โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 532 – เมืองหลวงมังกร
Ep.532 – เมืองหลวงมังกร
ฉินเฟิงเป็นใครน่ะหรือ? ชื่อนี้ปรากฏขึ้นในเมืองเป่ยหัวเมื่อไม่นานมานี้ เป็นชื่อที่สามารถคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งในงานลูกรักของพระเจ้าไปครอง และในตอนนี้ ยังเป็นผู้ทำผลงานอันดับหนึ่งในภารกิจปราบปรามกองทัพสัตว์ร้ายอีก ถือเป็นชื่อที่ครอบครองความแข็งแกร่งเป็นประวัติการณ์!
สิ่งนี้ทำให้หลายคนรู้สึกราวกับเพ้อฝัน
“ไม่ใช่ว่าชื่อเดียวกัน นามสกุลเดียวกันหรอกหรอ?”
“บ้า มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง นั่นฉินเฟิงคนเดียวกัน!”
“แต่เขาเพิ่งเลเวล C เท่านั้นเองนะ”
ผู้คนต่างทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์
อาจกล่าวได้ว่า ชื่อของฉินเฟิงในคราวนี้ ได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างแท้จริง ผู้คนต่างเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า หากฉินเฟิงไปยังเมืองหลวงมังกร มันจะเกิดอะไรขึ้น?
หากฉินเฟิงไปเมืองหลวงมังกร และสามารถทำผลงานประลองได้ดี เขาก็อาจได้รับการรับรองให้อยู่ในเมืองหลวง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะเดียวกัน หากทำผลงานได้ไม่ดี เขาก็จะกลับมายังเมืองเป่ยหัวเพื่อยกระดับต่อไป แต่ในกรณีหลัง เกรงว่าในอนาคต ทรัพยากรที่ต้องมอบให้รุ่นเยาว์คนอื่นๆ อาจถูกหักส่วนแบ่งไปมอบให้แก่ฉินเฟิง
แต่พอลองคิดดูดีๆแล้ว ผลงานของฉินเฟิงในการไปร่วมงานประลองในเมืองหลวงมังกร มันจะไม่ดีได้อย่างไร?
เพราะท้ายที่สุดแล้ว จากบรรดาลูกรักของพระเจ้า รุ่นเยาว์เลเวลสูงสุด อยู่แค่ D เท่านั้นเอง!
หากฉินเฟิงไปร่วมงานประลองที่นั่น มันจะไม่เท่ากับเป็นการกลั่นแกล้งรุ่นเยาว์คนอื่นๆหรอกหรือ?
…
หลังงานเลี้ยงฉลอง ตารางงานก็เริ่มแน่นขนัด อีกวันเดียวก็จะถึงงานประลองลูกรักของพระเจ้า ดังนั้นซางฮันเลยตัดสินใจเปิดประตูมิติอีกครั้ง พาตัวแทนทั้งสิบคนเดินทางไปยังเมืองหลวงมังกร
ในปีก่อนๆ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของชุ่ยเหลียน
สำหรับปีนี้ เดิมซางฮันตั้งใจจะให้ผู้ใช้พลังเลเวล B9 เป็นคนคุมพวกเด็กๆไปยังเมืองหลวงมังกร
ที่ต้องเอาคนเลเวลสูงขนาดนั้น เป็นเพราะในเมืองหลวงมังกร เลเวล A พบเจอได้ทุกหนแห่ง เลเวล B เดินขวักไขว่ เยอะแยะไม่ต่างจากฝูงหมาแมว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปีนี้ ทีมตัวแทนของภูมิภาคเหนือ มีฉินเฟิงเข้าร่วมด้วย ดังนั้นซางฮันเลยตัดสินใจพาพวกเขาไปด้วยตัวเอง
ผู้ใช้อบิลิตี้ถ่ายเทพลังสมาธิลงในศิลามิติ สร้างช่องว่างอันสลับซับซ้อนขึ้น หลังจากระบุพิกัด ทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์
หึ่ง หึ่ง!
แสงสีเงินเปล่งประกาย ประตูมิติปรากฏขึ้น
“ไปกันเถอะ”
ซางฮันก้าวนำเข้าสู่ประตู ฉินเฟิงและไป๋หลีตามไปติดๆ ที่เหลืออีก 9 คน มองหน้ากันเลิกลั่ก ก่อนค่อยๆก้าวเข้าไปในประตู
วิสัยทัศน์ของพวกเขากลายเป็นมืดมัว ภายในมิติ ทั้งหมดคล้ายถูกบีบคั้นด้วยพลังงานบางอย่าง โชคดีที่ทุกคนสามารถต้านทานมันได้
ราวกับใช้เวลาไปเพียงชั่วพริบตา ในที่สุดวิสัยทัศน์ของผู้คนก็กลับคืน ร่างของผู้คนก้าวเดินออกมายังอีกฟากหนึ่งของประตูมิติ
สถานที่ที่พวกเขาปรากฏตัว เป็นจัตุรัสอันกว้างใหญ่
รอบๆจัตุรัสถูกทิ้งร้าง มันไร้ผู้คน ไม่มีกระทั่งยานพาหนะจอดอยู่
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงทราบดี ว่านี่คือที่ตั้งของตัวเชื่อมมิตินอกเมืองหลวงมังกร
เขาหันหัวไปทางด้านซ้ายของที่นี้ทันที และพบกับแนวตึกรามที่ชวนให้รู้สึกยำเกรง
รูปทรงของพวกมัน ถูกออกแบบให้คล้ายกับมังกรที่กำลังทะยานสู่ฟากฟ้า!
“โอ้ว!”
บรรดาอัจฉริยะอีกเก้าคน อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานเสียงดังด้วยความประหลาดใจ
“นั่น .. นั่นน่ะหรอเมืองหลวงมังกร?”
พวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าสิ่งที่เรียกว่าเมืองหลัวงมังกร แท้จริงแล้ว กระทั่งรูปทรงของมันก็ยังเหมือนมังกรอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังถูกสร้างขึ้นในแนวตั้ง!
ช่วงเวลานี้ ในระยะไกลออกไป ในที่สุดก็มีคนก้าวเข้ามา คนๆนี้มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล B สวมเสื้อผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของหน่วยลาดตระเวน เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของเมืองหลวงมังกร
“ช่วยแสดงตัวตนของพวกคุณด้วย” ขณะกล่าว เลเวล B กวาดตามองฝูงชนคราหนึ่ง และพบว่าในฝูงชน มีเลเวล D กับ C ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นซางฮัน เขาก็แปลกใจไปชั่วขณะ จากนั้นกล่าว “ที่แท้ก็เป็นคนของจ้าวพรมแดนซาง”
ตำแหน่งจ้าวพรมแดน มีเพียงสี่คนเท่านั้น แบ่งเป็น เหนือ ใต้ ออก ตก แยกกันปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่ของหัวเซี่ย แต่การที่สามารถระบุว่าเป็นซางฮันได้ในทันที ขอบอกว่าสายตาของเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่เลว
“สวัสดี นี่คือกลุ่มรุ่นเยาว์ที่จะมาชิงแชม์งานประลองลูกรักของพระเจ้า และนี่คือเอกสารรับรองตัวตน” ซางฮันโชว์วัถุอิเล็กทรอนิกส์บางอย่างให้ดู
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ก่อนพยักหน้าและกล่าว “การตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์ นี่คือบัตรผ่านเข้าเมืองหลวงมังกร ธุรกรรมทุกอย่างต้องการซื้อขายด้วยเหรียญพลังงาน ดังนั้นหากจะเข้าสู่เมืองหลวง ทุกคนจำเป็นต้องเติม 1,000 เหรียญพลังงานลงในมัน”
1,000 เหรียญพลังงาน เทียบเท่าได้กับ 10 ล้าน ซึ่งในส่วนของผู้ใช้พลังเลเวล D เงินจำนวนนี้ถือเป็นเรื่องปกติ หลังจากจ่ายเหรียญพลังงาน บนการ์ดโปร่งใสที่ได้มา ตัวเลข 1,000 ก็ปรากฏขึ้น
“เรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว สามารถมุ่งหน้าไปตามถนนเส้นนี้ได้เลย”
“อืม” ซางฮันตอบรับ ไม่มีท่าทีแปลกใจใดๆ เธอวาดมือและเรียกรถศึกลอยฟ้าออกมา ส่วนฉินเฟิงเรียกสายฟ้าสีเงินให้ไป๋หลี , โจวฮ่าว และจิ่นเฟยเข้ามานั่ง
คนอื่นๆปฏิเสธว่าตนนั้นด้อยกว่า การสามารถเป็นตัวแทนลูกรักของพระเจ้าจากภูมิภาคเหนือได้ นั่นหมายความว่าทุกคนมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี ดังนั้นมีรถศึกในครอบครอง ทั้งยังมีพื้นที่มิติมากพอที่จะเก็บมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกแท้ๆของเจ้าเมืองรัฐฮั่นชวน — ฮั่นจุน!
“แค่ค่าเข้าเมืองหลวงมังกร ก็ต้องจ่ายมากถึง 10 ล้าน ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมราคาสินค้าในเมืองหลวงมังกรถึงสูงนัก ที่แท้ความจริงก็เป็นแบบนี้” โจวฮ่าวเล่นการ์ดในมือ มองผ่านๆไม่พบอะไรผิดปกติ ก็เก็บมันลงในพื้นที่มิติ
“เมืองหลวงมังกร เป็นธรรมดาที่จะแตกต่างจากที่อื่น” ฉินเฟิงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
ส่วนแตกต่างกันอย่างไร เขาไม่อธิบาย เอาไว้รอจนเจ้าพวกนี้เข้าไป เดี๋ยวก็รู้เอง
“แต่ว่านะ เมืองหลวงมังกรก็ช่างน่าทึ่งจริงๆ ขนาดแค่เจ้าหน้าที่ต้อนรับ ยังเป็นเลเวล B เลย ราวกับว่า ความแข็งแกร่งระดับนี้ พบเจอได้ทั่วไปในเมืองหลวงมังกร” จิ่นเฟยกล่าว
ฉินเฟิงยิ้ม นั่นถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะหากไม่มีความแข็งแกร่ง สภาพการเป็นอยู่ในเมืองหลวงมังกรของคุณ คงน่าสังเวชมาก
ฉินเฟิงเปิดโหมดล็อคเป้าหมาย ให้สายฟ้าสีเงินขับตามรถศึกของซางฮัน ปล่อยพวงมาลัย เอนตัวมองเมืองหลวงมังกรที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฝั่งจิ่นเฟยและโจวฮ่าว ทั้งสองยังคงสนทนากัน แต่ยิ่งขับไปตามเส้นทาง ทั้งสองก็ยิ่งตกตะลึง
กระทั่งไป๋หลี เมื่อมองไปยังสุดถนน ก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้
เมืองหลวงมังกรไม่ได้อยู่ไกล ใช้เวลาขับเพียงครึ่งชั่วโมงเต็มก็ถึงแล้ว
อย่างไรก็ตาม พอพวกเขาเข้าไปใกล้มันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่พวกเขาเห็น กลับมิใช่มังกรตัวยาวอีกต่อไป
หากแต่เป็นกำแพงเมืองขนาดยักษ์ กว้างขวางไร้ขอบเขต จะฝั่งซ้ายหรือขวาก็ยาวจนสุดลูกหูลูกตา ทิวทัศน์ของสองฟากฝั่งไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป ในสายตา เหลือเพียงกำแพงยักษ์ที่ยืดยาวไปถึงท้องฟ้า
และแต่ละจุดบนกำแพง มองไปคล้ายหินขนาดใหญ่ ที่มิอาจทำลาย
เมืองหลวงมังกร … ใหญ่โตถึงเพียงใดกันแน่นะ?
แต่เมื่อลองเงยหน้าขึ้น กลับมิอาจมองเห็นตัวเมืองได้เลย ว่ามันกว้างใหญ่ถึงขนาดไหนกัน
ในเวลานี้ ฉินเฟิงเอ่ยปากออกมา “พื้นที่ของเมืองหลวงมังกรกว้างขวางขนาดไหน ไม่อาจทราบได้ แต่ที่ฉันรู้เมืองหลวงมังกร มันมีความสูงกว่า 3,000 เมตร และแบ่งเป็นชั้นละ 100 เมตร ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถอาศัยอยู่ในระดับที่สูงขึ้นไปได้เท่านั้น”
“ว่ายังไงนะ!!” โจวฮ่าวกับจิ่นเฟย ตกลึงงัน อ้าปากตาค้างไปพร้อมๆกัน
นี่น่ะหรือเมืองหลวงมังกร ช่างน่าสะพรึงเกินไปแล้ว
ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจางและกล่าว “หลงถิงเป็นผู้รับผิดชอบเมืองหลวงมังกร ปัจจุบันอายุสมควรน่าจะสัก 130 ปีได้แล้ว เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้อบิลิตี้ดินที่อายุมากถึง 150 ปี และอยู่ในเลเวล S เช่นกัน มีชื่อว่าตู้เหนียน ”
“ที่นายพูดถึงคงเป็น ราชามังกรและราชาปฐพี!” โจวฮ่าวโพล่งขึ้นอย่างกะทันหัน การดำรงอยู่ของคนเหล่านี้ ถือเป็นตำนาน
ตำนานดังกล่าว เมื่อก่อนทำได้เพียงรับฟัง แล้วก็ลืมเลือนไป ทว่าบัดนี้พวกเขากำลังจะไปพบเจอด้วยตาตนเองแล้ว!
ขณะเดียวกัน ระหว่างเมืองหลวงมังกรกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โจวฮ่าวกับจิ่นเฟยอดเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาไม่ได้
ว่าหากเมืองหลวงมังกรยังน่ายำเกรงขนาดนี้ แล้วคนที่สร้างเมืองหลวงขึ้นมา จะน่าสะพรึงขนาดไหน?
“เมืองหลวงมังกร … ” ฉินเฟิงพึมพำสองคำนี้ออกจากปาก ก่อนเผยรอยยิ้มแย้มแห่งความคนึงหา “นานแล้วสินะที่ไม่ได้มา!”
Comments
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 532 – เมืองหลวงมังกร
Ep.532 – เมืองหลวงมังกร
ฉินเฟิงเป็นใครน่ะหรือ? ชื่อนี้ปรากฏขึ้นในเมืองเป่ยหัวเมื่อไม่นานมานี้ เป็นชื่อที่สามารถคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งในงานลูกรักของพระเจ้าไปครอง และในตอนนี้ ยังเป็นผู้ทำผลงานอันดับหนึ่งในภารกิจปราบปรามกองทัพสัตว์ร้ายอีก ถือเป็นชื่อที่ครอบครองความแข็งแกร่งเป็นประวัติการณ์!
สิ่งนี้ทำให้หลายคนรู้สึกราวกับเพ้อฝัน
“ไม่ใช่ว่าชื่อเดียวกัน นามสกุลเดียวกันหรอกหรอ?”
“บ้า มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง นั่นฉินเฟิงคนเดียวกัน!”
“แต่เขาเพิ่งเลเวล C เท่านั้นเองนะ”
ผู้คนต่างทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์
อาจกล่าวได้ว่า ชื่อของฉินเฟิงในคราวนี้ ได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างแท้จริง ผู้คนต่างเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า หากฉินเฟิงไปยังเมืองหลวงมังกร มันจะเกิดอะไรขึ้น?
หากฉินเฟิงไปเมืองหลวงมังกร และสามารถทำผลงานประลองได้ดี เขาก็อาจได้รับการรับรองให้อยู่ในเมืองหลวง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะเดียวกัน หากทำผลงานได้ไม่ดี เขาก็จะกลับมายังเมืองเป่ยหัวเพื่อยกระดับต่อไป แต่ในกรณีหลัง เกรงว่าในอนาคต ทรัพยากรที่ต้องมอบให้รุ่นเยาว์คนอื่นๆ อาจถูกหักส่วนแบ่งไปมอบให้แก่ฉินเฟิง
แต่พอลองคิดดูดีๆแล้ว ผลงานของฉินเฟิงในการไปร่วมงานประลองในเมืองหลวงมังกร มันจะไม่ดีได้อย่างไร?
เพราะท้ายที่สุดแล้ว จากบรรดาลูกรักของพระเจ้า รุ่นเยาว์เลเวลสูงสุด อยู่แค่ D เท่านั้นเอง!
หากฉินเฟิงไปร่วมงานประลองที่นั่น มันจะไม่เท่ากับเป็นการกลั่นแกล้งรุ่นเยาว์คนอื่นๆหรอกหรือ?
…
หลังงานเลี้ยงฉลอง ตารางงานก็เริ่มแน่นขนัด อีกวันเดียวก็จะถึงงานประลองลูกรักของพระเจ้า ดังนั้นซางฮันเลยตัดสินใจเปิดประตูมิติอีกครั้ง พาตัวแทนทั้งสิบคนเดินทางไปยังเมืองหลวงมังกร
ในปีก่อนๆ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของชุ่ยเหลียน
สำหรับปีนี้ เดิมซางฮันตั้งใจจะให้ผู้ใช้พลังเลเวล B9 เป็นคนคุมพวกเด็กๆไปยังเมืองหลวงมังกร
ที่ต้องเอาคนเลเวลสูงขนาดนั้น เป็นเพราะในเมืองหลวงมังกร เลเวล A พบเจอได้ทุกหนแห่ง เลเวล B เดินขวักไขว่ เยอะแยะไม่ต่างจากฝูงหมาแมว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปีนี้ ทีมตัวแทนของภูมิภาคเหนือ มีฉินเฟิงเข้าร่วมด้วย ดังนั้นซางฮันเลยตัดสินใจพาพวกเขาไปด้วยตัวเอง
ผู้ใช้อบิลิตี้ถ่ายเทพลังสมาธิลงในศิลามิติ สร้างช่องว่างอันสลับซับซ้อนขึ้น หลังจากระบุพิกัด ทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์
หึ่ง หึ่ง!
แสงสีเงินเปล่งประกาย ประตูมิติปรากฏขึ้น
“ไปกันเถอะ”
ซางฮันก้าวนำเข้าสู่ประตู ฉินเฟิงและไป๋หลีตามไปติดๆ ที่เหลืออีก 9 คน มองหน้ากันเลิกลั่ก ก่อนค่อยๆก้าวเข้าไปในประตู
วิสัยทัศน์ของพวกเขากลายเป็นมืดมัว ภายในมิติ ทั้งหมดคล้ายถูกบีบคั้นด้วยพลังงานบางอย่าง โชคดีที่ทุกคนสามารถต้านทานมันได้
ราวกับใช้เวลาไปเพียงชั่วพริบตา ในที่สุดวิสัยทัศน์ของผู้คนก็กลับคืน ร่างของผู้คนก้าวเดินออกมายังอีกฟากหนึ่งของประตูมิติ
สถานที่ที่พวกเขาปรากฏตัว เป็นจัตุรัสอันกว้างใหญ่
รอบๆจัตุรัสถูกทิ้งร้าง มันไร้ผู้คน ไม่มีกระทั่งยานพาหนะจอดอยู่
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงทราบดี ว่านี่คือที่ตั้งของตัวเชื่อมมิตินอกเมืองหลวงมังกร
เขาหันหัวไปทางด้านซ้ายของที่นี้ทันที และพบกับแนวตึกรามที่ชวนให้รู้สึกยำเกรง
รูปทรงของพวกมัน ถูกออกแบบให้คล้ายกับมังกรที่กำลังทะยานสู่ฟากฟ้า!
“โอ้ว!”
บรรดาอัจฉริยะอีกเก้าคน อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานเสียงดังด้วยความประหลาดใจ
“นั่น .. นั่นน่ะหรอเมืองหลวงมังกร?”
พวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าสิ่งที่เรียกว่าเมืองหลัวงมังกร แท้จริงแล้ว กระทั่งรูปทรงของมันก็ยังเหมือนมังกรอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังถูกสร้างขึ้นในแนวตั้ง!
ช่วงเวลานี้ ในระยะไกลออกไป ในที่สุดก็มีคนก้าวเข้ามา คนๆนี้มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล B สวมเสื้อผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของหน่วยลาดตระเวน เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของเมืองหลวงมังกร
“ช่วยแสดงตัวตนของพวกคุณด้วย” ขณะกล่าว เลเวล B กวาดตามองฝูงชนคราหนึ่ง และพบว่าในฝูงชน มีเลเวล D กับ C ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นซางฮัน เขาก็แปลกใจไปชั่วขณะ จากนั้นกล่าว “ที่แท้ก็เป็นคนของจ้าวพรมแดนซาง”
ตำแหน่งจ้าวพรมแดน มีเพียงสี่คนเท่านั้น แบ่งเป็น เหนือ ใต้ ออก ตก แยกกันปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่ของหัวเซี่ย แต่การที่สามารถระบุว่าเป็นซางฮันได้ในทันที ขอบอกว่าสายตาของเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่เลว
“สวัสดี นี่คือกลุ่มรุ่นเยาว์ที่จะมาชิงแชม์งานประลองลูกรักของพระเจ้า และนี่คือเอกสารรับรองตัวตน” ซางฮันโชว์วัถุอิเล็กทรอนิกส์บางอย่างให้ดู
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ก่อนพยักหน้าและกล่าว “การตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์ นี่คือบัตรผ่านเข้าเมืองหลวงมังกร ธุรกรรมทุกอย่างต้องการซื้อขายด้วยเหรียญพลังงาน ดังนั้นหากจะเข้าสู่เมืองหลวง ทุกคนจำเป็นต้องเติม 1,000 เหรียญพลังงานลงในมัน”
1,000 เหรียญพลังงาน เทียบเท่าได้กับ 10 ล้าน ซึ่งในส่วนของผู้ใช้พลังเลเวล D เงินจำนวนนี้ถือเป็นเรื่องปกติ หลังจากจ่ายเหรียญพลังงาน บนการ์ดโปร่งใสที่ได้มา ตัวเลข 1,000 ก็ปรากฏขึ้น
“เรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว สามารถมุ่งหน้าไปตามถนนเส้นนี้ได้เลย”
“อืม” ซางฮันตอบรับ ไม่มีท่าทีแปลกใจใดๆ เธอวาดมือและเรียกรถศึกลอยฟ้าออกมา ส่วนฉินเฟิงเรียกสายฟ้าสีเงินให้ไป๋หลี , โจวฮ่าว และจิ่นเฟยเข้ามานั่ง
คนอื่นๆปฏิเสธว่าตนนั้นด้อยกว่า การสามารถเป็นตัวแทนลูกรักของพระเจ้าจากภูมิภาคเหนือได้ นั่นหมายความว่าทุกคนมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี ดังนั้นมีรถศึกในครอบครอง ทั้งยังมีพื้นที่มิติมากพอที่จะเก็บมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกแท้ๆของเจ้าเมืองรัฐฮั่นชวน — ฮั่นจุน!
“แค่ค่าเข้าเมืองหลวงมังกร ก็ต้องจ่ายมากถึง 10 ล้าน ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมราคาสินค้าในเมืองหลวงมังกรถึงสูงนัก ที่แท้ความจริงก็เป็นแบบนี้” โจวฮ่าวเล่นการ์ดในมือ มองผ่านๆไม่พบอะไรผิดปกติ ก็เก็บมันลงในพื้นที่มิติ
“เมืองหลวงมังกร เป็นธรรมดาที่จะแตกต่างจากที่อื่น” ฉินเฟิงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
ส่วนแตกต่างกันอย่างไร เขาไม่อธิบาย เอาไว้รอจนเจ้าพวกนี้เข้าไป เดี๋ยวก็รู้เอง
“แต่ว่านะ เมืองหลวงมังกรก็ช่างน่าทึ่งจริงๆ ขนาดแค่เจ้าหน้าที่ต้อนรับ ยังเป็นเลเวล B เลย ราวกับว่า ความแข็งแกร่งระดับนี้ พบเจอได้ทั่วไปในเมืองหลวงมังกร” จิ่นเฟยกล่าว
ฉินเฟิงยิ้ม นั่นถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะหากไม่มีความแข็งแกร่ง สภาพการเป็นอยู่ในเมืองหลวงมังกรของคุณ คงน่าสังเวชมาก
ฉินเฟิงเปิดโหมดล็อคเป้าหมาย ให้สายฟ้าสีเงินขับตามรถศึกของซางฮัน ปล่อยพวงมาลัย เอนตัวมองเมืองหลวงมังกรที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฝั่งจิ่นเฟยและโจวฮ่าว ทั้งสองยังคงสนทนากัน แต่ยิ่งขับไปตามเส้นทาง ทั้งสองก็ยิ่งตกตะลึง
กระทั่งไป๋หลี เมื่อมองไปยังสุดถนน ก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้
เมืองหลวงมังกรไม่ได้อยู่ไกล ใช้เวลาขับเพียงครึ่งชั่วโมงเต็มก็ถึงแล้ว
อย่างไรก็ตาม พอพวกเขาเข้าไปใกล้มันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่พวกเขาเห็น กลับมิใช่มังกรตัวยาวอีกต่อไป
หากแต่เป็นกำแพงเมืองขนาดยักษ์ กว้างขวางไร้ขอบเขต จะฝั่งซ้ายหรือขวาก็ยาวจนสุดลูกหูลูกตา ทิวทัศน์ของสองฟากฝั่งไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป ในสายตา เหลือเพียงกำแพงยักษ์ที่ยืดยาวไปถึงท้องฟ้า
และแต่ละจุดบนกำแพง มองไปคล้ายหินขนาดใหญ่ ที่มิอาจทำลาย
เมืองหลวงมังกร … ใหญ่โตถึงเพียงใดกันแน่นะ?
แต่เมื่อลองเงยหน้าขึ้น กลับมิอาจมองเห็นตัวเมืองได้เลย ว่ามันกว้างใหญ่ถึงขนาดไหนกัน
ในเวลานี้ ฉินเฟิงเอ่ยปากออกมา “พื้นที่ของเมืองหลวงมังกรกว้างขวางขนาดไหน ไม่อาจทราบได้ แต่ที่ฉันรู้เมืองหลวงมังกร มันมีความสูงกว่า 3,000 เมตร และแบ่งเป็นชั้นละ 100 เมตร ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถอาศัยอยู่ในระดับที่สูงขึ้นไปได้เท่านั้น”
“ว่ายังไงนะ!!” โจวฮ่าวกับจิ่นเฟย ตกลึงงัน อ้าปากตาค้างไปพร้อมๆกัน
นี่น่ะหรือเมืองหลวงมังกร ช่างน่าสะพรึงเกินไปแล้ว
ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจางและกล่าว “หลงถิงเป็นผู้รับผิดชอบเมืองหลวงมังกร ปัจจุบันอายุสมควรน่าจะสัก 130 ปีได้แล้ว เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้อบิลิตี้ดินที่อายุมากถึง 150 ปี และอยู่ในเลเวล S เช่นกัน มีชื่อว่าตู้เหนียน ”
“ที่นายพูดถึงคงเป็น ราชามังกรและราชาปฐพี!” โจวฮ่าวโพล่งขึ้นอย่างกะทันหัน การดำรงอยู่ของคนเหล่านี้ ถือเป็นตำนาน
ตำนานดังกล่าว เมื่อก่อนทำได้เพียงรับฟัง แล้วก็ลืมเลือนไป ทว่าบัดนี้พวกเขากำลังจะไปพบเจอด้วยตาตนเองแล้ว!
ขณะเดียวกัน ระหว่างเมืองหลวงมังกรกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โจวฮ่าวกับจิ่นเฟยอดเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาไม่ได้
ว่าหากเมืองหลวงมังกรยังน่ายำเกรงขนาดนี้ แล้วคนที่สร้างเมืองหลวงขึ้นมา จะน่าสะพรึงขนาดไหน?
“เมืองหลวงมังกร … ” ฉินเฟิงพึมพำสองคำนี้ออกจากปาก ก่อนเผยรอยยิ้มแย้มแห่งความคนึงหา “นานแล้วสินะที่ไม่ได้มา!”
Comments