Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 70 วันหยุดพักผ่อนในต่างโลก 3 ร้านหนังสือ
การมาดูร้านอาวุธนั้นให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด และผมก็พร้อมจะไปต่อพร้อมกับดาบวีรบุรุษโบราณ แต่ทางผู้กล้านั้นยังไม่พร้อมเลยซักนิด เธอยังคงจ้องมองดาบยาวบนผนังต่อไป ราวกับเด็กที่เจอของเล่นที่ถูกใจ ผมเข้าไปเตือนหลายต่อหลายครั้งว่าได้เวลาที่ต้องไปกันแล้ว แต่เธอก็ไม่เลิกซักที เธอจะพูดว่าของเวลาอีก 5 นาทีหรืออะไรประมาณนี้ตลอด นี้มันอะไรกันนี้? ไม่ใช่ว่าเธอต้องมาเป็นคนนำเที่ยวให้พวกเราไม่ใช่หรอ?
สุดท้าย ผมก็ต้องลากยัยเด็กติดดาบนี้ออกมาจนเธอยอมที่จะนำเราไปยังที่หมายต่อไป: ร้านหนังสือ
แต่ก็เป็นแค่ผมคนเดียวที่เข้ามาข้างใน เลฟี่นั้นเริ่มบ่นว่าตัวเองหิว และก็ดูไม่มีท่าทีที่จะหยุดเลย ผมเลยปล่อยให้สองคนนั้นไปหาอะไรกิน ก่อนจะเดินเข้าร้านหนังสือตัวคนเดียว และก็วางแผนที่จะนัดเจอกันอีกครั้งเมื่อผมเสร็จธุระแล้ว
กลิ่นของหนังสือเก่าลอยมาเตะจมูกเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป ผมจึงเริ่มมองดูไปรอบๆทันที ผมสงสัยมาตลอดว่าร้านหนังสือในต่างโลกจะเป็นยังไง สายตาของผมจึงสาดส่องไปทั่ว มันมืดสลัวและเงียบ ที่นี่มีลูกค้าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เรียกดูสินค้าของร้าน ซึ่งจัดเรียงตามประเภทได้สะดวก ซึ่งก็ดูไม่ต่างจากร้านหนังสือในญี่ปุ่นเลยซักนิด
“ยินดีต้อนรับ…” ผู้หญิงที่มีเสียงอันไม่กระตือรือร้นในวัยราวๆ 20 ทักทายผมเมื่อผมเข้าไปในร้าน เธอนั่งเท้าคางราวกับคนหมดแรงผนักดันในชีวิต เมื่อพยักหน้าตอบเธอกลับ ผมจึงเดินเข้าไปในส่วนลึกของร้าน
เหตุผลที่ผมมาที่แห่งนี้เพราะอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรเวทมนต์ให้มากขึ้น สกิลเสริมผลังของทำให้ลงวงจรให้กับอาวุธได้ แต่มันก็จำกัดเกินไป วงวรที่มีมันไม่มากพอต่อความต้องการของผม ผมต้องการให้อาวุธของผมสามารถตีกายภาพได้ เผาศัตรูได้ แช่แข็งได้ ติดพิษได้ ทำให้หลับได้ด้วย เป็นเหมือนโ*เกมอนมาสเตอร์อะไรแบบนั้นนะ มันต้องออกมาดูเจ๋งสุดๆแน่
ไม่นานนักผมก็เจอในสิ่งที่ผมต้องการหลังจากกวาดสายตาบนชั้นหนังสือ ผมเจอหนังสือเช็ตที่ชือว่า “Magical Concepts And You – The Magic Circuit.” ซึ่งมีแบ่งเป็น 3 เล่ม เล่มสำหรับชั้นเริ่มต้น, ชั้นกลาง และชั้นสูง ผมหยิบออกมาจากชั้นหนึ่งเล่มและเริ่มเปิดดู—
“บ้าอะไรว่ะเนี่ย!?”
—และก็พบว่าผมไม่รู้เรื่องเลยว่ามันเขียนว่าอะไร ราวกับเป็นนักศึกษาที่โดยสั่งให้เขียนรายงานในเรื่องที่โคตรจะซับซ้อนและไม่สมบูรณ์ ตัวสกิลแปลภาษามันก็ช่วยให้ผมอ่านในสิ่งที่เขียนได้อยู่หรอก แต่ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่มันสื่อเลยซักนิด ข้อมูลที่ได้มันไม่คุ้นเท่าไหร่เลย อึก… นี้เป็นหนึ่งในสามที่มีเท่านั้นนะ การจะอ่านจบได้ใช้เวลาเป็นวันแน่…
ดูเหมือนก่อนที่ผมจะไปถึงเป้าหมายได้ผมต้องตีความหนังสือพวกนี้ให้ได้ซะก่อน เป็นกำแพงที่สูงชะมัด ให้ตายสิ
***
ผมซื้อหนังสือ ออกจากร้าน เก็บของเข้าช่องเก็บของ และเปิดแผนที่เพื่อหาพรรคพวกที่แยกกันทันที ซึ่งก็น่าแปลกใจที่พวกเธออยู่ห่างออกไปแค่ 50 เมตรเท่านั้น ผมจึงเดินไปหาในทันที และก็ได้พบว่าพวกนั้นไม่ได้อยู่กับเพียงลำพัง
“มาเถอะน้องสาย มันสนุกแน่นอน ถ้าอยากกินอะไรเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” ผู้ชายคนนึงพูด
“อ-เอ่ออ…ไม่เป็นไรค่ะ” ผู้กล้าตอบ “เราจ่ายค่าอาหารกันเองได้”
“โถ่เอ๊ย อย่าพูดอย่างนั้นสิ เชื่อพวกพี่เถอะน่า มันต้องสนุกสุดยอดแน่นนอน เนอะน้องหัวเงิน” ชายคนที่สองพูดพลางหันไปทางเลฟี่
“นี้สาวๆ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้! เธอก็รู้ว่าอยากจะมาเที่ยวกับพวกเรา” คนที่สามพูดต่อ
“…” แต่ทางเลฟี่นั้นก็ไม่ตอบอะไรกัน เธอยังคงหมกมุ่นอยู่กับการสวาปามเนื้อย่างในมือแบบสุดใจอยาก ทำให้ภาระทั้งหมดตกมาเป็นของผู้กล้า
“อ-เอ่อออ… ขอโทษด้วยนะ เรากำลังรอใครบางคนอยู่นะ” ผู้กล้าพูด เธอไม่จำเป็นต้องพยายามปฏิเสธพวกเขาแบบสุภาพขนาดนั้นก็ได้มั้ง?
ก็ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสองจะโดนตามจีบล่ะนะ เป็นหญิงที่สวยงามกันทั้งคู่ แข็งแกร่งกันสุดๆด้วย แต่คงไม่มีใครรู้ในจุดนั้น
“นี้พรรคพวก โทษทีนะแต่พวกเธอมากับชั้นนะ ช่วยไปจีบคนอื่นเขาทีนะ”
“อยู่นี้เอง” ผู้กล้าพูดพลางถอนหายใจ คุณผู้กล้าครับ คุณไม่ควรมารู้สึกโล่งใจเวลาเจอจอมมารเขานะครับ
“ดูเหมือนจะมาได้แล้วสินะยูกิ” เลฟี่พูดและก็ยื่นเนื้อย่างมาให้ผม “รับไปซะ นี้เป็นส่วนแบ่งของเจ้า”
“โอ้ ขอบคุณ ใจดีจังนะ”
“เราเลือกให้เพราะชิ้นนี้มันไม่ถูกปากเรานะ”
“ว่าไงนะ…” ผมเริ่มที่จะบ่น แต่ก็ยอมแพ้และหยุดไปกลางคันก่อน “ช่างเถอะ ยังไงชั้นก็จะกินอยู่แล้ว ไปกันเถอะเนลล์”
“อ๊ะ เอ่อออ… โอเค”
“ด-เดี๋ยว รอก่อนสิ!”
ชายคนนึงยื่นมือมายังผู้หญิงที่ใกล้ที่สุด ซึ่งก็คือผู้กล้า แต่มันก็ไม่อาจไปถึงเป้าหมายเพราะผมจับข้อมือเขาเอาไว้ก่อน
“ยังมีอะไรกับพวกเราอยู่อีกหรอ?” ผมยิ้มและค่อยๆเดินไปหาชายคนนั้นอย่างช้าๆ
“ไม่มีอะไร… ครับ” เขาสะดุ้งเล็กน้อยจึงพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพขึ้นครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับไปหาเพื่อนและกลับไปใช้คำพูดตามปกติ. “ป-ไปกันเถอะพวก”
ทั้งสามหันมองกลับมาอยู่หลายคครั้งในขณะที่เดินจากไป คงจะรู้สึกเสียดายที่พลาดโอกาศได้จีบสาวสวยอะไรแบบนั้นล่ะสิ แต่พวกนายไม่รู้หรอกว่ายัยเลฟี่นะกินจุขนาดไหน แล้วพวกแกก็เสนอเลี้ยงอาหารไปแล้วด้วย นี้ชั้นมาช่วยให้พวกแกไม่โดนรีดตังหมดตูดนะเฟ๊ย
“ข-ขอบคุณนะยูกิ” ผู้กล้าพูด
“ไม่มีปัญหา แต่เธอไม่จำเป็นต้องสุภาพกับพวกแบบนี้ก็ได้นี้นา? พวกนั้นจะใช้ประโยชน์จากจุดนั้นและกดดันเธอมากขึ้นนะ”
“อ-โอเค ฉันจะจำไว้” เธอพูด “แต่… นายดูเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้จังเลยนะ”
“ก็มีบ้างละนะ” ผมยักไหล่พลางนึกถึงโลกเก่า
“ยังไงก็เถอะ ชั้นเริ่มจะรู้สึกหิวๆแล้วสิ ทำไมเธอไม่พาเราไปร้านอาหารหรูๆซักร้านล่ะ?”
“เราเห็นด้วย เราจะรู้สึกขอบคุณมากถ้าเจ้านำทางเราไป”
“เอ่อออ…ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งกินหมดไปเยอะเลยไม่ใช่หรอเลฟี่?” ผู้กล้าพูด
“พูดอะไรของเจ้ากันนะ? เรากินไปแค่นิดเดียวเองนะ”
“แต่เธอกินมากกว่าฉันเป็นเท่าตัวเลยนะ…”
หึ ไร้เดียงสาจริงนะผู้กล้า เลฟี่นะกินมากกว่าชั้นถึงเท่าตัวต่างหาก ที่เธอได้เห็นนั้นมันก็แค่เมนูเรียกน้ำย่อยของยัยนี้เท่านั้นแหละ
…
แต่ถ้านับจากขนาดตัว ยัยเลฟี่ก็ควรจะเป็นคนที่กินน้อยที่สุดในกลุ่มจริงๆนั้นแหละ
Comments
Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 70 วันหยุดพักผ่อนในต่างโลก 3 ร้านหนังสือ
การมาดูร้านอาวุธนั้นให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด และผมก็พร้อมจะไปต่อพร้อมกับดาบวีรบุรุษโบราณ แต่ทางผู้กล้านั้นยังไม่พร้อมเลยซักนิด เธอยังคงจ้องมองดาบยาวบนผนังต่อไป ราวกับเด็กที่เจอของเล่นที่ถูกใจ ผมเข้าไปเตือนหลายต่อหลายครั้งว่าได้เวลาที่ต้องไปกันแล้ว แต่เธอก็ไม่เลิกซักที เธอจะพูดว่าของเวลาอีก 5 นาทีหรืออะไรประมาณนี้ตลอด นี้มันอะไรกันนี้? ไม่ใช่ว่าเธอต้องมาเป็นคนนำเที่ยวให้พวกเราไม่ใช่หรอ?
สุดท้าย ผมก็ต้องลากยัยเด็กติดดาบนี้ออกมาจนเธอยอมที่จะนำเราไปยังที่หมายต่อไป: ร้านหนังสือ
แต่ก็เป็นแค่ผมคนเดียวที่เข้ามาข้างใน เลฟี่นั้นเริ่มบ่นว่าตัวเองหิว และก็ดูไม่มีท่าทีที่จะหยุดเลย ผมเลยปล่อยให้สองคนนั้นไปหาอะไรกิน ก่อนจะเดินเข้าร้านหนังสือตัวคนเดียว และก็วางแผนที่จะนัดเจอกันอีกครั้งเมื่อผมเสร็จธุระแล้ว
กลิ่นของหนังสือเก่าลอยมาเตะจมูกเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป ผมจึงเริ่มมองดูไปรอบๆทันที ผมสงสัยมาตลอดว่าร้านหนังสือในต่างโลกจะเป็นยังไง สายตาของผมจึงสาดส่องไปทั่ว มันมืดสลัวและเงียบ ที่นี่มีลูกค้าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เรียกดูสินค้าของร้าน ซึ่งจัดเรียงตามประเภทได้สะดวก ซึ่งก็ดูไม่ต่างจากร้านหนังสือในญี่ปุ่นเลยซักนิด
“ยินดีต้อนรับ…” ผู้หญิงที่มีเสียงอันไม่กระตือรือร้นในวัยราวๆ 20 ทักทายผมเมื่อผมเข้าไปในร้าน เธอนั่งเท้าคางราวกับคนหมดแรงผนักดันในชีวิต เมื่อพยักหน้าตอบเธอกลับ ผมจึงเดินเข้าไปในส่วนลึกของร้าน
เหตุผลที่ผมมาที่แห่งนี้เพราะอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรเวทมนต์ให้มากขึ้น สกิลเสริมผลังของทำให้ลงวงจรให้กับอาวุธได้ แต่มันก็จำกัดเกินไป วงวรที่มีมันไม่มากพอต่อความต้องการของผม ผมต้องการให้อาวุธของผมสามารถตีกายภาพได้ เผาศัตรูได้ แช่แข็งได้ ติดพิษได้ ทำให้หลับได้ด้วย เป็นเหมือนโ*เกมอนมาสเตอร์อะไรแบบนั้นนะ มันต้องออกมาดูเจ๋งสุดๆแน่
ไม่นานนักผมก็เจอในสิ่งที่ผมต้องการหลังจากกวาดสายตาบนชั้นหนังสือ ผมเจอหนังสือเช็ตที่ชือว่า “Magical Concepts And You – The Magic Circuit.” ซึ่งมีแบ่งเป็น 3 เล่ม เล่มสำหรับชั้นเริ่มต้น, ชั้นกลาง และชั้นสูง ผมหยิบออกมาจากชั้นหนึ่งเล่มและเริ่มเปิดดู—
“บ้าอะไรว่ะเนี่ย!?”
—และก็พบว่าผมไม่รู้เรื่องเลยว่ามันเขียนว่าอะไร ราวกับเป็นนักศึกษาที่โดยสั่งให้เขียนรายงานในเรื่องที่โคตรจะซับซ้อนและไม่สมบูรณ์ ตัวสกิลแปลภาษามันก็ช่วยให้ผมอ่านในสิ่งที่เขียนได้อยู่หรอก แต่ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่มันสื่อเลยซักนิด ข้อมูลที่ได้มันไม่คุ้นเท่าไหร่เลย อึก… นี้เป็นหนึ่งในสามที่มีเท่านั้นนะ การจะอ่านจบได้ใช้เวลาเป็นวันแน่…
ดูเหมือนก่อนที่ผมจะไปถึงเป้าหมายได้ผมต้องตีความหนังสือพวกนี้ให้ได้ซะก่อน เป็นกำแพงที่สูงชะมัด ให้ตายสิ
***
ผมซื้อหนังสือ ออกจากร้าน เก็บของเข้าช่องเก็บของ และเปิดแผนที่เพื่อหาพรรคพวกที่แยกกันทันที ซึ่งก็น่าแปลกใจที่พวกเธออยู่ห่างออกไปแค่ 50 เมตรเท่านั้น ผมจึงเดินไปหาในทันที และก็ได้พบว่าพวกนั้นไม่ได้อยู่กับเพียงลำพัง
“มาเถอะน้องสาย มันสนุกแน่นอน ถ้าอยากกินอะไรเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” ผู้ชายคนนึงพูด
“อ-เอ่ออ…ไม่เป็นไรค่ะ” ผู้กล้าตอบ “เราจ่ายค่าอาหารกันเองได้”
“โถ่เอ๊ย อย่าพูดอย่างนั้นสิ เชื่อพวกพี่เถอะน่า มันต้องสนุกสุดยอดแน่นนอน เนอะน้องหัวเงิน” ชายคนที่สองพูดพลางหันไปทางเลฟี่
“นี้สาวๆ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้! เธอก็รู้ว่าอยากจะมาเที่ยวกับพวกเรา” คนที่สามพูดต่อ
“…” แต่ทางเลฟี่นั้นก็ไม่ตอบอะไรกัน เธอยังคงหมกมุ่นอยู่กับการสวาปามเนื้อย่างในมือแบบสุดใจอยาก ทำให้ภาระทั้งหมดตกมาเป็นของผู้กล้า
“อ-เอ่อออ… ขอโทษด้วยนะ เรากำลังรอใครบางคนอยู่นะ” ผู้กล้าพูด เธอไม่จำเป็นต้องพยายามปฏิเสธพวกเขาแบบสุภาพขนาดนั้นก็ได้มั้ง?
ก็ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสองจะโดนตามจีบล่ะนะ เป็นหญิงที่สวยงามกันทั้งคู่ แข็งแกร่งกันสุดๆด้วย แต่คงไม่มีใครรู้ในจุดนั้น
“นี้พรรคพวก โทษทีนะแต่พวกเธอมากับชั้นนะ ช่วยไปจีบคนอื่นเขาทีนะ”
“อยู่นี้เอง” ผู้กล้าพูดพลางถอนหายใจ คุณผู้กล้าครับ คุณไม่ควรมารู้สึกโล่งใจเวลาเจอจอมมารเขานะครับ
“ดูเหมือนจะมาได้แล้วสินะยูกิ” เลฟี่พูดและก็ยื่นเนื้อย่างมาให้ผม “รับไปซะ นี้เป็นส่วนแบ่งของเจ้า”
“โอ้ ขอบคุณ ใจดีจังนะ”
“เราเลือกให้เพราะชิ้นนี้มันไม่ถูกปากเรานะ”
“ว่าไงนะ…” ผมเริ่มที่จะบ่น แต่ก็ยอมแพ้และหยุดไปกลางคันก่อน “ช่างเถอะ ยังไงชั้นก็จะกินอยู่แล้ว ไปกันเถอะเนลล์”
“อ๊ะ เอ่อออ… โอเค”
“ด-เดี๋ยว รอก่อนสิ!”
ชายคนนึงยื่นมือมายังผู้หญิงที่ใกล้ที่สุด ซึ่งก็คือผู้กล้า แต่มันก็ไม่อาจไปถึงเป้าหมายเพราะผมจับข้อมือเขาเอาไว้ก่อน
“ยังมีอะไรกับพวกเราอยู่อีกหรอ?” ผมยิ้มและค่อยๆเดินไปหาชายคนนั้นอย่างช้าๆ
“ไม่มีอะไร… ครับ” เขาสะดุ้งเล็กน้อยจึงพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพขึ้นครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับไปหาเพื่อนและกลับไปใช้คำพูดตามปกติ. “ป-ไปกันเถอะพวก”
ทั้งสามหันมองกลับมาอยู่หลายคครั้งในขณะที่เดินจากไป คงจะรู้สึกเสียดายที่พลาดโอกาศได้จีบสาวสวยอะไรแบบนั้นล่ะสิ แต่พวกนายไม่รู้หรอกว่ายัยเลฟี่นะกินจุขนาดไหน แล้วพวกแกก็เสนอเลี้ยงอาหารไปแล้วด้วย นี้ชั้นมาช่วยให้พวกแกไม่โดนรีดตังหมดตูดนะเฟ๊ย
“ข-ขอบคุณนะยูกิ” ผู้กล้าพูด
“ไม่มีปัญหา แต่เธอไม่จำเป็นต้องสุภาพกับพวกแบบนี้ก็ได้นี้นา? พวกนั้นจะใช้ประโยชน์จากจุดนั้นและกดดันเธอมากขึ้นนะ”
“อ-โอเค ฉันจะจำไว้” เธอพูด “แต่… นายดูเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้จังเลยนะ”
“ก็มีบ้างละนะ” ผมยักไหล่พลางนึกถึงโลกเก่า
“ยังไงก็เถอะ ชั้นเริ่มจะรู้สึกหิวๆแล้วสิ ทำไมเธอไม่พาเราไปร้านอาหารหรูๆซักร้านล่ะ?”
“เราเห็นด้วย เราจะรู้สึกขอบคุณมากถ้าเจ้านำทางเราไป”
“เอ่อออ…ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งกินหมดไปเยอะเลยไม่ใช่หรอเลฟี่?” ผู้กล้าพูด
“พูดอะไรของเจ้ากันนะ? เรากินไปแค่นิดเดียวเองนะ”
“แต่เธอกินมากกว่าฉันเป็นเท่าตัวเลยนะ…”
หึ ไร้เดียงสาจริงนะผู้กล้า เลฟี่นะกินมากกว่าชั้นถึงเท่าตัวต่างหาก ที่เธอได้เห็นนั้นมันก็แค่เมนูเรียกน้ำย่อยของยัยนี้เท่านั้นแหละ
…
แต่ถ้านับจากขนาดตัว ยัยเลฟี่ก็ควรจะเป็นคนที่กินน้อยที่สุดในกลุ่มจริงๆนั้นแหละ
Comments