากลัวว่าชายทั้งสองคงไม่คาดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ตนคิดหมายจะให้มาช่วยชีวิต กลับไม่สนใจชีวิตน้อยๆของพวกตน แต่ทำการระเบิดโจมตีห้องทดลอง ให้ตกตายกันไปทุกคนเลยในคราวเดียว

 

ประตูถูกทำลาย กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ภายใต้กลุ่มควันคละคลุ้ง ฉินเฟิงสามารถมองเห็นถึงร่างของอีกฟากฝั่งหนึ่ง

 

-เป็นคนหนุ่มที่มีอายุราวๆ25 – 26 ปี ในชุดต่อสู้สีเขียวเข้ม และมีสัญลักษณ์ F1 บนหน้าอกของเขา

 

โดยในมือคนหนุ่ม ถือไว้ด้วยปืนใหญ่พลังงาน ที่สามารถระเบิดอานุภาพรุนแรงออกมาได้ และคงจะเป็นปืนใหญ่นี้เอง ที่เพิ่งถูกใช้โจมตีออกไป

 

ศัตรูคือมือปืน!

 

คนหนุ่มเอื้อมมือออกไป ปรับตำแหน่งปืนใหญ่พลังงาน เล็งใจกลางเป้ามายังทิศทางของฉินเฟิง

 

“เปรี้ยง!”

 

ปากกระบอกปืนระเบิดการโจมตีดุเดือดโหดร้ายอีกครั้ง

 

“แอ๊!”

 

เสี่ยวไป๋ร้องตะโกนตื่นตัว เทเลพอร์ตฉินเฟิงไปปรากฏอีกที่หนึ่ง

 

“โครม!”

 

แรงปะทะก่อให้เกิดเสียงอึกทึกกึกก้อง

 

“ให้ตายสิ ไอ้พลังสมาธิเพิ่มการรับรู้นี่มันน่ารำคาญจริง!”

 

แม้ผู้ที่จะกลายเป็นมือปืนจะมีข้อกำหนดไม่สูงมากจนเกินไป แต่ในระหว่างที่พวกเขากลายเป็นมือปืน ก็ต้องผ่านกระบวนการเสริมความสามารถในการรับรู้สิ่งรอบตัว ให้ดีมากขึ้นเป็นพิเศษเสียก่อน

 

ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้แม้ตอนนี้ฉินเฟิงจะซ่อนตัวอยู่ในมุมอับที่ควันฟุ้งอยู่รอบตัว อีกฝ่ายก็ยังสาดโจมตีได้อย่างแม่นยำและไร้ความปราณี

 

การรับรู้ของมือปืนเลเวล F ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหลบเลี่ยงได้โดยง่าย ในสายตาของอีกฝ่าย ฉินเฟิงอยู่ในห้องปิดตาย อย่างไรก็ไม่สามารถหลบหนี

 

“โห? น่าสนใจดีนี่” มือปืนหัวเราะเบาๆ เขาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าฉินเฟิงจะหลบพ้น แต่เมื่อก้าวเข้ามาอีกก้าว สีหน้าของเขาก็พลันแข็งทื่อ

 

“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”

 

ในการรับรู้ของเขา ร่างของฉินเฟิงจู่ๆก็มาโผล่ตรงระเบียงทางเดิน แต่ทางออกเดียวจากห้องทดลองมีเขาขวางกั้นประตูอยู่ แล้วฉินเฟิงสามารถผ่านมันไปได้อย่างไร?

 

เป็นไปได้ไหมว่าอีกฝ่ายสามารถทะลุกำแพงได้?

 

ในเวลาเดียวกัน ฉินเฟิงเองก็ตกใจเหมือนกับมือปืน เขาก้มลงมองพื้นด้วยความฉงน

 

-นั่นเพราะมีคนตายนอนกองอยู่ตรงนี้

 

แถมยังสวมชุดกาวน์ เห็นได้ชัดว่าคือบุคลากรของห้องทดลอง แต่ตอนนี้ดันถูกสังหารลง

 

ถ้าอย่างงั้นใครเป็นคนฆ่าเขา? มือปืนคนเมื่อกี้อย่างงั้นหรอ?

 

แต่ทำไมกัน? หรือว่ามือปืนคนนั้นไม่ได้เป็นพวกเดียวกันกับคนจากห้องทดลอง!?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด