โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 496 – ที่แท้เป็นเขา
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.496 – ที่แท้เป็นเขา เพราะสุดท้าย ในการออกล่าสัตว์ร้ายระดับสูง คุณจำเป็นต้องสร้างกองกำลังทหารรับจ้าง หรือไม่ก็ต้องร่วมมือกับคนอื่นๆ และเงินรางวัล ต้องแบ่งปันอย่างเหมาะสม กล่าวได้ว่าตัวตนทรงพลังก็มีเรื่องที่ตนเองต้องคอยกังวล ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าหาญพอๆกับเกาหยูคัง ฝูงชนเริ่มมองสำรวจไป๋หลี เมื่อพบว่าอีกฝ่ายติดตราเลเวล D ผู้คนในที่นี้ ก็พอคาดเดาออก ว่าเธอมาเพื่อทดสอบการรับรองตราผู้ใช้พลัง ผู้ใช้พลังหน้าใหม่ได้มาเยือน แต่ผู้ใช้พลังคนนี้ ดูเด็กจนน่าประหลาดใจ คล้ายยังเยาว์วัย ไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ไม่ต้องกล่าวถึงใบหน้าอันงดงาม ไป๋หลีกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนจำนวนมากทันที แต่ในเวลานั้นเอง เสียงร้องอุทานจากอีกทาง ก็ดังแทรกเข้ามาในรูหูของฝูงชน “นี่ … ตะเกียงสำริดของคุณ ไม่ได้เสียใช่ไหม!” ผู้ตรวจสอบร้องเสียงหลง คราวนี้ ฝูงชนถูกเบนความสนใจ หันไปมองผู้ตรวจสอบ และคนที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามเขา –เป็นฉินเฟิง “ตะเกียงนี่ผมเช่ามาจากพวกคุณ มันเสียหรือไม่ พวกคุณเองน่าจะรู้ดี” “ตะ .. แต่บันทึกของคุณมัน ..! ” “ทำไม บันทึกมีอะไรผิดพลาด?” หยางเป่ยหันมองเจ้าหน้าที่และฉินเฟิง พลางเอ่ยถาม กระทั่งเขาก็ยังอดให้ความสนใจไม่ได้ เพราะอย่างไรเสีย บุคคลคนนี้ ก่อนเข้าหุบเหว เหมือนจะมีปัญหากับชุ่ยหยาง “หัวหน้า คุณดู” เจ้าหน้าที่มอบตะเกียงสำริดแก่หยางเป่ย หลังจากหยางเป่ยตรวจสอบมัน รูม่านตาเขาหดวูบทันใด แทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง เพราะบนตะเกียงสำริด กำลังแสดงตัวเลขสีขาวมากถึง 5219 อย่างกะทันหัน! ยังไม่พอ ต่อท้ายมัน ยังมีเลขสีเขียวกว่า 68 หมายเลข และสีม่วงอีก 12 หมายเลข! ซึ่งตัวเลขสีเขียวและม่วง คือตัวแทนปริมาณของสัตว์ร้ายระดับทหารและนายพลที่ถูกสังหารลง และทั้งหมดนี้ มันดันปรากฏขึ้นในตะเกียงสำริด ในขณะที่ฉินเฟิงเข้าสู่หุบเหวตอนเหนือเป็นเวลาแค่ 5 – 6 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วแบบนี้ หากเขาเข้าไปข้างในสัก 1 เดือนเล่า? จำนวนสังหารมันจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้น หุบเหวตอนเหนือยังไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธปืนที่ทรงพลังในการโจมตี แล้วนี่ฉินเฟิงสามารถทำแบบนี้ได้อย่างไร? หยางเป่ยตรวจสอบตะเกียงสำริดอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ หรือชำรุดเสียหายใดๆเลย “มิสเตอร์ฉิน” น้ำเสียงของหยางเป่ย ฟังดูสุภาพ นอบน้อมลงโดยไม่รู้ตัว หากตัวเลขนี้ไม่ถูกตบแต่ง และเป็นของจริง .. หยางเป่ยไม่กล้าจินตนาการไปมากกว่านี้ “ตะเกียงสำริดใบนี้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตัวเลขภายในมันเยอะเกินไป แต้มสงครามที่ได้ก็น่าจะมหาศาลเช่นกัน ฉันคิดว่าตัวบันทึกอาจมีข้อผิดพลาด ดังนั้นขอตรวจซ้ำอีกรอบจะได้รึเปล่า?” ฉินเฟิงมองหยางเป่ย “คุณจะใช้วิธีไหนในการตรวจซ้ำ?” หยางเป่ยพอได้ยินว่าฉินเฟิงไม่ขัดข้อง ก็กล่าวตามตรง “คุณสมควรเก็บวัตถุดิบทั้งหมดที่ได้มาจากสัตว์ร้ายใช่ไหม? ขอให้ฉันดูมันหน่อย” “ไม่มีปัญหา” ฉินเฟิงไม่ปฏิเสธ เขาหันไปพยักหน้าให้ไป๋หลี ไป๋หลีแยกตัวออกจากฝูงชน มาหยุดหน้าพื้นที่โล่ง วาดมือไปในอากาศ ช่องว่างมิติปรากฏขึ้น จากนั้น วัตถุดิบจำนวนมหาศาลก็ร่วงตกลงมา มันคือวัตถุดิบสัตว์ร้ายเลเวล C ระดับสามัญ จากที่โดนแยกส่วนแล้ว อาจมีถึงล้านชิ้นหรือมากกว่านั้น อันที่จริง หากนับวัตถุดิบทั้งกองรวมๆกัน มันจะมีมากถึง 5 ล้านชิ้น ถือเป็นปริมาณมหาศาล ทว่าวัตถุดิบมากมายขนาดนี้ หากคิดรวบรวม จำเป็นต้องล่าสังหารสัตว์ร้ายจำนวนมากถึงจะได้รับมัน ช่วงเวลานี้ เลเวล B และ C ในที่เกิดเหตุ ทุกคนต่างอ้าปากค้าง ขณะที่หยางเป่ย ต่อให้เขาไม่ปลดปล่อยพลังสมาธิเข้าตรวจสอบ ก็ตระหนักได้ทันที ว่าฉินเฟิงไม่ได้โกงบันทึก “แบบนี้ใช้ได้ไหม?” ฉินเฟิงถาม หยางเป่ยปาดเหงื่อบนหน้าผาก ตอบรับทันที “ใช้ได้ ใช้ได้อยู่แล้ว!” แม้เขาจะเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B แต่หากต้องล่าสัตว์ร้ายเพื่อให้ได้วัตถุดิบเท่าตรงหน้าในวันเดียว คงไม่มีทางเป็นไปได้ ในเวลานี้สายตาที่เขามองฉินเฟิง แฝงไปด้วยความยำเกรง ‘คนๆนี้ ถึงตอนนี้จะเป็นแค่เลเวล C แต่ไม่ใช่คนที่สมควรจะยั่วยุแน่นอน’ “งั้นรบกวนรวมแต้มสงครามให้ผมด้วย” “รับทราบ จะทำให้ทันที!” ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงสั่นไหว แต้มสงครามถูกโอนเข้ามา เขาเปิดหน้าต่างแลกเปลี่ยนในเครือข่ายนักสู้ ที่มีเฉพาะในเมืองเป่ยหัว ผลปรากฏว่าฉินเฟิงได้รับแต้มสงครามมามากถึง 6,000 แต้มในครั้งนี้ ซึ่งโดยปกติแล้ว หากเป็นเลเวล C ธรรมดา จะต้องใช้ระยะเวลาสะสมมันมากถึงสามเดือน! แต่เขาสามารถทำได้ในวันเดียว รับทรัพย์มหาศาล! “โอ้ ดูเหมือนว่าในรายการแลกเปลี่ยน จะมีชุดเกราะหวังหมิงอยู่ด้วย” ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายสดใส ชุดเกราะในหวังหมิง เป็นหนึ่งในสมบัติเทวะที่มีชื่อเสียง เจ้าสิ่งนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีที่มาจากมิติใด แต่พลังป้องกันของมันแข็งแกร่งมาก หากคำนวณตามคุณภาพ อย่างน้อยสมควรอยู่ในเลเวล A แน่นอน แต้มที่ต้องใช้แลกมัน เป็นจำนวนที่น่าหวาดกลัวตามคุณภาพ ต้องใช้แต้มสงครามถึง 50,000 แต้ม! “เหอๆ ก็ไม่มากเท่าไหร่นี่” แต่ในความคิดของฉินเฟิง เขารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้ ตนสามารถแลกได้ หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินเฟิงก็ไม่คิดรั้งอยู่ เขาเรียกเมฆครามออกมา พาไป๋หลีกลับไปยังโรงแรมในเมืองเป่ยหัว หลังอาบน้ำจนสะอาดสะอ้าน ฉินเฟิงก็เริ่มตรวจสอบตัวแทนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มาจากสี่เมืองทะเลเหนือ และพบว่าพวกรุ่นเยาว์จากตระกูลวรยุทธโบราณไม่ได้อยู่ในห้อง โจวฮ่าวกับจิ่นเฟยก็ไม่อยู่เช่นกัน แต่พวกเขาน่าจะไปฝึกฝนอยู่ในสุสานเทพสงคราม มีอัจฉริยะเพียงสองคนเท่านั้น ที่ฝึกฝนอยู่ในห้องของตัวเอง ฉินเฟิงจดจำทั้งสองคนไว้ในใจ ตัดสินใจว่าจะสังเกตดูอีกสักพัก หากพวกเขาไม่เลว ก็จะรับมาเป็นคนของตัวเอง และช่วยฝึกฝนสักเล็กน้อย เพราะกลุ่มองค์กร มิอาจอยู่ได้หากมีผู้แข็งแกร่งเพียงคนเดียว นับจากนี้ไปมันต้องข้ามผ่านช่วงเวลาอันโหดร้าย ในขณะที่ชะตาของฉินเฟิงถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ว่าแม้เขาจะเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม แต่มิอาจเป็นผู้นำได้ตลอดไป ฉินเฟิงน่ะเป็นหมาป่า –หมาป่าเดียวดาย! ดังนั้นกลุ่มองค์กรนี้ จำเป็นต้องมีคนอื่นมาดูแล นั่งตำแหน่งประธานแทนเขา … อีกด้านหนึ่ง ในเมืองเป่ยหัว ซางฮันกลับมาจากต่างมิติ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานอันแผ่วจางของโลกมนุษย์ จิตใจของเธอก็อดห่อเหี่ยวไม่ได้ ในความเป็นจริง มนุษย์ได้มีการเริ่มสำรวจมิติอื่นๆแล้ว และพวกเขายังค้นพบว่าอีกฟากหนึ่งของรอยแยกมิติ มันเหมาะแก่การอยู่อาศัยและฝึกฝนเป็นอย่างมาก แต่มนุษย์ในที่แห่งนั้น เป็นเพียงตัวตนเล็กจ้อยและอ่อนแอ ยังไงก็ตาม สำหรับตัวตนทรงพลัง ที่นั่นเหมาะใช้ชีวิตกว่าบนโลกมนุษย์เป็นไหนๆ แต่โลกใบนั้นมันไม่ใช่ของมนุษย์ ดังนั้นต่อให้ใช้ฝึกยุทธได้ดีเพียงใด แต่ถ้าไม่มีบ้าน ใครจะไปอยากอยู่? เนื่องด้วยความสัมพันธ์อันแสนสลับซับซ้อน ทำให้เหล่าตัวตนทรงพลัง ทุกคนต่างต้องคอยปกป้องโลกมนุษย์แห่งนี้ แต่ในบางครั้ง ก็มีบ้างที่รู้สึกเหนื่อยหน่าย ซางฮันนวดหน้าผาก สักพักอุปกรณ์สื่อสารของเธอก็ดังขึ้น “หยวนห่าว วันนี้มีเรื่องอะไรสำคัญเกิดขึ้นรึเปล่า?” ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นบนอุปกรณ์สื่อสาร ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเลเวล C เท่านั้น ซึ่งสำหรับเมืองเป่ยหัว มีเฉพาะเลเวล B ถึงจะเป็นผู้โดดเด่น แต่คนๆนี้เป็นข้อยกเว้น เขามีอิทธิพลพอสมควร เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าเลขานุการของซางฮัน “จ้าวพรมแดน พวกสัตว์ร้ายไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติในวันนี้ และยังไม่มีรายงานผู้ใช้พลังที่เสียชีวิตเช่นกัน” ซางฮันพยักหน้า แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว “แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” หยวนห่าวกล่าว “เรื่องอะไร?” “มีเลเวล C คนหนึ่งเข้าไปยังหุบเหวตอนเหนือเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ เขาได้สังหารสัตว์ร้ายเลเวล C ระดับสามัญไปมากถึง 5,000 ตัว และยังมีระดับทหารและนายพลอีกจำนวนหนึ่ง ที่สำคัญก็คือ เขาใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น” “อะไรนะ! แน่ใจหรอว่าเป็นเลเวล C แค่คนเดียว?” ซางฮันตกใจกับข่าวนี้ “ใช่ ยิ่งไปกว่านั้น คนๆนี้ ท่านจ้าวพรมแดน คุณเองก็รู้จักเขา” “โอ้? เป็นใครกัน” “ตามข้อมูล บอกมาว่าเขาชื่อฉินเฟิง เป็นผู้การรัฐของสี่เมืองทะเลเหนือ” “ที่แท้เป็นเขา!?”
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.496 – ที่แท้เป็นเขา
เพราะสุดท้าย ในการออกล่าสัตว์ร้ายระดับสูง คุณจำเป็นต้องสร้างกองกำลังทหารรับจ้าง หรือไม่ก็ต้องร่วมมือกับคนอื่นๆ และเงินรางวัล ต้องแบ่งปันอย่างเหมาะสม
กล่าวได้ว่าตัวตนทรงพลังก็มีเรื่องที่ตนเองต้องคอยกังวล ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าหาญพอๆกับเกาหยูคัง
ฝูงชนเริ่มมองสำรวจไป๋หลี เมื่อพบว่าอีกฝ่ายติดตราเลเวล D ผู้คนในที่นี้ ก็พอคาดเดาออก ว่าเธอมาเพื่อทดสอบการรับรองตราผู้ใช้พลัง
ผู้ใช้พลังหน้าใหม่ได้มาเยือน แต่ผู้ใช้พลังคนนี้ ดูเด็กจนน่าประหลาดใจ คล้ายยังเยาว์วัย ไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ
ไม่ต้องกล่าวถึงใบหน้าอันงดงาม ไป๋หลีกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนจำนวนมากทันที
แต่ในเวลานั้นเอง เสียงร้องอุทานจากอีกทาง ก็ดังแทรกเข้ามาในรูหูของฝูงชน
“นี่ … ตะเกียงสำริดของคุณ ไม่ได้เสียใช่ไหม!” ผู้ตรวจสอบร้องเสียงหลง
คราวนี้ ฝูงชนถูกเบนความสนใจ หันไปมองผู้ตรวจสอบ และคนที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามเขา
–เป็นฉินเฟิง
“ตะเกียงนี่ผมเช่ามาจากพวกคุณ มันเสียหรือไม่ พวกคุณเองน่าจะรู้ดี”
“ตะ .. แต่บันทึกของคุณมัน ..! ”
“ทำไม บันทึกมีอะไรผิดพลาด?” หยางเป่ยหันมองเจ้าหน้าที่และฉินเฟิง พลางเอ่ยถาม กระทั่งเขาก็ยังอดให้ความสนใจไม่ได้ เพราะอย่างไรเสีย บุคคลคนนี้ ก่อนเข้าหุบเหว เหมือนจะมีปัญหากับชุ่ยหยาง
“หัวหน้า คุณดู”
เจ้าหน้าที่มอบตะเกียงสำริดแก่หยางเป่ย หลังจากหยางเป่ยตรวจสอบมัน รูม่านตาเขาหดวูบทันใด แทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง
เพราะบนตะเกียงสำริด กำลังแสดงตัวเลขสีขาวมากถึง 5219 อย่างกะทันหัน!
ยังไม่พอ ต่อท้ายมัน ยังมีเลขสีเขียวกว่า 68 หมายเลข และสีม่วงอีก 12 หมายเลข!
ซึ่งตัวเลขสีเขียวและม่วง คือตัวแทนปริมาณของสัตว์ร้ายระดับทหารและนายพลที่ถูกสังหารลง
และทั้งหมดนี้ มันดันปรากฏขึ้นในตะเกียงสำริด
ในขณะที่ฉินเฟิงเข้าสู่หุบเหวตอนเหนือเป็นเวลาแค่ 5 – 6 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วแบบนี้ หากเขาเข้าไปข้างในสัก 1 เดือนเล่า? จำนวนสังหารมันจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน
ยิ่งไปกว่านั้น หุบเหวตอนเหนือยังไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธปืนที่ทรงพลังในการโจมตี แล้วนี่ฉินเฟิงสามารถทำแบบนี้ได้อย่างไร?
หยางเป่ยตรวจสอบตะเกียงสำริดอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ หรือชำรุดเสียหายใดๆเลย
“มิสเตอร์ฉิน” น้ำเสียงของหยางเป่ย ฟังดูสุภาพ นอบน้อมลงโดยไม่รู้ตัว หากตัวเลขนี้ไม่ถูกตบแต่ง และเป็นของจริง .. หยางเป่ยไม่กล้าจินตนาการไปมากกว่านี้
“ตะเกียงสำริดใบนี้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตัวเลขภายในมันเยอะเกินไป แต้มสงครามที่ได้ก็น่าจะมหาศาลเช่นกัน ฉันคิดว่าตัวบันทึกอาจมีข้อผิดพลาด ดังนั้นขอตรวจซ้ำอีกรอบจะได้รึเปล่า?”
ฉินเฟิงมองหยางเป่ย “คุณจะใช้วิธีไหนในการตรวจซ้ำ?”
หยางเป่ยพอได้ยินว่าฉินเฟิงไม่ขัดข้อง ก็กล่าวตามตรง “คุณสมควรเก็บวัตถุดิบทั้งหมดที่ได้มาจากสัตว์ร้ายใช่ไหม? ขอให้ฉันดูมันหน่อย”
“ไม่มีปัญหา”
ฉินเฟิงไม่ปฏิเสธ เขาหันไปพยักหน้าให้ไป๋หลี
ไป๋หลีแยกตัวออกจากฝูงชน มาหยุดหน้าพื้นที่โล่ง วาดมือไปในอากาศ ช่องว่างมิติปรากฏขึ้น จากนั้น วัตถุดิบจำนวนมหาศาลก็ร่วงตกลงมา
มันคือวัตถุดิบสัตว์ร้ายเลเวล C ระดับสามัญ จากที่โดนแยกส่วนแล้ว อาจมีถึงล้านชิ้นหรือมากกว่านั้น อันที่จริง หากนับวัตถุดิบทั้งกองรวมๆกัน มันจะมีมากถึง 5 ล้านชิ้น ถือเป็นปริมาณมหาศาล
ทว่าวัตถุดิบมากมายขนาดนี้ หากคิดรวบรวม จำเป็นต้องล่าสังหารสัตว์ร้ายจำนวนมากถึงจะได้รับมัน
ช่วงเวลานี้ เลเวล B และ C ในที่เกิดเหตุ ทุกคนต่างอ้าปากค้าง
ขณะที่หยางเป่ย ต่อให้เขาไม่ปลดปล่อยพลังสมาธิเข้าตรวจสอบ ก็ตระหนักได้ทันที ว่าฉินเฟิงไม่ได้โกงบันทึก
“แบบนี้ใช้ได้ไหม?” ฉินเฟิงถาม
หยางเป่ยปาดเหงื่อบนหน้าผาก ตอบรับทันที “ใช้ได้ ใช้ได้อยู่แล้ว!”
แม้เขาจะเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B แต่หากต้องล่าสัตว์ร้ายเพื่อให้ได้วัตถุดิบเท่าตรงหน้าในวันเดียว คงไม่มีทางเป็นไปได้ ในเวลานี้สายตาที่เขามองฉินเฟิง แฝงไปด้วยความยำเกรง
‘คนๆนี้ ถึงตอนนี้จะเป็นแค่เลเวล C แต่ไม่ใช่คนที่สมควรจะยั่วยุแน่นอน’
“งั้นรบกวนรวมแต้มสงครามให้ผมด้วย”
“รับทราบ จะทำให้ทันที!”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงสั่นไหว แต้มสงครามถูกโอนเข้ามา เขาเปิดหน้าต่างแลกเปลี่ยนในเครือข่ายนักสู้ ที่มีเฉพาะในเมืองเป่ยหัว
ผลปรากฏว่าฉินเฟิงได้รับแต้มสงครามมามากถึง 6,000 แต้มในครั้งนี้ ซึ่งโดยปกติแล้ว หากเป็นเลเวล C ธรรมดา จะต้องใช้ระยะเวลาสะสมมันมากถึงสามเดือน! แต่เขาสามารถทำได้ในวันเดียว รับทรัพย์มหาศาล!
“โอ้ ดูเหมือนว่าในรายการแลกเปลี่ยน จะมีชุดเกราะหวังหมิงอยู่ด้วย” ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายสดใส
ชุดเกราะในหวังหมิง เป็นหนึ่งในสมบัติเทวะที่มีชื่อเสียง
เจ้าสิ่งนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีที่มาจากมิติใด แต่พลังป้องกันของมันแข็งแกร่งมาก หากคำนวณตามคุณภาพ อย่างน้อยสมควรอยู่ในเลเวล A
แน่นอน แต้มที่ต้องใช้แลกมัน เป็นจำนวนที่น่าหวาดกลัวตามคุณภาพ
ต้องใช้แต้มสงครามถึง 50,000 แต้ม!
“เหอๆ ก็ไม่มากเท่าไหร่นี่”
แต่ในความคิดของฉินเฟิง เขารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้ ตนสามารถแลกได้
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินเฟิงก็ไม่คิดรั้งอยู่ เขาเรียกเมฆครามออกมา พาไป๋หลีกลับไปยังโรงแรมในเมืองเป่ยหัว
หลังอาบน้ำจนสะอาดสะอ้าน ฉินเฟิงก็เริ่มตรวจสอบตัวแทนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มาจากสี่เมืองทะเลเหนือ และพบว่าพวกรุ่นเยาว์จากตระกูลวรยุทธโบราณไม่ได้อยู่ในห้อง โจวฮ่าวกับจิ่นเฟยก็ไม่อยู่เช่นกัน แต่พวกเขาน่าจะไปฝึกฝนอยู่ในสุสานเทพสงคราม
มีอัจฉริยะเพียงสองคนเท่านั้น ที่ฝึกฝนอยู่ในห้องของตัวเอง
ฉินเฟิงจดจำทั้งสองคนไว้ในใจ ตัดสินใจว่าจะสังเกตดูอีกสักพัก หากพวกเขาไม่เลว ก็จะรับมาเป็นคนของตัวเอง และช่วยฝึกฝนสักเล็กน้อย
เพราะกลุ่มองค์กร มิอาจอยู่ได้หากมีผู้แข็งแกร่งเพียงคนเดียว นับจากนี้ไปมันต้องข้ามผ่านช่วงเวลาอันโหดร้าย ในขณะที่ชะตาของฉินเฟิงถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ว่าแม้เขาจะเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม แต่มิอาจเป็นผู้นำได้ตลอดไป
ฉินเฟิงน่ะเป็นหมาป่า –หมาป่าเดียวดาย! ดังนั้นกลุ่มองค์กรนี้ จำเป็นต้องมีคนอื่นมาดูแล นั่งตำแหน่งประธานแทนเขา
…
อีกด้านหนึ่ง ในเมืองเป่ยหัว ซางฮันกลับมาจากต่างมิติ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานอันแผ่วจางของโลกมนุษย์ จิตใจของเธอก็อดห่อเหี่ยวไม่ได้
ในความเป็นจริง มนุษย์ได้มีการเริ่มสำรวจมิติอื่นๆแล้ว และพวกเขายังค้นพบว่าอีกฟากหนึ่งของรอยแยกมิติ มันเหมาะแก่การอยู่อาศัยและฝึกฝนเป็นอย่างมาก แต่มนุษย์ในที่แห่งนั้น เป็นเพียงตัวตนเล็กจ้อยและอ่อนแอ
ยังไงก็ตาม สำหรับตัวตนทรงพลัง ที่นั่นเหมาะใช้ชีวิตกว่าบนโลกมนุษย์เป็นไหนๆ
แต่โลกใบนั้นมันไม่ใช่ของมนุษย์ ดังนั้นต่อให้ใช้ฝึกยุทธได้ดีเพียงใด แต่ถ้าไม่มีบ้าน ใครจะไปอยากอยู่?
เนื่องด้วยความสัมพันธ์อันแสนสลับซับซ้อน ทำให้เหล่าตัวตนทรงพลัง ทุกคนต่างต้องคอยปกป้องโลกมนุษย์แห่งนี้
แต่ในบางครั้ง ก็มีบ้างที่รู้สึกเหนื่อยหน่าย
ซางฮันนวดหน้าผาก สักพักอุปกรณ์สื่อสารของเธอก็ดังขึ้น
“หยวนห่าว วันนี้มีเรื่องอะไรสำคัญเกิดขึ้นรึเปล่า?”
ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นบนอุปกรณ์สื่อสาร ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเลเวล C เท่านั้น ซึ่งสำหรับเมืองเป่ยหัว มีเฉพาะเลเวล B ถึงจะเป็นผู้โดดเด่น แต่คนๆนี้เป็นข้อยกเว้น เขามีอิทธิพลพอสมควร เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าเลขานุการของซางฮัน
“จ้าวพรมแดน พวกสัตว์ร้ายไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติในวันนี้ และยังไม่มีรายงานผู้ใช้พลังที่เสียชีวิตเช่นกัน”
ซางฮันพยักหน้า แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” หยวนห่าวกล่าว
“เรื่องอะไร?”
“มีเลเวล C คนหนึ่งเข้าไปยังหุบเหวตอนเหนือเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ เขาได้สังหารสัตว์ร้ายเลเวล C ระดับสามัญไปมากถึง 5,000 ตัว และยังมีระดับทหารและนายพลอีกจำนวนหนึ่ง ที่สำคัญก็คือ เขาใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น”
“อะไรนะ! แน่ใจหรอว่าเป็นเลเวล C แค่คนเดียว?” ซางฮันตกใจกับข่าวนี้
“ใช่ ยิ่งไปกว่านั้น คนๆนี้ ท่านจ้าวพรมแดน คุณเองก็รู้จักเขา”
“โอ้? เป็นใครกัน”
“ตามข้อมูล บอกมาว่าเขาชื่อฉินเฟิง เป็นผู้การรัฐของสี่เมืองทะเลเหนือ”
“ที่แท้เป็นเขา!?”
Comments
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 496 – ที่แท้เป็นเขา
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.496 – ที่แท้เป็นเขา เพราะสุดท้าย ในการออกล่าสัตว์ร้ายระดับสูง คุณจำเป็นต้องสร้างกองกำลังทหารรับจ้าง หรือไม่ก็ต้องร่วมมือกับคนอื่นๆ และเงินรางวัล ต้องแบ่งปันอย่างเหมาะสม กล่าวได้ว่าตัวตนทรงพลังก็มีเรื่องที่ตนเองต้องคอยกังวล ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าหาญพอๆกับเกาหยูคัง ฝูงชนเริ่มมองสำรวจไป๋หลี เมื่อพบว่าอีกฝ่ายติดตราเลเวล D ผู้คนในที่นี้ ก็พอคาดเดาออก ว่าเธอมาเพื่อทดสอบการรับรองตราผู้ใช้พลัง ผู้ใช้พลังหน้าใหม่ได้มาเยือน แต่ผู้ใช้พลังคนนี้ ดูเด็กจนน่าประหลาดใจ คล้ายยังเยาว์วัย ไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ไม่ต้องกล่าวถึงใบหน้าอันงดงาม ไป๋หลีกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนจำนวนมากทันที แต่ในเวลานั้นเอง เสียงร้องอุทานจากอีกทาง ก็ดังแทรกเข้ามาในรูหูของฝูงชน “นี่ … ตะเกียงสำริดของคุณ ไม่ได้เสียใช่ไหม!” ผู้ตรวจสอบร้องเสียงหลง คราวนี้ ฝูงชนถูกเบนความสนใจ หันไปมองผู้ตรวจสอบ และคนที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามเขา –เป็นฉินเฟิง “ตะเกียงนี่ผมเช่ามาจากพวกคุณ มันเสียหรือไม่ พวกคุณเองน่าจะรู้ดี” “ตะ .. แต่บันทึกของคุณมัน ..! ” “ทำไม บันทึกมีอะไรผิดพลาด?” หยางเป่ยหันมองเจ้าหน้าที่และฉินเฟิง พลางเอ่ยถาม กระทั่งเขาก็ยังอดให้ความสนใจไม่ได้ เพราะอย่างไรเสีย บุคคลคนนี้ ก่อนเข้าหุบเหว เหมือนจะมีปัญหากับชุ่ยหยาง “หัวหน้า คุณดู” เจ้าหน้าที่มอบตะเกียงสำริดแก่หยางเป่ย หลังจากหยางเป่ยตรวจสอบมัน รูม่านตาเขาหดวูบทันใด แทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง เพราะบนตะเกียงสำริด กำลังแสดงตัวเลขสีขาวมากถึง 5219 อย่างกะทันหัน! ยังไม่พอ ต่อท้ายมัน ยังมีเลขสีเขียวกว่า 68 หมายเลข และสีม่วงอีก 12 หมายเลข! ซึ่งตัวเลขสีเขียวและม่วง คือตัวแทนปริมาณของสัตว์ร้ายระดับทหารและนายพลที่ถูกสังหารลง และทั้งหมดนี้ มันดันปรากฏขึ้นในตะเกียงสำริด ในขณะที่ฉินเฟิงเข้าสู่หุบเหวตอนเหนือเป็นเวลาแค่ 5 – 6 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วแบบนี้ หากเขาเข้าไปข้างในสัก 1 เดือนเล่า? จำนวนสังหารมันจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้น หุบเหวตอนเหนือยังไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธปืนที่ทรงพลังในการโจมตี แล้วนี่ฉินเฟิงสามารถทำแบบนี้ได้อย่างไร? หยางเป่ยตรวจสอบตะเกียงสำริดอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ หรือชำรุดเสียหายใดๆเลย “มิสเตอร์ฉิน” น้ำเสียงของหยางเป่ย ฟังดูสุภาพ นอบน้อมลงโดยไม่รู้ตัว หากตัวเลขนี้ไม่ถูกตบแต่ง และเป็นของจริง .. หยางเป่ยไม่กล้าจินตนาการไปมากกว่านี้ “ตะเกียงสำริดใบนี้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตัวเลขภายในมันเยอะเกินไป แต้มสงครามที่ได้ก็น่าจะมหาศาลเช่นกัน ฉันคิดว่าตัวบันทึกอาจมีข้อผิดพลาด ดังนั้นขอตรวจซ้ำอีกรอบจะได้รึเปล่า?” ฉินเฟิงมองหยางเป่ย “คุณจะใช้วิธีไหนในการตรวจซ้ำ?” หยางเป่ยพอได้ยินว่าฉินเฟิงไม่ขัดข้อง ก็กล่าวตามตรง “คุณสมควรเก็บวัตถุดิบทั้งหมดที่ได้มาจากสัตว์ร้ายใช่ไหม? ขอให้ฉันดูมันหน่อย” “ไม่มีปัญหา” ฉินเฟิงไม่ปฏิเสธ เขาหันไปพยักหน้าให้ไป๋หลี ไป๋หลีแยกตัวออกจากฝูงชน มาหยุดหน้าพื้นที่โล่ง วาดมือไปในอากาศ ช่องว่างมิติปรากฏขึ้น จากนั้น วัตถุดิบจำนวนมหาศาลก็ร่วงตกลงมา มันคือวัตถุดิบสัตว์ร้ายเลเวล C ระดับสามัญ จากที่โดนแยกส่วนแล้ว อาจมีถึงล้านชิ้นหรือมากกว่านั้น อันที่จริง หากนับวัตถุดิบทั้งกองรวมๆกัน มันจะมีมากถึง 5 ล้านชิ้น ถือเป็นปริมาณมหาศาล ทว่าวัตถุดิบมากมายขนาดนี้ หากคิดรวบรวม จำเป็นต้องล่าสังหารสัตว์ร้ายจำนวนมากถึงจะได้รับมัน ช่วงเวลานี้ เลเวล B และ C ในที่เกิดเหตุ ทุกคนต่างอ้าปากค้าง ขณะที่หยางเป่ย ต่อให้เขาไม่ปลดปล่อยพลังสมาธิเข้าตรวจสอบ ก็ตระหนักได้ทันที ว่าฉินเฟิงไม่ได้โกงบันทึก “แบบนี้ใช้ได้ไหม?” ฉินเฟิงถาม หยางเป่ยปาดเหงื่อบนหน้าผาก ตอบรับทันที “ใช้ได้ ใช้ได้อยู่แล้ว!” แม้เขาจะเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B แต่หากต้องล่าสัตว์ร้ายเพื่อให้ได้วัตถุดิบเท่าตรงหน้าในวันเดียว คงไม่มีทางเป็นไปได้ ในเวลานี้สายตาที่เขามองฉินเฟิง แฝงไปด้วยความยำเกรง ‘คนๆนี้ ถึงตอนนี้จะเป็นแค่เลเวล C แต่ไม่ใช่คนที่สมควรจะยั่วยุแน่นอน’ “งั้นรบกวนรวมแต้มสงครามให้ผมด้วย” “รับทราบ จะทำให้ทันที!” ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงสั่นไหว แต้มสงครามถูกโอนเข้ามา เขาเปิดหน้าต่างแลกเปลี่ยนในเครือข่ายนักสู้ ที่มีเฉพาะในเมืองเป่ยหัว ผลปรากฏว่าฉินเฟิงได้รับแต้มสงครามมามากถึง 6,000 แต้มในครั้งนี้ ซึ่งโดยปกติแล้ว หากเป็นเลเวล C ธรรมดา จะต้องใช้ระยะเวลาสะสมมันมากถึงสามเดือน! แต่เขาสามารถทำได้ในวันเดียว รับทรัพย์มหาศาล! “โอ้ ดูเหมือนว่าในรายการแลกเปลี่ยน จะมีชุดเกราะหวังหมิงอยู่ด้วย” ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายสดใส ชุดเกราะในหวังหมิง เป็นหนึ่งในสมบัติเทวะที่มีชื่อเสียง เจ้าสิ่งนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีที่มาจากมิติใด แต่พลังป้องกันของมันแข็งแกร่งมาก หากคำนวณตามคุณภาพ อย่างน้อยสมควรอยู่ในเลเวล A แน่นอน แต้มที่ต้องใช้แลกมัน เป็นจำนวนที่น่าหวาดกลัวตามคุณภาพ ต้องใช้แต้มสงครามถึง 50,000 แต้ม! “เหอๆ ก็ไม่มากเท่าไหร่นี่” แต่ในความคิดของฉินเฟิง เขารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้ ตนสามารถแลกได้ หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินเฟิงก็ไม่คิดรั้งอยู่ เขาเรียกเมฆครามออกมา พาไป๋หลีกลับไปยังโรงแรมในเมืองเป่ยหัว หลังอาบน้ำจนสะอาดสะอ้าน ฉินเฟิงก็เริ่มตรวจสอบตัวแทนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มาจากสี่เมืองทะเลเหนือ และพบว่าพวกรุ่นเยาว์จากตระกูลวรยุทธโบราณไม่ได้อยู่ในห้อง โจวฮ่าวกับจิ่นเฟยก็ไม่อยู่เช่นกัน แต่พวกเขาน่าจะไปฝึกฝนอยู่ในสุสานเทพสงคราม มีอัจฉริยะเพียงสองคนเท่านั้น ที่ฝึกฝนอยู่ในห้องของตัวเอง ฉินเฟิงจดจำทั้งสองคนไว้ในใจ ตัดสินใจว่าจะสังเกตดูอีกสักพัก หากพวกเขาไม่เลว ก็จะรับมาเป็นคนของตัวเอง และช่วยฝึกฝนสักเล็กน้อย เพราะกลุ่มองค์กร มิอาจอยู่ได้หากมีผู้แข็งแกร่งเพียงคนเดียว นับจากนี้ไปมันต้องข้ามผ่านช่วงเวลาอันโหดร้าย ในขณะที่ชะตาของฉินเฟิงถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ว่าแม้เขาจะเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม แต่มิอาจเป็นผู้นำได้ตลอดไป ฉินเฟิงน่ะเป็นหมาป่า –หมาป่าเดียวดาย! ดังนั้นกลุ่มองค์กรนี้ จำเป็นต้องมีคนอื่นมาดูแล นั่งตำแหน่งประธานแทนเขา … อีกด้านหนึ่ง ในเมืองเป่ยหัว ซางฮันกลับมาจากต่างมิติ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานอันแผ่วจางของโลกมนุษย์ จิตใจของเธอก็อดห่อเหี่ยวไม่ได้ ในความเป็นจริง มนุษย์ได้มีการเริ่มสำรวจมิติอื่นๆแล้ว และพวกเขายังค้นพบว่าอีกฟากหนึ่งของรอยแยกมิติ มันเหมาะแก่การอยู่อาศัยและฝึกฝนเป็นอย่างมาก แต่มนุษย์ในที่แห่งนั้น เป็นเพียงตัวตนเล็กจ้อยและอ่อนแอ ยังไงก็ตาม สำหรับตัวตนทรงพลัง ที่นั่นเหมาะใช้ชีวิตกว่าบนโลกมนุษย์เป็นไหนๆ แต่โลกใบนั้นมันไม่ใช่ของมนุษย์ ดังนั้นต่อให้ใช้ฝึกยุทธได้ดีเพียงใด แต่ถ้าไม่มีบ้าน ใครจะไปอยากอยู่? เนื่องด้วยความสัมพันธ์อันแสนสลับซับซ้อน ทำให้เหล่าตัวตนทรงพลัง ทุกคนต่างต้องคอยปกป้องโลกมนุษย์แห่งนี้ แต่ในบางครั้ง ก็มีบ้างที่รู้สึกเหนื่อยหน่าย ซางฮันนวดหน้าผาก สักพักอุปกรณ์สื่อสารของเธอก็ดังขึ้น “หยวนห่าว วันนี้มีเรื่องอะไรสำคัญเกิดขึ้นรึเปล่า?” ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นบนอุปกรณ์สื่อสาร ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเลเวล C เท่านั้น ซึ่งสำหรับเมืองเป่ยหัว มีเฉพาะเลเวล B ถึงจะเป็นผู้โดดเด่น แต่คนๆนี้เป็นข้อยกเว้น เขามีอิทธิพลพอสมควร เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าเลขานุการของซางฮัน “จ้าวพรมแดน พวกสัตว์ร้ายไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติในวันนี้ และยังไม่มีรายงานผู้ใช้พลังที่เสียชีวิตเช่นกัน” ซางฮันพยักหน้า แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว “แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” หยวนห่าวกล่าว “เรื่องอะไร?” “มีเลเวล C คนหนึ่งเข้าไปยังหุบเหวตอนเหนือเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ เขาได้สังหารสัตว์ร้ายเลเวล C ระดับสามัญไปมากถึง 5,000 ตัว และยังมีระดับทหารและนายพลอีกจำนวนหนึ่ง ที่สำคัญก็คือ เขาใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น” “อะไรนะ! แน่ใจหรอว่าเป็นเลเวล C แค่คนเดียว?” ซางฮันตกใจกับข่าวนี้ “ใช่ ยิ่งไปกว่านั้น คนๆนี้ ท่านจ้าวพรมแดน คุณเองก็รู้จักเขา” “โอ้? เป็นใครกัน” “ตามข้อมูล บอกมาว่าเขาชื่อฉินเฟิง เป็นผู้การรัฐของสี่เมืองทะเลเหนือ” “ที่แท้เป็นเขา!?”
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.496 – ที่แท้เป็นเขา
เพราะสุดท้าย ในการออกล่าสัตว์ร้ายระดับสูง คุณจำเป็นต้องสร้างกองกำลังทหารรับจ้าง หรือไม่ก็ต้องร่วมมือกับคนอื่นๆ และเงินรางวัล ต้องแบ่งปันอย่างเหมาะสม
กล่าวได้ว่าตัวตนทรงพลังก็มีเรื่องที่ตนเองต้องคอยกังวล ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าหาญพอๆกับเกาหยูคัง
ฝูงชนเริ่มมองสำรวจไป๋หลี เมื่อพบว่าอีกฝ่ายติดตราเลเวล D ผู้คนในที่นี้ ก็พอคาดเดาออก ว่าเธอมาเพื่อทดสอบการรับรองตราผู้ใช้พลัง
ผู้ใช้พลังหน้าใหม่ได้มาเยือน แต่ผู้ใช้พลังคนนี้ ดูเด็กจนน่าประหลาดใจ คล้ายยังเยาว์วัย ไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ
ไม่ต้องกล่าวถึงใบหน้าอันงดงาม ไป๋หลีกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนจำนวนมากทันที
แต่ในเวลานั้นเอง เสียงร้องอุทานจากอีกทาง ก็ดังแทรกเข้ามาในรูหูของฝูงชน
“นี่ … ตะเกียงสำริดของคุณ ไม่ได้เสียใช่ไหม!” ผู้ตรวจสอบร้องเสียงหลง
คราวนี้ ฝูงชนถูกเบนความสนใจ หันไปมองผู้ตรวจสอบ และคนที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามเขา
–เป็นฉินเฟิง
“ตะเกียงนี่ผมเช่ามาจากพวกคุณ มันเสียหรือไม่ พวกคุณเองน่าจะรู้ดี”
“ตะ .. แต่บันทึกของคุณมัน ..! ”
“ทำไม บันทึกมีอะไรผิดพลาด?” หยางเป่ยหันมองเจ้าหน้าที่และฉินเฟิง พลางเอ่ยถาม กระทั่งเขาก็ยังอดให้ความสนใจไม่ได้ เพราะอย่างไรเสีย บุคคลคนนี้ ก่อนเข้าหุบเหว เหมือนจะมีปัญหากับชุ่ยหยาง
“หัวหน้า คุณดู”
เจ้าหน้าที่มอบตะเกียงสำริดแก่หยางเป่ย หลังจากหยางเป่ยตรวจสอบมัน รูม่านตาเขาหดวูบทันใด แทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง
เพราะบนตะเกียงสำริด กำลังแสดงตัวเลขสีขาวมากถึง 5219 อย่างกะทันหัน!
ยังไม่พอ ต่อท้ายมัน ยังมีเลขสีเขียวกว่า 68 หมายเลข และสีม่วงอีก 12 หมายเลข!
ซึ่งตัวเลขสีเขียวและม่วง คือตัวแทนปริมาณของสัตว์ร้ายระดับทหารและนายพลที่ถูกสังหารลง
และทั้งหมดนี้ มันดันปรากฏขึ้นในตะเกียงสำริด
ในขณะที่ฉินเฟิงเข้าสู่หุบเหวตอนเหนือเป็นเวลาแค่ 5 – 6 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วแบบนี้ หากเขาเข้าไปข้างในสัก 1 เดือนเล่า? จำนวนสังหารมันจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน
ยิ่งไปกว่านั้น หุบเหวตอนเหนือยังไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธปืนที่ทรงพลังในการโจมตี แล้วนี่ฉินเฟิงสามารถทำแบบนี้ได้อย่างไร?
หยางเป่ยตรวจสอบตะเกียงสำริดอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ หรือชำรุดเสียหายใดๆเลย
“มิสเตอร์ฉิน” น้ำเสียงของหยางเป่ย ฟังดูสุภาพ นอบน้อมลงโดยไม่รู้ตัว หากตัวเลขนี้ไม่ถูกตบแต่ง และเป็นของจริง .. หยางเป่ยไม่กล้าจินตนาการไปมากกว่านี้
“ตะเกียงสำริดใบนี้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตัวเลขภายในมันเยอะเกินไป แต้มสงครามที่ได้ก็น่าจะมหาศาลเช่นกัน ฉันคิดว่าตัวบันทึกอาจมีข้อผิดพลาด ดังนั้นขอตรวจซ้ำอีกรอบจะได้รึเปล่า?”
ฉินเฟิงมองหยางเป่ย “คุณจะใช้วิธีไหนในการตรวจซ้ำ?”
หยางเป่ยพอได้ยินว่าฉินเฟิงไม่ขัดข้อง ก็กล่าวตามตรง “คุณสมควรเก็บวัตถุดิบทั้งหมดที่ได้มาจากสัตว์ร้ายใช่ไหม? ขอให้ฉันดูมันหน่อย”
“ไม่มีปัญหา”
ฉินเฟิงไม่ปฏิเสธ เขาหันไปพยักหน้าให้ไป๋หลี
ไป๋หลีแยกตัวออกจากฝูงชน มาหยุดหน้าพื้นที่โล่ง วาดมือไปในอากาศ ช่องว่างมิติปรากฏขึ้น จากนั้น วัตถุดิบจำนวนมหาศาลก็ร่วงตกลงมา
มันคือวัตถุดิบสัตว์ร้ายเลเวล C ระดับสามัญ จากที่โดนแยกส่วนแล้ว อาจมีถึงล้านชิ้นหรือมากกว่านั้น อันที่จริง หากนับวัตถุดิบทั้งกองรวมๆกัน มันจะมีมากถึง 5 ล้านชิ้น ถือเป็นปริมาณมหาศาล
ทว่าวัตถุดิบมากมายขนาดนี้ หากคิดรวบรวม จำเป็นต้องล่าสังหารสัตว์ร้ายจำนวนมากถึงจะได้รับมัน
ช่วงเวลานี้ เลเวล B และ C ในที่เกิดเหตุ ทุกคนต่างอ้าปากค้าง
ขณะที่หยางเป่ย ต่อให้เขาไม่ปลดปล่อยพลังสมาธิเข้าตรวจสอบ ก็ตระหนักได้ทันที ว่าฉินเฟิงไม่ได้โกงบันทึก
“แบบนี้ใช้ได้ไหม?” ฉินเฟิงถาม
หยางเป่ยปาดเหงื่อบนหน้าผาก ตอบรับทันที “ใช้ได้ ใช้ได้อยู่แล้ว!”
แม้เขาจะเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B แต่หากต้องล่าสัตว์ร้ายเพื่อให้ได้วัตถุดิบเท่าตรงหน้าในวันเดียว คงไม่มีทางเป็นไปได้ ในเวลานี้สายตาที่เขามองฉินเฟิง แฝงไปด้วยความยำเกรง
‘คนๆนี้ ถึงตอนนี้จะเป็นแค่เลเวล C แต่ไม่ใช่คนที่สมควรจะยั่วยุแน่นอน’
“งั้นรบกวนรวมแต้มสงครามให้ผมด้วย”
“รับทราบ จะทำให้ทันที!”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงสั่นไหว แต้มสงครามถูกโอนเข้ามา เขาเปิดหน้าต่างแลกเปลี่ยนในเครือข่ายนักสู้ ที่มีเฉพาะในเมืองเป่ยหัว
ผลปรากฏว่าฉินเฟิงได้รับแต้มสงครามมามากถึง 6,000 แต้มในครั้งนี้ ซึ่งโดยปกติแล้ว หากเป็นเลเวล C ธรรมดา จะต้องใช้ระยะเวลาสะสมมันมากถึงสามเดือน! แต่เขาสามารถทำได้ในวันเดียว รับทรัพย์มหาศาล!
“โอ้ ดูเหมือนว่าในรายการแลกเปลี่ยน จะมีชุดเกราะหวังหมิงอยู่ด้วย” ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายสดใส
ชุดเกราะในหวังหมิง เป็นหนึ่งในสมบัติเทวะที่มีชื่อเสียง
เจ้าสิ่งนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีที่มาจากมิติใด แต่พลังป้องกันของมันแข็งแกร่งมาก หากคำนวณตามคุณภาพ อย่างน้อยสมควรอยู่ในเลเวล A
แน่นอน แต้มที่ต้องใช้แลกมัน เป็นจำนวนที่น่าหวาดกลัวตามคุณภาพ
ต้องใช้แต้มสงครามถึง 50,000 แต้ม!
“เหอๆ ก็ไม่มากเท่าไหร่นี่”
แต่ในความคิดของฉินเฟิง เขารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้ ตนสามารถแลกได้
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินเฟิงก็ไม่คิดรั้งอยู่ เขาเรียกเมฆครามออกมา พาไป๋หลีกลับไปยังโรงแรมในเมืองเป่ยหัว
หลังอาบน้ำจนสะอาดสะอ้าน ฉินเฟิงก็เริ่มตรวจสอบตัวแทนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มาจากสี่เมืองทะเลเหนือ และพบว่าพวกรุ่นเยาว์จากตระกูลวรยุทธโบราณไม่ได้อยู่ในห้อง โจวฮ่าวกับจิ่นเฟยก็ไม่อยู่เช่นกัน แต่พวกเขาน่าจะไปฝึกฝนอยู่ในสุสานเทพสงคราม
มีอัจฉริยะเพียงสองคนเท่านั้น ที่ฝึกฝนอยู่ในห้องของตัวเอง
ฉินเฟิงจดจำทั้งสองคนไว้ในใจ ตัดสินใจว่าจะสังเกตดูอีกสักพัก หากพวกเขาไม่เลว ก็จะรับมาเป็นคนของตัวเอง และช่วยฝึกฝนสักเล็กน้อย
เพราะกลุ่มองค์กร มิอาจอยู่ได้หากมีผู้แข็งแกร่งเพียงคนเดียว นับจากนี้ไปมันต้องข้ามผ่านช่วงเวลาอันโหดร้าย ในขณะที่ชะตาของฉินเฟิงถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ว่าแม้เขาจะเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม แต่มิอาจเป็นผู้นำได้ตลอดไป
ฉินเฟิงน่ะเป็นหมาป่า –หมาป่าเดียวดาย! ดังนั้นกลุ่มองค์กรนี้ จำเป็นต้องมีคนอื่นมาดูแล นั่งตำแหน่งประธานแทนเขา
…
อีกด้านหนึ่ง ในเมืองเป่ยหัว ซางฮันกลับมาจากต่างมิติ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานอันแผ่วจางของโลกมนุษย์ จิตใจของเธอก็อดห่อเหี่ยวไม่ได้
ในความเป็นจริง มนุษย์ได้มีการเริ่มสำรวจมิติอื่นๆแล้ว และพวกเขายังค้นพบว่าอีกฟากหนึ่งของรอยแยกมิติ มันเหมาะแก่การอยู่อาศัยและฝึกฝนเป็นอย่างมาก แต่มนุษย์ในที่แห่งนั้น เป็นเพียงตัวตนเล็กจ้อยและอ่อนแอ
ยังไงก็ตาม สำหรับตัวตนทรงพลัง ที่นั่นเหมาะใช้ชีวิตกว่าบนโลกมนุษย์เป็นไหนๆ
แต่โลกใบนั้นมันไม่ใช่ของมนุษย์ ดังนั้นต่อให้ใช้ฝึกยุทธได้ดีเพียงใด แต่ถ้าไม่มีบ้าน ใครจะไปอยากอยู่?
เนื่องด้วยความสัมพันธ์อันแสนสลับซับซ้อน ทำให้เหล่าตัวตนทรงพลัง ทุกคนต่างต้องคอยปกป้องโลกมนุษย์แห่งนี้
แต่ในบางครั้ง ก็มีบ้างที่รู้สึกเหนื่อยหน่าย
ซางฮันนวดหน้าผาก สักพักอุปกรณ์สื่อสารของเธอก็ดังขึ้น
“หยวนห่าว วันนี้มีเรื่องอะไรสำคัญเกิดขึ้นรึเปล่า?”
ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นบนอุปกรณ์สื่อสาร ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเลเวล C เท่านั้น ซึ่งสำหรับเมืองเป่ยหัว มีเฉพาะเลเวล B ถึงจะเป็นผู้โดดเด่น แต่คนๆนี้เป็นข้อยกเว้น เขามีอิทธิพลพอสมควร เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าเลขานุการของซางฮัน
“จ้าวพรมแดน พวกสัตว์ร้ายไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติในวันนี้ และยังไม่มีรายงานผู้ใช้พลังที่เสียชีวิตเช่นกัน”
ซางฮันพยักหน้า แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” หยวนห่าวกล่าว
“เรื่องอะไร?”
“มีเลเวล C คนหนึ่งเข้าไปยังหุบเหวตอนเหนือเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ เขาได้สังหารสัตว์ร้ายเลเวล C ระดับสามัญไปมากถึง 5,000 ตัว และยังมีระดับทหารและนายพลอีกจำนวนหนึ่ง ที่สำคัญก็คือ เขาใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น”
“อะไรนะ! แน่ใจหรอว่าเป็นเลเวล C แค่คนเดียว?” ซางฮันตกใจกับข่าวนี้
“ใช่ ยิ่งไปกว่านั้น คนๆนี้ ท่านจ้าวพรมแดน คุณเองก็รู้จักเขา”
“โอ้? เป็นใครกัน”
“ตามข้อมูล บอกมาว่าเขาชื่อฉินเฟิง เป็นผู้การรัฐของสี่เมืองทะเลเหนือ”
“ที่แท้เป็นเขา!?”
Comments