โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล 202
RC:บทที่ 202 เจอหน้าแฟนเก่า
“หรือหมอนี่จะรวยแบบแอบๆนะ” เสี่ยว เย่วนึก แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ยิ่งไปกว่านั้นเสื้อผ้าที่หลิน เฟิงใส่ก็ออกจะดูสกปรกอีกด้วย
“เอ่อ พี่เฟิง รถคันนี้ดีเลยนะพี่ ดูสิแม้แต่ประทุนยังเปิดได้เลย เหมือนเรื่องทรานสฟอร์มเมอร์เลย” ญาติผู้น้องดูรถยนต์ที่มีรูปแบบจัดจ้านที่อยู่ข้างๆเขา ดวงตาพราวระยับไปด้วยความหลงใหล
“นี่เป็นเฟอร์รารีรุ่นล่าสุดค่ะ ประทุนนี้จะทิ้งตัวลงอัตโนมัติ แต่อย่าไปดูเลยค่ะ มันแพงเกินไป และถ้าดูไม่ระวังล่ะก็ เดี๋ยวจะมีปัญหาเอานะคะ” เสี่ยวเย่วกระซิบบอก
“แพงเกินไปงั้นหรือ น้องครับ รถคันนี้ราคาเท่าไหร่” หลิน เฟิงถามขึ้น
“คันนี้ราคามากกว่าสามล้านหยวนเลยค่ะ หรืออาจจะสี่ล้านหยวนเลย คุณน่าจะไปดูตรงนั้นน่าจะดีกว่านะคะ คันที่แพงที่สุดราคาแค่ไม่กี่แสนหยวน” ว่าจบ เสี่ยวเย่วก็เดินไปที่รถที่อยู่อีกฝั่ง
พวกหลิน เฟิงทั้งสามคนนั้นมองไปยังทิศที่รถที่คู่ควรกับพวกเขาจอดอยู่ เกรดของรถยนต์ที่อยู่ตรงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเกรดที่รองลงมา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ หรือคุณภาพ ยี่ห้อของรถยนต์ที่ช่างห่างไกลจากรถที่อยู่ตรงนี้จริงๆ
“เอ่อ ช่างมันเถอะ ตรงนั้นไม่มีอะไรให้ดูหรอก ผมขอดูตรงนี้ต่อดีกว่า” หลิน เฟิงส่ายหน้า
เมื่อหลิน เฟิงซื้อรถยนต์ เขาก็จะซื้อคันที่เหมาะที่สุด อย่างน้อยสักหนึ่งล้าน เขาไม่ใช่คนขี้โอ้อวดว่าตัวเองรวย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนที่รวยกว่าตนอีกมากมาย
แทบไม่มีคำว่าขาดแคลนของผู้คนในประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคนรวย มีคนรวยอยู่มากมายที่ไม่ชอบเงิน ในสายตาของพวกนั้น เงินเป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น
หลิน เฟิงเพียงแค่ต้องการซื้อรถยนต์ที่เหมาะสม ราคาประมาณหนึ่งล้านหยวน และไม่อยากจะซื้ออะไรแพงๆ
จริงๆแล้ว ตอนที่หลิน เฟิงมา เขาก็มีแผนในใจแล้วว่าจะซื้อรถเบนซ์หรือบีเอ็มดับเบิลยูคันสักล้านหนึ่งเพราะเขาคุ้นเคยกับสองยี่ห้อนี้
“คุณมีรถเบนซ์หรือบีเอ็มดับเบิลยูราคาสักล้านนึงไหม” หลิน เฟิงถามขึ้น
“รถเบนซ์หรือบีเอ็มดับเบิลยูราคาสักล้านนึงงั้นหรือ มีค่ะ ทางนี้เลย” เมื่อเสี่ยวเย่วได้ยินแบบนั้น เธอจึงพาพวกหลิน เฟิงไปที่รถ แม้เธอจะไม่เชื่อว่าหลิน เฟิงจะซื้อมันได้ก็ตาม
“ฉันบอกแล้วไงเสี่ยวเย่ว แค่พวกบ้านนอกกลุ่มนี้น่ะ แล้วเธอยังจะพาเจ้าพวกนี้มาดูรถเมอร์ซีเดสเบนซ์กับบีเอ็มดับเบิลยูอีก ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าพวกเขาอยากซื้อก็รีบๆขายไปซะ หรือถ้าไม่ซื้อก็ออกไปเลย”
ในขณะที่หลิน เฟิงและกลุ่มคนที่เหลือกำลังจะเดินไปที่ฝั่งรถยนต์เมอร์ซีเดสเบนซ์และบีเอ็มดับเบิลยูอยู่นั้นเอง พนักงานคนดังกล่าวก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนจะว่าเสียงลั่น
“ว่าไงนะ” ทันทีที่ญาติผู้น้องของเขาได้ยินที่เธอพูด ก็นึกโกรธขึ้นมาทันที แรงกระแทกที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมาทำเอาพนักงานเหยาถึงกับกลัวจนล้มลงไปกับพื้น
“นี่พวกคุณคิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่คือร้าน 4S ไม่เคยมีใครกล้าทำอะไรป่าเถื่อนที่นี่หรอกนะ นี่พวกคุณต้องการจะทำอะไรกันแน่” พนักงานคนดังกล่าวที่ชื่อเหยาว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว
“พวกคุณ รอเดี๋ยวนะ สวัสดีค่ะ ผู้จัดการ มีพวกอันธพาลเข้ามาก่อเรื่องที่นี่ค่ะ” ทั้งหลิน เฟิงและพวกที่เหลือต่างก็คาดไม่ถึงว่าทั้งๆที่พวกเขาไม่ยังทันได้ทำอะไร พนักงานคนนี้ก็เอาโทรศัพท์ออกมาและโทรบอกพวกเขามาก่อเรื่องซะอย่างงั้น
“นี่มันเกลียดกันชัดๆ หึ”
ญาติผู้น้องของเขาส่งเสียงฮึ่มฮั่ม เตรียมอยากจะปิดปากยัยพนักงานสาวตัวแสบนี่ และที่คาดไม่ถึงคือการที่บอกว่าพวกเขาเป็นคนบ้านนอก พอพูดจบแค่นั้น เขาก็ปล่อยแรงกระแทกใส่ แต่เธอกลับบอกว่าพวกเขามาก่อเรื่อง เพื่อให้พวกเขาอับอายต่อหน้าผู้คน
แม้แต่ในตอนนี้เองหวัง หานก็สุดจะทน ถึงพวกเขาจะมาจากชนบท แต่ก็ยังพอมีความเป็นผู้ดี เป็นชาวชนบทคุณภาพ อย่างน้อยก็ดีกว่ายัยพนักงานที่ทำตัวหยิ่งยะโสแบบนี้ก็แล้วกัน
พวกเขาแองก็รู้ด้วยว่าทำไมพวกเธอถึงทำกับพวกเขาแบบนี้ นั่นก็เพราะพวกเขามาจากชนบทนั่นเอง พวกเธอจึงกลั่นแกล้งพวกเขาตามที่ตัวเองต้องการ
“ช่างเถอะ มีคนกำลังมา” หลิน เฟิงจับหวัง หานและจื้อเฉิงไว้พลางกระซิบ
จากการรับรู้ของหลิน เฟิง มีคนจำนวนมากกำลังตรงมาที่นี่ บางคนมาจากข้างนอก ส่วนบางคนก็ลงมาจากชั้นบน
คนพวกแรกที่เข้ามาข้างในคือพวกที่มาจากข้างนอก จากการรับรู้ลมหายใจของคนพวกนั้นของหลิน เฟิง ลมหายใจดังกล่าวนั้นช่างรู้สึกคุ้นเคยและเหมือนว่าเคยเจอกันแล้ว
ไม่นาน คนกลุ่มดังกล่าวก็มาปรากฏตัวต่อหน้าหลิน เฟิง
“หลิน เฟิงนี่” ในตอนนั้นเอง คนทั้งสามจึงได้หันมาประจันหน้า หนึ่งในนั้นที่เห็นหลิน เฟิงก็จำเขาขึ้นมาได้ทันที
เมื่อหลิน เฟิงได้ยินเสียง ก็รู้ว่าไม่ใช่ใครอื่นเลย นั่นก็คือจ้าว หลง ศัตรูคู่อาฆาตของหลิน เฟิงนั่นเอง
ในตอนนี้ จ้าว หลงเองก็ตกใจมากที่ได้มาเห็นหลิน เฟิง ดวงตาของเขาหม่นลงเพราะเคยถูกหลิน เฟิงทำร้ายจิตใจมาอย่างหนักด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงทำแค่เหลือบมองเขา เพราะมีอีกคนที่อยู่ข้างๆที่ทำให้ตนต้องสนใจมากกว่า
ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างสูงเกือบจะเท่าหลิน เฟิง แต่เตี้ยน้อยกว่าจ้าว หลงเล็กน้อย
รูปร่างเธอมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ยิ่งเมื่อสวมกระโปรงที่สั้นมากด้วยแล้ว ก็ยิ่งดูผอมสูง ช่วงขาอ่อนเป็นผิวขาวซึ่งดึงดูดสายตาผู้คน
นอกจากนี้ ผู้หญิงคนนี้ยังมีใบหน้าที่งดงาม ทั้งหุ่นและเสื้อที่ใส่ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง
“ฮ่าๆ ไม่เจอกันนานเลยนะ” หลิน เฟิงจ้องไปที่ผู้หญิงคนดังกล่าวก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“ใช่ ไม่เจอกันนานเลย” เธอตอบกลับมา
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแฟนเก่าของหลิน เฟิง แฟนสมัยเรียนมหาลัย ชื่อเกา รั่วหาน
ในตอนนี้ การแต่งเนื้อแต่งตัวของเธอนั้นดูโตขึ้น พร้อมกับความรู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ที่รัก ขอจูบทีนึงสิ” ในตอนนั้นเอง จ้าว หลงได้มองมาที่หลิน เฟิง พลางวาดมือโอบเอวของเกา รั่วหาน และดูจงใจขอเธอต่อหน้าหลิน เฟิงอย่างเห็นได้ชัด
“พี่เฟิง นี่ใครกันน่ะ” ในขณะเดียวกัน เมื่อหวัง หานเห็นอารมณ์ของหลิน เฟิง เขาจึงถามออกไปเสียงเบา
“แฟนเก่าฉันเองน่ะ” หลิน เฟิงตอบเสียงเรียบ ราบเรียบมากราวกับไม่ได้พูดกับตัวเอง
แล้วหวัง หานกับจื้อเฉิงคือใครกันล่ะ ก็คนที่คอยสนับสนุนหลิน เฟิงอย่างไรล่ะ เมื่อได้ยินแบบนั้นเข้า พวกเขาก็โกรธขึ้นมาทันที แรงผลักปะทุขึ้นมา พร้อมกดจ้าว หลงให้จมลง
ในตอนนั้นเอง ชายคนที่อยู่ข้างหลังจ้าว หลงก็ยืนขึ้นพลางทำลายแรงส่งที่แข็งแกร่งนั่น คนที่กั้นพลังของทั้งสองคนก็คือหวู่เยว่
“ทั้งสองคนมีพลังระดับ C แต่แรงที่ส่งมาไม่ยักกะกระจอกแฮะ” ชายคนดังกล่าวเอ่ยด้วยความประหลาดใจ พลันก็รู้สึกถึงลมหายใจของหลิน เฟิง
“ฮึ่ม” หลิน เฟิงพ่นลมหายใจอันเย็นเยียบออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วจากนั้นดูเหมือนว่าหวู่ เยว่จะถูกอะไรบางอย่างโจมตีเข้าอย่างหนักจนต้องถอยกลับไปสองก้าว
หวู่เย่วคาดไม่ถึงเลยว่าหลิน เฟิงจะแกร่งขึ้นมาได้มากขนาดนี้เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ
เพียงแค่การพ่นลมหายใจอันเย็นเยียบนั้นออกมาก็เล่นงานเขาทางอ้อมอย่างจังได้แล้ว แย่จังเลยแฮะ ตอนที่เขาเห็นหลิน เฟิงครั้งแรก เขายังมีพลังแค่ระดับ C เท่านั้นเอง
คาดไม่ถึงว่าช่วงสั้นๆ หลิน เฟิงจะก้าวมาถึงจุดๆนี้ได้ และในตอนนี้ ถ้าหลิน เฟิงจัดการกับจ้าว หลง หวู่ เย่วก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะหยุดเขาได้
“คุณจ้าว หลงคะ” พนักงานสาวที่ชื่อเหยา เมื่อเห็นจ้าว หลงก็รีบลุกขึ้นก่อนจะแย้มยิ้มออกมา
“นี่ เหยา เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะ ไปนอนอยู่บนพื้นแบบนั้นได้ยังไงกัน” เจา หลงถามเสียงดัง
“ก็พวกบ้านนอกสามคนนี้น่ะค่ะ ไม่มีปัญญาซื้อรถ แถมยังมาก่อเรื่องที่นี่แล้วนี่ก็มาผลักฉันลงกับพื้นอีก” พนักงานสาวใช้ไหวพริบ มองแค่แวบเดียวเธอก็รู้ว่าจ้าว หลงกับหลิน เฟิงนั้นไม่ถูกกัน เธอจึงคิดอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะโกหกออกไป
“นี่ เธอ…” จื้อเฉิงแทบจะทนไม่ไหวแล้ว แต่หลิน เฟิงยื้อตัวเขาไว้ด้วยมือเดียวจนเขาขยับไม่ได้
“รั่วหาน ฉันเคยพูดก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหมว่าเลือกที่จะอยู่กับฉันน่ะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องแล้ว แฟนเก่าของเธอน่ะยังจนอยู่เลย…”
Comments