โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล 115
RC:บทที่ 115 พลังของไก่ฟินิกซ์
มันเป็นความจริงที่ว่าซูหว่านเอ๋อไม่ได้บอกหลินเฟิงว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เธอเพียงแต่เชิญให้เขามาหาและเชิญทานข้าวด้วยกัน เพื่อขอบคุณเขา
ซูหว่านเอ๋อไม่ต้องการของขวัญจากหลินเฟิง เพราะว่าเขาได้ช่วยชีวิตของเธอไว้ซึ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
ซูหว่านเอ๋อคิดเช่นนั้น แต่คนอื่นๆ กลับไม่คิดเช่นนั้น คนอื่นๆ คิดว่าหลินเฟิงเห็นพวกเขาเป็นตัวตลก ใครกันนะที่ปล่อยให้หลินเฟิงมาเตะตาหญิงสาวเหล่านี้? เป็นที่นิยมมากกว่าซูหว่านเอ๋อ ที่ควรจะได้รับบทเด่นในวันนี้
ในเวลานี้ ตงฟางเสี่ยงไม่ได้ไปมอบของขวัญ แต่กลับดื่มไวน์ในมือและจ้องมองหลินเฟิงอย่างขบขัน
เมื่อเขาได้มาอยู่ด้วยกันกับหลินเฟินแล้ว ในตอนนี้เขาต้องการที่จะเห็นว่าหลินเฟิงนั้นตลกเพียงใด
“อ้อ ขอโทษนะ ของขวัญของหลินเฟิงน่ะ ให้ฉันเตรียมเอาไว้ให้ที่ด้านหลัง เอาออกมาตอนนี้ได้เลย!” เมื่อเถ้าแก่หวังเห็นว่าหลินเฟินกลายเป็นตัวตลก จึงรีบช่วยเขา
“โอ้ เถ้าแก่หวัง ของขวัญของหลินเฟิงคืออะไร? รีบเอาออกมาเร็วเข้า!” เจียงเสี่ยวไป่หัวเราะอย่างเยือกเย็นของขวัญของเจียงเสี่ยวไป่เป็นขวดไวน์เก่าแก่หลายขวดอายุหลายทศวรรษซึ่งมีราคาแพงมากและเป็นของหายากซึ่งเหลือเพียงไม่กี่ขวดเท่านั้น
คนพวกนี้นั้นรวยเกินไปและเด็กเกินไปสำหรับหลายสิ่ง และหลินเฟิงเด่นเกินไป พวกเขาหวังว่าหลินเฟิงจะไม่อยู่ที่นี่
“เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนรับใช้ไปเอามาเดี๋ยวนี้เลย!” จากนั้นเถ้าแก่หวังจึงลุกขึ้นยืนและเดินออกไป
“หลินเฟิงถ้าคุณไม่ได้เอาของขวัญมา ฉันจะให้ยืมปิ่นปักผมมันมีค่าเพียงพอกับมูลค่าของของคนพวกนี้!”
ในตอนนี้เสียงของมู่หรงหลานดังก้องอยู่ในใจของเขา
สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงตกใจมาก มันน่ามหัศจรรย์ที่มู่หรงหลานสามารถส่งกระแสจิตผ่านอากาศมาได้
“ไม่เอาอีกแล้วนะ” หลังจากที่ตกใจ หลินเฟิงก็หันไปมองมู่หรงหลานและสั่นศรีษะ
วันนี้ มู่หรงหลานได้ช่วยเขาไว้เพียงพอแล้ว หลินเฟิงรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ หลินเฟิงกำลังค้นหาในแหวนอวกาศของเขาเผื่อว่าจะมีของมีค่าอยู่บ้างที่เขาจะสามารถมอบให้กับซูหว่านเอ๋อได้ทันเวลา
จิตใต้สำนึกของหลินเฟิงหายเข้าไปในด้านในของแหวนอวกาศหลายต่อหลายครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ไม่อาจหาสิ่งใดมามอบเป็นของขวัญให้แก่ซูหว่านเอ๋อได้
อย่างไรก็ตามเมื่อจิตใต้สำนึกของหลินเฟิงกำลังจะถอยกลับออกมา หลินเฟิงก็พบว่ายังคงมีแหวนอยู่ในแหวนอวกาศ
หลินเฟิงนั้นจำได้เพียงว่าแหวนจิตวิญญาณอวกาศทั้งสองแห่งนี้ได้สกัดมาจากแก้วบำบัดน้ำเสียเมื่อครั้งก่อน
“มาแล้ว ของขวัญของหลินเฟิง!” ในเวลานี้ เถ้าแก่หวังได้เรียกให้คนรับใช้นำไก่ฟินิกซ์มาสองตัว
“พระเจ้า นี่มันไก่ฟินิกซ์นี่นา! และยังมีอยู่แล้วสองตัวด้วย บวกกับที่มีอยู่แล้วสามตัว ก็รวมกันเป็นทั้งหมดห้าตัว ในเวลานี้พวกเราก็จะได้มีเวลาดีๆ กันแล้ว!” เมื่อเห็นดังนั้น หยางเจียนซื่อก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ
ทุกคนพากันประหลาดใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้! หลินเฟิงสามารถเอาไก่ฟินิกซ์สองตัวนี้มาได้อย่างไรกัน?
เป็นที่รู้กันว่าที่ร้านของเถ้าแก่หวังจะมีไก่ฟินิกซ์เพียง 20 ตัวเท่านั้นในแต่ละวัน ปริมาณของวันนี้ได้รับการสั่งโดยลูกค้ามาเป็นเวลานานแล้ว
ถ้าซูหว่านเอ๋อไม่เห็นด้วยกับเถ้าแก่หวังล่วงหน้าในวันนี้ เขาก็ไม่อาจจะนำมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ร้านของเถ้าแก่หวังนั้นได้จำกัดปริมาณการซื้อสำหรับหนึ่งคนซื้อได้เพียงหนึ่งตัวเท่านั้นในแต่ละวัน นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมซูหว่านเอ๋อถึงได้สั่งไก่ได้ถึงสามตัว นั่นเพราะอัตลักษณ์ของเธอนั้นไม่ธรรมดา
ยิ่งไปกว่านี้ ไม่ว่าจ้าวหลงจะรวยหรือจน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนรวยแต่เขาก็ไม่อาจที่จะสั่งไก่ฟินิกซ์ได้
แต่หลินเฟิงสั่งได้ถึงสองตัว บวกกับที่มีอยู่เดิมแล้วสามตัว ก็รวมกันเป็นห้าตัว ดังนั้นพวกเราจึงมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน
นี่เป็นการลดศัตรูให้แก่หลินเฟิงเพราะของขวัญนั้นได้ถูกแบ่งปันให้กับทุกคน
รสชาติของไก่ฟินิกซ์นั้นเพียงได้กินเข้าไปเท่านั้นก็จะรู้ว่ามันน่าลิ้มลองเพียงใด
“อะไรกัน?มันก็แค่ไก่2ตัว” จ้าวหลงกล่าวอย่างรังเกียจ จริงๆ แล้วจ้าวหลงนั้นไม่เคยรู้เลยว่ามีไก่ฟินิกซ์อยู่ในโลกนี้ และก็ยังไม่เคยได้ลิ้มรสชาติของไก่ฟินิกซ์เลยด้วยซ้ำ
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณยังไม่ได้กินไก่ฟินิกซ์นั้นมันจะรู้สึกหยาบคายและเย่อหยิ่ง!” มันน่าประหลาดใจที่เจียงเสี่ยวไป่เป็นคนแรกที่กระโดดออกมาและเผชิญหน้ากับจ้าวหลง ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครกล้าดูถูกไก่ฟินิกซ์เลย
“เอาล่ะ ถ้าคุณได้ลองกินไก่ฟินิกซ์เข้าไปแล้ว คุณจะไม่มีวันพูดแบบนี้เลย!” ในตอนนี้หยางเจียนซื่อก็พูดออกมาเช่นกัน
“ลืมมันไปซะเถอะ นายจะไปเข้าใจความอ่อนนุ่มของไก่ฟินิกซ์ได้ยังไงกันในเมื่อนายยังไม่ได้ลองกิน” หานหลิงก็พูดออกมาเช่นกัน
…
จ้าวหลงไม่คิดว่าเพียงแค่เขาพูดไม่กี่คำด้วยความตั้งใจ จะเป็นเหตุให้ผู้คนโกรธมากมายขนาดนี้ มันช่างน่าประหลาด
อีกด้านหนึ่งของตงฟางเสี่ยงที่มองดูเหตุการณ์นี้ คิ้วของเขาขมวดเข้าด้วยกัน เพราะว่าเขานั้นไม่เคยกินไก่ฟินิกซ์เลย
“หยางฉิงชาน ไก่ฟินิกซ์คืออะไรงั้นหรือ? เมื่อกินเข้าไปแล้วจะมีพลังมากขึ้นงั้นหรือ? ถึงกับทำให้เป็นประเด็นให้ทุกคนโกรธแค้นจ้าวหลงขนาดนี้!” ตงฟางเสี่ยงนั่งอยู่ข้างๆ หยางฉิงชางและถามขึ้นมา
“ฮ่าฮ่า นี่เป็นจานสุดท้ายของร้านอาหารมิตรภาพของเรา มันจำกัดจำนวนแค่ 20 ชิ้นต่อวัน ทุกคนที่ได้กินมันเข้าไปจะมีพลังมหาศาล” หยางฉิงชานกล่าว
“พูดเกินจริงไปหรือเปล่า?” ตงฟางเสี่ยงพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ได้พูดเกินจริงนะ เพราะว่าฉันเพิ่งเคยกินแค่สองครั้งตั้งแต่มีไก่ฟินิกซ์มา และก็ได้กินโดยบังเอิญ! อย่าได้รีรอเลยนะถ้ามีโอกาส!” หยางฉิงชานกล่าว
“โอ้งั้นหรือ?” ตงฟางเสี่ยงมองดูหลินเฟิงอย่างเยือกเย็น
ไม่คาดคิดว่าหลินเฟิงจะไปหาไก่ฟินิกซ์มาได้
ถึงแม้ว่าตงฟางเสี่ยงจะไม่ค่อยเข้าใจน้ำหนักของไก่ฟินิกซ์นัก แต่จากปฏิกิริยาของหลายคนมันก็คงมีค่าไม่น้อยไปกว่าของขวัญของคนอื่นๆ
“แล้วคุณได้มาจากครอบครัวของคุณสักเท่าไรกันล่ะ? มันคงไม่ยากนักหรอกนะ!” ตงฟางเสี่ยงกล่าวอย่างสับสน
“คุณไม่ต้องพูดไปหรอก มันก็ยากนิดหน่อย เพราะว่ามีหลายคนที่ได้สั่งจองไว้ล่วงหน้าโดยคนที่โปรดปราน และก็มีเพียงหนึ่งหรือสองตัวเท่านั้นที่หลุดจองเป็นบางครั้งบางคราว!” หยางฉิงชานกล่าว
“โอ้ สั่งจองงั้นหรือ? เราทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ?” ตงฟางเสี่ยงกล่าว
“ฮ่าฮ่า ดูแลตัวเองเถอะ ปล่อยคนอื่นไป หวังฮ่าวหมิง เจ้าของร้านอาหารมิตรภาพมีอัตลักษณ์ที่แตกต่าง และไก่ฟินิกซ์ของเขาก็เป็นที่นิยมมากในตอนนี้ โดยมีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังอยู่ คุณกล้าทำอะไรเขางั้นหรือ?” หยางฉิงชานกล่าว
“งั้นหรอกหรือ?” เขาพูดเพราะเห็นดวงตาที่เยือกเย็นของตงฟางเสี่ยงเมื่อเขามองดูหลินเฟิง เขาไม่ได้ทำอะไรเลยเพียงเพราะว่าหลินเฟิงนั้นขโมยดาวเด่นของเขา
“หว่านเอ๋อ มานี่สิ!” เพียงเมื่อพวกเขากำลังมีความสุขที่จะได้กินไก่ฟินิกซ์อีกสองตัว ตงฟางเสี่ยงกล่าว
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ พี่ตงฟาง?” ซูหว่านเอ๋อเดินไปหาและพูดขึ้น
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ตงฟางเสี่ยง
ฉันเห็นตงฟางเสี่ยงนำกล่องเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าของเขา กล่องเล็กใบนั้นเป็นแท่งปริซึมและมีหีบห่อที่ดูหรูหรา
“มานี่สิ นี่เป็นของขวัญสำหรับเธอ!” จากนั้นตงฟางก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งและยื่นกล่องเล็กใบนั้นให้แก่ซูหว่านเอ๋อ
“อ้าวพี่ตงฟาง นี่พี่ทำอะไรเนี่ย?” ซูหว่านเอ๋อเมื่อเห็นดังนั้นก็รู้สึกกลัวเธอจึงรีบถอยหลังไปสองสามก้าว
“หว่านเอ๋อ เป็นแฟนกับฉันเถอะนะ!” สิ้นเสียงนั้นกล่องปริซึมใบเล็กก็ถูกเปิดออกและแหวนก็ปรากฏขึ้น
“อ้า? ฉัน ฉัน…”
Comments