Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 16 ปีกจ๋า พาบินที 2
ผมกับเลฟี่ออกมาข้างนอก ส่วนอิลูน่านั้นเฝ้าบ้าน
“อืออ… เราไม่ชอบแสงแดดเลย” เลฟี่บ่นออกมา
“ก็ช่วงนี้เธอไม่ได้ออกจากบ้านมาเลยนี้นา”
ช่วงที่เธอจะออกมาข้างนอกก็จะเป็นช่วงที่เธอขอของหวานแพงๆ ผมเลยให้เธอไปหา DP มาให้… นอกจากนั้นก็ทำตัวเป็นนีทไปวันๆ
น่าแปลกที่เธอไม่ดูอ้วนขึ้นเลย ทั้งๆที่เอาแต่กินๆนอนๆทั้งวัน…คงเป็นเพราะเธอเป็นมังกรละมั้ง
“แล้วอาณาเขตของเธอตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? เธอไม่ได้ไปดูมาซักพักแล้วนิ” ผมถาม
“ที่เราไปยึดพื้นที่ตรงนั้นก็แค่อยากได้น้ำผึ่งคุณภาพดีนะ แต่ตอนนี้เราได้ของที่ดีกว่าแล้ว เจ้าจะทำอะไรกับที่นั้นก็เชิญ”
มาอยู่นี้เพราะเหตุผลอย่างนั้นนี้นะ…? รู้สึกโง่ชมัดที่ไม่ทำจุดนั้นให้กลายเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน
พอคุยกันได้ซักพัก ผมก็เอาปีกของตัวเองออกมา
“โอ้… เจ้ามีปีกที่ดีเลยนี้…”
ผมไม่รู้จะรู้สึกยังไงเลย แต่เลฟี่นั้นมองปีกผมไปทั่วเลย
“ก็นะ ปกติมันค่อนข้างเกะกะ ก็เลย… อ๊ะ เดี๋ยว หยุดก่อน อ-อย่าจับสิ! มันจั๊กจี๊นะ!”
เลฟี่ไมสนใจและก็จับต่อไป
พอผมสามารถสลัดเธอหลุดออกมาได้ เธอก็ทำแก้มป็องแล้วก็ยอมแพ้
“ปีกก็ออกจะดูดี… เจ้าควรเอามันออกมาอยู่ตลอดนะ”
ดูดี? นี้อ่ะนะ?
โดยส่วนตัวผมว่าปีกแบบขนนกมันจะดูดีกว่านะ แต่มังกรคงจะมีมุมมองที่ต่างออกไป
“ปีกเธอก็ดูสวยดีเหมือนกันไม่ใช่หรอ?”
ตอนที่ผมเจอเธอครั้งแรก รูปลักษณ์ของเธอให้ความรู้สึกถึงความสวยงามและองอาจ ราวกับเป็นมังกรในตำนาน ภาพปีกของเธอยังตราตรึงอยู่ในสมองผมอยู่เลย
แต่ไอความองอาจที่เคยรู้สึกมันก็ได้พังทลายลงไปด้วยฝีมือของเจ้าตัวเองแล้วล่ะนะ
“… น-นั้นมันก็แน่อยู่แล้ว! จ-จะชมก็ชมได้นี้นา!”
เหมือนเลฟี่จะไม่ชินกับการถูกชม เธออายน่าดู… ด-เดี่ยวก่อนนะ เมื่อกี้ไม่ได้จะจีบนะ!
ช-ช่วยหยุดท่าทางอย่างนั้นซะทีเถอะ ถ้ามีสาวสวยมาทำท่าทางน่ารักอย่างนั้นล่ะก็ ผมก็ไม่รู้จะตอบกลับยังไงนะ!
“… ก็ คือว่า นั้นแหละ เราหมายถึง มันแน่นอนอยู่แล้วว่าปีกของเจ้านะไม่มีทางมาเทียบกับปีกผู้สูงส่งอย่างเราได้หรอก ต-แต่ก็นะ ปีกของเจ้านะ มั-มันก็ดูดีเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ?” เลฟี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก
“ง-งั้นหรอ? ข-ขอบคุณ”
“ม-มันเป็นเกียรติอย่างมากเลยนะที่เราชม เจ้าควรจะรู้สึกยินดีเอาไว้นะ!”
เลฟี่ที่เหมือนจะกลับเป็นปกติแล้ว ก็แกล้งไอแล้วพูดต่อ
“… ช่างเรื่องพวกนั้นไปก่อนเถอะ เจ้ามีดวงตาเวทมนต์ใช่ไหมล่ะ? เปิดมันซะ”
“รับทราบ”
พอผมพยักหน้าจบ เลฟี่ก็เอาปีกสีเงินสวยงามออกมาจากหลัง มันสะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับ ต่างจากปีกสีดำของผมอย่างชัดเจน
“พวกนั้น… เป็นปีกของเธอในร่างมังกรหรอ?”
“ไม่ใช่ มันเป็นสิ่งที่สร้างจากพลังเวท แต่หน้าที่ของมันก็เหมือนกันนั้นแหละ”
ผมมองเห็นพลังเวทในปีกผ่านดวงตาเวทมนต์… ขนาดนี้ต่างจากของผมเลย
“ยูกิ เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?”
“โอ้ อาา เอออ… พ-พวกมันสวยงามเหมือนวิวของดวงจันร์เลยล่ะ”
“ผิด คำพูดพวกนั้นนะมันไม่เข้ากับเจ้าเลย เจ้าพูดโดยไม่ได้คิดความหมายเลย”
… เลฟี่แสยะยิ้มพร้อมมองมาที่ผม… โดยเข้าจนได้
“ช่างเถอะ มาตรงนี้แล้วดูดีๆสิ”
ทันใดนั้น พลังเวทในปีกก็เกิดการเคลื่อนที่… เธอใส่พลังเวทลงไปในนั้นหรอ?
จากนั้นเลฟี่ก็กระพือปีกแล้วก็กระโดดสูงขึ้นไป
การกระโดดของเธอดูสง่างามและน่าชื่นชมซึ่งทำให้ผมระลึกถึงศักดิ์ศรีของมังกรที่เธอเคยมีมาก่อน
“โอ้อออ…!” ผมตะโกนขึ้นมา
เพราะปีกผมมันสร้างมาจากพลังเวท ผมเลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้ซะอีก
“เข้าใจหรือยัง เจ้าไก่อ่อน? ลองทำเหมือนกันดูสิ”
ผมเริ่มทำการใส่พลังเวทลงไปในปีก
ขยับ!
ปีกของผมมันกระพืออยู่ ตอนนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายแล้ว
… เข้าใจล่ะ
ที่ผมทำมาก่อนหน้านี้ มันก็คือการปั่นจักรยานโดยไม่หยอดน้ำมันโซ่ จะไปไม่รอดก็ไม่แปลก
“นั้นแหละ! กระโดดขึ้นมาเลย!”
ทันที่ที่เธอพูดจบ ผมก็ขยับปีกเต็มแรง และรู้สึกได้เลยว่าตัวเองได้ลอยขึ้นมาแล้ว
ตอนนี้ผมบินได้แล้ว
“โออออออออออออออ!! เดี่ยวนะ แล้วจะหยุดยังไงล่ะ!?”
ผมบินขึ้นสูงเรื่อยๆ พื้นข้างล่างก็เริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ นี้มันเริ่มน่ากลัวแล้วนะ
“เจ้าใส่พลังเวทเยอะเกินไป ลองเอาออกมาซักหน่อยสิ” ผมได้ยินเสียงเลฟี่จากข้างหลัง
ผมทำตามที่เธอบอกอย่างลนลาน
ช่วงหลังๆมานี้ ผมเริ่มที่จะชินกับการควบคุมพลังเวท ทำให้ผมปรับระดับได้ทันที ผมจึงสามารถที่จะควบคุมการบินได้ ถึงจะยังติดๆขัดๆอยู่บ้างก็เถอะ
“… สุดยอดไปเลย”
ทันทีที่ผมได้สัมพัสกับวิวทิวทัศน์จากด้านผม ผมก็เอ่ยคำๆนั้นออกมา
ดวงอาทิตย์และก้อนเมฆให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ขึ้นมาก
มันดีกว่าที่ผมคิดไว้อีก
“มันสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ?” เลฟี่บินเข้ามาใกล้
ผมเข้าใจความรู้สึกเลย แทบอย่างจะเอาไปคุยโม้เลยล่ะ
แล้วเลฟี่ก็เรียกผมในขณะทีเหม่อลอย
“เอาล่ะ ยูกิ มากับเราสิ เดี๋ยวเราจะแสดงให้ดูว่าการบินจริงๆมันเป็นยังไง ถ้าเจ้าทนได้ล่ะนะ” เลฟี่จิ้มผมพลางแสยะยิ้ม
“หืม? พูดอะไรนะ? เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรอว่าชั้นจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนฟากฟ้านะ?”
“หึ! บ้าบอน่า! ไก่อ่อนอย่างเจ้านะยังอีกไกล นี้ต่างหากของจริง”
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ!”
จู่ๆเลฟี่ก็เร่งความเร็วขึ้น ผมจึงเร่งตามไป
เราทั้งคู่บินไปด้วยกันซักพัก แต่สำหรับเธอมันเป็นแค่การบินสบายๆ แต่ความเร็วขนาดนั้นผมก็แทบจะตามไม่ทันเลย
Comments
Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 16 ปีกจ๋า พาบินที 2
ผมกับเลฟี่ออกมาข้างนอก ส่วนอิลูน่านั้นเฝ้าบ้าน
“อืออ… เราไม่ชอบแสงแดดเลย” เลฟี่บ่นออกมา
“ก็ช่วงนี้เธอไม่ได้ออกจากบ้านมาเลยนี้นา”
ช่วงที่เธอจะออกมาข้างนอกก็จะเป็นช่วงที่เธอขอของหวานแพงๆ ผมเลยให้เธอไปหา DP มาให้… นอกจากนั้นก็ทำตัวเป็นนีทไปวันๆ
น่าแปลกที่เธอไม่ดูอ้วนขึ้นเลย ทั้งๆที่เอาแต่กินๆนอนๆทั้งวัน…คงเป็นเพราะเธอเป็นมังกรละมั้ง
“แล้วอาณาเขตของเธอตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? เธอไม่ได้ไปดูมาซักพักแล้วนิ” ผมถาม
“ที่เราไปยึดพื้นที่ตรงนั้นก็แค่อยากได้น้ำผึ่งคุณภาพดีนะ แต่ตอนนี้เราได้ของที่ดีกว่าแล้ว เจ้าจะทำอะไรกับที่นั้นก็เชิญ”
มาอยู่นี้เพราะเหตุผลอย่างนั้นนี้นะ…? รู้สึกโง่ชมัดที่ไม่ทำจุดนั้นให้กลายเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน
พอคุยกันได้ซักพัก ผมก็เอาปีกของตัวเองออกมา
“โอ้… เจ้ามีปีกที่ดีเลยนี้…”
ผมไม่รู้จะรู้สึกยังไงเลย แต่เลฟี่นั้นมองปีกผมไปทั่วเลย
“ก็นะ ปกติมันค่อนข้างเกะกะ ก็เลย… อ๊ะ เดี๋ยว หยุดก่อน อ-อย่าจับสิ! มันจั๊กจี๊นะ!”
เลฟี่ไมสนใจและก็จับต่อไป
พอผมสามารถสลัดเธอหลุดออกมาได้ เธอก็ทำแก้มป็องแล้วก็ยอมแพ้
“ปีกก็ออกจะดูดี… เจ้าควรเอามันออกมาอยู่ตลอดนะ”
ดูดี? นี้อ่ะนะ?
โดยส่วนตัวผมว่าปีกแบบขนนกมันจะดูดีกว่านะ แต่มังกรคงจะมีมุมมองที่ต่างออกไป
“ปีกเธอก็ดูสวยดีเหมือนกันไม่ใช่หรอ?”
ตอนที่ผมเจอเธอครั้งแรก รูปลักษณ์ของเธอให้ความรู้สึกถึงความสวยงามและองอาจ ราวกับเป็นมังกรในตำนาน ภาพปีกของเธอยังตราตรึงอยู่ในสมองผมอยู่เลย
แต่ไอความองอาจที่เคยรู้สึกมันก็ได้พังทลายลงไปด้วยฝีมือของเจ้าตัวเองแล้วล่ะนะ
“… น-นั้นมันก็แน่อยู่แล้ว! จ-จะชมก็ชมได้นี้นา!”
เหมือนเลฟี่จะไม่ชินกับการถูกชม เธออายน่าดู… ด-เดี่ยวก่อนนะ เมื่อกี้ไม่ได้จะจีบนะ!
ช-ช่วยหยุดท่าทางอย่างนั้นซะทีเถอะ ถ้ามีสาวสวยมาทำท่าทางน่ารักอย่างนั้นล่ะก็ ผมก็ไม่รู้จะตอบกลับยังไงนะ!
“… ก็ คือว่า นั้นแหละ เราหมายถึง มันแน่นอนอยู่แล้วว่าปีกของเจ้านะไม่มีทางมาเทียบกับปีกผู้สูงส่งอย่างเราได้หรอก ต-แต่ก็นะ ปีกของเจ้านะ มั-มันก็ดูดีเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ?” เลฟี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก
“ง-งั้นหรอ? ข-ขอบคุณ”
“ม-มันเป็นเกียรติอย่างมากเลยนะที่เราชม เจ้าควรจะรู้สึกยินดีเอาไว้นะ!”
เลฟี่ที่เหมือนจะกลับเป็นปกติแล้ว ก็แกล้งไอแล้วพูดต่อ
“… ช่างเรื่องพวกนั้นไปก่อนเถอะ เจ้ามีดวงตาเวทมนต์ใช่ไหมล่ะ? เปิดมันซะ”
“รับทราบ”
พอผมพยักหน้าจบ เลฟี่ก็เอาปีกสีเงินสวยงามออกมาจากหลัง มันสะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับ ต่างจากปีกสีดำของผมอย่างชัดเจน
“พวกนั้น… เป็นปีกของเธอในร่างมังกรหรอ?”
“ไม่ใช่ มันเป็นสิ่งที่สร้างจากพลังเวท แต่หน้าที่ของมันก็เหมือนกันนั้นแหละ”
ผมมองเห็นพลังเวทในปีกผ่านดวงตาเวทมนต์… ขนาดนี้ต่างจากของผมเลย
“ยูกิ เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?”
“โอ้ อาา เอออ… พ-พวกมันสวยงามเหมือนวิวของดวงจันร์เลยล่ะ”
“ผิด คำพูดพวกนั้นนะมันไม่เข้ากับเจ้าเลย เจ้าพูดโดยไม่ได้คิดความหมายเลย”
… เลฟี่แสยะยิ้มพร้อมมองมาที่ผม… โดยเข้าจนได้
“ช่างเถอะ มาตรงนี้แล้วดูดีๆสิ”
ทันใดนั้น พลังเวทในปีกก็เกิดการเคลื่อนที่… เธอใส่พลังเวทลงไปในนั้นหรอ?
จากนั้นเลฟี่ก็กระพือปีกแล้วก็กระโดดสูงขึ้นไป
การกระโดดของเธอดูสง่างามและน่าชื่นชมซึ่งทำให้ผมระลึกถึงศักดิ์ศรีของมังกรที่เธอเคยมีมาก่อน
“โอ้อออ…!” ผมตะโกนขึ้นมา
เพราะปีกผมมันสร้างมาจากพลังเวท ผมเลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้ซะอีก
“เข้าใจหรือยัง เจ้าไก่อ่อน? ลองทำเหมือนกันดูสิ”
ผมเริ่มทำการใส่พลังเวทลงไปในปีก
ขยับ!
ปีกของผมมันกระพืออยู่ ตอนนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายแล้ว
… เข้าใจล่ะ
ที่ผมทำมาก่อนหน้านี้ มันก็คือการปั่นจักรยานโดยไม่หยอดน้ำมันโซ่ จะไปไม่รอดก็ไม่แปลก
“นั้นแหละ! กระโดดขึ้นมาเลย!”
ทันที่ที่เธอพูดจบ ผมก็ขยับปีกเต็มแรง และรู้สึกได้เลยว่าตัวเองได้ลอยขึ้นมาแล้ว
ตอนนี้ผมบินได้แล้ว
“โออออออออออออออ!! เดี่ยวนะ แล้วจะหยุดยังไงล่ะ!?”
ผมบินขึ้นสูงเรื่อยๆ พื้นข้างล่างก็เริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ นี้มันเริ่มน่ากลัวแล้วนะ
“เจ้าใส่พลังเวทเยอะเกินไป ลองเอาออกมาซักหน่อยสิ” ผมได้ยินเสียงเลฟี่จากข้างหลัง
ผมทำตามที่เธอบอกอย่างลนลาน
ช่วงหลังๆมานี้ ผมเริ่มที่จะชินกับการควบคุมพลังเวท ทำให้ผมปรับระดับได้ทันที ผมจึงสามารถที่จะควบคุมการบินได้ ถึงจะยังติดๆขัดๆอยู่บ้างก็เถอะ
“… สุดยอดไปเลย”
ทันทีที่ผมได้สัมพัสกับวิวทิวทัศน์จากด้านผม ผมก็เอ่ยคำๆนั้นออกมา
ดวงอาทิตย์และก้อนเมฆให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ขึ้นมาก
มันดีกว่าที่ผมคิดไว้อีก
“มันสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ?” เลฟี่บินเข้ามาใกล้
ผมเข้าใจความรู้สึกเลย แทบอย่างจะเอาไปคุยโม้เลยล่ะ
แล้วเลฟี่ก็เรียกผมในขณะทีเหม่อลอย
“เอาล่ะ ยูกิ มากับเราสิ เดี๋ยวเราจะแสดงให้ดูว่าการบินจริงๆมันเป็นยังไง ถ้าเจ้าทนได้ล่ะนะ” เลฟี่จิ้มผมพลางแสยะยิ้ม
“หืม? พูดอะไรนะ? เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรอว่าชั้นจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนฟากฟ้านะ?”
“หึ! บ้าบอน่า! ไก่อ่อนอย่างเจ้านะยังอีกไกล นี้ต่างหากของจริง”
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ!”
จู่ๆเลฟี่ก็เร่งความเร็วขึ้น ผมจึงเร่งตามไป
เราทั้งคู่บินไปด้วยกันซักพัก แต่สำหรับเธอมันเป็นแค่การบินสบายๆ แต่ความเร็วขนาดนั้นผมก็แทบจะตามไม่ทันเลย
Comments