โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 588 – สถานะของ Z
Ep.588 – สถานะของ Z
การตกแต่งบนฮอลศึกเป็นแบบธรรมดา ที่แปลกก็คงจะเป็นเตาผิงที่ถูกติดตั้งไว้ภายใน คอยส่งไอร้อนออกมา ช่วยให้ทั้งฉินเฟิงและไป๋หลีรู้สึกอบอุ่น
ชายชราถอดชุดกันหนาวออก ก็ยิ่งดูเหมือนคนธรรมดายิ่งกว่าเดิม
หูซานนั่งลงหน้าเตาผิง เอ่ยปากสนทนาอย่างเป็นกันเอง ราวกำลังคุยกับคนในครอบครัว “ฉินเฟิง ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนของรัฐทะเลเหนือหรอกหรอ? ทำไมถึงได้มาที่นี่ล่ะ? แล้วไปมีปัญหาอะไรกับแซด?”
ฉินเฟิงหลุบตาต่ำลง ในสมองเริ่มปั่นความคิด
อาวุโสท่านนี้ สถานะคงไม่ธรรมดา ทั้งยังมีเลเวลอยู่ในระดับสูง แต่อย่างไรย่อมไม่มีทางล่วงรู้ทุกเรื่อง
ยังไงก็ตาม อีกฝ่ายรู้จักกับฉินเฟิง!
เกร’ว่าด้วยสถานะลูกรักของพระเจ้า ตัวของฉินเฟิงเลยคุ้มค่าพอให้เขาสนใจ
“ที่ผมเข้ามายังรัฐซูหยวน เพราะต้องการสืบข้อมูลขององค์กร Z … ”
แล้วฉินเฟิงก็ลอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถานชุมชนเฉิงเป่ย , เมืองฟูเฉิง และปราการชาตง โดยสังเขป
หูซานตอนแรกรินชาร้อนให้ทั้งสองอย่างมีความสุข แต่พอได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของปราการชาตง สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่สุดท้ายส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“เธอมันเด็กหัวรั้น! แค่เพราะเพื่อนร่วมชั้นเกือบถูกลักพาตัว ดังนั้นเลยไล่หาเบาะแสมาจนถึงที่นี่”
แน่นอน เหตุผลมันไม่ใช่แค่อะไรอย่างเช่นเพื่อนร่วมชั้นถูกลักพาตัว หากฉินเฟิงไม่ได้เกิดใหม่อีกครั้ง เขาคงไม่มีทางตระหนักได้ถึงพรสวรรค์ของตนเอง
ก่อนเกิดใหม่ ถ้าฉินเฟิงไม่ถูกขโมยพรสวรรค์ของเขาไปจากในห้องทดลอง ต่อให้เขามิได้ครอบครองความแข็งแกร่งดั่งเช่นในชีวิตนี้ก็ตาม แต่ด้วยระยะเวลาสิบปีของชีวิตก่อน ความสำเร็จของฉินเฟิงย่อมไม่หยุดอยู่แค่เลเวล A ธรรมดาๆแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น คงไม่ได้รับความทุกข์ตรม ตะเกียกตะกายข้ามผ่านความน่าสังเวชระหว่างเส้นทาง
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาข้างต้น ฉินเฟิงไม่สามารถอธิบายมันให้แก่หูซานได้
“เพราะได้เห็นกับตาตัวเอง ผมได้ข้อสรุปว่าองค์กรนี้อันตรายมาก ดังนั้นเลยตรวจสอบ หาร่องรอยจนมาถึงที่นี่” ฉินเฟิงกล่าว
“อันตรายงั้นหรอ? ถ้าฉันบอกเธอ ว่ากองกำลังของแซด คนของเขามีเลเวลสูงสุดอยู่แค่ C เธอยังคิดว่าองค์กรของเขาเป็นอันตรายอยู่อีกไหม?” หูซานถาม
ฉินเฟิงขมวดคิ้ว “นั่นจะเป็นไปได้ยังไง เพราะสุดท้ายแล้วแซดเป็นถึงเลเวล S !”
“เลเวล S? เหอ เหอ… ” หูซานยิ้ม ยกชาขึ้นจิบ แต่ไม่กล่าวกระไรอีก
แม้ไม่ได้รับคำตอบ แต่หัวใจของฉินเฟิงกลับเริ่มเต้นระรัว ท่าทีแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่า แซดแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดเดาไว้?
“ท่านผู้ใหญ่ แซดเป็นใครกันแน่?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
“แซดน่ะเหรอ” หูซานเอ่ยย้ำพลางขบคิดเล็กน้อย และกล่าว “ก่อนยุคโลกาวินาศ มนุษยชาติเจริญรุ่งเรืองมาก แต่แล้วจู่ๆเกิดภัยพิบัติขึ้นอย่างกะทันหัน ช่วงเวลานั้น ผู้คนมักเอ่ยกันจนติดปากว่า จุดจบของโลกได้มาถึงแล้ว”
“สัตว์ร้ายจำนวนมากบุกเข้ามา ช่วงเวลานั้นร่างกายของมนุษย์ไม่เพียงอ่อนแอ แต่อาวุธร้อนก็ยังอยู่ในระดับต่ำ , ตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณบางตระกูล วรยุทธที่สืบทอดมานานนมของพวกเขา ส่วนใหญ่ได้หายไปแล้ว ดังนั้นไม่มีมนุษย์คนใดสามารถต้านทานกองทัพสัตว์ร้ายได้”
“ช่วงเวลานั้นยังไม่เกิดพันธมิตรมนุษย์ บางประเทศที่มีระบอบการปกครองแบบเผด็จการ สามารถครอบครองอำนาจสั่งการจากใจกลางโดยไม่ต้องฟังเสียงจากประชาชน เพื่อที่จะต่อต้านภัยพิบัติเหล่านี้ พวกเขาเลยเริ่มโครงการวิจัยที่แสนอันตรายขึ้นมา”
จิตวิญญาณของฉินเฟิงคล้ายถูกสั่นคลอน เขาเข้าใจในบัดดล
“งานวิจัยร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์!”
“ถูกต้อง ถึงแม้ตามหนังสือเรียนในปัจจุบัน หลายคนจะบอกว่าการทดลองนั่นล้มเหลวไปแล้ว แต่ในความเป็นจริง พวกเขาสามารถทำสำเร็จได้เคสหนึ่ง!”
ครั้งนี้ฉินเฟิงไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป เอ่ยเสียงจม “และเคสที่ว่านั่นคงจะเป็นแซด!”
“ใช่แล้วล่ะ หากนับตามตัวอักษรอัลฟาเบต แซดคืออักษรตัวสุดท้าย ทั้งยังเป็นร่างทดลองที่ประสบความสำเร็จเพียงหนึ่งเดียวเช่นกัน!”
“ในช่วงเวลานั้น แซดเป็นแค่นักวิจัยอาสาสมัครในห้องปฏิบัติการ อาจารย์ของเขาเป็นคนรับผิดชอบการทดลองของเขาเอง ยกเว้นแซด คนอื่นๆที่เหลือไม่ตาย ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดน่าหวาดกลัว คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย สุดท้ายแซดเลยหนีไปกับอาจารย์ของเขา”
“เนื่องจากทิศทางการวิจัยไม่สามารถควบคุมได้ มันมีปัจจัยหลายอย่างมากเกินไป ทำให้สุดท้ายแม้จะมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างแซด แต่ในที่สุดโครงการก็มาถึงทางตัน มันถูกยุบ ขณะเดียวกัน ก็เริ่มปรากฏมนุษย์ผู้มีพรสวรรค์ขึ้น งานวิจัยยาปลุกพลังจึงถือกำเนิดตามมา”
“แต่อาจารย์ของแซดไม่อยากหยุด เพราะนี่ไม่ต่างไปจากการปฏิเสธงานวิจัยของเขา ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าเขายังมีแซดอยู่ในมือ ดังนั้นทั้งสองเลยตัดสินใจตั้งห้องทดลองแยกออกมา เพื่อทำการวิจัยต่อ”
ฉินเฟิงกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “ฟังจากที่พูดมา หมายความว่าแซดเองก็เป็นสมาชิกของพันธมิตรมนุษย์ด้วยงั้นหรอครับ?”
หูซานหัวเราะและกล่าว “ในตอนนั้น มันมีพันธมิตรมนุษย์อยู่ซะที่ไหนกัน?”
ฉินเฟิงลองย้อนนึกดู แม้พันธมิตรมนุษย์จะมีอำนาจมหาศาล แต่มันเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อ 150 ปีก่อน ในยุครอยแยกมิติขนาดใหญ่
นั่นเท่ากับว่าแซดเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นก่อน ดิ้นรนในช่วงยุควันสิ้นโลก ทั้งยังดำเนินการทดลองต่อไป
“หลังจากยาปลุกพลังถือกำเนิดขึ้น และหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในที่สุดปรากฏตัวตนทรงอำนาจเลเวล S ท่ามกลางเผ่าพันธุ์มนุษย์ พันธมิตรมนุษยชาติเลยก่อตั้งขึ้น เพื่อแบ่งปันข่าวสาร , แบ่งปันทรัพยากรใหม่ๆที่ได้รับ ส่วนแซดในเวลานั้น อาจารย์ของเขาได้ล่วงลับไปแล้ว เจ้าตัวเลยได้รับสืบทอดห้องทดลองมาศึกษาต่อโดยไม่พึ่งพันธมิตรมนุษย์”
“หมายความว่าเขามีความคิดไม่ตรงกับพวกระดับสูง สุดท้ายเลยกลายเป็นพวกหัวรุนแรง ต่อต้านสังคม?”
“และเนื่องจากเขาทำการทดลองกับมนุษย์ สุดท้ายเลยถูกเรียกว่าเป็นองค์กรมืด!!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงหม่น
“ไม่ใช่” อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดนี้ หูซานกลับส่ายหัวอย่างคาดไม่ถึง
“เอ๋?”
หูซานอธิบายต่อว่า “ก่อนหน้านี้แซดไม่บอกเธอถึงจุดประสงค์การทดลองของเขาเลยหรือ?”
แซดพูดเอาไว้เยอะมาก แต่ฉินเฟิงไม่รู้ว่าประโยคไหน อีกอย่าง ในมุมมองของฉินเฟิง เขารู้สึกว่าคำพูดของแซด มันเป็นแค่ภาพลวงตา
เรียกได้ว่าดื่มด่ำไปกับจินตนาการ เพ้อฝันมากเกินไป
หูซานกล่าว “แซดต้องการให้มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนกับคนในเมืองหลวงมังกร!”
“ใช่! เขาเคยพูดทำนองนี้กับผม” ฉินเฟิงพยักหน้า ณ จุดนี้ แซดราวกับคนบ้า ที่คิดโยนเค้กก้อนใหญ่เข้าใส่หน้าผู้คน
หูซานกล่าวต่อ “แต่บรรดาตัวตนทรงอำนาจ ที่เพลิดเพลินไปกับสถานะและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพวกเขา ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากให้แซดทำลายช่องว่างที่ว่านั่นลง พวกเขาไม่ต้องการยาจากการทดลองของแซด ไม่ต้องการให้มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนกับคนในเมืองหลวงมังกร ยังคงต้องการให้มนุษย์ส่วนใหญ่เป็นแค่คนทั่วไป แค่ใช้ชีวิตอยู่อย่างงมงาย และไม่เข้ามาก้าวก่ายผลประโยชน์ของพวกเขาก็พอ!”
ฉินเฟิงพอรับฟังมาถึงจุดนี้ สีหน้าแปรเปลี่ยนทันใด
เขามองไปยังหูซาน ในแววตาสะท้อนถึงความสับสน ในสมองขบคิด ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?
แต่พอลองคิดดูแล้ว เขาพบว่าคำตอบนี้ ไม่มีช่องโหว่ใดๆเลย
ผู้ใดแข็งแกร่งที่สุด ผู้นั้นย่อมครอบครองสถานะมากที่สุด!
และผู้ที่ครอบครองเกียรติยศเช่นนั้น จะหวังให้คนอื่นมาสั่นคลอนสถานะของเขาได้อย่างไร?
ในสถานชุมชนเฉิงเป่ย ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เมื่อไปถึงเลเวล E เขาสามารถคุกคามตำแหน่งผู้ว่าการเขตได้ เมื่อไปถึงเลเวล D เขาสามารถคุกคามตำแหน่งเทศมนตรีเมืองได้
เมื่อมาถึงเลเวล C ปัจจุบันเขาได้กลายเป็นผู้การรัฐ!
พอได้มาลองคิดๆดู ระหว่างทางที่เขาก้าวเดิน มันมีผู้คนเขามาขัดขวางเสียทุกครั้งเลยไม่ใช่หรือ?
ในขณะที่การทดลองของแซด หากประสบความสำเร็จจริงๆ หลังจากที่ทุกคนถูกปลุกพลัง ทั้งยังสามารถปลุกได้ทั้งวรยุทธโบราณและอบิลิตี้ขึ้นพร้อมกัน นั่นไม่ต่างไปจากการโค่นล้มอำนาจเก่า พลิกตลบการปกครองในปัจจุบันลง!
ฉินเฟิงไม่เคยคาดคิดเลย ว่าเรื่องราวแท้จริงจะออกมาในรูปแบบนี้
“แต่ว่า สิ่งนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับกองกำลังของแซด?”
หูซานกล่าว “ไม่ว่าแซดจะมีความขัดแย้งอะไรกับพวกระดับสูง แต่ความตั้งใจดั้งเดิมของเขาไม่เปลี่ยนแปลง เขาต้องการให้ทุกคนเป็นเหมือนเมืองหลวงมังกร แต่นั่นมิใช่ยาที่ทำให้ตัวตนทรงอำนาจแข็งแกร่งขึ้น การทดลองของแซด มักเริ่มจากคนที่เพิ่งถูกปลุกพลังเสมอ และระดับสูงสุดที่ว่ามานั่นคือไม่เกินเลเวล C นี่เองคือเหตุผลที่ฉันบอกว่าในกองกำลังของแซด ไม่มีใครมีระดับมากเกินกว่าเลเวล C”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้
ฉินเฟิงเองก็เคยตั้งข้อสงสัยมาก่อน ว่าหากแซดเป็นเลเวล S จริงๆ งั้นทำไมองค์กรของเขาถึงต้องมาตั้งห้องทดลองในสถานชุมชนเล็กๆอย่างเฉิงเป่ย รวมไปถึงรัฐซูหยวนแห่งนี้
ทั้งๆที่ตัวตนทรงอำนาจเลเวล S การจะเข้าควบคุมทั้งภูมิภาค ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
แน่นอน เมื่อได้ฟังหูซาน ความคิดของฉินเฟิงก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน ก่อนเกิดใหม่ เขาไม่เคยพบเจอคนแบบหูซาน ไม่ทราบว่าแข็งแกร่งแค่ไหน แต่น่าจะไปเหยียบถึงเลเวล S แน่นอน
เกรงว่านี่อาจจะเป็นผู้พิทักษ์ในตำนาน!
Comments
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 588 – สถานะของ Z
Ep.588 – สถานะของ Z
การตกแต่งบนฮอลศึกเป็นแบบธรรมดา ที่แปลกก็คงจะเป็นเตาผิงที่ถูกติดตั้งไว้ภายใน คอยส่งไอร้อนออกมา ช่วยให้ทั้งฉินเฟิงและไป๋หลีรู้สึกอบอุ่น
ชายชราถอดชุดกันหนาวออก ก็ยิ่งดูเหมือนคนธรรมดายิ่งกว่าเดิม
หูซานนั่งลงหน้าเตาผิง เอ่ยปากสนทนาอย่างเป็นกันเอง ราวกำลังคุยกับคนในครอบครัว “ฉินเฟิง ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนของรัฐทะเลเหนือหรอกหรอ? ทำไมถึงได้มาที่นี่ล่ะ? แล้วไปมีปัญหาอะไรกับแซด?”
ฉินเฟิงหลุบตาต่ำลง ในสมองเริ่มปั่นความคิด
อาวุโสท่านนี้ สถานะคงไม่ธรรมดา ทั้งยังมีเลเวลอยู่ในระดับสูง แต่อย่างไรย่อมไม่มีทางล่วงรู้ทุกเรื่อง
ยังไงก็ตาม อีกฝ่ายรู้จักกับฉินเฟิง!
เกร’ว่าด้วยสถานะลูกรักของพระเจ้า ตัวของฉินเฟิงเลยคุ้มค่าพอให้เขาสนใจ
“ที่ผมเข้ามายังรัฐซูหยวน เพราะต้องการสืบข้อมูลขององค์กร Z … ”
แล้วฉินเฟิงก็ลอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถานชุมชนเฉิงเป่ย , เมืองฟูเฉิง และปราการชาตง โดยสังเขป
หูซานตอนแรกรินชาร้อนให้ทั้งสองอย่างมีความสุข แต่พอได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของปราการชาตง สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่สุดท้ายส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“เธอมันเด็กหัวรั้น! แค่เพราะเพื่อนร่วมชั้นเกือบถูกลักพาตัว ดังนั้นเลยไล่หาเบาะแสมาจนถึงที่นี่”
แน่นอน เหตุผลมันไม่ใช่แค่อะไรอย่างเช่นเพื่อนร่วมชั้นถูกลักพาตัว หากฉินเฟิงไม่ได้เกิดใหม่อีกครั้ง เขาคงไม่มีทางตระหนักได้ถึงพรสวรรค์ของตนเอง
ก่อนเกิดใหม่ ถ้าฉินเฟิงไม่ถูกขโมยพรสวรรค์ของเขาไปจากในห้องทดลอง ต่อให้เขามิได้ครอบครองความแข็งแกร่งดั่งเช่นในชีวิตนี้ก็ตาม แต่ด้วยระยะเวลาสิบปีของชีวิตก่อน ความสำเร็จของฉินเฟิงย่อมไม่หยุดอยู่แค่เลเวล A ธรรมดาๆแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น คงไม่ได้รับความทุกข์ตรม ตะเกียกตะกายข้ามผ่านความน่าสังเวชระหว่างเส้นทาง
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาข้างต้น ฉินเฟิงไม่สามารถอธิบายมันให้แก่หูซานได้
“เพราะได้เห็นกับตาตัวเอง ผมได้ข้อสรุปว่าองค์กรนี้อันตรายมาก ดังนั้นเลยตรวจสอบ หาร่องรอยจนมาถึงที่นี่” ฉินเฟิงกล่าว
“อันตรายงั้นหรอ? ถ้าฉันบอกเธอ ว่ากองกำลังของแซด คนของเขามีเลเวลสูงสุดอยู่แค่ C เธอยังคิดว่าองค์กรของเขาเป็นอันตรายอยู่อีกไหม?” หูซานถาม
ฉินเฟิงขมวดคิ้ว “นั่นจะเป็นไปได้ยังไง เพราะสุดท้ายแล้วแซดเป็นถึงเลเวล S !”
“เลเวล S? เหอ เหอ… ” หูซานยิ้ม ยกชาขึ้นจิบ แต่ไม่กล่าวกระไรอีก
แม้ไม่ได้รับคำตอบ แต่หัวใจของฉินเฟิงกลับเริ่มเต้นระรัว ท่าทีแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่า แซดแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดเดาไว้?
“ท่านผู้ใหญ่ แซดเป็นใครกันแน่?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
“แซดน่ะเหรอ” หูซานเอ่ยย้ำพลางขบคิดเล็กน้อย และกล่าว “ก่อนยุคโลกาวินาศ มนุษยชาติเจริญรุ่งเรืองมาก แต่แล้วจู่ๆเกิดภัยพิบัติขึ้นอย่างกะทันหัน ช่วงเวลานั้น ผู้คนมักเอ่ยกันจนติดปากว่า จุดจบของโลกได้มาถึงแล้ว”
“สัตว์ร้ายจำนวนมากบุกเข้ามา ช่วงเวลานั้นร่างกายของมนุษย์ไม่เพียงอ่อนแอ แต่อาวุธร้อนก็ยังอยู่ในระดับต่ำ , ตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณบางตระกูล วรยุทธที่สืบทอดมานานนมของพวกเขา ส่วนใหญ่ได้หายไปแล้ว ดังนั้นไม่มีมนุษย์คนใดสามารถต้านทานกองทัพสัตว์ร้ายได้”
“ช่วงเวลานั้นยังไม่เกิดพันธมิตรมนุษย์ บางประเทศที่มีระบอบการปกครองแบบเผด็จการ สามารถครอบครองอำนาจสั่งการจากใจกลางโดยไม่ต้องฟังเสียงจากประชาชน เพื่อที่จะต่อต้านภัยพิบัติเหล่านี้ พวกเขาเลยเริ่มโครงการวิจัยที่แสนอันตรายขึ้นมา”
จิตวิญญาณของฉินเฟิงคล้ายถูกสั่นคลอน เขาเข้าใจในบัดดล
“งานวิจัยร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์!”
“ถูกต้อง ถึงแม้ตามหนังสือเรียนในปัจจุบัน หลายคนจะบอกว่าการทดลองนั่นล้มเหลวไปแล้ว แต่ในความเป็นจริง พวกเขาสามารถทำสำเร็จได้เคสหนึ่ง!”
ครั้งนี้ฉินเฟิงไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป เอ่ยเสียงจม “และเคสที่ว่านั่นคงจะเป็นแซด!”
“ใช่แล้วล่ะ หากนับตามตัวอักษรอัลฟาเบต แซดคืออักษรตัวสุดท้าย ทั้งยังเป็นร่างทดลองที่ประสบความสำเร็จเพียงหนึ่งเดียวเช่นกัน!”
“ในช่วงเวลานั้น แซดเป็นแค่นักวิจัยอาสาสมัครในห้องปฏิบัติการ อาจารย์ของเขาเป็นคนรับผิดชอบการทดลองของเขาเอง ยกเว้นแซด คนอื่นๆที่เหลือไม่ตาย ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดน่าหวาดกลัว คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย สุดท้ายแซดเลยหนีไปกับอาจารย์ของเขา”
“เนื่องจากทิศทางการวิจัยไม่สามารถควบคุมได้ มันมีปัจจัยหลายอย่างมากเกินไป ทำให้สุดท้ายแม้จะมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างแซด แต่ในที่สุดโครงการก็มาถึงทางตัน มันถูกยุบ ขณะเดียวกัน ก็เริ่มปรากฏมนุษย์ผู้มีพรสวรรค์ขึ้น งานวิจัยยาปลุกพลังจึงถือกำเนิดตามมา”
“แต่อาจารย์ของแซดไม่อยากหยุด เพราะนี่ไม่ต่างไปจากการปฏิเสธงานวิจัยของเขา ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าเขายังมีแซดอยู่ในมือ ดังนั้นทั้งสองเลยตัดสินใจตั้งห้องทดลองแยกออกมา เพื่อทำการวิจัยต่อ”
ฉินเฟิงกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “ฟังจากที่พูดมา หมายความว่าแซดเองก็เป็นสมาชิกของพันธมิตรมนุษย์ด้วยงั้นหรอครับ?”
หูซานหัวเราะและกล่าว “ในตอนนั้น มันมีพันธมิตรมนุษย์อยู่ซะที่ไหนกัน?”
ฉินเฟิงลองย้อนนึกดู แม้พันธมิตรมนุษย์จะมีอำนาจมหาศาล แต่มันเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อ 150 ปีก่อน ในยุครอยแยกมิติขนาดใหญ่
นั่นเท่ากับว่าแซดเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นก่อน ดิ้นรนในช่วงยุควันสิ้นโลก ทั้งยังดำเนินการทดลองต่อไป
“หลังจากยาปลุกพลังถือกำเนิดขึ้น และหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในที่สุดปรากฏตัวตนทรงอำนาจเลเวล S ท่ามกลางเผ่าพันธุ์มนุษย์ พันธมิตรมนุษยชาติเลยก่อตั้งขึ้น เพื่อแบ่งปันข่าวสาร , แบ่งปันทรัพยากรใหม่ๆที่ได้รับ ส่วนแซดในเวลานั้น อาจารย์ของเขาได้ล่วงลับไปแล้ว เจ้าตัวเลยได้รับสืบทอดห้องทดลองมาศึกษาต่อโดยไม่พึ่งพันธมิตรมนุษย์”
“หมายความว่าเขามีความคิดไม่ตรงกับพวกระดับสูง สุดท้ายเลยกลายเป็นพวกหัวรุนแรง ต่อต้านสังคม?”
“และเนื่องจากเขาทำการทดลองกับมนุษย์ สุดท้ายเลยถูกเรียกว่าเป็นองค์กรมืด!!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงหม่น
“ไม่ใช่” อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดนี้ หูซานกลับส่ายหัวอย่างคาดไม่ถึง
“เอ๋?”
หูซานอธิบายต่อว่า “ก่อนหน้านี้แซดไม่บอกเธอถึงจุดประสงค์การทดลองของเขาเลยหรือ?”
แซดพูดเอาไว้เยอะมาก แต่ฉินเฟิงไม่รู้ว่าประโยคไหน อีกอย่าง ในมุมมองของฉินเฟิง เขารู้สึกว่าคำพูดของแซด มันเป็นแค่ภาพลวงตา
เรียกได้ว่าดื่มด่ำไปกับจินตนาการ เพ้อฝันมากเกินไป
หูซานกล่าว “แซดต้องการให้มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนกับคนในเมืองหลวงมังกร!”
“ใช่! เขาเคยพูดทำนองนี้กับผม” ฉินเฟิงพยักหน้า ณ จุดนี้ แซดราวกับคนบ้า ที่คิดโยนเค้กก้อนใหญ่เข้าใส่หน้าผู้คน
หูซานกล่าวต่อ “แต่บรรดาตัวตนทรงอำนาจ ที่เพลิดเพลินไปกับสถานะและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพวกเขา ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากให้แซดทำลายช่องว่างที่ว่านั่นลง พวกเขาไม่ต้องการยาจากการทดลองของแซด ไม่ต้องการให้มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนกับคนในเมืองหลวงมังกร ยังคงต้องการให้มนุษย์ส่วนใหญ่เป็นแค่คนทั่วไป แค่ใช้ชีวิตอยู่อย่างงมงาย และไม่เข้ามาก้าวก่ายผลประโยชน์ของพวกเขาก็พอ!”
ฉินเฟิงพอรับฟังมาถึงจุดนี้ สีหน้าแปรเปลี่ยนทันใด
เขามองไปยังหูซาน ในแววตาสะท้อนถึงความสับสน ในสมองขบคิด ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?
แต่พอลองคิดดูแล้ว เขาพบว่าคำตอบนี้ ไม่มีช่องโหว่ใดๆเลย
ผู้ใดแข็งแกร่งที่สุด ผู้นั้นย่อมครอบครองสถานะมากที่สุด!
และผู้ที่ครอบครองเกียรติยศเช่นนั้น จะหวังให้คนอื่นมาสั่นคลอนสถานะของเขาได้อย่างไร?
ในสถานชุมชนเฉิงเป่ย ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เมื่อไปถึงเลเวล E เขาสามารถคุกคามตำแหน่งผู้ว่าการเขตได้ เมื่อไปถึงเลเวล D เขาสามารถคุกคามตำแหน่งเทศมนตรีเมืองได้
เมื่อมาถึงเลเวล C ปัจจุบันเขาได้กลายเป็นผู้การรัฐ!
พอได้มาลองคิดๆดู ระหว่างทางที่เขาก้าวเดิน มันมีผู้คนเขามาขัดขวางเสียทุกครั้งเลยไม่ใช่หรือ?
ในขณะที่การทดลองของแซด หากประสบความสำเร็จจริงๆ หลังจากที่ทุกคนถูกปลุกพลัง ทั้งยังสามารถปลุกได้ทั้งวรยุทธโบราณและอบิลิตี้ขึ้นพร้อมกัน นั่นไม่ต่างไปจากการโค่นล้มอำนาจเก่า พลิกตลบการปกครองในปัจจุบันลง!
ฉินเฟิงไม่เคยคาดคิดเลย ว่าเรื่องราวแท้จริงจะออกมาในรูปแบบนี้
“แต่ว่า สิ่งนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับกองกำลังของแซด?”
หูซานกล่าว “ไม่ว่าแซดจะมีความขัดแย้งอะไรกับพวกระดับสูง แต่ความตั้งใจดั้งเดิมของเขาไม่เปลี่ยนแปลง เขาต้องการให้ทุกคนเป็นเหมือนเมืองหลวงมังกร แต่นั่นมิใช่ยาที่ทำให้ตัวตนทรงอำนาจแข็งแกร่งขึ้น การทดลองของแซด มักเริ่มจากคนที่เพิ่งถูกปลุกพลังเสมอ และระดับสูงสุดที่ว่ามานั่นคือไม่เกินเลเวล C นี่เองคือเหตุผลที่ฉันบอกว่าในกองกำลังของแซด ไม่มีใครมีระดับมากเกินกว่าเลเวล C”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้
ฉินเฟิงเองก็เคยตั้งข้อสงสัยมาก่อน ว่าหากแซดเป็นเลเวล S จริงๆ งั้นทำไมองค์กรของเขาถึงต้องมาตั้งห้องทดลองในสถานชุมชนเล็กๆอย่างเฉิงเป่ย รวมไปถึงรัฐซูหยวนแห่งนี้
ทั้งๆที่ตัวตนทรงอำนาจเลเวล S การจะเข้าควบคุมทั้งภูมิภาค ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
แน่นอน เมื่อได้ฟังหูซาน ความคิดของฉินเฟิงก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน ก่อนเกิดใหม่ เขาไม่เคยพบเจอคนแบบหูซาน ไม่ทราบว่าแข็งแกร่งแค่ไหน แต่น่าจะไปเหยียบถึงเลเวล S แน่นอน
เกรงว่านี่อาจจะเป็นผู้พิทักษ์ในตำนาน!
Comments
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 588 – สถานะของ Z
Ep.588 – สถานะของ Z
การตกแต่งบนฮอลศึกเป็นแบบธรรมดา ที่แปลกก็คงจะเป็นเตาผิงที่ถูกติดตั้งไว้ภายใน คอยส่งไอร้อนออกมา ช่วยให้ทั้งฉินเฟิงและไป๋หลีรู้สึกอบอุ่น
ชายชราถอดชุดกันหนาวออก ก็ยิ่งดูเหมือนคนธรรมดายิ่งกว่าเดิม
หูซานนั่งลงหน้าเตาผิง เอ่ยปากสนทนาอย่างเป็นกันเอง ราวกำลังคุยกับคนในครอบครัว “ฉินเฟิง ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนของรัฐทะเลเหนือหรอกหรอ? ทำไมถึงได้มาที่นี่ล่ะ? แล้วไปมีปัญหาอะไรกับแซด?”
ฉินเฟิงหลุบตาต่ำลง ในสมองเริ่มปั่นความคิด
อาวุโสท่านนี้ สถานะคงไม่ธรรมดา ทั้งยังมีเลเวลอยู่ในระดับสูง แต่อย่างไรย่อมไม่มีทางล่วงรู้ทุกเรื่อง
ยังไงก็ตาม อีกฝ่ายรู้จักกับฉินเฟิง!
เกร’ว่าด้วยสถานะลูกรักของพระเจ้า ตัวของฉินเฟิงเลยคุ้มค่าพอให้เขาสนใจ
“ที่ผมเข้ามายังรัฐซูหยวน เพราะต้องการสืบข้อมูลขององค์กร Z … ”
แล้วฉินเฟิงก็ลอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถานชุมชนเฉิงเป่ย , เมืองฟูเฉิง และปราการชาตง โดยสังเขป
หูซานตอนแรกรินชาร้อนให้ทั้งสองอย่างมีความสุข แต่พอได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของปราการชาตง สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่สุดท้ายส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“เธอมันเด็กหัวรั้น! แค่เพราะเพื่อนร่วมชั้นเกือบถูกลักพาตัว ดังนั้นเลยไล่หาเบาะแสมาจนถึงที่นี่”
แน่นอน เหตุผลมันไม่ใช่แค่อะไรอย่างเช่นเพื่อนร่วมชั้นถูกลักพาตัว หากฉินเฟิงไม่ได้เกิดใหม่อีกครั้ง เขาคงไม่มีทางตระหนักได้ถึงพรสวรรค์ของตนเอง
ก่อนเกิดใหม่ ถ้าฉินเฟิงไม่ถูกขโมยพรสวรรค์ของเขาไปจากในห้องทดลอง ต่อให้เขามิได้ครอบครองความแข็งแกร่งดั่งเช่นในชีวิตนี้ก็ตาม แต่ด้วยระยะเวลาสิบปีของชีวิตก่อน ความสำเร็จของฉินเฟิงย่อมไม่หยุดอยู่แค่เลเวล A ธรรมดาๆแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น คงไม่ได้รับความทุกข์ตรม ตะเกียกตะกายข้ามผ่านความน่าสังเวชระหว่างเส้นทาง
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาข้างต้น ฉินเฟิงไม่สามารถอธิบายมันให้แก่หูซานได้
“เพราะได้เห็นกับตาตัวเอง ผมได้ข้อสรุปว่าองค์กรนี้อันตรายมาก ดังนั้นเลยตรวจสอบ หาร่องรอยจนมาถึงที่นี่” ฉินเฟิงกล่าว
“อันตรายงั้นหรอ? ถ้าฉันบอกเธอ ว่ากองกำลังของแซด คนของเขามีเลเวลสูงสุดอยู่แค่ C เธอยังคิดว่าองค์กรของเขาเป็นอันตรายอยู่อีกไหม?” หูซานถาม
ฉินเฟิงขมวดคิ้ว “นั่นจะเป็นไปได้ยังไง เพราะสุดท้ายแล้วแซดเป็นถึงเลเวล S !”
“เลเวล S? เหอ เหอ… ” หูซานยิ้ม ยกชาขึ้นจิบ แต่ไม่กล่าวกระไรอีก
แม้ไม่ได้รับคำตอบ แต่หัวใจของฉินเฟิงกลับเริ่มเต้นระรัว ท่าทีแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่า แซดแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดเดาไว้?
“ท่านผู้ใหญ่ แซดเป็นใครกันแน่?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
“แซดน่ะเหรอ” หูซานเอ่ยย้ำพลางขบคิดเล็กน้อย และกล่าว “ก่อนยุคโลกาวินาศ มนุษยชาติเจริญรุ่งเรืองมาก แต่แล้วจู่ๆเกิดภัยพิบัติขึ้นอย่างกะทันหัน ช่วงเวลานั้น ผู้คนมักเอ่ยกันจนติดปากว่า จุดจบของโลกได้มาถึงแล้ว”
“สัตว์ร้ายจำนวนมากบุกเข้ามา ช่วงเวลานั้นร่างกายของมนุษย์ไม่เพียงอ่อนแอ แต่อาวุธร้อนก็ยังอยู่ในระดับต่ำ , ตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณบางตระกูล วรยุทธที่สืบทอดมานานนมของพวกเขา ส่วนใหญ่ได้หายไปแล้ว ดังนั้นไม่มีมนุษย์คนใดสามารถต้านทานกองทัพสัตว์ร้ายได้”
“ช่วงเวลานั้นยังไม่เกิดพันธมิตรมนุษย์ บางประเทศที่มีระบอบการปกครองแบบเผด็จการ สามารถครอบครองอำนาจสั่งการจากใจกลางโดยไม่ต้องฟังเสียงจากประชาชน เพื่อที่จะต่อต้านภัยพิบัติเหล่านี้ พวกเขาเลยเริ่มโครงการวิจัยที่แสนอันตรายขึ้นมา”
จิตวิญญาณของฉินเฟิงคล้ายถูกสั่นคลอน เขาเข้าใจในบัดดล
“งานวิจัยร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์!”
“ถูกต้อง ถึงแม้ตามหนังสือเรียนในปัจจุบัน หลายคนจะบอกว่าการทดลองนั่นล้มเหลวไปแล้ว แต่ในความเป็นจริง พวกเขาสามารถทำสำเร็จได้เคสหนึ่ง!”
ครั้งนี้ฉินเฟิงไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป เอ่ยเสียงจม “และเคสที่ว่านั่นคงจะเป็นแซด!”
“ใช่แล้วล่ะ หากนับตามตัวอักษรอัลฟาเบต แซดคืออักษรตัวสุดท้าย ทั้งยังเป็นร่างทดลองที่ประสบความสำเร็จเพียงหนึ่งเดียวเช่นกัน!”
“ในช่วงเวลานั้น แซดเป็นแค่นักวิจัยอาสาสมัครในห้องปฏิบัติการ อาจารย์ของเขาเป็นคนรับผิดชอบการทดลองของเขาเอง ยกเว้นแซด คนอื่นๆที่เหลือไม่ตาย ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดน่าหวาดกลัว คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย สุดท้ายแซดเลยหนีไปกับอาจารย์ของเขา”
“เนื่องจากทิศทางการวิจัยไม่สามารถควบคุมได้ มันมีปัจจัยหลายอย่างมากเกินไป ทำให้สุดท้ายแม้จะมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างแซด แต่ในที่สุดโครงการก็มาถึงทางตัน มันถูกยุบ ขณะเดียวกัน ก็เริ่มปรากฏมนุษย์ผู้มีพรสวรรค์ขึ้น งานวิจัยยาปลุกพลังจึงถือกำเนิดตามมา”
“แต่อาจารย์ของแซดไม่อยากหยุด เพราะนี่ไม่ต่างไปจากการปฏิเสธงานวิจัยของเขา ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าเขายังมีแซดอยู่ในมือ ดังนั้นทั้งสองเลยตัดสินใจตั้งห้องทดลองแยกออกมา เพื่อทำการวิจัยต่อ”
ฉินเฟิงกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “ฟังจากที่พูดมา หมายความว่าแซดเองก็เป็นสมาชิกของพันธมิตรมนุษย์ด้วยงั้นหรอครับ?”
หูซานหัวเราะและกล่าว “ในตอนนั้น มันมีพันธมิตรมนุษย์อยู่ซะที่ไหนกัน?”
ฉินเฟิงลองย้อนนึกดู แม้พันธมิตรมนุษย์จะมีอำนาจมหาศาล แต่มันเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อ 150 ปีก่อน ในยุครอยแยกมิติขนาดใหญ่
นั่นเท่ากับว่าแซดเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นก่อน ดิ้นรนในช่วงยุควันสิ้นโลก ทั้งยังดำเนินการทดลองต่อไป
“หลังจากยาปลุกพลังถือกำเนิดขึ้น และหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในที่สุดปรากฏตัวตนทรงอำนาจเลเวล S ท่ามกลางเผ่าพันธุ์มนุษย์ พันธมิตรมนุษยชาติเลยก่อตั้งขึ้น เพื่อแบ่งปันข่าวสาร , แบ่งปันทรัพยากรใหม่ๆที่ได้รับ ส่วนแซดในเวลานั้น อาจารย์ของเขาได้ล่วงลับไปแล้ว เจ้าตัวเลยได้รับสืบทอดห้องทดลองมาศึกษาต่อโดยไม่พึ่งพันธมิตรมนุษย์”
“หมายความว่าเขามีความคิดไม่ตรงกับพวกระดับสูง สุดท้ายเลยกลายเป็นพวกหัวรุนแรง ต่อต้านสังคม?”
“และเนื่องจากเขาทำการทดลองกับมนุษย์ สุดท้ายเลยถูกเรียกว่าเป็นองค์กรมืด!!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงหม่น
“ไม่ใช่” อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดนี้ หูซานกลับส่ายหัวอย่างคาดไม่ถึง
“เอ๋?”
หูซานอธิบายต่อว่า “ก่อนหน้านี้แซดไม่บอกเธอถึงจุดประสงค์การทดลองของเขาเลยหรือ?”
แซดพูดเอาไว้เยอะมาก แต่ฉินเฟิงไม่รู้ว่าประโยคไหน อีกอย่าง ในมุมมองของฉินเฟิง เขารู้สึกว่าคำพูดของแซด มันเป็นแค่ภาพลวงตา
เรียกได้ว่าดื่มด่ำไปกับจินตนาการ เพ้อฝันมากเกินไป
หูซานกล่าว “แซดต้องการให้มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนกับคนในเมืองหลวงมังกร!”
“ใช่! เขาเคยพูดทำนองนี้กับผม” ฉินเฟิงพยักหน้า ณ จุดนี้ แซดราวกับคนบ้า ที่คิดโยนเค้กก้อนใหญ่เข้าใส่หน้าผู้คน
หูซานกล่าวต่อ “แต่บรรดาตัวตนทรงอำนาจ ที่เพลิดเพลินไปกับสถานะและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพวกเขา ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากให้แซดทำลายช่องว่างที่ว่านั่นลง พวกเขาไม่ต้องการยาจากการทดลองของแซด ไม่ต้องการให้มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนกับคนในเมืองหลวงมังกร ยังคงต้องการให้มนุษย์ส่วนใหญ่เป็นแค่คนทั่วไป แค่ใช้ชีวิตอยู่อย่างงมงาย และไม่เข้ามาก้าวก่ายผลประโยชน์ของพวกเขาก็พอ!”
ฉินเฟิงพอรับฟังมาถึงจุดนี้ สีหน้าแปรเปลี่ยนทันใด
เขามองไปยังหูซาน ในแววตาสะท้อนถึงความสับสน ในสมองขบคิด ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?
แต่พอลองคิดดูแล้ว เขาพบว่าคำตอบนี้ ไม่มีช่องโหว่ใดๆเลย
ผู้ใดแข็งแกร่งที่สุด ผู้นั้นย่อมครอบครองสถานะมากที่สุด!
และผู้ที่ครอบครองเกียรติยศเช่นนั้น จะหวังให้คนอื่นมาสั่นคลอนสถานะของเขาได้อย่างไร?
ในสถานชุมชนเฉิงเป่ย ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เมื่อไปถึงเลเวล E เขาสามารถคุกคามตำแหน่งผู้ว่าการเขตได้ เมื่อไปถึงเลเวล D เขาสามารถคุกคามตำแหน่งเทศมนตรีเมืองได้
เมื่อมาถึงเลเวล C ปัจจุบันเขาได้กลายเป็นผู้การรัฐ!
พอได้มาลองคิดๆดู ระหว่างทางที่เขาก้าวเดิน มันมีผู้คนเขามาขัดขวางเสียทุกครั้งเลยไม่ใช่หรือ?
ในขณะที่การทดลองของแซด หากประสบความสำเร็จจริงๆ หลังจากที่ทุกคนถูกปลุกพลัง ทั้งยังสามารถปลุกได้ทั้งวรยุทธโบราณและอบิลิตี้ขึ้นพร้อมกัน นั่นไม่ต่างไปจากการโค่นล้มอำนาจเก่า พลิกตลบการปกครองในปัจจุบันลง!
ฉินเฟิงไม่เคยคาดคิดเลย ว่าเรื่องราวแท้จริงจะออกมาในรูปแบบนี้
“แต่ว่า สิ่งนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับกองกำลังของแซด?”
หูซานกล่าว “ไม่ว่าแซดจะมีความขัดแย้งอะไรกับพวกระดับสูง แต่ความตั้งใจดั้งเดิมของเขาไม่เปลี่ยนแปลง เขาต้องการให้ทุกคนเป็นเหมือนเมืองหลวงมังกร แต่นั่นมิใช่ยาที่ทำให้ตัวตนทรงอำนาจแข็งแกร่งขึ้น การทดลองของแซด มักเริ่มจากคนที่เพิ่งถูกปลุกพลังเสมอ และระดับสูงสุดที่ว่ามานั่นคือไม่เกินเลเวล C นี่เองคือเหตุผลที่ฉันบอกว่าในกองกำลังของแซด ไม่มีใครมีระดับมากเกินกว่าเลเวล C”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้
ฉินเฟิงเองก็เคยตั้งข้อสงสัยมาก่อน ว่าหากแซดเป็นเลเวล S จริงๆ งั้นทำไมองค์กรของเขาถึงต้องมาตั้งห้องทดลองในสถานชุมชนเล็กๆอย่างเฉิงเป่ย รวมไปถึงรัฐซูหยวนแห่งนี้
ทั้งๆที่ตัวตนทรงอำนาจเลเวล S การจะเข้าควบคุมทั้งภูมิภาค ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
แน่นอน เมื่อได้ฟังหูซาน ความคิดของฉินเฟิงก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน ก่อนเกิดใหม่ เขาไม่เคยพบเจอคนแบบหูซาน ไม่ทราบว่าแข็งแกร่งแค่ไหน แต่น่าจะไปเหยียบถึงเลเวล S แน่นอน
เกรงว่านี่อาจจะเป็นผู้พิทักษ์ในตำนาน!
Comments