Immortal and Martial Dual Cultivation 111 การมาของฉู่เฉาหยุ่น
ตอนที่ 111 การมาของฉู่เฉาหยุ่น
ทั้งหมดที่เขาทำก็มีเพียงแตะลงบนผิวน้ำอีกหนึ่งครั้ง,แล้วเขาก็จะถึงฝั่งอย่างปลอดภัย เมื่อคิดได้เช่นนี้,ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา
“ฟู่ว!”
ในจังหวะที่เท้าของเขาแตะกับผิวน้ำครั้งที่สอง,มีหนวดสีดำพุ่งขึ้นมาตึงขาของเขาเอาไว้ ระดับขอบเขตนักบุญคนนั้นไม่ได้ตื่นกลัว,เข้าตอบสนองว่องไวและฟันลงไปที่หนวดด้วยกระบี่ของเขา หนวดสีดำขาดออกในทันที
“ปุ๊! ปุ๊! ปุ๊!”
ระดับขอบเขตนักบุญคนนั้นเป็นอิสระและลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม,ก่อนที่เขาจะลอยตัวขึ้นไปได้สูง,หนวดสีดำนับไม่ถ้วนทันใดนั้นก็พุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำดึงตัวเขากลับลงไป
เสียงร้องแห่งความหวาดกลัวดังออกมาจากปากของเขา เขาพยายามดิ้นอย่างที่สุด,แต่หนวดยังคงดึงเขาจมลงไปในน้ำ ทุกๆคนที่อยู่ใกล้ๆสามารถได้ยินเสียงขบเคี้ยวดังออกมา
“กรวบ! กรวบ!”
ฟองแตกตัวบนผิวน้ำอย่างต่อเนื่อง,เลือดนองปรากฎขึ้นมา สามารถเห็นสัตว์ประหลาดจำนวนมากว่ายเวียนอยู่ใต้ผิวน้ำ,มันเต็มไปด้วยหนวดสีดำน้อยใหญ่
“ข้าสงสัยว่าเจ้าสารเลวคนไหนมันพังสะพาน พวกเราจบแล้ว,มีปลาน่ากลัวมากมาย ไม่มีใครอาจข้ามไปได้”
“พวกที่คิดจะข้ามไปอย่างน้อยต้องอยู่ระดับขอบเขตนักบุญ มิฉะนั้น,พวกเขาคงไม่อาจโดดข้ามแม่น้ำได้ภายในหนึ่งครั้งและจะถูกจับตัวโดยหนวดของสิ่งมีชีวิตน่ากลัวใต้น้ำ”
มองดูระดับขอบเขตปรมจารย์อีกคนตกตายไป,ฝูงชนที่ฝั่งแม่น้ำไม่กล้าลองข้ามแม่น้ำ พวกเขาทุกคนได้แต่สาปแช่งคนที่พังสะพาน
มีเสียงฝีเท้าเร่งเข้ามาพร้อมกับจางเหอและเจาหงหยู่นำกลุ่มนักบ่มเพาะพลังขนาดใหญ่ตรงเข้ามา เซียวเฉินหลบซ่อนตัวในฝูงชนโดยทันที
เมื่อทั้งสองเห็นสะพานที่ถูกทำลาย,พวกเขาไม่มีความลังเลและตะโกนขึ้นมาเสียงดัง,กระโดดข้ามแม่น้ำไป พวกเขากระโดดลอยสูงขึ้นไปในอากาศ,และเมื่อพวกเขาร่อนลงบนผิวน้ำ,พวกเขาสร้างคลื่นน้ำกระเซ็นลอยสูงขึ้นไปในอากาศ
“ปุ๊!ปุ๊!ปุ๊!”
หนวดสารพัดขนาดลอยขึ้นไปในอากาศตรงไปที่พวกเขาทั้งสอง ทั้งสองปลดปล่อยดาบแสงออกมาจำนวนมากและบดขยี้หนวดกลายเป็นชิ้น
หลังจากนั้น,ในสายตาของฝูงชน,พวกเขาทั้งสองลงจอดที่อีกฝั่งแม่น้ำอย่างหนักแน่น พวกเขารีบตรงไปในทิศทางของหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรปีศาจทันที
“ให้ตายเถอะ! สาระเลวสองตัวนั้น! พวกเขาบอกว่าจะพาพวกเรามุ่งไปที่หุบเขาราชันย์สัตว์อสูร พอคิดว่าพวกนั้นทรยศเราแล้ว” ผู้บ่มเพาะพลังที่ตามพวกเขามาตะโกนด่าสาดออกมาเสียงดังเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า
พวกคนที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นอย่างเสียอารมณ์ “เจ้าจะด่ากราดเพื่ออะไร?! เจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรหนักหนาเช่นกัน เจ้าเพิ่งหลอกใช้คนอื่นอยู่เมื่อครู่,ไม่มีอะไรต้องพูดมาก!”
“เจ้าว่าใคร?! เจ้ากล้าก็ว่ามาอีกที!”
เป็นเพราะพวกเขาไม่อาจข้ามแม่น้ำไปได้,ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ตรงฝั่งแม่น้ำต่างอยู่ในอารมณ์เดือดดาล หลังจากพ่นคำขยะแลกเปลี่ยนกันสองสามคำก็กลายเป็นเริ่มลงไม้ลงมือ
เซียวเฉินไม่อาจเสียเวลาไปใส่ใจคนพวกนี้ เมื่อเขากำลังจะข้ามแม่น้ำ,ทันใดนั้นมีจุดสีดำพุ่งตรงเข้ามาจากทางต้นน้ำ มันช่างรวดเร็วและปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน
จุดสีดำนั้นแท้จริงแล้วเป็นเรือสีดำ เหล่าคนที่อยู่ตรงฝั่งแม่น้ำตกตะลึงและลืมเรื่องที่ทะเลาะกันอยู่ พวกเขารู้สึกว่ามันช่างน่าเเปลก มีสัตว์ประหลาดน้ำมากมายข้างใต้…. ทำไมมีเรือปรากฎมาจากต้นน้ำ? เจ้าเรือลำนี้มันมาจากไหน?
“ท่านลูกค้าที่เคารพของศาลาหลับไหล,ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่,ท่านหมูผู้นี้โผล่มาช่วยเหลือพวกท่านอีกครั้ง” ร่างคุ้นเคยปรากฎขึ้นบนเรือ จินต้าเป่ายืนถือพัดสีทอง,พร้อมกับยิ้มกว่าจนตาปิด
“ปัง!”เรือสีดำจอดเทียบท่าที่ฝั่งแม่น้ำ กลุ่มนักบ่มเพาะพลังเต็มไปด้วยความสุขพร้อมกับเร่งรีบขึ้นไปบนเรือ,ราวกับเจอผู้มาโปรด
“ชี่! ชี่!”
ทันใดนั้น,ลูกธนูก็โปรยลงมาจากเรือ ฝูงคนข้างล่างตกตะลึงและถอยกลับหลบลูกธนู เจ้าหมูยิ้มและพูดขึ้น “ท่านผู้ที่ประสงค์จะข้ามแม่น้ำต้องจ่ายหนึ่งหมื่นเหรียญเงิน,มิฉะนั้นก็เดินกลับบ้านไปได้เลย ถึงอย่างไร,ท่านหมูผู้นี้ก็เป็นพ่อค้านักขาย”
“หนึ่งหมื่นเหรียญเงิน? นี่มันจี้ปล้นกันกลางแจ้งชัดๆ! ก็แค่ข้ามแม่น้ำไป”
“ใช่แล้ว, ขนาดโจรยังไม่หยาบช้าเช่นนี้”
แม้ว่าผู้คนด้านล่างจะปากบ่นอุบอิบ,พวกเขาก็ยังคงจ่ายเงินขึ้นเรือในท้ายที่สุด เซียวเฉินนับจำนวนคน,มีมากกว่าสามหรือสี่ร้อยคนอยู่ที่นี่ เจ้าหมูรับทรัพย์ไปราว 4 ล้านเหรียญเงินในเที่ยวนี้
เซียวเฉินคาดเดาไว้แล้วว่าเจ้าหมูจะต้องมาที่ป่าอำมหิตเช่นเดียวกัน,แต่ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอเขาที่นี้ แม้จะไม่ได้คาดคิด,แต่ก็พอรู้เหตุผล เซียวเฉินยังสงสัยว่าเจ้าหมูเองคือคนที่พังสะพาน
ในพริบตา,ผู้คนที่ฝั่งแม่น้ำก็ขึ้นไปบนเรือ เจ้าหมูยืนอยู่ที่หัวเรือและมองไปที่เซียวเฉิน เขาพูดขึ้นหน้ายิ้ม “พี่น้องเซียว,ขึ้นมา ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังถังแตก,แต่พี่น้องตัวใหญ่ผู้นี้จะไปส่งเจ้าฟรีๆ”
เซียวเฉินไม่ได้กล่าวอะไรและกระโดดขึ้นไปในอากาศ,ลงจอดบนหัวเรือ เรือดึงสมอขึ้นมาหันหัวออกในทันที เรือมุ่งหน้าตรงข้ามไปอีกฝั่งแม่น้ำอย่างรวดเร็ว,สร้างคลื่นน้ำแยกไปตามโครงเรือ สิ่งมีชีวิตน่ากลัวใต้น่ำต่างหลบเลี่ยง
จินต้าเป่าแหวกฝูงชนจากนั้นก็นำเซียวเฉินไปที่บังเหียนเรือ เขาพูดขึ้นด้วยท่าทางโอ้อวด “เจ้าคิดอย่างไร,พี่น้องเซียว? เรือของข้าสวยใช้ไหม?”
เซียวเฉินยิ้มบางๆ “แม้ว่ามันจะไม่ใช่สมบัติลับระดับราชาอย่างเรือหลวงทมิฬ,อย่างน้อยมันเป็นสมบัติลับระดับจิตวิญญาณ”
เจ้าหมูตกตะลึง,แต่ก็ยิ้มพร้อมพูดขึ้น “พี่น้องเซียวสายตาแหลมคม เอาเป็นว่าให้ข้านำเจ้าไปที่หุบเขาราชันย์สัตว์อสูร? เห็นแก่มิตรภาพระหว่างเรา,ข้าจะไม่คิดเจ้าสักเหรียญเดียว”
เซียวเฉินครุ่่นคิด,ที่ข้าคิดไว้ถูกต้อง เมื่อเขาเห็นเรือลอยลำมาจากทางต้นน้ำ,เขาก็คาดเดาไว้แล้ว นอกจากบินบนท้องฟ้ามาลงจอดที่ต้นน้ำ,ก็ไม่มีทางอื่นแล้วที่จะลงมาในน้ำได้
“เจ้าพาข้าไปดูห้องควบคุมได้หรือไม่?” เซียวเฉินถามขึ้น เขาอยากจะรู้เหลือเกินหากสมบัติลับในตำนานมันคืออันเดียวกับสมบัติเวทย์ในตำราบ่มเพาะพลัง
หลังจากที่เซียวเฉินพูดจบ,เขาหยิบขวดเลือดของสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์จากแหวนห้วงจักรวาลและวางมันลงตรงหน้าของเจ้าหมู
จินต้าเป่าเปิดมันออกมาดมก่อนที่จะเผยรอยยิ้มสดใส “ได้,ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม,มีเวลาจำกัด,อย่าใช้เปล่าประโยชน์”
เจ้าหมูส่งพลังงานจากมือและหลังจากไปสัมผัสกับที่ไหนสักแห่ง,เกิดเสียงบูมและมีรูปรากฎขึ้นที่บังเหียนเรือ เซียวเฉินและเจ้าหมูตกลงไปในทันที
เซียวเฉินทรงตัวและลงจอดบนพื้นอย่างหนักแน่น เขาสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันคุ้นเคย เขารีบหลับตาและขยายสัมผัสวิญญาณออกไป
ค่ายกลขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นในหัวของเซียวเฉิน เขาสามารถเห็นค่ายกลที่ซ่อนไว้ทั้งหมดบนเรือ,พวกมันเรืองแสงสีเขียวออกมา
เซียวเฉินลืมตาขึ้นและตามเจ้าหมูไปที่ตรงกลางของค่ายกล จากนั้น,ในที่สุดเขาก็ได้เห็นความลับของแก่นกลางสมบัติ มีหินวิญญาณมามายหลายชิ้นอยู่รอบใจกลายค่ายกล,และมีคนชราหลายคนกำลังควบคุมการไหลของพลังวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
สมบัติลับมันก็คือสมบัติเวทมนต์จริงๆ,เซี่ยวเฉินคิดอย่างตกตะลึง เพียงแค่ผู้คนในปัจจุบันต่างลืมเลือนถึงวิธีควบคุใสมบัติลับและใช้หินวิญญาณมาทำแทน
“พี่น้องเซียว,ไปกันเถอะ พวกเราถึงแล้ว”
เซียวเฉินกำลังจดจ่อไปที่มันเมื่อเขาถูกเจ้าหมูขัดขึ้น เขาพบว่าสมบัติลับนี้ถูกดึงพลังที่แท้จริงของมันมาใช้ยังไม่ถึงสิบส่วนด้วยซ้ำ มันกลายเป็นเรือขนส่งธรรมดา,เขารู้สึกว่ามันช่างน่าเสียดาย
พวกเขาทั้งสองกลับไปที่บังเหียนของเรือ กลุ่มผู้บ่มเพาะพลังเห็นฝั่งก็พากันกระโดดลงไป หลังจากที่ทุกคนกระโดลงไปจนหมด,เจ้าหมูก็โบกมือและทันใดนั้นเรือก็ลอยขึ้นไปในอากาศ,มุ่งหน้าไปที่หุบเขาราชันย์สัตว์อสูร
“แม่ง! มันเป็นสมบัติลับจริงๆ! เจ้าหมูนั้นจะเลวร้ายเกินไปแล้ว”
“เก็บเงินจากพวกเราไปหมื่นเหรียญเงิน,ทำไมเขาไม่พาเราไปส่งถึงหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรซะเลยละ?!” คนข้างล่างต่างตะโกนสาปด่าเมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า,เจ้าหมูยืนอยู่ที่หัวเรือ เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขายืดแขนซ้ายขวาออกไปรับสายลมอ่อนโยน “สัมผัสตอนลอยอยู่บนฟ้ามันดีจริงๆ”
ทันใดนั้น,เรือขนาดมหึมาสีทองลอยผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันโฉบผ่านเรือของเจ้าหมู,ก่อเกิดสายลมรุนแรง,เจ้าหมูเกือบจะตกลงจากเรือ
“ป๊อง!”
ขณะที่เจ้าหมูจะได้เปิดปากด่าทอ,มีเงาสีดำลอยผ่านหัวพวกเขาไป มีจอกเหล้าหล่นลงมาใส่หัวของเจ้าหมูอย่างแม่นยำ
เซียวเฉินมองไปที่เรือรบที่ลอยผ่านพวกเขาไปและเห็นฮวาหยุ่นเฟย สมบัติลับระดับราชาของตระกูลฮวาโผล่มาแล้ว
“แม่ง!สักวันเมื่อท่านหมูผู้นี้ได้อาวุธลับระดับจักรพรรดิมาครอบครอง,ข้าจะทุบมันให้ตาย แม่มัน!” เจ้าหมูสาปด่าพร้อมกับนวดไปบนหัวของเขา
ในจังหวะนั้นเอง,เซียวเฉินสังเกตเห็นร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เขาเห็นว่าคนผู้นั้นช่างดูคุ้นตา เขาขยายสัมผัสวิญญาณออกไปและพบว่านั้นคือฉู่เฉาหยุ่น
เขาแบกดาบไว้บนหลัง,และผมยาวของเขาพริ้วไหว เขายืนอยู่บนกิ่งไม้และมองออกไปไกล เซียวเฉินรู้สึกว่ามันช่างน่าแปลก เหล่าตระกูลชั้นสูงต่างนำกำลังมามากมาย,แม้กระทั่งงัดเอาสมบัติลับระดับราชาออกมาใช้
นิกายดาบเงาหมอกคือขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตตงหมิง,แต่กลับส่งฉู่เฉาหยุ่นมาตัวคนเดียว นี่มันไม่สมเหตุสมผล
ทันใดนั้นฉู่เฉาหยุ่นหันหัวมาและยิ้มให้เซียวเฉิน,ราวกับกำลังทักทายเขา เซียวเฉินตกตะลึง,เป็นไปได้ว่าเขาเห็นข้า? ข้าเพียงส่งสัมผัสวิญญาณออกไป,แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญยังรู้สึกถึงมันไม่ได้
ทันใดนั้นดาบแสงก็ปรากฎขึ้นใน้เท้าของฉู่เฉาหยุ่น,พาร่างเขาลอยขึ้นมาบนท้องฟ้ามุ่งหน้ามาหาเรือของเจ้าหมู
“แหว่ง!”
ดาบแสงหายไป,และฉู่เฉาหยุ่นลงจอดบนหัวเรืออย่างมั่นคง เซียวเฉินสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันตรายและถอยกลับหลังมาสามเก้า
ฉู่เฉาหยุ่นยิ้มบางๆและกระโดดลงมาจากหัวเรือ เขาพูดกับเซียวเฉิน “พี่น้องเซียว,ไม่มีอะไรต้องกังวล ข้าเพียงแค่ขอติดเรือไปด้วย”
เจ้าหมูยืนอยู่ที่ด้านข้างยิ้มขึ้นมาเย็นชา “เจ้าคิดว่านี่มันเรือของใคร? เจ้าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้?” เจ้าหมูเจ็บตัวมาสองครั้งติดๆและกำลังอยู่ในอารมณ์ไม่ดี เมื่อเขาเห็นฉู่เฉาหยุ่นกระโดดขึ้นมาโดยไม่ได้รับเชิญ,จึงเริ่มระบายใส่เขา
ฉู่เฉาหยุ่นเพียงยิ้มบางๆและเดินมาที่ด้านข้างของเจ้าหมู เขายื่นปึกตั๋วทองให้และพูดขึ้น “คนจากตระกูลจินของเจ้าล้วนเป็นนักธุรกิจ ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะยอมรับข้อเสนอนี้”
จินต้าเป่า,ที่ปกติทำราวกับได้พบหน้าพ่อเมื่อเห็นเงิน,ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า เขารับตั๋วเงินมาหายใจฟืดฟาด
เซียวเฉินตกตะลึงและคิดกับตัวเอง,เจ้าหมูจินจะต้องโดนฉู่เฉาหยุ่นทำอะไรมาก่อนแน่ มิฉะนั้นเขาคงไม่มีสีหน้าเช่นนี้
พวกเขามุ่งตรงไปที่หุบเขาราชันย์สัตว์อสูรอย่างเงียบๆ ฉู่เฉาหยุ่นท่าทีสงบเสงี่ยมตลอดการเดินทาง ในบางครั้งเขาก็ชวนเซียวเฉินคุยเป็นระยะ,ทำให้ผู้คนผ่อนคลาย
อย่างไรก็ตาม,ยิ่งเขาผ่อนคลายเท่าไหร,ก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติมากเท่านั้น เขาไม่รู้ทำไม,ฉู่เฉาหยุ่นทำให้เขารู้สึกอันตรายมากกว่าฮวาหยุ่นเฟยเสียงอีก
“บูม!บูม!”
ทันใดนั้น,มีเสียงระเบิดดังมาจากท้องฟ้าตรงหน้าพวกเขา ทั้งสามคนที่อยู่บนหัวเรือมองไปข้างหน้าและเห็นเรือรบทองคำของขุนนางกุยยี่กำลังสู้กับกลุ่มวิหคยักษ์
วิหคยักษ์แต่ละตัวมีสามหัว,และเมื่อพวกมันกางปีกออก,ช่วงปีกของพวกมันกว้างถึงสิบเมตร แต่ละหัวของของ,หนึ่งพ่นไฟ,หนึ่งพ่นพิษและอีกหนึ่งพ่นลมหนาวเย็นออกมา มันเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายอย่างมาก
Comments