ท้าทายลิขิตสวรรค์ 55 เดรสยาวสีฟ้า
ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 55 เดรสยาวสีฟ้า
ตอนที่ 55 เดรสยาวสีฟ้า
ซงซวนเตรียมชุดสําหรับหยางซื่อเหมยเอาไว้แล้ว โดยมันเป็นชุดเดรสยาวสีฟ้าอ่อนที่ตัดเย็บจากผ้าไหมและปักด้วยลวดลายดอกโบตั๋นสีแดงเข้ม
และสวมทับด้วยเสื้อคลุมแบบจีนสีชมพูแขนกว้างและประดับด้วยดอกกล้วยไม้ที่บริเวณหน้าอกข้างซ้าย ซึ่งมันทําให้เขารู้สึกซาบซึ้งต่อหยางซื่อเหมยตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องลอง
มันช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจเมื่อเธอเดินเยื้องย่างไปมาเนื่องจากความอ่อนโยนที่มีท่าทางเป็นมิตร ราวกับว่าเธอเป็นหญิงสาวผู้งดงามที่หลุดออกมาจากภาพวาดโบราณของจิตรกรระดับโลก
โดยทุกการแสดงออกทางสีหน้าและทุกการเคลื่อนไหวของเธอสามารถรวมตัวกันได้อย่างลงตัว ซึ่งสามารถสร้างบทกวีที่มีเสน่ห์เพื่อดึงดูดสายตาของผู้คน
ซงซวนมีอาการตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดขณะที่หยางชื่อเหมยยิ้มให้กับเขาเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวว่า
“อาจารย์ซึ่งชวนคะ หากสวมชุดนี้จะเหมาะสมกับการเข้าร่วมการประมูลหรือเปล่าคะ?”
ซงซวนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“เหมาะสมมากที่สุด”
“คุณซื้อชุดนี้มาจากที่ไหนคะ?”
สาเหตุที่เอ่ยถามเช่นนี้ก็เป็นเพราะ หยางซื่อเหมยชอบชุดสไตล์คลาสสิกแบบนี้มากและต้องการซื้อเพิ่มอีกสักสองสามตัวในอนาคต
“มันเป็นสิ่งที่ผมตัดเย็บขึ้นมาเอง” ซงซวนตอบ
หยางซื่อเหมยรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินคําตอบพลางก้มลงมองดูชุดที่ตนเองสวมใส่อย่างระมัดระวัง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการตัดหรือเย็บปักเห็นได้ชัดว่าทุกอย่างล้วนทําด้วยความปราณีตและละเอียดลออซึ่งสามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นผลงานของผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง
เดิมที่เธอคิดว่าซงซวนสามารถทําได้แค่เพียงประเมินเฉพาะวัตถุโบราณแต่มาทราบในตอนนี้เองว่าเขาก็เป็นช่างตัดเสื้อผ้าด้วยเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นเสื้อผ้าประเภทที่มีความซับซ้อนมากถึงมากที่สุด
และชุดนี้ดูเหมือนจะเหมาะสมกับเธอมากด้วยซึ่งเขาสามารถทํามันได้ภายในเวลาเพียงแค่สองวันเช่นนั้นหรือ?
เขามีความสามารถถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!
และเมื่อนึกถึงชีวิตก่อนหน้านี้ เด็กสาวจําได้ว่าภรรยาของเขาสวมกี่เพ้าที่ไม่เหมือนใครทุกวัน โดยสิ่งเหล่านี้อาจถูกตัดเย็บขึ้นโดย
เขา?
ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า
“อาจารย์ซ่งคะ คุณตัดเย็บชุดกี่เพ้าได้หรือเปล่าคะ?”
ซงซวนพยักหน้าเล็กน้อย
“ถ้าคุณชอบชุดกี่เพ้า คราวหน้าผมจะตัดเย็บให้คุณเองเพราะรูปร่างของคุณจะต้องเหมาะกับเสื้อผ้าที่มีรูปแบบดั้งเดิมเช่นนั้นอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันรู้สึกเกรงใจ” หยางซื่อเหมยปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิงเนื่องจากเธอไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณเขามากเกินไป
จากนั้นซ่งซวนก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก และให้เธอนั่งลงเพื่อที่เขาจะได้ทําผมให้เข้ากับชุดคลาสสิกที่เด็กสาวสวมใส่อยู่
และแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเธอไม่ควรติดต่อกับเขาอีก แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของเขาได้ จึงทําได้แค่เพียงนั่งอยู่หน้ากระจกเงาสไตล์คลาสสิกเท่านั้น
ต่อมาซงซวนก็หยิบหวีไม้ขึ้นมาและหวีผมยาวสีดําสนิทของเธออย่างแผ่วเบาขณะที่สีหน้าของเขามีความจริงจังราวกับว่ากําลังเผชิญหน้ากับของโบราณล้ําค่า
เมื่อหยางซื่อเหมยมองเห็นซงซวนผ่านกระจก ก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของมือที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังและพิถีพิถันซึ่งการกล่าวว่าหัวใจของเธอไม่ได้รู้สึกอ่อนไหวนั้นจะเป็นเรื่องที่ไม่จริงเลย
อย่างไรก็ตามมันก็สามารถทําได้เพียงแค่นั้นเนื่องจากความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาไม่ได้มีความรู้สึกระหว่างชายและหญิงอย่างแท้จริง
ซงซวนรวบผมสีดําไปด้านหลังศีรษะจากนั้นใช้ปืนหยกสีเขียวที่สง่างามประดับไว้และปล่อยให้ส่วนที่เหลือเอาไว้ทําให้เธอดูสง่างามแต่ยังคงความอ่อนเยาว์และสดใส
จากนั้นซังซวนก็จ้องมองไปที่หยางซื่อเหมยอย่างพึงพอใจเหมือนตอนที่เขาได้ทําความสะอาดสิ่งสกปรกออกขัดเครื่องลายครามที่มีจุดด่างพร้อยให้สะอาดสะอ้านสง่างามสวยงาม
อย่างไรก็ตามบนโลกใบนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบความงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับคนอย่างหยางซื่อเหมย ที่ชีวิตก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องความอบอุ่นและอาหาร
จากนั้นก็ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวและไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งไม่มีเวลาหรือเงินที่จะแต่งตัว แม้ว่าในตอนนั้นจะอยู่ในวัยที่กําลังผลิบานซีงมันทําให้หัวใจของเธอรู้สึกเสียใจมากเช่นกัน
โดยหลังจากการเกิดใหม่ในชีวิตนี้ เนื่องจากการบาดเจ็บของตนเองเธอก็ต้องอยู่พักฟื้นบนยอดเขาและสวมเสื้อผ้าที่เรียบง่ายที่สุดเพียงแบบเดียวเท่านั้น ราวกับว่าในหุบเขาร้างมีกล้วยไม้สวยงามแต่ ไม่มีใครมาชื่นชม
และในตอนนี้เมื่อเห็นตัวเองถูกจับแต่งตัวให้มีความงดงามราวกับนางฟ้า หัวใจของหยางซื่อเหมยก็เต็มไปด้วยความสุขและอดไม่ได้ที่จะหมุนตัวอีกครั้งต่อหน้ากระจกเงาบานใหญ่
อีกทั้งผิวของเธอก็มีความละเอียดมาก ดังนั้นจึงทําแค่เพียงแต่งหน้าโทนสีธรรมชาติและทาริมฝีปากด้วยสีแดงก็เพียงพอแล้ว
การประมูลจัดขึ้นในโชว์รูมของโรงแรมระดับดาวที่มีอยู่แห่งเดียวในเมืองนี้และผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าของวัตถุโบราณชาว ฮ่องกง
ส่วนผู้ที่สามารถเข้าร่วมการประมูลได้ นอกจากคนรักวัตถุโบราณของแท้ในประเทศและต่างประเทศแล้ว ยังมีบุคคลผู้มี อิทธิพลในเมืองและจังหวัดอีกด้วย
ดังนั้นฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นจึงให้ความสําคัญอย่างยิ่งกับการจัดงานโดยใช้กําลังคนและทรัพยากรจํานวนมากเพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่
และตามที่คาดไว้ผู้ที่ปรากฏตัวในงานที่เป็นผู้ชายส่วนใหญ่จะ สวมชุดสูทและรองเท้าหนังสําหรับผู้หญิงจะสวมใส่เครื่องแต่งกายที่มีรูปลักษณ์อันงดงามราวกับว่าพวกเธอกําลังจะมาเข้าร่วมการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติ
แต่จะว่าไปแล้วงานที่ถูกจัดขึ้นในครั้งนี้ก็เป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ซึ่งมันการประชุมใหญ่ระดับไฮเอนด์ จึงเป็นการเปิดโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์สําหรับเรื่องของผลประโยชน์
และเนื่องจากตําแหน่งที่น่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากผู้คนในวงการนี้ของซงซวนรวมถึงมาตรฐานการประเมินชั้นยอดกับความมีหน้ามีตาของเขาไม่ได้อยู่แค่ในเมืองนี้เท่านั้นแต่ยังรวมถึงชุมชนโบราณวัตถุของจังหวัดด้วย
ดังนั้นเมื่อบุรุษผู้นี้เดินทางมาถึงบริเวณทางเข้างานก็มีคนจํานวนไม่น้อยที่รีบร้อนเข้ามาทักทายเขา
ขณะที่ช่งซวนปฏิบัติต่อทุกคนอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยการพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่น ส่วนหยางซื่อเหมยที่อยู่ด้านข้างเขาก็สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งหลายได้โดยไม่ต้องสงสัย
Comments
ท้าทายลิขิตสวรรค์ 55 เดรสยาวสีฟ้า
ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 55 เดรสยาวสีฟ้า
ตอนที่ 55 เดรสยาวสีฟ้า
ซงซวนเตรียมชุดสําหรับหยางซื่อเหมยเอาไว้แล้ว โดยมันเป็นชุดเดรสยาวสีฟ้าอ่อนที่ตัดเย็บจากผ้าไหมและปักด้วยลวดลายดอกโบตั๋นสีแดงเข้ม
และสวมทับด้วยเสื้อคลุมแบบจีนสีชมพูแขนกว้างและประดับด้วยดอกกล้วยไม้ที่บริเวณหน้าอกข้างซ้าย ซึ่งมันทําให้เขารู้สึกซาบซึ้งต่อหยางซื่อเหมยตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องลอง
มันช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจเมื่อเธอเดินเยื้องย่างไปมาเนื่องจากความอ่อนโยนที่มีท่าทางเป็นมิตร ราวกับว่าเธอเป็นหญิงสาวผู้งดงามที่หลุดออกมาจากภาพวาดโบราณของจิตรกรระดับโลก
โดยทุกการแสดงออกทางสีหน้าและทุกการเคลื่อนไหวของเธอสามารถรวมตัวกันได้อย่างลงตัว ซึ่งสามารถสร้างบทกวีที่มีเสน่ห์เพื่อดึงดูดสายตาของผู้คน
ซงซวนมีอาการตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดขณะที่หยางชื่อเหมยยิ้มให้กับเขาเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวว่า
“อาจารย์ซึ่งชวนคะ หากสวมชุดนี้จะเหมาะสมกับการเข้าร่วมการประมูลหรือเปล่าคะ?”
ซงซวนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“เหมาะสมมากที่สุด”
“คุณซื้อชุดนี้มาจากที่ไหนคะ?”
สาเหตุที่เอ่ยถามเช่นนี้ก็เป็นเพราะ หยางซื่อเหมยชอบชุดสไตล์คลาสสิกแบบนี้มากและต้องการซื้อเพิ่มอีกสักสองสามตัวในอนาคต
“มันเป็นสิ่งที่ผมตัดเย็บขึ้นมาเอง” ซงซวนตอบ
หยางซื่อเหมยรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินคําตอบพลางก้มลงมองดูชุดที่ตนเองสวมใส่อย่างระมัดระวัง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการตัดหรือเย็บปักเห็นได้ชัดว่าทุกอย่างล้วนทําด้วยความปราณีตและละเอียดลออซึ่งสามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นผลงานของผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง
เดิมที่เธอคิดว่าซงซวนสามารถทําได้แค่เพียงประเมินเฉพาะวัตถุโบราณแต่มาทราบในตอนนี้เองว่าเขาก็เป็นช่างตัดเสื้อผ้าด้วยเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นเสื้อผ้าประเภทที่มีความซับซ้อนมากถึงมากที่สุด
และชุดนี้ดูเหมือนจะเหมาะสมกับเธอมากด้วยซึ่งเขาสามารถทํามันได้ภายในเวลาเพียงแค่สองวันเช่นนั้นหรือ?
เขามีความสามารถถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!
และเมื่อนึกถึงชีวิตก่อนหน้านี้ เด็กสาวจําได้ว่าภรรยาของเขาสวมกี่เพ้าที่ไม่เหมือนใครทุกวัน โดยสิ่งเหล่านี้อาจถูกตัดเย็บขึ้นโดย
เขา?
ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า
“อาจารย์ซ่งคะ คุณตัดเย็บชุดกี่เพ้าได้หรือเปล่าคะ?”
ซงซวนพยักหน้าเล็กน้อย
“ถ้าคุณชอบชุดกี่เพ้า คราวหน้าผมจะตัดเย็บให้คุณเองเพราะรูปร่างของคุณจะต้องเหมาะกับเสื้อผ้าที่มีรูปแบบดั้งเดิมเช่นนั้นอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันรู้สึกเกรงใจ” หยางซื่อเหมยปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิงเนื่องจากเธอไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณเขามากเกินไป
จากนั้นซ่งซวนก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก และให้เธอนั่งลงเพื่อที่เขาจะได้ทําผมให้เข้ากับชุดคลาสสิกที่เด็กสาวสวมใส่อยู่
และแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเธอไม่ควรติดต่อกับเขาอีก แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของเขาได้ จึงทําได้แค่เพียงนั่งอยู่หน้ากระจกเงาสไตล์คลาสสิกเท่านั้น
ต่อมาซงซวนก็หยิบหวีไม้ขึ้นมาและหวีผมยาวสีดําสนิทของเธออย่างแผ่วเบาขณะที่สีหน้าของเขามีความจริงจังราวกับว่ากําลังเผชิญหน้ากับของโบราณล้ําค่า
เมื่อหยางซื่อเหมยมองเห็นซงซวนผ่านกระจก ก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของมือที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังและพิถีพิถันซึ่งการกล่าวว่าหัวใจของเธอไม่ได้รู้สึกอ่อนไหวนั้นจะเป็นเรื่องที่ไม่จริงเลย
อย่างไรก็ตามมันก็สามารถทําได้เพียงแค่นั้นเนื่องจากความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาไม่ได้มีความรู้สึกระหว่างชายและหญิงอย่างแท้จริง
ซงซวนรวบผมสีดําไปด้านหลังศีรษะจากนั้นใช้ปืนหยกสีเขียวที่สง่างามประดับไว้และปล่อยให้ส่วนที่เหลือเอาไว้ทําให้เธอดูสง่างามแต่ยังคงความอ่อนเยาว์และสดใส
จากนั้นซังซวนก็จ้องมองไปที่หยางซื่อเหมยอย่างพึงพอใจเหมือนตอนที่เขาได้ทําความสะอาดสิ่งสกปรกออกขัดเครื่องลายครามที่มีจุดด่างพร้อยให้สะอาดสะอ้านสง่างามสวยงาม
อย่างไรก็ตามบนโลกใบนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบความงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับคนอย่างหยางซื่อเหมย ที่ชีวิตก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องความอบอุ่นและอาหาร
จากนั้นก็ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวและไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งไม่มีเวลาหรือเงินที่จะแต่งตัว แม้ว่าในตอนนั้นจะอยู่ในวัยที่กําลังผลิบานซีงมันทําให้หัวใจของเธอรู้สึกเสียใจมากเช่นกัน
โดยหลังจากการเกิดใหม่ในชีวิตนี้ เนื่องจากการบาดเจ็บของตนเองเธอก็ต้องอยู่พักฟื้นบนยอดเขาและสวมเสื้อผ้าที่เรียบง่ายที่สุดเพียงแบบเดียวเท่านั้น ราวกับว่าในหุบเขาร้างมีกล้วยไม้สวยงามแต่ ไม่มีใครมาชื่นชม
และในตอนนี้เมื่อเห็นตัวเองถูกจับแต่งตัวให้มีความงดงามราวกับนางฟ้า หัวใจของหยางซื่อเหมยก็เต็มไปด้วยความสุขและอดไม่ได้ที่จะหมุนตัวอีกครั้งต่อหน้ากระจกเงาบานใหญ่
อีกทั้งผิวของเธอก็มีความละเอียดมาก ดังนั้นจึงทําแค่เพียงแต่งหน้าโทนสีธรรมชาติและทาริมฝีปากด้วยสีแดงก็เพียงพอแล้ว
การประมูลจัดขึ้นในโชว์รูมของโรงแรมระดับดาวที่มีอยู่แห่งเดียวในเมืองนี้และผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าของวัตถุโบราณชาว ฮ่องกง
ส่วนผู้ที่สามารถเข้าร่วมการประมูลได้ นอกจากคนรักวัตถุโบราณของแท้ในประเทศและต่างประเทศแล้ว ยังมีบุคคลผู้มี อิทธิพลในเมืองและจังหวัดอีกด้วย
ดังนั้นฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นจึงให้ความสําคัญอย่างยิ่งกับการจัดงานโดยใช้กําลังคนและทรัพยากรจํานวนมากเพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่
และตามที่คาดไว้ผู้ที่ปรากฏตัวในงานที่เป็นผู้ชายส่วนใหญ่จะ สวมชุดสูทและรองเท้าหนังสําหรับผู้หญิงจะสวมใส่เครื่องแต่งกายที่มีรูปลักษณ์อันงดงามราวกับว่าพวกเธอกําลังจะมาเข้าร่วมการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติ
แต่จะว่าไปแล้วงานที่ถูกจัดขึ้นในครั้งนี้ก็เป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ซึ่งมันการประชุมใหญ่ระดับไฮเอนด์ จึงเป็นการเปิดโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์สําหรับเรื่องของผลประโยชน์
และเนื่องจากตําแหน่งที่น่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากผู้คนในวงการนี้ของซงซวนรวมถึงมาตรฐานการประเมินชั้นยอดกับความมีหน้ามีตาของเขาไม่ได้อยู่แค่ในเมืองนี้เท่านั้นแต่ยังรวมถึงชุมชนโบราณวัตถุของจังหวัดด้วย
ดังนั้นเมื่อบุรุษผู้นี้เดินทางมาถึงบริเวณทางเข้างานก็มีคนจํานวนไม่น้อยที่รีบร้อนเข้ามาทักทายเขา
ขณะที่ช่งซวนปฏิบัติต่อทุกคนอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยการพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่น ส่วนหยางซื่อเหมยที่อยู่ด้านข้างเขาก็สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งหลายได้โดยไม่ต้องสงสัย
Comments