Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1193 โลหิตย้อมเขาฝนดาวตก
ระดับมกุฎราชันเจ็ดคนมาจากขุมอำนาจต่างกันไป สวามิภักดิ์อยู่ใต้การดูแลของเผ่าอีกาทอง
ตอนนี้หลังยืนยันฐานะของหลินสวิน หญิงผมขาวชิงลงมือฟันกระบี่ใส่หลินสวินที่พุ่งเข้ามาก่อน
คนอื่นก็รีบจู่โจมพร้อมกัน
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยได้ยินเรื่องราวมากมายของหลินสวิน รู้ว่าช่วงที่เขาเข้าสู่แดนอัคคีทักษิณเคยสังหารมกุฎราชันหลายคน พลังต่อสู้กร้าวแกร่งเหลือประมาณ
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่ลงมือพวกเขาจึงไม่เก็บงำแม้แต่น้อย
ตูม!
ที่แห่งนี้แสงศักดิ์สิทธิ์ราวคลื่นน้ำซัดสาดทันที พลังมรรคราชันส่งเสียงกัมปนาท
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ห่างออกไปต่างขวัญหนีดีฝ่อ หลีกหนีห่างไม่กล้าเข้าใกล้โดยสิ้นเชิง
ขอบเขตมกุฎระดับราชัน!
แต่ละคนล้วนมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งพอที่จะกดข่มราชันทั่วไป ในช่วงเวลาที่ผ่านไม่เคยปรากฏมาก่อน
สำหรับขอบเขตที่ราวกับตำนานนี้มีการวิเคราะห์และคาดเดามากเหลือเกิน
แต่จนทุกวันนี้ยังไม่เคยมีใครยืนยันได้อย่างแท้จริง ว่าขอบเขตมกุฎระดับราชันสามารถแข็งแกร่งถึงระดับใดกันแน่
ด้วยระดับขอบเขตนี้ไม่เคยมีมาก่อน กระทั่งมหายุคครั้งนี้มาเยือนถึงปรากฏขึ้นอย่างแท้จริง!
ต่อให้เป็นอริยะก็คงไม่อาจเข้าใจ
แต่ไม่จำเป็นต้องสงสัย ขอแค่เป็นผู้ที่สามารถข้ามด่านเคราะห์มกุฎราชันแล้วกลายเป็นราชันได้ ไม่มีใครที่ไม่ใช่ผู้กล้าชั้นยอดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน!
เวลานี้ระดับมกุฎราชันเจ็ดคนออกโจมตีพร้อมกัน อานุภาพแห่งระดับราชันนั้นรวมตัวระเบิดออกมาพร้อมกัน แค่คิดก็รู้แล้วว่าน่ากลัวระดับใด
และภายใต้การจู่โจมสังหารนี้ เทพมารหลินนั่นจะสามารถต้านทานได้ไหม
ทุกคนที่อยู่ห่างออกไปล้วนจับตามองอย่างใกล้ชิด
ฟุ่บ!
พูดแล้วเหมือนนานแต่ความจริงนั้นรวดเร็วนัก กระบี่เทพพุ่งแหวกอากาศฟันไปยังศีรษะหลินสวิน
หลินสวินนัยน์ตาดำดุจอสนี ยังรักษาท่าทางพุ่งไปข้างหน้าไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย มีเพียงเบื้องหน้าที่ตัวอักษรเคราะห์แปลกประหลาดตัวหนึ่งควบรวมออกมา
ตัวอักษรเคราะห์แปลงเป็นสัตว์เทพปี้อั้นตัวหนึ่งในชั่วพริบตา
ต่างจากแต่ก่อน ปี้อั้นราวมีชีวิตเสมือนจริง แผ่กลิ่นอายมรรคราชันชวนประหวั่น กรงเล็บมหึมาที่มีเกล็ดปกคลุมกุมตราประทับเก่าแก่โบราณหนึ่งไว้
แล้วกดอัดลงมาอย่างหนักหน่วง!
ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนมีปี้อั้นดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งทะลวงเวลามาเยือน กุมประทับมหึมา หมายกำราบสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงบนโลก!
เสียงตู้มดังสนั่น กระบี่เทพถูกตราประทับปะทะจนส่งเสียงครวญ ถูกกำราบลงกับพื้นราวอสรพิษสิ้นฤทธิ์
หญิงผมขาวแน่นหน้าอกได้รับผลสะท้อน ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด
นางพลันหน้าเปลี่ยนสีส่งเสียงร้องแหลม ตระหนักได้ว่าเทพมารหลินทรงพลังเหมือนข่าวลือดังคาด จำเป็นต้องปฏิบัติตัวกับเขาอย่างศัตรูที่แข็งแกร่ง
ครืน!
พร้อมกันนี้หลินสวินก็บุกจู่โจมเหล่าราชัน ผงาดผยองเผด็จการ แข็งกร้าวจนสับสนวุ่นวายไปหมด
ถูกล้อมกรอบเสียที่ไหน เห็นชัดว่าเหมือนคนคนหนึ่งโจมตีเหล่าราชัน!
ก็เห็นแสงมรรคทั่วร่างเขาส่งเสียงกึกก้อง แผ่กระจายราวภูเขาถล่มทะเลคำราม อักษรเคราะห์แต่ละตัวที่ปรากฏพุ่งไปทั่วสารทิศ
อักษรเคราะห์บางตัวกลายเป็นชือน้ำแข็ง ปากคาบมุกสมบัติ เพลิงน้ำแข็งหมุนวนหลั่งรินลงมา แช่ห้วงอากาศจนค้างแข็ง เต็มไปด้วยพลังแห่งความเหน็บหนาว
บ้างแปลงเป็นฟู่ซี่ หลังแบกเกราะศึกที่มีมาแต่กำเนิด เคลื่อนขวางอาละวาด
บ้างกลายเป็นผูเหลา กอดพิณโบราณบรรเลงทำนองดั่งทวนทองม้าเหล็ก และกำลังกู่ร้อง คลื่นเสียงผสานกับเสียงพิณกลายเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ชวนประหวั่นไหลหลากถาโถมทั่วทศทิศ
นอกจากนี้เฉาเฟิงยังยืนกุมธนู แผลงศรกลางฟ้าดิน
ซวนหนีถือเตาสมบัติ ควันโหมพุ่งออกจากเตาราวสามารถปกคลุมตะวันจันทราดารา
ฉิวหนิวเหยียบฟ้าดารา หางกระหวัดดาบเทพ
ป้าเซี่ยทะยานนภา เหวี่ยงตาข่ายยักษ์บดบังฟ้าดิน
หยาจื้อแผดเสียงคำราม กลายร่างสูงใหญ่หลายพันจั้ง เสียงคำรามราวเสียงฟ้าผ่า…
หลังจากหลินสวินครอบครองพลังกฎเกณฑ์มรรคราชัน มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรก็เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่อีกครั้ง สัตว์เทพแต่ละชนิดราวฟื้นคืนชีพ ครองศาสตราจิตต่างกันไป!
ครืน!
ที่นี่พลันปั่นป่วนโกลาหล สภาพอากาศแปรปรวนโหมคลั่ง หากไม่ใช่ว่ามีพลังผนึกต้องห้ามปกคลุม ทั้งเขาฝนดาวตกคงถูกโจมตีพังทลายไปแล้ว
ในการต่อสู้ดุเดือดเช่นนี้ ชายชุดคลุมเพลิงที่พุ่งเข้าไปเป็นคนแรกถูกตีพ่ายยับเยินก่อน
“บัดซบ! พลังกฎเกณฑ์มรรคราชัน!”
ชายชุดเพลิงคำรามลั่น หน้าตื่นตระหนกคล้ายยากจะเชื่อ มุมปากเขามีรอยเลือดแดงก่ำล้นออกมา
เห็นชัดว่าในการปะทะครั้งแรกก็ทำเอาเขาบาดเจ็บ!
อีกด้านหนึ่งชายร่างผอมสูงชุดเทาคนหนึ่งร้องโหยหวน หลังจากแขนถูกมุกสมบัติในปากชือน้ำแข็งแช่แข็ง ก็ถูกดาบเทพที่แขวนไว้ตรงหางฉิวหนิวฟาดฟัน
พรูด!
แขนข้างหนึ่งถูกตัดขาด หยาดโลหิตถูกแช่แข็งไม่กระเซ็น
“เป็นไปไม่ได้ ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนี้”
“เป็นมกุฎเหมือนกัน เหตุใดพลังของเขาจึงแข็งแกร่งถึงขั้นนี้”
ระดับมกุฎราชันคนอื่นแม้สลายการโจมตีสารพัดอย่างได้ แต่เมื่อเห็นภาพอนาถของชายหนุ่มชุดคลุมเพลิงและชายชุดเทากับตา ในใจก็อดสะท้านสะเทือนหนักหน่วงไม่ได้
การปะทะครั้งนี้ทำให้พวกเขารู้ถึงความทรงพลังของหลินสวินด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก!
การต่อสู้กับหลินสวินก็เหมือนกำลังต้านทานภูเขาเทพเทียมฟ้าลูกหนึ่ง ถึงขั้นทำให้พวกเขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงไม่อาจสั่นคลอน
นี่ทำให้พวกเขายากจะเชื่อ
ต้องรู้ว่าพวกเขาเองก็ยืนตระหง่านอยู่ขอบเขตมกุฎ ภายในนั้นไม่ขาดแคลนบุคคลที่ควบคุม ‘พลังระเบียบมรรค’
ตอนนี้ทั้งเจ็ดคนลงมือพร้อมกัน ไม่เพียงทำอะไรฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ยังถูกอีกฝ่ายโจมตีบาดเจ็บสองคน นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ทุกท่าน เจ้าเดรัจฉานนี่ยามอยู่ระดับกระบวนแปรจุติก็มีลักษณะไร้คู่ต่อกรแล้ว ตอนนี้เขาเหยียบย่างสู่ระดับมกุฎราชัน หากพวกเราไม่สู้เต็มกำลังอีก ผลลัพธ์นั้นพวกเจ้าจะกล้าคิดไหม!”
หญิงผมขาวสีหน้าไม่น่าดู กัดฟันกล่าว
ไม่ต้องให้นางกล่าวเตือน คนอื่นก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าที ปฏิบัติกับหลินสวินอย่างศัตรูที่แข็งแกร่ง
ตูม!
การต่อสู้น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม ทำเอาฟ้าดินสลัวสุริยันจันทราหม่นแสง พลังน่าหวาดหวั่นโหมกระหน่ำแผ่กระจาย ทุกการโจมตีล้วนมีอานุภาพทำลายล้าง ผลาญภูผาต้มสมุทร
ไม่กล้าคิดเลยว่าหากไร้พลังต้องห้ามปกคลุม ที่แห่งนี้จะกลายเป็นอย่างไร
ผู้แข็งแกร่งที่อยู่บริเวณอื่นในเขาฝนดาวตกเห็นดังนี้ก็อดตัวสั่นงันงกไม่ได้ รู้สึกหวาดกลัวหาใดเปรียบ
บางส่วนล้วนก้าวสู่ระดับราชันแล้ว แต่เป็นผู้แข็งแกร่งที่ไร้วาสนาต่อขอบเขตมกุฎ เวลานี้ยังอดหวาดหวั่นเสียอาการไม่ได้
เป็นราชันเหมือนกัน แต่ด้วยคำว่า ‘มกุฎ’ ทำให้เกิดระยะห่างราวฟ้าดิน!
“ฆ่า!”
พวกเขาต่างสู้เต็มกำลังแล้ว หากเกิดขึ้นยังโลกภายนอก ภายใต้ผลกระทบเช่นนี้เพียงพอจะทำลายเมืองแห่งหนึ่ง กำจัดภูผาธาราทั้งแถบ!
แต่ก็ยังทำอะไรหลินสวินไม่ได้!
เขาในตอนนี้แสงมรรคไหลวนไปทั่วร่าง แม้ตัวคนเดียวแต่อานุภาพกลับราวมังกรตื่นจากหุบเหว ท่องเหนือล่องใต้สำแดงมรรคาแห่งตน
แต่ละหมัดล้วนมีเจตจำนงทลายฟ้าดิน
และสัตว์เทพที่มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรเผยออกมาก็ยึดกุมบัญชารอบตัวเขา โผนทะยานเคลื่อนผ่าน ต่างสำแดงอภินิหารบุกทะลวงทุกการโจมตี
มองจากไกลๆ เขาดุจดั่งเทพเยือนโลกา มีท่วงท่าเด่นผงาดไร้คู่ต่อกร!
นี่ก็คือมรรคาของหลินสวิน!
พึ่งพาตัวเอง ไม่อาศัยสิ่งภายนอก ไม่พึ่งวาสนาและศุภโชค เข้าถึงมรรคด้วยเคราะห์มกุฎราชัน เหยียบย่างบนหนทางสูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน
และตอนนี้ การปิดด่านฝึกตนที่เขาดารารายช่วงหนึ่ง ไม่เพียงแต่ทำให้หลินสวินเคี่ยวกรำระดับปราณของตน ยังทำให้พลังมหามรรคทั้งสองอย่างน้ำและไฟบรรลุถึงระดับ ‘ระเบียบมรรค’ ด้วย!
ต้องรู้ว่ายามสังหารเวินเอ้าไห่ หลินสวินไม่เคยครอบครองแม้แต่พลังแห่งระเบียบมรรคก็เอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
และตอนนี้เขายึดกุมพลังระเบียบมรรคไว้ได้ พลังต่อสู้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่อาจนำมาเทียบกับวันที่สังหารเวินอ้าวไห่ได้แล้ว!
ระดับมกุฎราชันที่รับมืออยู่ตอนนี้แม้มีมากถึงเจ็ดคน แต่สำหรับหลินสวิน ถึงมีแรงกดดันแต่มันก็เท่านั้น
ถึงขั้นที่ว่าเขาไม่ต้องใช้ดาบหักด้วยซ้ำ…
ตูม!
หลังจากนั้นครู่หนึ่งหลินสวินคนเดียวทะยานปล่อยหมัดทั่วทิศ เวิ้งว้างไร้ขอบเขต
หลายคนกระอักเลือด ถูกพลังหมัดซัดโดนจนซวนเซโงนเงน
เปรี๊ยะ!
หลังกระบี่เทพของหญิงผมขาวถูกซัดหลายครั้งในที่สุดก็ต้านทานไม่ไหว แตกระเบิดเสียงดังสนั่นกลายเป็นละอองแสง
ในจุดที่ห่างออกไปเสียงร้องแหลมตื่นตระหนกดังขึ้น ล้วนไม่กล้าเชื่อว่าเทพมารหลินที่ถูกเหล่ามกุฎราชันล้อมโจมตีจะน่ากลัวได้เช่นนี้
เสียงปึงดังสนั่น หลินสวินพุ่งลงมาคราเดียว แสงมรรคม้วนตลบพันธนาการชายเครางอนนั่นโดยตรง จากนั้นเท้าข้างหนึ่งก็เหยียบคนผู้นี้ลงกับพื้น
“เจ้า…”
ชายเครางอนตะโกนลั่น แต่ยังไม่รอให้ตอบสนองหลินสวินก็ส่งแรงผ่านปลายเท้า ร่างกายเขาแหลกลาญทั้งอย่างนั้น ถูกเหยียบย่ำกลายเป็นโคลนเนื้อทั้งเป็น ตายอย่างอนาถยิ่งนัก
ระดับมกุฎราชันคนหนึ่ง ตายคาที่!
ทุกคนขนพองสยองเกล้า ตกใจจนหนังหัวชาวาบ เท้าข้างหนึ่งเหยียบระดับมกุฎราชันคนหนึ่งจนแหลก อานุภาพเช่นนี้ช่างไม่อาจจินตนาการ
“ฆ่า!”
พวกชายชุดเพลิงถูกยั่วโทสะโดยสมบูรณ์ ดวงตาแดงไปหมด ทุกคนเริ่มสู้สุดชีวิต
“พลังแค่นี้ยังกล้าเรียกตัวเองว่ามกุฎอีกรึ”
ในดวงตาดำของหลินสวินฉายแววปรามาสวูบหนึ่ง ลงมือโดยไม่เก็บงำอีก
เขารู้รากฐานพลังของคู่ต่อสู้พวกนี้แล้ว ว่ากันตามจริงนอกจากทำให้เขาเกินคาดหมาย ยังอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเสี้ยวหนึ่ง
หากคนเยี่ยงนี้ยังกล้าทำตัวเป็นมกุฎ เช่นนั้นคงทำให้คำว่ามกุฎแปดเปื้อนแล้ว!
“อ๊าก…!”
มีคนหวาดผวาตะโกนลั่น ถูกหลินสวินบีบคอหิ้วขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็ผ่าออกเป็นสองซีกทั้งเป็น ฝนโลหิตสาดกระจายลอยล่อง
ครั้นแล้วศพคนผู้นี้ก็คืนร่างเดิมเป็นนกกระทาห้าสีอวบอ้วนตัวหนึ่ง
หลินสวินใจกระตุกเล็กน้อย นึกถึงคำพูดที่นิยมกล่าวบนโต๊ะอาหารประโยคหนึ่งขึ้นมา ‘สัตว์ปีกย่อมต้องเป็นนกกระทา นกกระทาตัวหนึ่งบำรุงกว่าไก่มากมาย’ เป็นอาหารเลิศรสที่หาได้ยากยิ่ง
ฟุ่บ!
เขาสะบัดชายเสื้อคราหนึ่ง เก็บนกกระทาห้าสีนี้ไปอย่างไร้ร่องรอย
“เจ้าหมอนี่คงไม่คิดจะกินมกุฎราชันของเผ่านกกระทาผู้นี้ด้วยกระมัง” ผู้คนที่อยู่ห่างออกไปตะลึงอึ้ง ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
พวกเขาต่างนึกขึ้นมาได้ เทพมารหลินนี่ไม่เพียงแต่ใจกล้า ความเจริญอาหารยังมากด้วย เคยกินเนื้อสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เคยกินเนื้ออีกาทองมาก่อน…
ตอนนี้ถึงขั้นลงมือกับนกกระทาห้าสีแล้ว!
ไม่ทันไรหญิงผมขาวก็ถูกบีบคอตาย ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นอีกครั้ง
นี่คือระดับมกุฎราชันคนที่สามที่ตายด้วยน้ำมือหลินสวินแล้ว!
ที่ทำให้หลินสวินเกินคาดหมาย คือหญิงผมขาวนี้เป็นนกกระเรียนตาทองปีกขาวตัวหนึ่ง งดงามราวม้าศึกชั้นดี แต่จากมุมมองหลินสวิน นี่ก็เป็นวัตถุดิบที่ไม่เคยลิ้มลองอย่างหนึ่ง
เขาพลันกวาดมือเก็บมันลงไป จากนั้นก็เหลือบสายตามองไปยังระดับมกุฎราชันที่เหลืออีกสี่คนแล้วแอบกล่าวในใจ ก็ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้มาจากเผ่าพันธุ์ไหนบ้าง
คนพวกนี้ถูกวิธีนองเลือดของหลินสวินทำให้หวั่นหวาดจนขวัญหนีดีฝ่ออยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เมื่อถูกสายตาประหลาดนั่นของหลินสวินจับจ้องก็ขนลุกไปทั้งตัว มีความรู้สึกอยากหนีไปให้พ้น
อันที่จริงต่อสู้มาถึงตอนนี้ พวกเขาก็อยากถอยแล้ว
เมื่อหลินสวินพุ่งสังหารเข้ามาอีกครั้ง ชายชุดคลุมเพลิงนั่นไม่กล่าวอะไรสักคำก็หันหลังหนี พุ่งไปทางยอดเขาทั้งอย่างนั้น
ดังคำกล่าวที่ว่าไม้ล้มวานรเตลิด เห็นดังนี้อีกสามคนมีหรือจะโง่สู้จนตัวตาย เลือกหลบหนีกันไปหมด
พวกเขาแค่ยอมสยบต่อเผ่าอีกาทอง ไม่มีความคิดจะสละชีวิตให้อยู่แล้ว!
…………………….
Comments
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1193 โลหิตย้อมเขาฝนดาวตก
ระดับมกุฎราชันเจ็ดคนมาจากขุมอำนาจต่างกันไป สวามิภักดิ์อยู่ใต้การดูแลของเผ่าอีกาทอง
ตอนนี้หลังยืนยันฐานะของหลินสวิน หญิงผมขาวชิงลงมือฟันกระบี่ใส่หลินสวินที่พุ่งเข้ามาก่อน
คนอื่นก็รีบจู่โจมพร้อมกัน
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยได้ยินเรื่องราวมากมายของหลินสวิน รู้ว่าช่วงที่เขาเข้าสู่แดนอัคคีทักษิณเคยสังหารมกุฎราชันหลายคน พลังต่อสู้กร้าวแกร่งเหลือประมาณ
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่ลงมือพวกเขาจึงไม่เก็บงำแม้แต่น้อย
ตูม!
ที่แห่งนี้แสงศักดิ์สิทธิ์ราวคลื่นน้ำซัดสาดทันที พลังมรรคราชันส่งเสียงกัมปนาท
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ห่างออกไปต่างขวัญหนีดีฝ่อ หลีกหนีห่างไม่กล้าเข้าใกล้โดยสิ้นเชิง
ขอบเขตมกุฎระดับราชัน!
แต่ละคนล้วนมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งพอที่จะกดข่มราชันทั่วไป ในช่วงเวลาที่ผ่านไม่เคยปรากฏมาก่อน
สำหรับขอบเขตที่ราวกับตำนานนี้มีการวิเคราะห์และคาดเดามากเหลือเกิน
แต่จนทุกวันนี้ยังไม่เคยมีใครยืนยันได้อย่างแท้จริง ว่าขอบเขตมกุฎระดับราชันสามารถแข็งแกร่งถึงระดับใดกันแน่
ด้วยระดับขอบเขตนี้ไม่เคยมีมาก่อน กระทั่งมหายุคครั้งนี้มาเยือนถึงปรากฏขึ้นอย่างแท้จริง!
ต่อให้เป็นอริยะก็คงไม่อาจเข้าใจ
แต่ไม่จำเป็นต้องสงสัย ขอแค่เป็นผู้ที่สามารถข้ามด่านเคราะห์มกุฎราชันแล้วกลายเป็นราชันได้ ไม่มีใครที่ไม่ใช่ผู้กล้าชั้นยอดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน!
เวลานี้ระดับมกุฎราชันเจ็ดคนออกโจมตีพร้อมกัน อานุภาพแห่งระดับราชันนั้นรวมตัวระเบิดออกมาพร้อมกัน แค่คิดก็รู้แล้วว่าน่ากลัวระดับใด
และภายใต้การจู่โจมสังหารนี้ เทพมารหลินนั่นจะสามารถต้านทานได้ไหม
ทุกคนที่อยู่ห่างออกไปล้วนจับตามองอย่างใกล้ชิด
ฟุ่บ!
พูดแล้วเหมือนนานแต่ความจริงนั้นรวดเร็วนัก กระบี่เทพพุ่งแหวกอากาศฟันไปยังศีรษะหลินสวิน
หลินสวินนัยน์ตาดำดุจอสนี ยังรักษาท่าทางพุ่งไปข้างหน้าไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย มีเพียงเบื้องหน้าที่ตัวอักษรเคราะห์แปลกประหลาดตัวหนึ่งควบรวมออกมา
ตัวอักษรเคราะห์แปลงเป็นสัตว์เทพปี้อั้นตัวหนึ่งในชั่วพริบตา
ต่างจากแต่ก่อน ปี้อั้นราวมีชีวิตเสมือนจริง แผ่กลิ่นอายมรรคราชันชวนประหวั่น กรงเล็บมหึมาที่มีเกล็ดปกคลุมกุมตราประทับเก่าแก่โบราณหนึ่งไว้
แล้วกดอัดลงมาอย่างหนักหน่วง!
ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนมีปี้อั้นดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งทะลวงเวลามาเยือน กุมประทับมหึมา หมายกำราบสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงบนโลก!
เสียงตู้มดังสนั่น กระบี่เทพถูกตราประทับปะทะจนส่งเสียงครวญ ถูกกำราบลงกับพื้นราวอสรพิษสิ้นฤทธิ์
หญิงผมขาวแน่นหน้าอกได้รับผลสะท้อน ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด
นางพลันหน้าเปลี่ยนสีส่งเสียงร้องแหลม ตระหนักได้ว่าเทพมารหลินทรงพลังเหมือนข่าวลือดังคาด จำเป็นต้องปฏิบัติตัวกับเขาอย่างศัตรูที่แข็งแกร่ง
ครืน!
พร้อมกันนี้หลินสวินก็บุกจู่โจมเหล่าราชัน ผงาดผยองเผด็จการ แข็งกร้าวจนสับสนวุ่นวายไปหมด
ถูกล้อมกรอบเสียที่ไหน เห็นชัดว่าเหมือนคนคนหนึ่งโจมตีเหล่าราชัน!
ก็เห็นแสงมรรคทั่วร่างเขาส่งเสียงกึกก้อง แผ่กระจายราวภูเขาถล่มทะเลคำราม อักษรเคราะห์แต่ละตัวที่ปรากฏพุ่งไปทั่วสารทิศ
อักษรเคราะห์บางตัวกลายเป็นชือน้ำแข็ง ปากคาบมุกสมบัติ เพลิงน้ำแข็งหมุนวนหลั่งรินลงมา แช่ห้วงอากาศจนค้างแข็ง เต็มไปด้วยพลังแห่งความเหน็บหนาว
บ้างแปลงเป็นฟู่ซี่ หลังแบกเกราะศึกที่มีมาแต่กำเนิด เคลื่อนขวางอาละวาด
บ้างกลายเป็นผูเหลา กอดพิณโบราณบรรเลงทำนองดั่งทวนทองม้าเหล็ก และกำลังกู่ร้อง คลื่นเสียงผสานกับเสียงพิณกลายเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ชวนประหวั่นไหลหลากถาโถมทั่วทศทิศ
นอกจากนี้เฉาเฟิงยังยืนกุมธนู แผลงศรกลางฟ้าดิน
ซวนหนีถือเตาสมบัติ ควันโหมพุ่งออกจากเตาราวสามารถปกคลุมตะวันจันทราดารา
ฉิวหนิวเหยียบฟ้าดารา หางกระหวัดดาบเทพ
ป้าเซี่ยทะยานนภา เหวี่ยงตาข่ายยักษ์บดบังฟ้าดิน
หยาจื้อแผดเสียงคำราม กลายร่างสูงใหญ่หลายพันจั้ง เสียงคำรามราวเสียงฟ้าผ่า…
หลังจากหลินสวินครอบครองพลังกฎเกณฑ์มรรคราชัน มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรก็เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่อีกครั้ง สัตว์เทพแต่ละชนิดราวฟื้นคืนชีพ ครองศาสตราจิตต่างกันไป!
ครืน!
ที่นี่พลันปั่นป่วนโกลาหล สภาพอากาศแปรปรวนโหมคลั่ง หากไม่ใช่ว่ามีพลังผนึกต้องห้ามปกคลุม ทั้งเขาฝนดาวตกคงถูกโจมตีพังทลายไปแล้ว
ในการต่อสู้ดุเดือดเช่นนี้ ชายชุดคลุมเพลิงที่พุ่งเข้าไปเป็นคนแรกถูกตีพ่ายยับเยินก่อน
“บัดซบ! พลังกฎเกณฑ์มรรคราชัน!”
ชายชุดเพลิงคำรามลั่น หน้าตื่นตระหนกคล้ายยากจะเชื่อ มุมปากเขามีรอยเลือดแดงก่ำล้นออกมา
เห็นชัดว่าในการปะทะครั้งแรกก็ทำเอาเขาบาดเจ็บ!
อีกด้านหนึ่งชายร่างผอมสูงชุดเทาคนหนึ่งร้องโหยหวน หลังจากแขนถูกมุกสมบัติในปากชือน้ำแข็งแช่แข็ง ก็ถูกดาบเทพที่แขวนไว้ตรงหางฉิวหนิวฟาดฟัน
พรูด!
แขนข้างหนึ่งถูกตัดขาด หยาดโลหิตถูกแช่แข็งไม่กระเซ็น
“เป็นไปไม่ได้ ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนี้”
“เป็นมกุฎเหมือนกัน เหตุใดพลังของเขาจึงแข็งแกร่งถึงขั้นนี้”
ระดับมกุฎราชันคนอื่นแม้สลายการโจมตีสารพัดอย่างได้ แต่เมื่อเห็นภาพอนาถของชายหนุ่มชุดคลุมเพลิงและชายชุดเทากับตา ในใจก็อดสะท้านสะเทือนหนักหน่วงไม่ได้
การปะทะครั้งนี้ทำให้พวกเขารู้ถึงความทรงพลังของหลินสวินด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก!
การต่อสู้กับหลินสวินก็เหมือนกำลังต้านทานภูเขาเทพเทียมฟ้าลูกหนึ่ง ถึงขั้นทำให้พวกเขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงไม่อาจสั่นคลอน
นี่ทำให้พวกเขายากจะเชื่อ
ต้องรู้ว่าพวกเขาเองก็ยืนตระหง่านอยู่ขอบเขตมกุฎ ภายในนั้นไม่ขาดแคลนบุคคลที่ควบคุม ‘พลังระเบียบมรรค’
ตอนนี้ทั้งเจ็ดคนลงมือพร้อมกัน ไม่เพียงทำอะไรฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ยังถูกอีกฝ่ายโจมตีบาดเจ็บสองคน นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ทุกท่าน เจ้าเดรัจฉานนี่ยามอยู่ระดับกระบวนแปรจุติก็มีลักษณะไร้คู่ต่อกรแล้ว ตอนนี้เขาเหยียบย่างสู่ระดับมกุฎราชัน หากพวกเราไม่สู้เต็มกำลังอีก ผลลัพธ์นั้นพวกเจ้าจะกล้าคิดไหม!”
หญิงผมขาวสีหน้าไม่น่าดู กัดฟันกล่าว
ไม่ต้องให้นางกล่าวเตือน คนอื่นก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าที ปฏิบัติกับหลินสวินอย่างศัตรูที่แข็งแกร่ง
ตูม!
การต่อสู้น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม ทำเอาฟ้าดินสลัวสุริยันจันทราหม่นแสง พลังน่าหวาดหวั่นโหมกระหน่ำแผ่กระจาย ทุกการโจมตีล้วนมีอานุภาพทำลายล้าง ผลาญภูผาต้มสมุทร
ไม่กล้าคิดเลยว่าหากไร้พลังต้องห้ามปกคลุม ที่แห่งนี้จะกลายเป็นอย่างไร
ผู้แข็งแกร่งที่อยู่บริเวณอื่นในเขาฝนดาวตกเห็นดังนี้ก็อดตัวสั่นงันงกไม่ได้ รู้สึกหวาดกลัวหาใดเปรียบ
บางส่วนล้วนก้าวสู่ระดับราชันแล้ว แต่เป็นผู้แข็งแกร่งที่ไร้วาสนาต่อขอบเขตมกุฎ เวลานี้ยังอดหวาดหวั่นเสียอาการไม่ได้
เป็นราชันเหมือนกัน แต่ด้วยคำว่า ‘มกุฎ’ ทำให้เกิดระยะห่างราวฟ้าดิน!
“ฆ่า!”
พวกเขาต่างสู้เต็มกำลังแล้ว หากเกิดขึ้นยังโลกภายนอก ภายใต้ผลกระทบเช่นนี้เพียงพอจะทำลายเมืองแห่งหนึ่ง กำจัดภูผาธาราทั้งแถบ!
แต่ก็ยังทำอะไรหลินสวินไม่ได้!
เขาในตอนนี้แสงมรรคไหลวนไปทั่วร่าง แม้ตัวคนเดียวแต่อานุภาพกลับราวมังกรตื่นจากหุบเหว ท่องเหนือล่องใต้สำแดงมรรคาแห่งตน
แต่ละหมัดล้วนมีเจตจำนงทลายฟ้าดิน
และสัตว์เทพที่มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรเผยออกมาก็ยึดกุมบัญชารอบตัวเขา โผนทะยานเคลื่อนผ่าน ต่างสำแดงอภินิหารบุกทะลวงทุกการโจมตี
มองจากไกลๆ เขาดุจดั่งเทพเยือนโลกา มีท่วงท่าเด่นผงาดไร้คู่ต่อกร!
นี่ก็คือมรรคาของหลินสวิน!
พึ่งพาตัวเอง ไม่อาศัยสิ่งภายนอก ไม่พึ่งวาสนาและศุภโชค เข้าถึงมรรคด้วยเคราะห์มกุฎราชัน เหยียบย่างบนหนทางสูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน
และตอนนี้ การปิดด่านฝึกตนที่เขาดารารายช่วงหนึ่ง ไม่เพียงแต่ทำให้หลินสวินเคี่ยวกรำระดับปราณของตน ยังทำให้พลังมหามรรคทั้งสองอย่างน้ำและไฟบรรลุถึงระดับ ‘ระเบียบมรรค’ ด้วย!
ต้องรู้ว่ายามสังหารเวินเอ้าไห่ หลินสวินไม่เคยครอบครองแม้แต่พลังแห่งระเบียบมรรคก็เอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
และตอนนี้เขายึดกุมพลังระเบียบมรรคไว้ได้ พลังต่อสู้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่อาจนำมาเทียบกับวันที่สังหารเวินอ้าวไห่ได้แล้ว!
ระดับมกุฎราชันที่รับมืออยู่ตอนนี้แม้มีมากถึงเจ็ดคน แต่สำหรับหลินสวิน ถึงมีแรงกดดันแต่มันก็เท่านั้น
ถึงขั้นที่ว่าเขาไม่ต้องใช้ดาบหักด้วยซ้ำ…
ตูม!
หลังจากนั้นครู่หนึ่งหลินสวินคนเดียวทะยานปล่อยหมัดทั่วทิศ เวิ้งว้างไร้ขอบเขต
หลายคนกระอักเลือด ถูกพลังหมัดซัดโดนจนซวนเซโงนเงน
เปรี๊ยะ!
หลังกระบี่เทพของหญิงผมขาวถูกซัดหลายครั้งในที่สุดก็ต้านทานไม่ไหว แตกระเบิดเสียงดังสนั่นกลายเป็นละอองแสง
ในจุดที่ห่างออกไปเสียงร้องแหลมตื่นตระหนกดังขึ้น ล้วนไม่กล้าเชื่อว่าเทพมารหลินที่ถูกเหล่ามกุฎราชันล้อมโจมตีจะน่ากลัวได้เช่นนี้
เสียงปึงดังสนั่น หลินสวินพุ่งลงมาคราเดียว แสงมรรคม้วนตลบพันธนาการชายเครางอนนั่นโดยตรง จากนั้นเท้าข้างหนึ่งก็เหยียบคนผู้นี้ลงกับพื้น
“เจ้า…”
ชายเครางอนตะโกนลั่น แต่ยังไม่รอให้ตอบสนองหลินสวินก็ส่งแรงผ่านปลายเท้า ร่างกายเขาแหลกลาญทั้งอย่างนั้น ถูกเหยียบย่ำกลายเป็นโคลนเนื้อทั้งเป็น ตายอย่างอนาถยิ่งนัก
ระดับมกุฎราชันคนหนึ่ง ตายคาที่!
ทุกคนขนพองสยองเกล้า ตกใจจนหนังหัวชาวาบ เท้าข้างหนึ่งเหยียบระดับมกุฎราชันคนหนึ่งจนแหลก อานุภาพเช่นนี้ช่างไม่อาจจินตนาการ
“ฆ่า!”
พวกชายชุดเพลิงถูกยั่วโทสะโดยสมบูรณ์ ดวงตาแดงไปหมด ทุกคนเริ่มสู้สุดชีวิต
“พลังแค่นี้ยังกล้าเรียกตัวเองว่ามกุฎอีกรึ”
ในดวงตาดำของหลินสวินฉายแววปรามาสวูบหนึ่ง ลงมือโดยไม่เก็บงำอีก
เขารู้รากฐานพลังของคู่ต่อสู้พวกนี้แล้ว ว่ากันตามจริงนอกจากทำให้เขาเกินคาดหมาย ยังอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเสี้ยวหนึ่ง
หากคนเยี่ยงนี้ยังกล้าทำตัวเป็นมกุฎ เช่นนั้นคงทำให้คำว่ามกุฎแปดเปื้อนแล้ว!
“อ๊าก…!”
มีคนหวาดผวาตะโกนลั่น ถูกหลินสวินบีบคอหิ้วขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็ผ่าออกเป็นสองซีกทั้งเป็น ฝนโลหิตสาดกระจายลอยล่อง
ครั้นแล้วศพคนผู้นี้ก็คืนร่างเดิมเป็นนกกระทาห้าสีอวบอ้วนตัวหนึ่ง
หลินสวินใจกระตุกเล็กน้อย นึกถึงคำพูดที่นิยมกล่าวบนโต๊ะอาหารประโยคหนึ่งขึ้นมา ‘สัตว์ปีกย่อมต้องเป็นนกกระทา นกกระทาตัวหนึ่งบำรุงกว่าไก่มากมาย’ เป็นอาหารเลิศรสที่หาได้ยากยิ่ง
ฟุ่บ!
เขาสะบัดชายเสื้อคราหนึ่ง เก็บนกกระทาห้าสีนี้ไปอย่างไร้ร่องรอย
“เจ้าหมอนี่คงไม่คิดจะกินมกุฎราชันของเผ่านกกระทาผู้นี้ด้วยกระมัง” ผู้คนที่อยู่ห่างออกไปตะลึงอึ้ง ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
พวกเขาต่างนึกขึ้นมาได้ เทพมารหลินนี่ไม่เพียงแต่ใจกล้า ความเจริญอาหารยังมากด้วย เคยกินเนื้อสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เคยกินเนื้ออีกาทองมาก่อน…
ตอนนี้ถึงขั้นลงมือกับนกกระทาห้าสีแล้ว!
ไม่ทันไรหญิงผมขาวก็ถูกบีบคอตาย ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นอีกครั้ง
นี่คือระดับมกุฎราชันคนที่สามที่ตายด้วยน้ำมือหลินสวินแล้ว!
ที่ทำให้หลินสวินเกินคาดหมาย คือหญิงผมขาวนี้เป็นนกกระเรียนตาทองปีกขาวตัวหนึ่ง งดงามราวม้าศึกชั้นดี แต่จากมุมมองหลินสวิน นี่ก็เป็นวัตถุดิบที่ไม่เคยลิ้มลองอย่างหนึ่ง
เขาพลันกวาดมือเก็บมันลงไป จากนั้นก็เหลือบสายตามองไปยังระดับมกุฎราชันที่เหลืออีกสี่คนแล้วแอบกล่าวในใจ ก็ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้มาจากเผ่าพันธุ์ไหนบ้าง
คนพวกนี้ถูกวิธีนองเลือดของหลินสวินทำให้หวั่นหวาดจนขวัญหนีดีฝ่ออยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เมื่อถูกสายตาประหลาดนั่นของหลินสวินจับจ้องก็ขนลุกไปทั้งตัว มีความรู้สึกอยากหนีไปให้พ้น
อันที่จริงต่อสู้มาถึงตอนนี้ พวกเขาก็อยากถอยแล้ว
เมื่อหลินสวินพุ่งสังหารเข้ามาอีกครั้ง ชายชุดคลุมเพลิงนั่นไม่กล่าวอะไรสักคำก็หันหลังหนี พุ่งไปทางยอดเขาทั้งอย่างนั้น
ดังคำกล่าวที่ว่าไม้ล้มวานรเตลิด เห็นดังนี้อีกสามคนมีหรือจะโง่สู้จนตัวตาย เลือกหลบหนีกันไปหมด
พวกเขาแค่ยอมสยบต่อเผ่าอีกาทอง ไม่มีความคิดจะสละชีวิตให้อยู่แล้ว!
…………………….
Comments