Immortal and Martial Dual Cultivation 119 ประจัญหน้าสี่ตระกูลใหญ่

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 119 ประจัญหน้าสี่ตระกูลใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 119 ประจัญหน้าสี่ตระกูลใหญ่

ดวงตาของขุนนางกุยยี่เบิกกว้าง เขามองอย่างเย็นชาไปที่ฮวาหยุ่นเฟย,ผู้ที่กลายร่างเป็นธารโลหิต เขาฟาดกวาดหอกยาวไปที่ธารโลหิต มันมีพลังมากกว่าหนึ่งพันกิโลกรัมเป็นอย่างน้อยฟาดข้ามไปราวกับหางมังกร,มันไม่อาจป้องกันได้

ธารโลหิตหยุดชะงักในทันที ฮวาหยุ่นเฟยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับตั้งรับหอกด้วยมือทั้งสองของเขา ถึงอย่างนั้น, พลังที่บรรจุลงมาในหอกมีมากมายมหาศาลเกินไป ฮวาหยุ่นเฟยถูกดีดกลับหลังในทันที เขาลื่นไถลไปบนพื้นหลายก้าวก่อนที่จะตั้งตัวได้มั่นคงอีกครั้ง

ขุนนางกุยยี่กล่าวอย่างเย็นช้า “ข้า,ขุนนางกุยยี่,ต้องการหัวของเขา มันยังไม่ถึงตาเจ้าลงมือ”

ฮวาหยุ่นเฟยราวกับถูกลากไปตบต่อหน้าประชาชน เขาหน้าชาและมีร่างสีแดงปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ฮวาหยุ่น เฟยตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา “ขุนนางกุยยี่, ท่านหมายความเช่นไร? ท่านอยากจะมีเรื่อง?”

ขุนนางกุยยี่ยิ้มเย็นชาและไม่ไปสนใจเขาอีก เขาเบนสายตากลับมาที่เซียวเฉิน นักรบทองคําข้างหลังของเขาชักอาวุธออกมาพร้อมเพรียงกัน

ขณะที่มีเสียงดาบถูกชักออกมารังสีฆ่าฟันที่น่าหวาดกลัวแพร่ขยายออกมาทันที นักรบทองคําที่มีประสบการณ์ฆ่าฟันนับไม่ถ้วนผสานเจตนาฆ่าพุ่งตรงไปที่ตระกูลฮวา

ฮวาหยุ่นเฟยและคนของเขาทั้งหมดรู้สึกหนาวเหน็บ

ฮวาหยุ่นเฟยถึงจะโกรธจัดแต่เขารู้ดีว่ากองกําลังที่เขาพามาไม่เพียงพอ ต่อหน้ารังสีฆ่าฟันของนักรบทองคําระดับขอบเขตปรมจารย์ 200 คน,เขาเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวง

เขาทําได้เพียงหายใจฟืดฟาดและหุบปากเงียบ เขาหันสายตาเย็นชาไปที่เซียวเฉิน,เอาความคับข้องใจทั้งหมดไปลงที่เขา ความเกลียดชังของเขาฝังลึกในใจ

เซียวเฉินลุกขึ้นและถอยกลับสองก้าว เขาตกตะลึงที่ขุนนางกุยยี่กระทําเช่นนี้ เขาไม่คาดคิดว่าขุนนางกุยยี่ จะหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ เป็นไปตามข่าวลือที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเขา

ทันใดนั้นจีชางคงก็หัวเราะออกมาเย็นชา “ช่างพูดจาใหญ่ โต,ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าจะหยุดข้าได้เช่นไร”

จีชางคงเคยท้าทายรุ่นเยาว์ทั้งหมดจากเมืองหลวง ตามข่าวลือ,เขาได้ประมือกับขุนนางกุยยอย่างไม่เป็นทางการและผลออกมาเป็นเสมอกัน

เป็นเพราะขุนนางกุยยี่มีระดับพลังสูงกว่าจีชางคงในตอนนั้น,จีชางคงไม่สนใจคําขู่ ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนการประลองในครั้งนั้นจะเกิดขึ้นจริง

ดาบสีดําปรากฏขึ้นในมือของจีชางคง ท้องฟ้าดวงดาว สุกสกาวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา มันช่างกว้างใหญ่และ ทรงพลัง,ไม่อาจหยั่งถึงความลึกของมันได้ ร่างของเขากลาย เป็นลําแสงและลอยตรงไปที่เซียวเฉิน ดาบในมือของเขาร่ายรําและแสงดาวแพรวพราว

ดาบเรียวบางในมือของตวนมู่ฉิงสั่นไหวและเกล็ดหิมะเป็นประกายปรากฏขึ้น,พุ่งใส่เซียวเฉินพร้อมกับสายลมหนาวเหน็บ

ฮวาหยุ่นเฟยสูดหายใจเย็นชาและไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป เขากลายร่างเป็นธารโลหิตอีกครั้งและพุ่งเข้าใส่เซียวเฉินพวกเขาทั้งสามใช้กระบวณท่าสังหารของแต่ละคนออกมาและพุ่งเข้าใส่เซียวเฉินจากสารพัดทิศ

ขุนนางกุยยีใจสั่น เขาไม่มั่นใจว่าจะรับการโจมตีของพวกเขาทั้งสามได้พร้อมกัน ถึงแม้ว่าเขาจะรับไว้ได้ หมด,เขาก็ไม่รู้ว่าจะรับไว้ทําไม เขาไม่อยากให้เซียวเฉินหลุดมือไปแต่ด้วยลักษณะนิสัยของเขา เขาก็ไม่อยากยืมมือคนอื่นเข้ามาช่วยเช่นกัน

ขุนนางกุยยี่หยิบหอกสีแดงที่หลังของเขามาถือด้วยมือ ซ้าย เขาพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “คนที่ข้า, ขุนนางกุยยี่ต้องการชีวิต ผู้ใดอย่าหวังจะมาฉกไปต่อหน้าต่อตาข้า”

เขาตะโกนขึ้นเบาๆและกระทืบลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง รอยแตกมากมายปรากฏขึ้นบนพื้นพร้อมกับเสียงร้าวลั่น เขากระโดดขึ้นหน้าสามคนนั้นไปในทันที

เซียวเฉินตอนนี้ถูกต้อนจนมุม เขาไม่มั่นใจว่าจะรับกระบวณท่าสังหารพวกนี้ได้ ตอนนี้ทั้งสี่จู่โจมเข้ามาพร้อมกัน,สถานการณ์ของเขาย่ําแย่

เซียวเฉินไต่ขึ้นไปบนกําแพงภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง เมื่อเขาเห็นทั้งสามคนพุ่งตรงมาใส่เขา เขาก็ยิ้มเย็นชาในใจ เขาไม่เผยความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

“คาถาสละชีพ!”

เขาตะโกนขึ้นเบาๆและรีบหยิบรูปสลักออกมาจากแหวน ห้วงจักรวาล ราชันย์สิงโตทองคําตัวขนาดเท่าภูเขา ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเซียวเฉิน

“ปัง!”

ขุนนางกุยยี่ผู้ที่มาถึงเป็นคนแรก ซัดโดนไปที่ร่างของราชันย์สิงโตทองคํา เขาถูกดีดกลับหลังไปในทันที เซียวเฉินกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังของราชันย์สิงโตทองคํา เขาออกคําสั่งให้ราชันย์สิงโตทองคํากระทืบพื้นอย่างรุนแรง

คลื่นกระแทกหนาแน่นแพร่ขยายไปบริเวณโดยรอบ,ตบเอาฝุ่นควันลอยขึ้นมา แรงมหาศาลของคลื่นพลังผลักร่างของตวนมู่ฉิง,ฮวาหยุ่นเฟยและจีชางคงลอยออกไปในทันที

เมื่อขุนนางกุยยี่เห็นร่างราชันย์สิงโตทองคํา,สมองของเขาราวกับลัดวงจร เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ราชันย์สิ่งโตทองคํามาอยู่ภายใต้การบัญชาของเซียวเฉินได้เยี่ยงไร? 

“บูม!”

เท้าของราชันย์สิงโตทองคําราวกับเสาหินขนาดยักษ์ อุ้งเท้าตบลงไปที่ขุนนางกุยยี่ ขุนนางกุยยี่ตีลังกากลับหลังหลบเลี่ยงออกไปในทันที

“ปัง!” เศษหินดินนับไม่ถ้วนถูกตบลอยขึ้นไป หลุมขนาใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา อุ้งเท้าของราชันย์สิงโตทองคําราวกับทัณฑ์สวรรค์ทิ้งลงมาจากท่องฟ้า มันไล่ตบขุนนางกุยยี่ด้วยความรวดเร็ว

ขุนนางกุยยี่ตกตะลึง ทําไมราชันย์สิงโตทองคําตัวนี้ ถึงรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้? ในตอนที่ข้าปะทะกับมัน,เห็นได้ชัดว่ามันผ่านช่วงยุคทองของมันมาแล้ว การเคลื่อนไหวขอ งมันเชื่องช้า เกิดบ้าอะไรขึ้น?

ขุนนางกุยยี่ยังหลบเลี่ยงต่อไปด้วยสภาพน่าสลด มันดําเนินเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนในที่สุดเขาก้าวเข้าไปจนมุมในรอยแยก เซียวเฉินปราศาจากสีหน้าอารมณ์พร้อมกับควบคุมราชันย์สิงโตทองคําเข้าทุบซ้ําไปที่พื้น

“ปังปังปังปัง!”

หลุมลึกปรากฏขึ้นที่พื้น ไม่อาจรู้ได้ว่าขุนนางกุยยี่ยังหาย ใจหรือตกตายไปที่ก้นหลุม นักรบทองคํา 200 คนของเขา เข้าปิดล้อมเซียวเฉินเพื่อจู่โจมในทันที

เซียวเฉินควบคุมราชันย์สิงโตทองคําพุ่งขึ้นหน้าไปในทันที,บุกชนทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่มีใครอาจสกัดกั้นไว้ได้ ความแข็งแกร่งและความรวดเร็วของราชันย์สิงโตทองคําไม่อาจเทียบเคียงกับตัวที่เซียวเฉินสร้างขึ้นมาจากคาถาสละชีวิต

ราชันย์สิงโตทองคําพุ่งชนอย่างเกรี้ยวกราด,ฆ่าทุกชีวิตที่ขวางทางของมัน ร่างขนาดเท่าภูเขาของมันเหยียบย่ําไปบนพื้น ผืนดินเริ่มสั่นไหวช้าๆ

เกิดเสียงร้องน่าเวทนา,นักรบทองคําต่างถูกไล่เหยียบเละ เป็นข้าวต้ม เมื่อหกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่เห็นสถานการณ์,พวกเขาร่วมมือกันยิงเส้นสายลมหนาว เย็นตรงไปที่เซียวเฉิน

เมื่อวายลมพัดผ่านแม้แต่อากาศยังถูกแช่แข็ง ลูกน้ําแข็งเล็กๆหล่นลงมาจากอากาศราวกับห่าฝน

“ฟุ่ว! ฟิ่ว”

ราชันย์สิงโตทองคําพ่นเปลวเพลิงสีทองออกมาจากปากของมัน สายลมหนาวเย็นละเหยกลายเป็นไอหายไปในทันที แต่เปลวเพลิงนั้นยังคงพุ่งตรงต่อไปที่หกระดับขอบเขตนักบุญ

ราวกับสายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน,หกระดับขอบเขตนักบุญถูกเป่ากระเด็น พวกเขากระอักเลือดออกมาเต็มปากพร้อมกับมองไปที่เซียวเฉินอย่างหวาดกลัว

“บูม!”

หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาทั้งหมดกลายร่างเป็นธารศักดิ์สิทธิ์ สามารถมองเห็นเต่ามังกรและสัตว์อสูรอมตะหลากชนิดชนิดแหวกว่ายในธารศักดิ์สิทธิ์ มันมีพลังอํานาจศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต,ราวกับว่ามันสามารถชําระล้างบาปของผู้คนออกไปได้

เซียวเฉินมองเย็นชาไปที่ธารศักดิ์สิทธิ์ ราชันย์สิงโตทองคําดีดเท้าออกจากพื้นและพุ่งตรงไปราวกับสายฟ้า พื้นดินสั่นไหวไม่หยุดหย่อน เสาหินกําแพงดินพังครืนลงมาเมื่อปะทะกับพวกเขา

“ร้องคําราม!”

เมื่อมันมาอยู่ตรงหน้าของธารศักดิ์สิทธิ์, ทันใดนั้นราชันย์ สิงโตทองคําก็คํารามออกมาเสียงดัง คลื่นเสียงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ กําแพงหินนับไม่ถ้วนกลายเป็นผุยผง ธารศักดิ์ สิทธิ์อันกว้างใหญ่และทรงพลังถูกส่งลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่มันจะไหลย้อนกลับไป

“มันเป็นไปไม่ได้…” หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาอุทาน ใบหน้าของเขาเติมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ธารศักดิ์สิทธิ์พุ่งปะทะผ่านร่างของพวกเขาทั้งหก,ส่งเสียง “ซ่าซ่า” ออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อธารศักดิ์สิทธิ์ถูกลบหายไป,หกระดับขอบเขตนักบุญกลายเป็นหน้าซีด เสื้อผ้าทั้งหมดของพวกเขาถูกลบหายไป พวกเขาดูเหมือนกับถูกรีดจนแห้ง พื้นที่สีขาวสะอาดปรากฏขึ้นบนผืนดิน,ไม่มีแม้แต่ฝุ่นหลงเหลือ

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ดวงตาของฮวาหยุ่นเฟยกลายเป็นแดงกํา ดาบสีแดงปรากฏขึ้นในมือของเขา ชายสวมชุดสีแดงยืนอยู่ด้านหลังของเขา

กระแสพลังปีศาจอันไร้ขอบเขตถูกปลดปล่อยออกมาจาก ชายชุดแดง

“บูม!”

แสงดาบยาว 33 เมตร ปรากฏขึ้นที่ตัวดาบ มันกวาดไปถึงหลังคาของราชวังให้ดินและเจาะทะลุเป็นรู เศษหินดินทรายนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

“กระหายมรณาใต้สวรรค์,ตายซะ!” ฮวาหยุ่นเฟยตะโกนออกมาเสียงดัง ดาบแสงฟันล งมาตรงไปที่เซียวเฉิน เซียวเฉินสีหน้านิ่งสงบพร้อมกับตะโกนขึ้นมาเบาๆ เขาสีทองของราชันย์สิงโตทองคําส่งลําแสงรุ่งโรจน์ออกมา

แสงสีทองปะทะเข้ากับแสงสีแดง,ส่งเสียงดังกึกก้อง ท้ายที่สุด,แสงสีแดงถูกลบหายและแสงสําทองยิ่งขึ้นไปบนฟ้า มันสร้างรูเล็กๆขึ้นบนเพดานและมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านมันลงมา

ลําแสงสีทองสามารถเจาะทะลุภูเขาทั้งลูกเหนือราชวังใต้ดิน ทุกคนต่างสูดหายใจเข้าลึก มันจะต้องแข็งแกร่งถึงเพียงไหนถึงจะทําเช่นนั้นได้!

วิหคน้ำแข็งปรากฏตัวขึ้นและส่งเสียงร้องออกไปในท้องฟ้า มันพุ่งตรงไปที่เซียวเฉินนําพาสายลมหนาวอันไร้ขอบเขต เปลวเพลิงอันไร้ขีดจํากัดเริ่มเผาไหม้ ในดวงตาข้างขวาของเซียวเฉิน ในที่สุดเปลวเพลิงอันไร้ ขอบเขตก็แปลเปลี่ยนเป็นสีม่วงและยิงลําแสงสีม่วงออกไป

วิหคน้ำแข็งถูกซัดด้วยลําแสงสีม่วงและเริ่มลุกไหม้ในทันที เสียงร้องเจ็บปวดดังออกมาจากวิหคน้ําแข็ง,และวิหคน้ำแข็งก็ยังคงพุ่งมาที่เซียวเฉินด้วยร่างที่ลุกไหม้ ร่างน้ําแข็งของ มันละลายอย่างต่อเนื่อง ในจังหวะที่มันเข้ามาถึงตัวเซียวเฉิน,มันก็หายไปอย่างสมบูรณ์

“ดวงดาวดาบร่ายรํา รูปแบบที่สาม – แสงนิรันดร์” จีชาง คงสัมผัสได้ถึงกระแสพลังน่ากลัวของราชันย์สิงโตทองคํา และไม่กล้าที่จะประมาท เขาใช้ทักษะจู่โจมที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาทันที

ท้องฟ้าดวงดาวสุกสกาวปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ท่ามกลางท่องฟ้าดวงดาว,มีดาวที่เป็นดุจตัวแทนของเขา ทันใดนั้นมันก็ลอยขึ้นไปเปลี่ยนกลายเป็นเสาแสงแพรวพราว มันพุ่งขึ้นสู่สวรรค์และเจาะผ่านภูเขาลึกพันเมตรเหนือราชวังใต้ดิน

มันพุ่งไปสู่จักรวาลอันไร้ขอบเขตและมาถึงอีกฟากหนึ่ง ราชวังใต้ดินอันมืดมิดสว่างจ้าไปด้วยแสงนิรันดร์ของท้องฟ้าดวงดาว

ทันใดนั้นแสงสว่างก็หายไปและราชวังใต้ดินก็กลับไปเป็นมืดมิด ในเวลาต่อมา,ประกายแสงอันไร้ขอบเขต ปรากฏขึ้นบนดาบสีดําของเขา คนนับไม่ถ้วนถึงกับตาบอด ไปชั่วขณะ

แสงนิรันดร์ที่มาจากท้องฟ้าดวงดาวพุ่งเข้าใส่เซียวเฉิน แสงสว่างตัดผ่านความมืด,มันราวกับว่าตัดความมืดขาดออกเป็นสองท่อน

ราชันย์สิงโตทองคําเปิดปากของมันขึ้นมาและเกิดเป็นแรงดูดมหาศาลออกมาจากมัน มันดูดกลืนเอาท้องฟ้าดวงดาวข้างหลังของจีชางคง จีชางคงกระอักเลือดออกมาเต็ม ปากและแสงนิรันดร์มีดดับลง

“นั้นมันเซียวเฉิน,ทําไมเขาถึงได้ไปสู้รบตบมือกับสี่ตระกูลใหญ่? แถมไม่ได้กําลังพ่ายแพ้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 119 ประจัญหน้าสี่ตระกูลใหญ่

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 119 ประจัญหน้าสี่ตระกูลใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 119 ประจัญหน้าสี่ตระกูลใหญ่

ดวงตาของขุนนางกุยยี่เบิกกว้าง เขามองอย่างเย็นชาไปที่ฮวาหยุ่นเฟย,ผู้ที่กลายร่างเป็นธารโลหิต เขาฟาดกวาดหอกยาวไปที่ธารโลหิต มันมีพลังมากกว่าหนึ่งพันกิโลกรัมเป็นอย่างน้อยฟาดข้ามไปราวกับหางมังกร,มันไม่อาจป้องกันได้

ธารโลหิตหยุดชะงักในทันที ฮวาหยุ่นเฟยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับตั้งรับหอกด้วยมือทั้งสองของเขา ถึงอย่างนั้น, พลังที่บรรจุลงมาในหอกมีมากมายมหาศาลเกินไป ฮวาหยุ่นเฟยถูกดีดกลับหลังในทันที เขาลื่นไถลไปบนพื้นหลายก้าวก่อนที่จะตั้งตัวได้มั่นคงอีกครั้ง

ขุนนางกุยยี่กล่าวอย่างเย็นช้า “ข้า,ขุนนางกุยยี่,ต้องการหัวของเขา มันยังไม่ถึงตาเจ้าลงมือ”

ฮวาหยุ่นเฟยราวกับถูกลากไปตบต่อหน้าประชาชน เขาหน้าชาและมีร่างสีแดงปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ฮวาหยุ่น เฟยตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา “ขุนนางกุยยี่, ท่านหมายความเช่นไร? ท่านอยากจะมีเรื่อง?”

ขุนนางกุยยี่ยิ้มเย็นชาและไม่ไปสนใจเขาอีก เขาเบนสายตากลับมาที่เซียวเฉิน นักรบทองคําข้างหลังของเขาชักอาวุธออกมาพร้อมเพรียงกัน

ขณะที่มีเสียงดาบถูกชักออกมารังสีฆ่าฟันที่น่าหวาดกลัวแพร่ขยายออกมาทันที นักรบทองคําที่มีประสบการณ์ฆ่าฟันนับไม่ถ้วนผสานเจตนาฆ่าพุ่งตรงไปที่ตระกูลฮวา

ฮวาหยุ่นเฟยและคนของเขาทั้งหมดรู้สึกหนาวเหน็บ

ฮวาหยุ่นเฟยถึงจะโกรธจัดแต่เขารู้ดีว่ากองกําลังที่เขาพามาไม่เพียงพอ ต่อหน้ารังสีฆ่าฟันของนักรบทองคําระดับขอบเขตปรมจารย์ 200 คน,เขาเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวง

เขาทําได้เพียงหายใจฟืดฟาดและหุบปากเงียบ เขาหันสายตาเย็นชาไปที่เซียวเฉิน,เอาความคับข้องใจทั้งหมดไปลงที่เขา ความเกลียดชังของเขาฝังลึกในใจ

เซียวเฉินลุกขึ้นและถอยกลับสองก้าว เขาตกตะลึงที่ขุนนางกุยยี่กระทําเช่นนี้ เขาไม่คาดคิดว่าขุนนางกุยยี่ จะหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ เป็นไปตามข่าวลือที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเขา

ทันใดนั้นจีชางคงก็หัวเราะออกมาเย็นชา “ช่างพูดจาใหญ่ โต,ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าจะหยุดข้าได้เช่นไร”

จีชางคงเคยท้าทายรุ่นเยาว์ทั้งหมดจากเมืองหลวง ตามข่าวลือ,เขาได้ประมือกับขุนนางกุยยอย่างไม่เป็นทางการและผลออกมาเป็นเสมอกัน

เป็นเพราะขุนนางกุยยี่มีระดับพลังสูงกว่าจีชางคงในตอนนั้น,จีชางคงไม่สนใจคําขู่ ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนการประลองในครั้งนั้นจะเกิดขึ้นจริง

ดาบสีดําปรากฏขึ้นในมือของจีชางคง ท้องฟ้าดวงดาว สุกสกาวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา มันช่างกว้างใหญ่และ ทรงพลัง,ไม่อาจหยั่งถึงความลึกของมันได้ ร่างของเขากลาย เป็นลําแสงและลอยตรงไปที่เซียวเฉิน ดาบในมือของเขาร่ายรําและแสงดาวแพรวพราว

ดาบเรียวบางในมือของตวนมู่ฉิงสั่นไหวและเกล็ดหิมะเป็นประกายปรากฏขึ้น,พุ่งใส่เซียวเฉินพร้อมกับสายลมหนาวเหน็บ

ฮวาหยุ่นเฟยสูดหายใจเย็นชาและไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป เขากลายร่างเป็นธารโลหิตอีกครั้งและพุ่งเข้าใส่เซียวเฉินพวกเขาทั้งสามใช้กระบวณท่าสังหารของแต่ละคนออกมาและพุ่งเข้าใส่เซียวเฉินจากสารพัดทิศ

ขุนนางกุยยีใจสั่น เขาไม่มั่นใจว่าจะรับการโจมตีของพวกเขาทั้งสามได้พร้อมกัน ถึงแม้ว่าเขาจะรับไว้ได้ หมด,เขาก็ไม่รู้ว่าจะรับไว้ทําไม เขาไม่อยากให้เซียวเฉินหลุดมือไปแต่ด้วยลักษณะนิสัยของเขา เขาก็ไม่อยากยืมมือคนอื่นเข้ามาช่วยเช่นกัน

ขุนนางกุยยี่หยิบหอกสีแดงที่หลังของเขามาถือด้วยมือ ซ้าย เขาพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “คนที่ข้า, ขุนนางกุยยี่ต้องการชีวิต ผู้ใดอย่าหวังจะมาฉกไปต่อหน้าต่อตาข้า”

เขาตะโกนขึ้นเบาๆและกระทืบลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง รอยแตกมากมายปรากฏขึ้นบนพื้นพร้อมกับเสียงร้าวลั่น เขากระโดดขึ้นหน้าสามคนนั้นไปในทันที

เซียวเฉินตอนนี้ถูกต้อนจนมุม เขาไม่มั่นใจว่าจะรับกระบวณท่าสังหารพวกนี้ได้ ตอนนี้ทั้งสี่จู่โจมเข้ามาพร้อมกัน,สถานการณ์ของเขาย่ําแย่

เซียวเฉินไต่ขึ้นไปบนกําแพงภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง เมื่อเขาเห็นทั้งสามคนพุ่งตรงมาใส่เขา เขาก็ยิ้มเย็นชาในใจ เขาไม่เผยความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

“คาถาสละชีพ!”

เขาตะโกนขึ้นเบาๆและรีบหยิบรูปสลักออกมาจากแหวน ห้วงจักรวาล ราชันย์สิงโตทองคําตัวขนาดเท่าภูเขา ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเซียวเฉิน

“ปัง!”

ขุนนางกุยยี่ผู้ที่มาถึงเป็นคนแรก ซัดโดนไปที่ร่างของราชันย์สิงโตทองคํา เขาถูกดีดกลับหลังไปในทันที เซียวเฉินกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังของราชันย์สิงโตทองคํา เขาออกคําสั่งให้ราชันย์สิงโตทองคํากระทืบพื้นอย่างรุนแรง

คลื่นกระแทกหนาแน่นแพร่ขยายไปบริเวณโดยรอบ,ตบเอาฝุ่นควันลอยขึ้นมา แรงมหาศาลของคลื่นพลังผลักร่างของตวนมู่ฉิง,ฮวาหยุ่นเฟยและจีชางคงลอยออกไปในทันที

เมื่อขุนนางกุยยี่เห็นร่างราชันย์สิงโตทองคํา,สมองของเขาราวกับลัดวงจร เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ราชันย์สิ่งโตทองคํามาอยู่ภายใต้การบัญชาของเซียวเฉินได้เยี่ยงไร? 

“บูม!”

เท้าของราชันย์สิงโตทองคําราวกับเสาหินขนาดยักษ์ อุ้งเท้าตบลงไปที่ขุนนางกุยยี่ ขุนนางกุยยี่ตีลังกากลับหลังหลบเลี่ยงออกไปในทันที

“ปัง!” เศษหินดินนับไม่ถ้วนถูกตบลอยขึ้นไป หลุมขนาใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา อุ้งเท้าของราชันย์สิงโตทองคําราวกับทัณฑ์สวรรค์ทิ้งลงมาจากท่องฟ้า มันไล่ตบขุนนางกุยยี่ด้วยความรวดเร็ว

ขุนนางกุยยี่ตกตะลึง ทําไมราชันย์สิงโตทองคําตัวนี้ ถึงรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้? ในตอนที่ข้าปะทะกับมัน,เห็นได้ชัดว่ามันผ่านช่วงยุคทองของมันมาแล้ว การเคลื่อนไหวขอ งมันเชื่องช้า เกิดบ้าอะไรขึ้น?

ขุนนางกุยยี่ยังหลบเลี่ยงต่อไปด้วยสภาพน่าสลด มันดําเนินเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนในที่สุดเขาก้าวเข้าไปจนมุมในรอยแยก เซียวเฉินปราศาจากสีหน้าอารมณ์พร้อมกับควบคุมราชันย์สิงโตทองคําเข้าทุบซ้ําไปที่พื้น

“ปังปังปังปัง!”

หลุมลึกปรากฏขึ้นที่พื้น ไม่อาจรู้ได้ว่าขุนนางกุยยี่ยังหาย ใจหรือตกตายไปที่ก้นหลุม นักรบทองคํา 200 คนของเขา เข้าปิดล้อมเซียวเฉินเพื่อจู่โจมในทันที

เซียวเฉินควบคุมราชันย์สิงโตทองคําพุ่งขึ้นหน้าไปในทันที,บุกชนทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่มีใครอาจสกัดกั้นไว้ได้ ความแข็งแกร่งและความรวดเร็วของราชันย์สิงโตทองคําไม่อาจเทียบเคียงกับตัวที่เซียวเฉินสร้างขึ้นมาจากคาถาสละชีวิต

ราชันย์สิงโตทองคําพุ่งชนอย่างเกรี้ยวกราด,ฆ่าทุกชีวิตที่ขวางทางของมัน ร่างขนาดเท่าภูเขาของมันเหยียบย่ําไปบนพื้น ผืนดินเริ่มสั่นไหวช้าๆ

เกิดเสียงร้องน่าเวทนา,นักรบทองคําต่างถูกไล่เหยียบเละ เป็นข้าวต้ม เมื่อหกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่เห็นสถานการณ์,พวกเขาร่วมมือกันยิงเส้นสายลมหนาว เย็นตรงไปที่เซียวเฉิน

เมื่อวายลมพัดผ่านแม้แต่อากาศยังถูกแช่แข็ง ลูกน้ําแข็งเล็กๆหล่นลงมาจากอากาศราวกับห่าฝน

“ฟุ่ว! ฟิ่ว”

ราชันย์สิงโตทองคําพ่นเปลวเพลิงสีทองออกมาจากปากของมัน สายลมหนาวเย็นละเหยกลายเป็นไอหายไปในทันที แต่เปลวเพลิงนั้นยังคงพุ่งตรงต่อไปที่หกระดับขอบเขตนักบุญ

ราวกับสายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน,หกระดับขอบเขตนักบุญถูกเป่ากระเด็น พวกเขากระอักเลือดออกมาเต็มปากพร้อมกับมองไปที่เซียวเฉินอย่างหวาดกลัว

“บูม!”

หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาทั้งหมดกลายร่างเป็นธารศักดิ์สิทธิ์ สามารถมองเห็นเต่ามังกรและสัตว์อสูรอมตะหลากชนิดชนิดแหวกว่ายในธารศักดิ์สิทธิ์ มันมีพลังอํานาจศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต,ราวกับว่ามันสามารถชําระล้างบาปของผู้คนออกไปได้

เซียวเฉินมองเย็นชาไปที่ธารศักดิ์สิทธิ์ ราชันย์สิงโตทองคําดีดเท้าออกจากพื้นและพุ่งตรงไปราวกับสายฟ้า พื้นดินสั่นไหวไม่หยุดหย่อน เสาหินกําแพงดินพังครืนลงมาเมื่อปะทะกับพวกเขา

“ร้องคําราม!”

เมื่อมันมาอยู่ตรงหน้าของธารศักดิ์สิทธิ์, ทันใดนั้นราชันย์ สิงโตทองคําก็คํารามออกมาเสียงดัง คลื่นเสียงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ กําแพงหินนับไม่ถ้วนกลายเป็นผุยผง ธารศักดิ์ สิทธิ์อันกว้างใหญ่และทรงพลังถูกส่งลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่มันจะไหลย้อนกลับไป

“มันเป็นไปไม่ได้…” หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาอุทาน ใบหน้าของเขาเติมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ธารศักดิ์สิทธิ์พุ่งปะทะผ่านร่างของพวกเขาทั้งหก,ส่งเสียง “ซ่าซ่า” ออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อธารศักดิ์สิทธิ์ถูกลบหายไป,หกระดับขอบเขตนักบุญกลายเป็นหน้าซีด เสื้อผ้าทั้งหมดของพวกเขาถูกลบหายไป พวกเขาดูเหมือนกับถูกรีดจนแห้ง พื้นที่สีขาวสะอาดปรากฏขึ้นบนผืนดิน,ไม่มีแม้แต่ฝุ่นหลงเหลือ

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ดวงตาของฮวาหยุ่นเฟยกลายเป็นแดงกํา ดาบสีแดงปรากฏขึ้นในมือของเขา ชายสวมชุดสีแดงยืนอยู่ด้านหลังของเขา

กระแสพลังปีศาจอันไร้ขอบเขตถูกปลดปล่อยออกมาจาก ชายชุดแดง

“บูม!”

แสงดาบยาว 33 เมตร ปรากฏขึ้นที่ตัวดาบ มันกวาดไปถึงหลังคาของราชวังให้ดินและเจาะทะลุเป็นรู เศษหินดินทรายนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

“กระหายมรณาใต้สวรรค์,ตายซะ!” ฮวาหยุ่นเฟยตะโกนออกมาเสียงดัง ดาบแสงฟันล งมาตรงไปที่เซียวเฉิน เซียวเฉินสีหน้านิ่งสงบพร้อมกับตะโกนขึ้นมาเบาๆ เขาสีทองของราชันย์สิงโตทองคําส่งลําแสงรุ่งโรจน์ออกมา

แสงสีทองปะทะเข้ากับแสงสีแดง,ส่งเสียงดังกึกก้อง ท้ายที่สุด,แสงสีแดงถูกลบหายและแสงสําทองยิ่งขึ้นไปบนฟ้า มันสร้างรูเล็กๆขึ้นบนเพดานและมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านมันลงมา

ลําแสงสีทองสามารถเจาะทะลุภูเขาทั้งลูกเหนือราชวังใต้ดิน ทุกคนต่างสูดหายใจเข้าลึก มันจะต้องแข็งแกร่งถึงเพียงไหนถึงจะทําเช่นนั้นได้!

วิหคน้ำแข็งปรากฏตัวขึ้นและส่งเสียงร้องออกไปในท้องฟ้า มันพุ่งตรงไปที่เซียวเฉินนําพาสายลมหนาวอันไร้ขอบเขต เปลวเพลิงอันไร้ขีดจํากัดเริ่มเผาไหม้ ในดวงตาข้างขวาของเซียวเฉิน ในที่สุดเปลวเพลิงอันไร้ ขอบเขตก็แปลเปลี่ยนเป็นสีม่วงและยิงลําแสงสีม่วงออกไป

วิหคน้ำแข็งถูกซัดด้วยลําแสงสีม่วงและเริ่มลุกไหม้ในทันที เสียงร้องเจ็บปวดดังออกมาจากวิหคน้ําแข็ง,และวิหคน้ำแข็งก็ยังคงพุ่งมาที่เซียวเฉินด้วยร่างที่ลุกไหม้ ร่างน้ําแข็งของ มันละลายอย่างต่อเนื่อง ในจังหวะที่มันเข้ามาถึงตัวเซียวเฉิน,มันก็หายไปอย่างสมบูรณ์

“ดวงดาวดาบร่ายรํา รูปแบบที่สาม – แสงนิรันดร์” จีชาง คงสัมผัสได้ถึงกระแสพลังน่ากลัวของราชันย์สิงโตทองคํา และไม่กล้าที่จะประมาท เขาใช้ทักษะจู่โจมที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาทันที

ท้องฟ้าดวงดาวสุกสกาวปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ท่ามกลางท่องฟ้าดวงดาว,มีดาวที่เป็นดุจตัวแทนของเขา ทันใดนั้นมันก็ลอยขึ้นไปเปลี่ยนกลายเป็นเสาแสงแพรวพราว มันพุ่งขึ้นสู่สวรรค์และเจาะผ่านภูเขาลึกพันเมตรเหนือราชวังใต้ดิน

มันพุ่งไปสู่จักรวาลอันไร้ขอบเขตและมาถึงอีกฟากหนึ่ง ราชวังใต้ดินอันมืดมิดสว่างจ้าไปด้วยแสงนิรันดร์ของท้องฟ้าดวงดาว

ทันใดนั้นแสงสว่างก็หายไปและราชวังใต้ดินก็กลับไปเป็นมืดมิด ในเวลาต่อมา,ประกายแสงอันไร้ขอบเขต ปรากฏขึ้นบนดาบสีดําของเขา คนนับไม่ถ้วนถึงกับตาบอด ไปชั่วขณะ

แสงนิรันดร์ที่มาจากท้องฟ้าดวงดาวพุ่งเข้าใส่เซียวเฉิน แสงสว่างตัดผ่านความมืด,มันราวกับว่าตัดความมืดขาดออกเป็นสองท่อน

ราชันย์สิงโตทองคําเปิดปากของมันขึ้นมาและเกิดเป็นแรงดูดมหาศาลออกมาจากมัน มันดูดกลืนเอาท้องฟ้าดวงดาวข้างหลังของจีชางคง จีชางคงกระอักเลือดออกมาเต็ม ปากและแสงนิรันดร์มีดดับลง

“นั้นมันเซียวเฉิน,ทําไมเขาถึงได้ไปสู้รบตบมือกับสี่ตระกูลใหญ่? แถมไม่ได้กําลังพ่ายแพ้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+