ในโลกของเกมที่ผู้ชายถูกกีดกัน สิ่งที่ผมต้องทำนั้นจึงมีเพียงอย่างเดียว (เกิดใหม่เป็นผู้ชายในโลกเกมยูริ) 6 เจ้าหญิงเอล์ฟ

Now you are reading ในโลกของเกมที่ผู้ชายถูกกีดกัน สิ่งที่ผมต้องทำนั้นจึงมีเพียงอย่างเดียว (เกิดใหม่เป็นผู้ชายในโลกเกมยูริ) Chapter 6 เจ้าหญิงเอล์ฟ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ผมใส่ชุดวิ่งและเริ่มวิ่งในตอนเช้าตรู่

 

เป็นเช้าที่รู้สึกดีสุด ๆ ไปเลย 

 

พอพระอาทิตย์ในยามเช้าส่องแสง พวกนกก็ร้อง ทุกคนบนโลกก็รู้สึกยินดี ยกเว้นฮิอิโระ

 

หายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง หายใจออกสองครั้ง จังหวะดีใช้ได้

 

“ฮู่ว…ฮู่ว… ฮ่า….ฮ่า…”

 

พอผมกดทริกเกอร์ ขาของผมก็ถูกเชื่อมต่อด้วยเส้นเวทมนตร์จางๆ จากนั้นร่างกายของผมก็พุ่งไปข้างหน้า และทิวทัศน์รอบๆก็หายจากสายตาไปอย่างรวดเร็ว

 

จุดกำเนิดของพลังเวทย์นั้น ก็คืออุปกรณ์เวทย์

 

แต่ว่า สิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์น่ะ การที่จะใช้เพิ่มพลังหรือทำให้พลังนั้นออกมาเป็นยังไงนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของนักรบเวทย์ (ชื่อทั่วไปของนักเวทย์ในโลกของเอสโก้) คนนั้นด้วย

 

ถ้าพูดจะให้พูดแบบเป็นเกมก็คือ ค่าพลังล่ะนะ

พละกำลัง กำลังกาย พลังเวทย์ ความฉลาด และความว่องไว

 

ค่าพลังในโลกของเอสโก้นั้นมีอยู่ 5 อย่างด้วยกัน แต่ถึงอย่างงั้น ค่าตัววัดที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ…พลังเวทย์นั่นเอง

 

พลังเวทย์นั้นถือเป็นพื้นฐานของเวทมนตร์เลยก็ว่าได้

 

เพราะต่อให้อุปกรณ์เวทย์จะดีเลิศ หรือคอนโซลจะสุดยอดแค่ไหน แต่ถ้าพลังเวทย์ของนักรบเวทย์คนนั้นเข้าขั้นขยะล่ะก็ ยิงเวทย์แสงครั้งเดียวก็คงหมดพลังแล้วล่ะ

 

แต่ในทางกลับกัน ไม่ว่าอุปกรณ์เวทย์จะกระจอกแค่ไหน แต่ถ้าหากมีพลังเวทย์สูง ก็จะสามารถยิงบอลแสงทำลายล้างได้เลยทีเดียว

 

และวิธีการที่จะเพิ่มพลังเวทย์ได้ นั่นก็คือการฝึกฝนแบบง่าย ๆ ซ้ำไปซ้ำมา

 

ตอนที่ผมยังนั่งถือจอยเล่นอยู่ข้างนอกโลกนี้อยู่ ผมสามารถตั้งค่าคำสั่งให้ “ฝึกฝน” ให้ใช้แผนฝึกตามที่เลือกในการเพิ่มพลังเวทย์ได้…แต่ว่าตอนนี้ผมอยู่ในโลกของเกมแล้ว ผมจึงต้องเพิ่มพลังเวทย์เพื่อทำให้เวทย์มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

 

เพียงแค่ใส่คอนโซลก็เสริมความแข็งแกร่งทางกายและเน้นไปที่ช่วงล่างเพื่อวิ่งได้แล้ว

 

“หวา อะไรกันน่ะ คนคนนั้น!?”

 

“ถึงจะใช้เวทย์อยู่ก็เถอะ แต่นี่มันจะเร็วไปแล้วนะ!?”

 

เอฟเฟคเริ่มปรากฏให้เห็นผลทีละนิดแล้ว อย่างน้อยในช่วงเวลาตี 5 นี้ ก็ไม่มีใครวิ่งเร็วไปกว่าผมแล้วล่ะ

 

ผมลดความเร็วลง และจงใจชนกับนักวิ่งที่วิ่งอยู่ 2 คน

 

“ว้าย!”

 

“มะ…ไม่เป็นไรนะ?”

 

เด็กสาวคนหนึ่งอยู่ในอ้อมกอดของเด็กสาวอีกคนที่กำลังวิ่งอยู่ด้วยกัน

 

“…อ๊ะ”

 

“ขะ…ขอโทษนะ…จะรีบปล่อยเดี๋ยวนี้แหละ…”

 

“ฮื่อ…ไม่ต้องหรอก…ขออยู่แบบนี้ต่อ…อีกซักนิดนะ…”

 

ขอโทษนะ ยูริข้างทาง!!

 

ผมใช้ทางลัดโดยการกระโดดข้ามบันไดไปทั้ง ๆ แบบนั้น จากนั้นก็มาหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะ ผู้หญิงที่มองเห็นผมกระโดดลงมา ก็ถึงกับหยุดเล่นโยคะและอ้าปากค้าง

 

ในขณะที่วิ่งอยู่ ผมก็คิดถึงแผนในอนาคตไปด้วย เพราะของจริงน่ะ มันจะเริ่มตอนหลังเข้าเรียนนี่แหละ

 

เอาเป็นว่าตอนนี้ก็เพิ่มค่าสถานะไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าเรียนที่จะเต็มไปด้วยเดธแฟล็กก่อนแล้วกัน 

 

นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่าผมยังไม่อยากตายไง

 

ค่าพลังเริ่มต้นของฮิอิโระนั้นก็ไม่ได้ถือว่าแย่มาก จะบอกว่าแย่ก็ไม่ใช่ แต่จะบอกว่าดีก็ไม่เชิง

 

ถึงฮิอิโระจะเป็นตัวละครเจ้าปัญหาที่โดนผู้เล่นทุกคนเหม็นขี้หน้า แต่ค่าพลังของฮิอิโระนี่ก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียว อย่างคุกิ มาซามุเนะนี่ ก็สามารถใช้ไปจนถึงช่วงท้ายได้เลย แต่มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีใช้ด้วย

 

อาจเป็นเพราะการมีตัวตนอยู่ของหมอนี่คือการต้องถูกรังเกียจก็ได้ เลยทำให้มีกำลังกายที่สูงเป็นพิเศษแบบนี้ และยิ่งเป็นทายาทตระกูลซันโจแล้ว พลังเวทย์ก็เลยยิ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูงด้วย

 

ก็นะ ถึงจะได้ตายก่อนที่มันจะเป็นแบบนั้นทุกครั้งเลยก็เถอะ (ยิ้ม)

 

ก็ตามที่ว่าไปนั่นแหละ ถ้าพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเพิ่มค่าพลังแล้วล่ะก็ ก็จะสามารถจัดการกับการตายอย่างกระทันหันของฮิอิโระได้นั่นเอง และสิ่งต่อไปที่ต้องทำเลยก็คือ การเพิ่มคะแนนที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกของเอสโก้…แต่พูดตามตรงเลยคืออันนี้น่ะยอมแพ้ไปซะดีกว่า

 

ตั้งแต่ตอนนั้นมา ไม่ว่าผมจะพยายามลงไปในดันเจี้ยนลึกแค่ไหนหรือไปกี่ครั้ง คะแนนของผมก็ไม่ขยับจาก 0 เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ขึ้นซักกะนิด 

 

พอลองไปติดต่อกับหน่วยงานที่ประเมินคะแนนแล้ว ผมก็ถูกตัดสายในเวลาไม่กี่วินาทีเลยแหละ (น้ำตาแทบไหล) บางทีหลังจากนี้คะแนนของฮิอิโระก็คงจะไม่ขึ้นไปมากกว่านี้แล้วล่ะ

 

 

หลังจากที่เข้าเรียนแล้ว คะแนนจะเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ถ้าเกิดไม่เจอช่องท่างที่จะเพิ่มคะแนนล่ะก็ จะทำให้เกิดผลเสียมากมายหลายอย่างเลยล่ะ 

 

ว่าไปแล้ว ก็อยากดื่มน้ำอื่นนอกจากด็อกเตอร์เป็ปเ*อร์บ้างซักทีแล้วอะ (ฮือออ)

 

ถึงสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าค่าพลังและคะแนนจะเป็นค่าความชอบของเหล่านางเอกก็เถอะ…แต่การเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่

 

แน่นอนว่าถ้าเพิ่มค่าความชอบของเหล่านางเอกได้ ก็จะมีโอกาสสูงที่จะรอดจาก [คนที่ยังไงก็ต้องฆ่าฮิอิโระแน่นอน] อย่างลาพิสแน่ แต่ถ้าในระหว่างนั้นฮิอิโระถูกตัดสินแล้วว่าที่เป็นผู้ชายที่อยู่ท่ามกลางยูริขึ้นมา ก็ไม่รู้เลยว่าโลกใบนี้จะจัดการกับฮิอิโระยังไงบ้าง ในวินาทีที่ลาสต์บอสปรากฏตัวขึ้น บางทีเกมอาจจะโอเวอร์ในทันทีเลยก็ได้ แต่เอาจริง ๆ มันก็เป็นไปได้อยู่นะ ก็เป็นเจ้าผู้ชายที่ตายได้เพราะแค่ไปกินไอศกรีมคนอื่นเองนี่นา

 

อีกอย่าง ผมเองก็แค่อยากเห็นเหล่าตัวเอกไปกันได้ดีด้วย…

ดังนั้นการเป็นผู้รดน้ำดอกลิลลี่อยู่ในเงาน่ะคือตำแหน่งที่เหมาะสมกับผมที่สุดแล้ว

 

จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ที่คุณลาพิสมาป้วนเปี้ยนรอบ ๆ แล้วก็เอาแต่พูดว่า

 [มาดวลกันซะ มาดวลกัน!!] เนี่ย มันก็แอบทำให้รู้สึกรำคาญเหมือนกันนะ

 

“……”

 

ผมเหลือบมองไปหาเอลฟ์ที่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้

 

เอล์ฟสาวสวยที่พรางตัวโดยใส่เสื้อคลุมมีฮู้ดสีเขียวเข้มหลายคนแอบอยู่ระหว่างเส้นทางการวิ่งของผม 

 

พวกเธอคงจะใช้อุปกรณ์เวทย์ในการสื่อสารกัน ดู ๆ แล้วก็คงจะถูกลาพิสสั่งมานั่นแหละ

 

ในขณะที่กำลังรู้สึกแย่ ผมก็ได้เจอกับเมดสาวที่ใส่แว่นจมูกปลอมในตอนกลางวันแสก ๆ มองมาผ่านเลนส์แว่นนั้น

 

“……”

 

เดี๋ยวดิ ยัยนั่นเองก็เอาด้วยเรอะ อะไรฟะเนี่ย!! เอาแต่ตามมาอยู่ได้!!

 

ผมรีบเดินเข้าไปหยิบแว่นจมูกปลอมของเมดออกมา

 

 

“เฮ้ย”

 

“นี่ เมดเดลต้าพูด ค่ะ ตอนนี้ปลอมตัวอยู่ ไม่มีใครจับได้แน่นอนค่ะ ฮึฮึ ผู้ชายคนนั้นนี่งี่เง่าจริง ๆ เลยล่ะค่ะ”

 

“เฮ้ย เดี๋ยวเหอะ”

 

“ฮึฮึ ไม่มีทางความแตกหรอกค่ะ”

 

“ไม่แตกก็บ้าแล้วเฮ้ย!! หยุดหนีจากความเป็นจริงได้แล้ว!! นี่คิดว่าเป็นผู้ไร้พ่ายรึไง้!!”

 

เมดผมขาวคนนั้น คว้าแว่นมีจมูกจากมือผมแล้วก็วิ่งหนีไป

 

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

จากนั้นก็กลับมาวิ่งโดยยังถูกเหล่าเอล์ฟคอยจับตาดูอยู่

 

ชักรู้สึกไม่ดีแล้วสิ…เดิมทีแล้วเจ้าฮิอิโระควรเป็นพวกที่ถูกรังเกียจไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แท้ ๆ….ทำไมกันฟะ ทั้งที่ยังไม่ได้ไปอยู่ท่ามกลางยูริเลยนะ แต่ทำไมถึงถูกสนใจขนาดนี้ละเนี่ยเจ้าหมอนี่…หรือควรจะทำตัวให้เหมือนกับฮิอิโระมากขึ้นกว่านี้อีกซัดหน่อยดีนะ…ก็นะ ถึงจะทำไม่ได้ก็เถอะ

 

“อา…”

 

หลังจากที่วิ่งไปประมาณ 2 ชั่วโฒง ผมก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านพักของตระกูลซันโจ

 

ก่อนอื่นเลยก็ต้องอาบน้ำนี่แหละ อยากดื่มน้ำเย็น ๆ เพราะตู้กดน้ำระหว่างทางผมก็กดได้แค่ด็อกเตอร์เป๊ปเ*อร์เท่านั้น ตอนนี้ก็เลยคอแห้งมาก อยากดื่มอย่างอื่นนอกจากด็อกเตอร์เป๊ปเ*อร์แล้ว อย่างดื่มด่ำกับยูริอะไรเงี้ย

 

ผมเปิดประตูบ้านพักและเดินเข้าไป

 

“มาช้านะ”

 

“เหวอ!?”

 

เล่นเอาผมใจตกไปอยู่ตาตุ่ม 

 

ข้างหน้าของผมมีผลงานศิลปะ ไม่สิ ท่านเจ้าหญิงเอล์ฟ…ลาพิส คลูเอ ลา ลูเมต สวมชุดเดรสสบาย ๆ กำลังเสยผมของเธอขึ้นอยู่

 

“อย่าออกไปวิ่งข้างนอกตามอำเภอใจตั้ง 2 ชั่วโมงสิ อุตส่าห์รออยู่ข้างนอกตั้งนานเลยนะ ถ้าจะปล่อยให้เลดี้ต้องรอ อย่างน้อยก็ติดต่อมาหน่อยสิ นี่ถ้าหน่วยเงาเอล์ฟไม่ติดต่อมา ฉันก็คงกลับไปแล้วนะ”

 

“……”

 

เธอเอานิ้วจิ้มจึ้ก ๆ ที่อกของผม พร้อมกับยกกระเป๋าของเธอขึ้นมา

 

“ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะมาพักอยู่ที่นี่ด้วย”

 

“…หา?”

 

เธอถือกระเป๋าเดินทางของเธอและเดินเข้าไปในบ้านพักตระกูลซันโจราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของ

 

“นี่~? ห้องของเธออยู่ไหนน่ะ ข้างบนเหรอ~? ฉันอยากได้ห้องมุมชั้น 2 นะ แต่เอาเป็นห้องข้าง ๆ ห้องเธอดีกว่ามั้ยนะ~?  ถ้าแบบนั้นมันก็สะดวกดีใช่มั้ยล่า~?”

 

“…หา”

 

ในพริบตานั้น ทำให้ผมถึงกับตะลึง–

 

“หาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!?”

 

แล้วผมก็รีบวิ่งตามเธอไปอย่างรวดเร็ว

 

 

[ติดตามการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ได้ที่เพจ Okuse-Translator]

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด