โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล 222

Now you are reading โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล Chapter 222 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

RC:บทที่ 222 ผู้ใหญ่บ้านตื่นตัว

“ใช่แล้ว ทีมช่างภาพพวกนี้ฝีมือเยี่ยมไปเลยล่ะ หมู่บ้านลั่วหยางเป็นดินแดนเทพนิยายอย่างที่ฉันนึกไว้จริงๆ และฉันก็เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะมีชื่อเสียงแน่ๆ” ชายอีกคนว่าขึ้น

“จริง หมู่บ้านลั่วหยางเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย ถ้าไม่ได้มาที่นี่ก่อนล่ะก็ ก็คงไม่รู้เลย”

“ใช่แล้ว หมู่บ้านลั่วหยางน่ะเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุด แต่แย่หน่อยนะ ที่พวกเราให้คะแนนได้แค่ 10 คะแนนเท่านั้น ไม่อย่างงั้นล่ะก็ ฉันจะให้ซัก 100 คะแนน 1000 คะแนน หรือไม่ก็ 10000 คะแนน ก็ไม่ถือว่ามากไปหรอก…”

ผ่านไปชั่วครู่ ผู้คนก็ล้วนตื่นเต้นจนส่งเสียงดัง ชาวบ้านในหมู่บ้านลั่วหยางเองต่างก็มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

เพราะทุกๆวันพวกตนก็อยู่ที่นี่กันอยู่แล้ว ก็เลยดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก และวันนี้ พอมีคนเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ แถมอยู่ดีๆก็มีหมอกขึ้นมาอีก ยิ่งทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความสวยงามของมันขึ้นมาเล็กน้อย

พวกเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นจะเป็นแดนแห่งเทพนิยายในสายตาของคนอื่น

นี่เลยอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะเข้าใจในเรื่องที่คนพวกนั้นมาบันทึกภาพเพื่อเผยแพร่ออกสู่สาธารณะมากขนาดนั้น

แต่พอเมื่อมาคิดถึงเรื่องนี้ พวกชาวบ้านก็เข้าใจขึ้นมาในทันใดว่า เมื่อตอนที่ยังไม่ได้สร้างบ่อย่อยสลายขยะของหลิน เฟิงมาก่อนนั้น ที่นี่ก็เหมือนกับหมู่บ้านอื่นๆ ผู้คนทิ้งสิ่งปฏิกูลตามอำเภอใจ ทิ้งขยะตรงไหนก็ทิ้ง รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันและกลิ่นเน่าเหม็นอีก

เมื่อเทียบกับในตอนนี้ ที่นี่ก็คือแดนแห่งเทพนิยายบนดินชัดๆ

ใช้เวลาไม่นาน ชายสูงวัยก็พาทีมช่างภาพและหลิน เฟิงเดินไปรอบๆหมู่บ้านลั่วหยาง

เดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็ถ่ายภาพแล้ว เพราะดอกไม้และต้นหญ้าที่นี่นั้นล้วนแต่ตระการตา

หลิน เฟิงต้องอยู่กับพวกเขาตลอดเวลา ชายชราเองไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้ว่าจะผ่านไปแล้วสองชั่วโมงอย่างไม่รู้ตัว

“ท่านผู้นำซ่งขอรับ ท่านคิดว่าตัวเองอยู่มานานมากขนาดนี้แล้ว ท่านหิวหรือยังครับ ผมจะให้พวกชาวบ้านทำอาหารของหมู่บ้านมาให้พวกท่านชิม” ผู้ใหญ่บ้านว่าอย่างใช้ความคิดก่อนจะกล่าวออกไปอย่างระวังปาก

“นี่เที่ยงแล้วหรือ” ชายชราถึงกับนิ่งอึ้งก่อนจะก้มดูนาฬิกาบนข้อมือ

“พระเจ้า นี่เราเดินช็อปปิ้งกันตั้งสองชั่วโมงเชียวหรือเนี่ย เร็วมากเลย” ชายสูงวัยกล่าวขึ้นอย่างงุนงง

เดิมที ภารกิจของพวกเขาในวันนี้ก็คือการตรวจสอบสี่หมู่บ้านหลักแถวๆนี้ ให้คะแนนและวางแผนอยู่ในหมู่บ้านไม่เกินหมู่บ้านละหนึ่งชั่วโมง แล้วค่อยออกมา

แต่สิ่งที่พวกเขานึกขึ้นมาได้นั้นก็คือพวกตนมาอยู่ที่นี่มากกว่าสองชั่วโมงแบบไม่รู้เรื่องเลย

“ตายล่ะ นี่ฉันมัวแต่หมกมุ่นกับทิวทัศน์ที่นี่ ทุกคนก็ทั้งเหนื่อยทั้งหิว นี่ฉันรบกวนผู้ใหญ่บ้านมากไปแล้วสินะ” ชายชราจ้องไปที่ผู้ใหญ่บ้านอย่างพินิจก่อนจะว่าขึ้น

“เปล่าเลย ไม่เลยครับ นี่เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วครับ” ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าก่อนจะกล่าวขึ้น

“เอ่อ เอ แล้วนี่ ฉันว่าคุณดูคุ้นๆยังไงๆอยู่นะ คราวที่แล้วที่ฉันมาที่นี่ ฉันก็รู้สึกแบบนี้ ฉันนึกไม่ออกอยู่สักพัก แล้วฉันก็เลยคิดไปว่าคงจำผิด” ชายชรากล่าว

“อ๋อ ผมเองครับ ผมเคยทำงานให้กับท่านผู้นำอาวุโสอยู่สักพัก ท่านจำเสี่ยว ลิ่วซีได้ไหมครับ คนที่ทำเรื่องผิดพลาดและเกือบถูกส่งเข้าคุกน่ะครับ” ผู้ใหญ่บ้านว่าขึ้น

“เอ่อ ใช่ๆ คุณเองสินะ จำได้ว่าในตอนนั้นคุณรับสินบนมาจากคนอื่นเพื่อประทับตราสัญลักษณ์ของรัฐบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตสินะ  แล้วก็ก่อสร้างความเสียหายที่แก้ไม่ได้และเกือบส่งเข้าคุกไป”

“แล้วต่อมา ญาติในจังหวัดคุณก็มาพูดถึงเรื่องคุณ แล้วคุณก็หลุด แต่ถูกย้ายไปยังหมู่บ้านเล็กๆที่อื่นเพื่อให้เป็นผู้ใหญ่บ้านหรืออะไรทำนองนั้น ใช่ไหม” ชายสูงวัยว่าขึ้น

“ใช่ ใช่แล้วครับ สิบกว่าปีผ่านมาแล้ว ผมเองก็คาดไม่ถึงเลยว่าท่านจะจำผู้นำอาวุโสท่านนั้นได้ แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้วนะครับ แล้วตอนนี้ก็กำลังพยายามจะทำให้ชื่อเสียงของหมู่บ้านออกมาดีอยู่” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ย

หลังจากได้ฟังการสนทนาดังกล่าว หลิน เฟิงจึงเข้าใจเลยว่าทำไมหลิว หยวนจี้ถึงได้ถูกย้ายมา

ที่เขาหลุดจากตำแหน่งที่เขาทำอยู่นั่นก็เพราะการคอร์รัปชันและติดสินบน เขาก็เลยต้องมาเป็นผู้ใหญ่ที่หมู่บ้านแห่งนี้

แต่ทว่าชายคนนี้ไม่เคยสร้างผลงานดีๆอะไรทั้งนั้น อีกทั้งยังโกงกินไปเยอะด้วย แต่เพื่อเห็นแก่หน้าของชาวบ้าน หลิน เฟิงจึงไม่อยากฉีกหน้าเขาแบบนั้น

“อืม เห็นได้ชัดว่านายแสดงออกถึงความจริงใจอย่างแท้จริงเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงให้มีสิ่งดีๆแก่ผู้คน เห็นได้จากการก่อสร้างชนบทในตอนนี้ มันออกมาดีมาก เดี๋ยวฉันกลับไปแล้ว จะบอกอะไรให้นะ ฉันจะลบเอกสารก่อนหน้านี้ของนายและจะดูว่านายพอจะกลับไปทำงานเดิมเป็นตุลาการในเมืองได้ไหม” ชายชราว่าขึ้น

“ขอบคุณครับ หัวหน้า ขอบคุณ” ผู้ใหญ่บ้านหลิว หยวนจี้พอใจเป็นอย่างมาก ร่างทั้งร่างรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ ส่วนหลิน เฟิงก็ได้แต่มองและเกือบจะยิ้มออกมา

จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงบอกให้คนครัวฝีมือเก่งๆในหมู่บ้านหลายคนทำอาหารและนำไวน์มาเอาใจชายชราคนดังกล่าว

สิ่งที่คนพวกนี้กินนั้นเรียกว่าการกินโต๊ะจีนฉลอง แม้จะไม่ใช่ปลาตัวโตๆหรือเนื้อชิ้นใหญ่ๆ พวกเขานั้นทำเพียงอาหารธรรมดาอย่างชนบท แต่ทว่าเมื่อพวกเขาได้กิน อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งยังเลียจานจนสะอาด

พูดง่ายๆก็คือ ทุกอย่างในหมู่บ้านลั่วหยางนั้นล้วนอร่อยไปหมด ทั้งผลไม้อย่างองุ่น แม้แต่ผักที่ปลูกในสวน ที่มีรสชาติอร่อยกว่าที่อื่นๆ

นี่ก็เป็นเพราะว่าหลิน เฟิงได้ทำให้พลังวิญญาณของหมู่บ้านลั่วหยางนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่อื่นๆนั่นเอง สิ่งที่ปลูกที่นี่จะบรรจุพลังวิญญานไว้ไม่มากก็น้อย การกินที่ไม่ได้ส่งผลดีแค่เพียงร่างกาย แต่ยังช่วยรักษาอาการเจ็บปวดและชำระล้างลำไส้และท้อง

หลังจากกินกันแล้วนั้น ผู้คนอยู่ที่นี่กันต่อเป็นเวลานานโดยไม่คิดที่จะไป และสิ่งที่ทำให้พวกเขาไป จนเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องไป ก็คือทีมตรวจสอบชุดต่อไปที่ต้องมาได้มาถึงแล้ว แล้วพวกเขาเองต่างก็ให้ความสนใจกับทิวทัศน์และสภาพแวดล้อมเหมือนกับชายสูงวัยที่มาก่อนหน้าพวกเขา

ทั้งดอกไม้ที่สวยงาม พื้นหญ้าเขียวชอุ่ม น้ำในแม่น้ำที่ใสสะอาด ปลาที่แหวกว่ายไปมาในแม่น้ำ และหมอกที่ลอยฟุ้งขึ้นมาบนพื้นผิวหน้าดิน ทุกอย่างล้วนเหมือนกับแดนแห่งเทพนิยายที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องติดใจ

แม้จะนอนอยู่กับพื้น แต่พวกเขาก็อยากอยู่ต่อสักพัก จนเมื่อเห็นว่าเป็นเวลา 4โมงเย็นแล้ว ทีมที่สามก็เข้ามาตรวจสอบ

“เอ ไม่ใช่ว่าท่านผู้นำชรามาก่อนหน้านี้นานแล้วงั้นหรือ ไม่ใช่กลุ่มที่สองมาอยู่ตรงนี้หรอกหรือ นี่อยู่ตรงนี้กันหมดเลย” กลุ่มสามจ้องมองไปยังผู้คนมากมาย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมากเลย แถมสภาพแวดล้อมก็ดีเยี่ยม อาหารก็มีกลิ่นหอมมาก พวกเรายังไม่อยากไปเลย เลยรอพวกคุณอยู่นี่ล่ะ” ชายชราเอ่ยด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อยในตอนนี้

หลิน เฟิงยื่นไวน์องุ่นให้กับชายชราคนนั้น ที่ดื่มเพียงแค่สองแก้วเท่านั้น ความมุ่งมั่นของเขาช่างแน่วแน่เสียจริง แถมยังไม่เต็มใจจะไปอีก พูดอยู่ตลอดว่าจะรอกลุ่มสุดท้ายไปก่อน

“นี่คือเรื่องลึกลับที่นายว่าใช่ไหม” กลุ่มที่สามไม่นึกเชื่อเรื่องนี้ จนเมื่อพวกเขาเข้ามาในหมู่บ้านลั่วหยาง สิ่งเดียวกันก็เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม

แล้วก็เกิดขึ้นเหมือนเดิม จะเรียกว่าเป็นความบังเอิญก็ได้ แต่นี่เกิดขึ้นถึงสามครั้งแล้ว นี่คงไม่ใช่เหตุบังเอิญหรอก แต่เป็นเรื่องจริงแน่นอน

คนกลุ่มดังกล่าวยังคงอยู่ในหมู่บ้านลั่วหยางจนกระทั่งเกือบค่ำถึงได้กลับกันออกไป

แต่อย่างไรก็ตาม หมู่บ้านอีกหลายหมู่บ้านใกล้กับหมู่บ้านลั่วหยางอย่างหมู่บ้านผิงหยาน จิ้งชุยและอื่นๆก็ยังไม่มีร่องรอยของคนที่เข้ามาตรวจสอบเลยหลังจากที่รอมาทั้งวัน

หลังจากที่พวกเขาทุกคนกลับกันไปแล้ว พวกชาวบ้านก็รู้สึกเหนื่อยล้า ยกเว้นแต่ชายคนหนึ่งที่วิ่งพล่านไปมารอบๆตัวหลิน เฟิง

ซึ่งก็คือผู้ใหญ่บ้านหลิว หยวนจี้นั่นเอง เพราะในเวลานี้เขาเกือบจะได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ไม่ก็ได้กลับไปทำงานเหมือนเดิม ดีไม่ดีอาจได้ตำแหน่งดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ แล้วนี่จะไม่ให้เขาไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรล่ะ

ตกกลางคืน หลิน เฟิงจึงกลับไปที่ห้องของเขา กลุ่มผู้คนที่เหนื่อยล้านั้นพร้อมใจกันถอดเสื้อผ้าก่อนจะเข้านอน แต่ทว่าเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด