พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย 218 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม 9)

Now you are reading พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย Chapter 218 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม 9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

***

“บ้าไปแล้ว! ทำไมถึงน่ารักได้ขนาดนี้กันนะเนี่ย! ”

แอนนี่กรี๊ดกร๊าดขึ้นมาภายในร้านบูทีคอันเงียบสงบ สาเหตุมาจากการที่บลิสออกมาโชว์ตัวหลังจากได้ลองชุดเดรสเป็นชุดที่ห้าแล้ว

หากเป็นเหมือนทุกทีละก็ เจสซี่คงจะห้ามแอนนี่ไปแล้ว แต่ในครั้งนี้นั้นเจสซี่เองก็ไม่ได้ต่างแอนนี่สักเท่าไหร่

เจสซี่หน้าแดงแจ๋ เธอเดินวนรอบตัวบลิสเพลิดเพลินไปกับความน่ารักน่าชัง

“ซื้ออันนี้ด้วยดีไหม”

“ดีสิ! ช่วยแก้ชุดนี้ให้โดยเร็วด้วยนะคะ และก็เตรียมชุดอื่นมาให้ด้วยได้ไหม อย่าลืมเอารองเท้าและถุงเท้าที่เข้ากันมาให้ด้วยล่ะ”

“ครับ! จะรีบไปเอามาให้เดี๋ยวนี้เลยครับ! ”

เหล่าพนักงานตื่นเต้นไปกับการให้บริการบุคคลสำคัญที่บอกว่าจะซื้อชุดในทุกครั้งที่ได้ลองใส่โดยที่ไม่ตำหนิหรือจับผิดอะไรเลย พวกเขาเดินเข้าออกระหว่างห้องรับรองแขกวีไอพีและห้องโถงกันให้วุ่น

เมื่อเห็นว่าบลิสหายออกไปที่ห้องลองเสื้อเพื่อลองใส่ชุดถัดไปกับพนักงานแล้ว แอนนี่ก็บิดตัวและพูดออกมาว่า

“จริงๆ เลยนะ รู้สึกเหมือนกับได้พาพระชายามาเล่นแต่งตัวตุ๊กตาเลยละ”

เจสซี่เองก็เช่นเดียวกัน เธอรู้สึกเหมือนได้ทำในสิ่งที่แม้แต่ในฝันยังไม่กล้าทำขึ้นมา

“ที่จริงแล้ว ฉันน่ะ เคยลองคิดภาพตอนพระชายายังเด็กใส่ชุดโน่นชุดนี่ด้วยล่ะ พวกชุดที่ดูน่ารักๆ น่ะ”

“อ๋อ ชุดที่เหมือนกับเสื้อผ้าที่ถูกเผาไปกับตู้เสื้อผ้าน่ะเหรอ”

“จะใช่ได้ยังไงเล่า! นี่เธอมองฉันแบบไหนเนี่ย! ”

แอนนี่นึกถึงชุดเดรสวิบวับเป็นประกายจนแสบตาพวกนั้นแล้วทำท่าเกลียดขึ้นมาก่อนจะพูดต่อไปอย่างรวดเร็วว่า

“นั่นน่ะไม่ใช่เสื้อผ้าหรอกนะ มันคืออาชญากรรมต่างหาก! ดีไซเนอร์ที่ทำเสื้อผ้าพวกนั้นควรจะถูกจับยัดเข้าคุกไปเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ! ”

 แอนนี่โล่งอกและพูดว่าโชคดีจริงๆ ที่รสนิยมของอาเรียเปลี่ยนไป

“ถ้าหากพระชายาเข้ามาช่วยเหลือฉันโดยที่ยังมีรสนิยมแบบนั้นอยู่ละก็ ไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง”

แอนนี่พูดออกมาอย่างโง่เขลาว่าบางทีเธออาจจะอยู่รับใช้มิเอลก็เป็นได้ พร้อมส่ายหัวไปมา

และนั่นทำให้เจสซี่ที่ยังยิ้มอยู่จนถึงตอนนั้น ทำหน้าแข็งทื่อขึ้นมา

“นี่เธอพูดจริงเหรอ ฉันผิดหวังมากเลยนะแอนนี่ เธอรู้สึกต่อพระชายาแค่นั้นเองน่ะเหรอ”

“ไม่ ไม่ ไม่ใช่นะ! ฉันล้อเล่นน่ะ! ทำไมเธอถึงคิดเป็นเรื่องจริงจังขนาดนั้นกันเล่า! ”

แอนนี่ตกใจและโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เธอกลัวว่าบางทีเจสซี่อาจจะเอาไปเล่าให้เอาเรียฟัง จึงได้ชี้แจงขึ้นมา

“ฉันพูดเล่นจริงๆ นะ แค่พูดเล่น! แค่พูดให้ขำเท่านั้นเอง ยิ้มหน่อยน่า! “

แอนนี่ขอร้องและอ้อนวอนขึ้นมา แต่เจสซี่ก็ทำเพียงเบือนหน้าตาอันนิ่งเฉยไปทางอื่นเท่านั้น

แม้จะรู้ว่าแค่พูดเล่นเท่านั้น แต่เจสซี่ก็ไม่อยากให้แอนนี่พูดถึงอาเรียในลักษณะนั้น

ในขณะนั้นเอง บลิสที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ปรากฏตัวอีกครั้ง

“พระชายาจะถูกใจชุดนี้ไหมน้า…”

บลิสกระดิกนิ้วไปมาและถามเจสซี่กับแอนนี่ออกไป เธอใส่ชุดเดรสสีเหลืองเข้มเหมือนลูกเจี๊ยบตัวน้อย พร้อมทั้งติดโบชิ้นใหญ่ที่ดูน่ารัก

“ตายแล้ว พูดอะไรอย่างนั้นกันคะ! ต้องชอบแน่ๆ ค่ะ! “

“จริงเหรอ”

แม้จะเป็นคำถามและคำตอบที่พูดซ้ำทุกครั้งตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่แววตาของบลิสก็เปล่งประกายราวกับได้ยินเป็นครั้งแรก

แม้จะเป็นขั้นตอนที่น่ารำคาญ แต่เมื่อคิดว่านี่จะทำให้ตนเองดูดีในสายตาของอาเรียแล้ว บลิสก็ใจเต้นตึกตักขึ้นมา

“แน่นอนค่ะ! คุณหนูน่ารักจนอาจจะทำให้เป็นลมขึ้นมาเลยละค่ะ! “

แอนนี่ลุกลี้ลุกลนบอกว่าต้องเรียกจิตรกรมาวาดภาพของบลิสในตอนนี้เก็บไว้เสียแล้ว อย่างกับลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะขอร้องอ้อนวอนเจสซี่ไปอย่างเศร้าสร้อย

เจสซี่เองก็ไม่ต่างกัน ภาพที่เหมือนกับดอกไม้เล็กๆ เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลินั้น ทำให้สีหน้าเย็นชาเมื่อครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอย และเอาแต่จ้องมองบลิสโดยที่ไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย

“ดีละ เอาชุดนี้ด้วย แล้วก็เอาชุดต่อไปมาด้วยนะ! ”

“ครับ! ”

หลังจากนั้นบลิสต้องใส่ชุดต่ออีกห้าชุดด้วยกัน กว่าจะได้รับอิสระมาในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครรู้สึกเบื่อหน่ายเลยสักคน

ตรงกันข้ามแอนนี่กลับแสดงสีหน้าเสียดายที่ไม่สามารถซื้อชุดให้ได้อีก เจสซี่จึงปลอบใจเธอด้วยการบอกว่ายังมีโอกาสหน้าอยู่อีก

“เราเลือกชุดกันไปตั้งสามชั่วโมงเลยนะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาต้องพักบ้างแล้วละ”

“เข้าใจแล้วละ แต่ก็นะ ยังไงเสื้อผ้าแบบใหม่ก็ออกมาขายเรื่อยๆ อยู่แล้ว ซื้อทีเดียวหลายๆ ตัวมันก็ไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่”

ครั้งหน้างั้นเหรอ…อาจจะไม่มีครั้งหน้าแล้วก็ได้

ในระหว่างนั้นบลิสหัวเราะแหะๆ และซ่อนความรู้สึกไว้ข้างใน

“จะให้กลับไปทั้งอย่างนี้ก็เสียดายแย่ หาอะไรหวานๆ ดื่มกันก่อนดีไหม ร้านฟลาวเวอร์เมาน์เทนล่ะเป็นไง คุณหนูบลิสยังไม่เคยไปเลยใช่ไหมคะ คงไม่รู้สินะคะว่านั่นเป็นคาเฟ่ที่สวยมากขนาดไหน”

ท่าทางแอนนี่คงจะนึกถึงตอนที่อาเรียพาเธอไปครั้งแรกขึ้นมา ถึงได้ทำตาเคลิบเคลิ้มขึ้น

จากนั้นบลิสที่ตั้งใจว่าจะรีบกลับไปพระราชวังเพื่ออวดเสื้อผ้าให้อาเรียดูในทันทีก็ทำตาสั่นระริกขึ้นมา

‘ฟละ ฟลาวเวอร์ เมาน์เทน…! ’

มันอยู่ที่ไหนกันน่ะ มันใช่คาเฟ่ในจินตนาการที่มีแค่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ไปได้หรือเปล่านะ

แม้มันจะไม่ใช่สถานที่แบบนั้นเลยก็ตาม แต่เพราะยังไม่เคยไปมาก่อน นั่นจึงเป็นเหมือนโลกที่บลิสไม่รู้จัก

“อืม อืม! ยังไม่เคยไปเลย! ไป! ไป! อยากไปดูบ้าง! “

แววตาของบลิสแวววาวเป็นประกาย เธอจับชายกระโปรงของแอนนี่และตะโกนออกมา หน้าตาอยากจะไปเอามากๆ

และเพราะแบบนั้น เจสซี่ที่ตั้งใจจะบอกว่าหากไม่กลับไปตอนนี้ก็จะสายเอา จำต้องหยุดเอาคำนั้นเอาไว้ก่อน เพราะหากเธอค้านออกไปตอนนี้ละก็ บลิสคงจะร้องไห้ขึ้นมา

“…ถ้าอย่างนั้น แวะไปแป๊บเดียวเท่านั้นนะคะ ถ้าเรากลับช้าละก็ พระชายาได้เป็นห่วงแน่ๆ ค่ะ คุณหนูเข้าใจใช่ไหมคะ”

แม้จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่เจสซี่ก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานนัก เพราะเธอออกมาโดยที่ไม่ได้รายงานให้อาเรียทราบ จึงควรจะกลับไปให้เร็วที่สุดนั่นเอง

แม้จะเห็นด้วยกับความคิดนั้น แต่ไม่รู้ว่าทั้งคู่เข้าใจในความหมายที่เจสซี่บอกไปจริงๆ หรือไม่ เพราะแอนนี่และบลิสเริ่มส่งเสียงเอะอะสนุกสนานขึ้นมาแล้ว

“คุณหนูบลิสอยากทานอะไรคะ”

“หืม ฉันไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง กินอะไรก็ได้ที่อร่อยๆ แล้วกัน! ”

“อย่างนั้นหรือคะ ถ้าอย่างนั้นเราสั่งมาให้หมด แล้วลองกินดูว่าอันไหนอร่อยที่สุดดีไหมคะ”

“ทำอย่างนั้นได้เหรอ”

“ได้สิคะ! ”

“อืม อืม! ดีจังเลย! ชอบแอนนี่จังเลย! ”

บลิสดีใจกระโดดโหยงเหยง

ที่นั่นมีเมนูเยอะจะตายไป นี่เธอพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย เจสซี่เอามือแตะหน้าผาก

ไม่ว่าจะยกเหตุผลที่เหมาะสมให้ฟังอย่างไร แต่ดูเหมือนเจสซี่จะไม่สามารถโน้มน้าวทั้งคู่ได้เลย คงต้องรอจังหวะที่เหมาะสมแล้วค่อยอ้างเหตุผลดีๆ ให้กลับไปเสียแล้ว

นั่นเป็นสิ่งที่เจสซี่คิดว่าน่าจะทำได้ ก่อนที่จะได้เจอเข้ากับบุคคลที่ไม่คาดคิดที่คาเฟ่ฟลาวเวอร์เมาน์เทน

***

“…อา เรีย”

น้ำเสียงอันคุ้นเคยเรียกบลิสที่กำลังเลือกเมนูอย่างตื่นเต้นอยู่ที่ระเบียงของคาเฟ่

แววตาของบลิสที่พบหันมาพบเธอเริ่มเปล่งประกายขึ้นมา

“มาร์เชอเนสวินเซนต์! ”

เจสซี่เริ่มรู้สึกสังหรณ์บางอย่างเมื่อแอนนี่แสดงสีหน้ายินดีตามไปด้วย

ทำไมซาร่าต้องผ่านมาที่นี่ เวลานี้ด้วยนะ ไม่สิ ซาร่ามักจะแวะไปที่วิทยาลัยและผ่านทางนี้เสมออยู่แล้ว นี้อาจจะเป็นเพราะพวกเธอมาที่คาเฟ่ฟลาวเวอร์เมาน์เทนผิดเวลาละนะ

แม้จะคิดเช่นนั้น แต่บทสรุปมีอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือไม่ว่าจะยังไงก็คงจะไม่ได้กลับไปเร็วๆ นี้แน่

***

“รู้สึกอึดอัดที่มีบลิสอยู่ด้วยหรือคะ เป็นเพราะดิฉันตัดสินใจทุกอย่างตามใจตัวเองมากไปใช่ไหมคะ”

หลังจากตรวจดูสภาพของบลิสและออกมามาจากห้องนอน อาเรียก็ถามอาซขึ้นมาในขณะที่กำลังเดินไปยังห้องทำงาน จากนั้นอาซก็รีบส่ายปฏิเสธในทันที

“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะครับ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอนครับ ไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ผมสาบานได้เลยครับ”

ทว่าเขากลับร่ายคำปฏิเสธออกมามากเกินควร ทั้งๆ ที่ตอบว่าไม่ใช่ก็เพียงพอแล้วแท้ๆ

และเพราะอาซทำตัวไม่เหมือนปกติ เขาปฏิเสธออกมาหลายครั้งเกินไป นั่นยิ่งทำให้แววตาของอาเรียฉายความสงสัยออกมามากยิ่งขึ้น

เธอจ้องอาซเขม็ง และค่อยๆ พูดออกมาว่า

“อึดอัดสินะคะ”

และนั่นทำให้อาซตระหนักได้ว่าตัวเองตอบมากเกินจำเป็น

“…ผมไม่ได้อึดอัดจริงๆ นะครับ”

อาซหยุดพูดก่อนจะตอบออกไป เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดมันออกไปอย่างไรดี

“ถ้าอย่างนั้นมันอะไรกันล่ะคะ สีหน้าที่เหมือนกับมีอะไรปิดบังอยู่แบบนั้น”

เมื่อเขาไม่ยอมพูดความจริงออกมาง่ายๆ อาเรียจึงแสดงความเสียใจออกไปตรงๆ และถามว่าเขามีความลับต่อเธอได้อย่างไรกัน

“นั่นสินะคะ จะมีความลับก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่คะ ฉันคงทำเป็นเรื่องใหญ่มากเกินไป ถ้าไม่อยากพูดละก็ ไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ค่ะ ฉันต้องเข้าใจว่าไม่ควรใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้”

สีหน้าของเธอดูเจ็บปวดไม่เหมือนกับคนที่บอกว่าเข้าใจเลย แถมยังพูดแต่ละคำออกมาเสียยาวเหยียดอีกต่างหาก

อาซหวั่นเกรงและรีบขอโทษขอโพยออกมา

“ไม่ใช่นะครับ เป็นความผิดของผมเอง ทั้งที่ผมควรจะบอกเรื่องทั้งหมดให้รู้แต่แรกแท้ๆ ”

ทั้งที่พูดเผื่อเอาไว้เท่านั้น แต่กลับเป็นจริงขึ้นมา  อาซติดกับคำพูดลองใจของอาเรียอย่างง่ายดาย

อาเรียสลัดสีหน้าเจ็บปวดทิ้งไปและเชิดคางขึ้นราวกับจะให้โอกาสอาซได้พูดอธิบายสักครั้งหนึ่ง

“ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับบลิสน่ะครับ เธอขอร้องให้เก็บเป็นความลับและผมก็สัญญาเอาไว้แล้ว…แต่ยังไงเล่าให้คุณฟังก็คงจะดีกว่า ทีแรกผมคิดว่าจะบอกให้รู้หลังจากที่จัดการสถานการณ์ต่างๆ เรียบร้อยดีแล้วครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี”

อาซค่อยๆ พูดออกมา พร้อมกับสีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นว่าอาซหยุดพูดขึ้นมาระหว่างนั้น อาเรียก็คิดว่านั่นคงเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะพูดออกมาได้

มันคือเรื่องอะไรกันแน่นะ

แม้จะรู้สึกสงสัย แต่อีกด้านหนึ่งเธอก็คิดว่าความลับที่เขาซ่อนไว้นั้นมันสำคัญมากขนาดไหน ถึงพูดออกมาได้ยากเย็นเช่นนี้

“เพราะอย่างนั้นแล้ว บลิสน่ะ-“

“ช่างเถอะค่ะ”

เพราะอย่างนั้น อาเรียจึงปล่อยอาซที่กำลังฝืนพูดออกมาให้รอดตัวไป

ทั้งที่พูดแค่ประโยคเดียวก็สิ้นเรื่องแล้วแท้ๆ แต่จู่ๆ อาเรียก็บอกว่าจะไม่ฟังขึ้นมาเสียอย่างนั้น อาซได้แต่กะพริบตาปริบๆ

“หมายความว่า…อย่างไรครับ”

“ถึงขนาดสัญญาเอาไว้แล้ว จะให้ทำผิดสัญญาก็ไม่ถูกต้องสิคะ ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ถ้าฉันได้ฟังมันเข้าละก็ คุณก็คงจะสูญเสียความเชื่อใจจากบลิสไปแน่ๆ ”

อาเรียลูบแก้มอาซซึ่งกำลังทำตาโตตกใจกับความใส่ใจที่ไม่ทันคาดคิด เธอพูดต่อไปว่า

“นอกจากนั้น ไม่มีทางที่ฉันจะไม่รู้ความลับของบลิสที่ท่านอาซเป็นคนค้นพบไปตลอดหรอกค่ะ”

ที่จริงแล้วนี่เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับใจจริงของอาเรียมากที่สุด

ก็แค่ความลับของเด็กตัวเล็กๆ อายุเจ็ดขวบเท่านั้น ในเมื่ออาซล่วงรู้ถึงความลับนั่นได้ภายในวันเดียว ยังไงเธอก็ต้องรู้ถึงมันเข้าสักวันแน่ๆ

“ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่มากแค่ไหน แต่หลังจากที่ฉันสืบได้แล้ว หน้าผากเล็กๆ แสนเจ้าเล่ห์นั่นคงต้องโดนเขกเข้าสักทีแล้วค่ะ”

อาเรียยิ้มขึ้นมาอย่างน่ากลัว ต่างกับสัมผัสมืออันอ่อนโยนที่กำลังลูบแก้มของอาซ

คล้ายกับว่าเธอยอมรับคำท้าทายแสนน่ารักของบลิสเข้าแล้ว

อาซพ่นลมหายใจออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง โชคดีที่เขาไม่ต้องเสียความน่าเชื่อถือจากใครไป และสิ่งที่กังวลมาตลอดนั้น กลับไร้ความหมายไปโดยสิ้นเชิง

อาซคิดว่าคงจะดีหากเอาเรื่องนั้นมาปรึกษากับอาเรีย โดยที่ไม่ต้องปิดบังและจัดการมันด้วยตัวคนเดียว

“ถึงจะพูดแบบนั้นก็ตาม แต่ดิฉันก็ไม่คิดจะมองข้ามเรื่องที่ท่านอาซมีความลับต่อดิฉันหรอกนะคะ เพราะดิฉันไม่ใช่คนจิตใจดีแบบนั้นเสียหน่อย”

เพิ่งจะโล่งอกได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น จู่ๆ อาเรียก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง

แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่อาซคาดเอาไว้ เขาจับมือของอาเรียที่ผละออกจากแก้มของตนขึ้นมา และส่งสายตาคาดหวังให้เธอ

“ไม่ว่าจะลงโทษอะไร ผมก็ยินดีทั้งนั้นครับ เชิญดุด่าสามีแย่ๆ ที่กล้ามีความลับกับภรรยาคนนี้แรงๆ  ด้วยเถอะครับ”

ว่าแล้วก็ประสานนิ้วมือของตนเองเข้ากับนิ้วมือของอาเรียที่กำลังจับอยู่อย่างแผ่วเบา ไม่รู้ว่าอยากจะโดนอาเรียด่า หรือว่าอยากจะยั่วยวนกันแน่

อาเรียยิ้มและตอบออกไปว่าเธอจะทำอย่างนั้นแน่ จากนั้นก็ชักมือตัวเองกลับมาอย่างไร้เยื่อใย

“ดิฉันจะทำอย่างนั้นแน่นอนค่ะ ถึงจะไม่ได้ทำเดี๋ยวนี้ แต่รู้ไว้ด้วยนะคะว่าท่านอาซต้องจ่ายค่าทดแทนในภายหลัง”

“ครับผม”

หัวใจของอาซเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง แม้จะไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนแบบไหน แต่เขาก็ตัดสินใจกับตัวเองว่าจะต้องทำให้อาเรียพอใจไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม

“แต่ก่อนอื่น ทานมื้อสายด้วยกันก่อนแล้วค่อยไปดีไหมคะ ถือซะว่าทานบรันช์แล้วกันค่ะ”

อาซพยักหน้าต่อคำถามของอาเรียทันที

แม้จะห่วงว่าบลิสจะเลิกแกล้งหลับแล้วรึยังแต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธการรับประทานอาหารเช้ากับอาเรียได้

‘ไม่เป็นไรหรอก ค่อยไปหาหลังจากทานเสร็จแล้วกัน’

ถึงจะซุ่มซ่ามและสะเพร่ามากเพียงใด แต่ในระหว่างนั้นคงไม่ถูกใครจับได้ว่าตื่นอยู่หรอกน่า

อาซคิดเช่นนั้นและมุ่งหน้าไปยังห้องอาหารกับอาเรีย

ในระหว่างที่อาหารถูกเตรียมอยู่นั้น อาเรียได้เรียกรูบี้เข้ามาและอธิบายสถานการณ์ให้ฟังอย่างคร่าวๆ พร้อมทั้งกำชับคำสั่งไว้ในหลายๆ เรื่องด้วย

“สุดท้ายแล้ว ช่วยบอกเลดี้โคลซี่ด้วยนะว่าฉันจะไปหาในภายหลัง มันไม่ใช่การก่อกวนด้วยเจตนามุ่งร้ายแต่อย่างใด บอกเธอไปว่าไม่จำเป็นต้องตัดชุดใหม่มาหรอก”

“…เข้าใจแล้วค่ะ พระชายา ดิฉันจะจัดการให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้พระชายาเป็นกังวลค่ะ”

คำอธิบายส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความผิดพลาดของบลิสที่เพิ่งเข้ามาในพระราชวังเป็นครั้งแรก แล้วรูบี้ก็รีบออกไปพร้อมกับสีหน้าที่ดูเคร่งเครียด

***

หลังจากรับประทานอาหารกับอาเรียอย่างสบายๆ แล้ว อาซก็มาส่งเธอที่ห้องทำงาน จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องนอนที่บลิสอยู่

เพราะเวลาผ่านไปค่อนข้างนาน อาซจึงคิดว่าบลิสคงจะเลิกนอนหลับปลอมๆ ไปนานแล้ว เธอคงกำลังเดินวนไปมาทั่วห้องนอนอยู่ในตอนนี้

‘ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็คงดี’

เพราะอาเรียสั่งให้เจสซี่คอยดูแลบลิสไปแล้ว จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด แต่ทำไมฉันถึงเอาแต่นึกภาพบลิสกระโดดโลดเต้นอยู่ในห้องนอนกันนะ

เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าเจสซี่จะรายงานสิ่งที่ได้เห็นได้ฟังทุกอย่างให้อาเรียฟัง หากว่าเธอเห็นบลิสตื่นอยู่ละก็ ได้กลายเป็นเรื่องยุ่งยากแน่

เมื่อคิดมาถึงตรงนั้นแล้ว อาซก็ใจร้อนขึ้นมา เขารีบสังเกตดูรอบข้างก่อนจะใช่พลังเคลื่อนที่ในทันที

อาซหวังว่าตัวเองจะเดาผิดไป เขารีบผลักประตูเปิดออกโดยไม่เคาะประตูหรือให้สัญญาณก่อนเลย

“…! ”

แต่โชคร้ายที่บลิสไม่ได้อยู่ที่นั่น อาซถอนหายใจออกมาเล็กน้อย และยกฝ่ามือขึ้นมาปิดตา

ลางสังหรณ์ใหม่กำลังบอกเขาว่าในเวลาไม่เกินหนึ่งวัน อาเรียจะต้องจับได้แน่ๆ

……………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย 218 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม 9)

Now you are reading พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย Chapter 218 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม 9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

***

“บ้าไปแล้ว! ทำไมถึงน่ารักได้ขนาดนี้กันนะเนี่ย! ”

แอนนี่กรี๊ดกร๊าดขึ้นมาภายในร้านบูทีคอันเงียบสงบ สาเหตุมาจากการที่บลิสออกมาโชว์ตัวหลังจากได้ลองชุดเดรสเป็นชุดที่ห้าแล้ว

หากเป็นเหมือนทุกทีละก็ เจสซี่คงจะห้ามแอนนี่ไปแล้ว แต่ในครั้งนี้นั้นเจสซี่เองก็ไม่ได้ต่างแอนนี่สักเท่าไหร่

เจสซี่หน้าแดงแจ๋ เธอเดินวนรอบตัวบลิสเพลิดเพลินไปกับความน่ารักน่าชัง

“ซื้ออันนี้ด้วยดีไหม”

“ดีสิ! ช่วยแก้ชุดนี้ให้โดยเร็วด้วยนะคะ และก็เตรียมชุดอื่นมาให้ด้วยได้ไหม อย่าลืมเอารองเท้าและถุงเท้าที่เข้ากันมาให้ด้วยล่ะ”

“ครับ! จะรีบไปเอามาให้เดี๋ยวนี้เลยครับ! ”

เหล่าพนักงานตื่นเต้นไปกับการให้บริการบุคคลสำคัญที่บอกว่าจะซื้อชุดในทุกครั้งที่ได้ลองใส่โดยที่ไม่ตำหนิหรือจับผิดอะไรเลย พวกเขาเดินเข้าออกระหว่างห้องรับรองแขกวีไอพีและห้องโถงกันให้วุ่น

เมื่อเห็นว่าบลิสหายออกไปที่ห้องลองเสื้อเพื่อลองใส่ชุดถัดไปกับพนักงานแล้ว แอนนี่ก็บิดตัวและพูดออกมาว่า

“จริงๆ เลยนะ รู้สึกเหมือนกับได้พาพระชายามาเล่นแต่งตัวตุ๊กตาเลยละ”

เจสซี่เองก็เช่นเดียวกัน เธอรู้สึกเหมือนได้ทำในสิ่งที่แม้แต่ในฝันยังไม่กล้าทำขึ้นมา

“ที่จริงแล้ว ฉันน่ะ เคยลองคิดภาพตอนพระชายายังเด็กใส่ชุดโน่นชุดนี่ด้วยล่ะ พวกชุดที่ดูน่ารักๆ น่ะ”

“อ๋อ ชุดที่เหมือนกับเสื้อผ้าที่ถูกเผาไปกับตู้เสื้อผ้าน่ะเหรอ”

“จะใช่ได้ยังไงเล่า! นี่เธอมองฉันแบบไหนเนี่ย! ”

แอนนี่นึกถึงชุดเดรสวิบวับเป็นประกายจนแสบตาพวกนั้นแล้วทำท่าเกลียดขึ้นมาก่อนจะพูดต่อไปอย่างรวดเร็วว่า

“นั่นน่ะไม่ใช่เสื้อผ้าหรอกนะ มันคืออาชญากรรมต่างหาก! ดีไซเนอร์ที่ทำเสื้อผ้าพวกนั้นควรจะถูกจับยัดเข้าคุกไปเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ! ”

 แอนนี่โล่งอกและพูดว่าโชคดีจริงๆ ที่รสนิยมของอาเรียเปลี่ยนไป

“ถ้าหากพระชายาเข้ามาช่วยเหลือฉันโดยที่ยังมีรสนิยมแบบนั้นอยู่ละก็ ไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง”

แอนนี่พูดออกมาอย่างโง่เขลาว่าบางทีเธออาจจะอยู่รับใช้มิเอลก็เป็นได้ พร้อมส่ายหัวไปมา

และนั่นทำให้เจสซี่ที่ยังยิ้มอยู่จนถึงตอนนั้น ทำหน้าแข็งทื่อขึ้นมา

“นี่เธอพูดจริงเหรอ ฉันผิดหวังมากเลยนะแอนนี่ เธอรู้สึกต่อพระชายาแค่นั้นเองน่ะเหรอ”

“ไม่ ไม่ ไม่ใช่นะ! ฉันล้อเล่นน่ะ! ทำไมเธอถึงคิดเป็นเรื่องจริงจังขนาดนั้นกันเล่า! ”

แอนนี่ตกใจและโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เธอกลัวว่าบางทีเจสซี่อาจจะเอาไปเล่าให้เอาเรียฟัง จึงได้ชี้แจงขึ้นมา

“ฉันพูดเล่นจริงๆ นะ แค่พูดเล่น! แค่พูดให้ขำเท่านั้นเอง ยิ้มหน่อยน่า! “

แอนนี่ขอร้องและอ้อนวอนขึ้นมา แต่เจสซี่ก็ทำเพียงเบือนหน้าตาอันนิ่งเฉยไปทางอื่นเท่านั้น

แม้จะรู้ว่าแค่พูดเล่นเท่านั้น แต่เจสซี่ก็ไม่อยากให้แอนนี่พูดถึงอาเรียในลักษณะนั้น

ในขณะนั้นเอง บลิสที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ปรากฏตัวอีกครั้ง

“พระชายาจะถูกใจชุดนี้ไหมน้า…”

บลิสกระดิกนิ้วไปมาและถามเจสซี่กับแอนนี่ออกไป เธอใส่ชุดเดรสสีเหลืองเข้มเหมือนลูกเจี๊ยบตัวน้อย พร้อมทั้งติดโบชิ้นใหญ่ที่ดูน่ารัก

“ตายแล้ว พูดอะไรอย่างนั้นกันคะ! ต้องชอบแน่ๆ ค่ะ! “

“จริงเหรอ”

แม้จะเป็นคำถามและคำตอบที่พูดซ้ำทุกครั้งตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่แววตาของบลิสก็เปล่งประกายราวกับได้ยินเป็นครั้งแรก

แม้จะเป็นขั้นตอนที่น่ารำคาญ แต่เมื่อคิดว่านี่จะทำให้ตนเองดูดีในสายตาของอาเรียแล้ว บลิสก็ใจเต้นตึกตักขึ้นมา

“แน่นอนค่ะ! คุณหนูน่ารักจนอาจจะทำให้เป็นลมขึ้นมาเลยละค่ะ! “

แอนนี่ลุกลี้ลุกลนบอกว่าต้องเรียกจิตรกรมาวาดภาพของบลิสในตอนนี้เก็บไว้เสียแล้ว อย่างกับลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะขอร้องอ้อนวอนเจสซี่ไปอย่างเศร้าสร้อย

เจสซี่เองก็ไม่ต่างกัน ภาพที่เหมือนกับดอกไม้เล็กๆ เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลินั้น ทำให้สีหน้าเย็นชาเมื่อครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอย และเอาแต่จ้องมองบลิสโดยที่ไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย

“ดีละ เอาชุดนี้ด้วย แล้วก็เอาชุดต่อไปมาด้วยนะ! ”

“ครับ! ”

หลังจากนั้นบลิสต้องใส่ชุดต่ออีกห้าชุดด้วยกัน กว่าจะได้รับอิสระมาในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครรู้สึกเบื่อหน่ายเลยสักคน

ตรงกันข้ามแอนนี่กลับแสดงสีหน้าเสียดายที่ไม่สามารถซื้อชุดให้ได้อีก เจสซี่จึงปลอบใจเธอด้วยการบอกว่ายังมีโอกาสหน้าอยู่อีก

“เราเลือกชุดกันไปตั้งสามชั่วโมงเลยนะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาต้องพักบ้างแล้วละ”

“เข้าใจแล้วละ แต่ก็นะ ยังไงเสื้อผ้าแบบใหม่ก็ออกมาขายเรื่อยๆ อยู่แล้ว ซื้อทีเดียวหลายๆ ตัวมันก็ไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่”

ครั้งหน้างั้นเหรอ…อาจจะไม่มีครั้งหน้าแล้วก็ได้

ในระหว่างนั้นบลิสหัวเราะแหะๆ และซ่อนความรู้สึกไว้ข้างใน

“จะให้กลับไปทั้งอย่างนี้ก็เสียดายแย่ หาอะไรหวานๆ ดื่มกันก่อนดีไหม ร้านฟลาวเวอร์เมาน์เทนล่ะเป็นไง คุณหนูบลิสยังไม่เคยไปเลยใช่ไหมคะ คงไม่รู้สินะคะว่านั่นเป็นคาเฟ่ที่สวยมากขนาดไหน”

ท่าทางแอนนี่คงจะนึกถึงตอนที่อาเรียพาเธอไปครั้งแรกขึ้นมา ถึงได้ทำตาเคลิบเคลิ้มขึ้น

จากนั้นบลิสที่ตั้งใจว่าจะรีบกลับไปพระราชวังเพื่ออวดเสื้อผ้าให้อาเรียดูในทันทีก็ทำตาสั่นระริกขึ้นมา

‘ฟละ ฟลาวเวอร์ เมาน์เทน…! ’

มันอยู่ที่ไหนกันน่ะ มันใช่คาเฟ่ในจินตนาการที่มีแค่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ไปได้หรือเปล่านะ

แม้มันจะไม่ใช่สถานที่แบบนั้นเลยก็ตาม แต่เพราะยังไม่เคยไปมาก่อน นั่นจึงเป็นเหมือนโลกที่บลิสไม่รู้จัก

“อืม อืม! ยังไม่เคยไปเลย! ไป! ไป! อยากไปดูบ้าง! “

แววตาของบลิสแวววาวเป็นประกาย เธอจับชายกระโปรงของแอนนี่และตะโกนออกมา หน้าตาอยากจะไปเอามากๆ

และเพราะแบบนั้น เจสซี่ที่ตั้งใจจะบอกว่าหากไม่กลับไปตอนนี้ก็จะสายเอา จำต้องหยุดเอาคำนั้นเอาไว้ก่อน เพราะหากเธอค้านออกไปตอนนี้ละก็ บลิสคงจะร้องไห้ขึ้นมา

“…ถ้าอย่างนั้น แวะไปแป๊บเดียวเท่านั้นนะคะ ถ้าเรากลับช้าละก็ พระชายาได้เป็นห่วงแน่ๆ ค่ะ คุณหนูเข้าใจใช่ไหมคะ”

แม้จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่เจสซี่ก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานนัก เพราะเธอออกมาโดยที่ไม่ได้รายงานให้อาเรียทราบ จึงควรจะกลับไปให้เร็วที่สุดนั่นเอง

แม้จะเห็นด้วยกับความคิดนั้น แต่ไม่รู้ว่าทั้งคู่เข้าใจในความหมายที่เจสซี่บอกไปจริงๆ หรือไม่ เพราะแอนนี่และบลิสเริ่มส่งเสียงเอะอะสนุกสนานขึ้นมาแล้ว

“คุณหนูบลิสอยากทานอะไรคะ”

“หืม ฉันไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง กินอะไรก็ได้ที่อร่อยๆ แล้วกัน! ”

“อย่างนั้นหรือคะ ถ้าอย่างนั้นเราสั่งมาให้หมด แล้วลองกินดูว่าอันไหนอร่อยที่สุดดีไหมคะ”

“ทำอย่างนั้นได้เหรอ”

“ได้สิคะ! ”

“อืม อืม! ดีจังเลย! ชอบแอนนี่จังเลย! ”

บลิสดีใจกระโดดโหยงเหยง

ที่นั่นมีเมนูเยอะจะตายไป นี่เธอพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย เจสซี่เอามือแตะหน้าผาก

ไม่ว่าจะยกเหตุผลที่เหมาะสมให้ฟังอย่างไร แต่ดูเหมือนเจสซี่จะไม่สามารถโน้มน้าวทั้งคู่ได้เลย คงต้องรอจังหวะที่เหมาะสมแล้วค่อยอ้างเหตุผลดีๆ ให้กลับไปเสียแล้ว

นั่นเป็นสิ่งที่เจสซี่คิดว่าน่าจะทำได้ ก่อนที่จะได้เจอเข้ากับบุคคลที่ไม่คาดคิดที่คาเฟ่ฟลาวเวอร์เมาน์เทน

***

“…อา เรีย”

น้ำเสียงอันคุ้นเคยเรียกบลิสที่กำลังเลือกเมนูอย่างตื่นเต้นอยู่ที่ระเบียงของคาเฟ่

แววตาของบลิสที่พบหันมาพบเธอเริ่มเปล่งประกายขึ้นมา

“มาร์เชอเนสวินเซนต์! ”

เจสซี่เริ่มรู้สึกสังหรณ์บางอย่างเมื่อแอนนี่แสดงสีหน้ายินดีตามไปด้วย

ทำไมซาร่าต้องผ่านมาที่นี่ เวลานี้ด้วยนะ ไม่สิ ซาร่ามักจะแวะไปที่วิทยาลัยและผ่านทางนี้เสมออยู่แล้ว นี้อาจจะเป็นเพราะพวกเธอมาที่คาเฟ่ฟลาวเวอร์เมาน์เทนผิดเวลาละนะ

แม้จะคิดเช่นนั้น แต่บทสรุปมีอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือไม่ว่าจะยังไงก็คงจะไม่ได้กลับไปเร็วๆ นี้แน่

***

“รู้สึกอึดอัดที่มีบลิสอยู่ด้วยหรือคะ เป็นเพราะดิฉันตัดสินใจทุกอย่างตามใจตัวเองมากไปใช่ไหมคะ”

หลังจากตรวจดูสภาพของบลิสและออกมามาจากห้องนอน อาเรียก็ถามอาซขึ้นมาในขณะที่กำลังเดินไปยังห้องทำงาน จากนั้นอาซก็รีบส่ายปฏิเสธในทันที

“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะครับ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอนครับ ไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ผมสาบานได้เลยครับ”

ทว่าเขากลับร่ายคำปฏิเสธออกมามากเกินควร ทั้งๆ ที่ตอบว่าไม่ใช่ก็เพียงพอแล้วแท้ๆ

และเพราะอาซทำตัวไม่เหมือนปกติ เขาปฏิเสธออกมาหลายครั้งเกินไป นั่นยิ่งทำให้แววตาของอาเรียฉายความสงสัยออกมามากยิ่งขึ้น

เธอจ้องอาซเขม็ง และค่อยๆ พูดออกมาว่า

“อึดอัดสินะคะ”

และนั่นทำให้อาซตระหนักได้ว่าตัวเองตอบมากเกินจำเป็น

“…ผมไม่ได้อึดอัดจริงๆ นะครับ”

อาซหยุดพูดก่อนจะตอบออกไป เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดมันออกไปอย่างไรดี

“ถ้าอย่างนั้นมันอะไรกันล่ะคะ สีหน้าที่เหมือนกับมีอะไรปิดบังอยู่แบบนั้น”

เมื่อเขาไม่ยอมพูดความจริงออกมาง่ายๆ อาเรียจึงแสดงความเสียใจออกไปตรงๆ และถามว่าเขามีความลับต่อเธอได้อย่างไรกัน

“นั่นสินะคะ จะมีความลับก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่คะ ฉันคงทำเป็นเรื่องใหญ่มากเกินไป ถ้าไม่อยากพูดละก็ ไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ค่ะ ฉันต้องเข้าใจว่าไม่ควรใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้”

สีหน้าของเธอดูเจ็บปวดไม่เหมือนกับคนที่บอกว่าเข้าใจเลย แถมยังพูดแต่ละคำออกมาเสียยาวเหยียดอีกต่างหาก

อาซหวั่นเกรงและรีบขอโทษขอโพยออกมา

“ไม่ใช่นะครับ เป็นความผิดของผมเอง ทั้งที่ผมควรจะบอกเรื่องทั้งหมดให้รู้แต่แรกแท้ๆ ”

ทั้งที่พูดเผื่อเอาไว้เท่านั้น แต่กลับเป็นจริงขึ้นมา  อาซติดกับคำพูดลองใจของอาเรียอย่างง่ายดาย

อาเรียสลัดสีหน้าเจ็บปวดทิ้งไปและเชิดคางขึ้นราวกับจะให้โอกาสอาซได้พูดอธิบายสักครั้งหนึ่ง

“ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับบลิสน่ะครับ เธอขอร้องให้เก็บเป็นความลับและผมก็สัญญาเอาไว้แล้ว…แต่ยังไงเล่าให้คุณฟังก็คงจะดีกว่า ทีแรกผมคิดว่าจะบอกให้รู้หลังจากที่จัดการสถานการณ์ต่างๆ เรียบร้อยดีแล้วครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี”

อาซค่อยๆ พูดออกมา พร้อมกับสีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นว่าอาซหยุดพูดขึ้นมาระหว่างนั้น อาเรียก็คิดว่านั่นคงเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะพูดออกมาได้

มันคือเรื่องอะไรกันแน่นะ

แม้จะรู้สึกสงสัย แต่อีกด้านหนึ่งเธอก็คิดว่าความลับที่เขาซ่อนไว้นั้นมันสำคัญมากขนาดไหน ถึงพูดออกมาได้ยากเย็นเช่นนี้

“เพราะอย่างนั้นแล้ว บลิสน่ะ-“

“ช่างเถอะค่ะ”

เพราะอย่างนั้น อาเรียจึงปล่อยอาซที่กำลังฝืนพูดออกมาให้รอดตัวไป

ทั้งที่พูดแค่ประโยคเดียวก็สิ้นเรื่องแล้วแท้ๆ แต่จู่ๆ อาเรียก็บอกว่าจะไม่ฟังขึ้นมาเสียอย่างนั้น อาซได้แต่กะพริบตาปริบๆ

“หมายความว่า…อย่างไรครับ”

“ถึงขนาดสัญญาเอาไว้แล้ว จะให้ทำผิดสัญญาก็ไม่ถูกต้องสิคะ ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ถ้าฉันได้ฟังมันเข้าละก็ คุณก็คงจะสูญเสียความเชื่อใจจากบลิสไปแน่ๆ ”

อาเรียลูบแก้มอาซซึ่งกำลังทำตาโตตกใจกับความใส่ใจที่ไม่ทันคาดคิด เธอพูดต่อไปว่า

“นอกจากนั้น ไม่มีทางที่ฉันจะไม่รู้ความลับของบลิสที่ท่านอาซเป็นคนค้นพบไปตลอดหรอกค่ะ”

ที่จริงแล้วนี่เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับใจจริงของอาเรียมากที่สุด

ก็แค่ความลับของเด็กตัวเล็กๆ อายุเจ็ดขวบเท่านั้น ในเมื่ออาซล่วงรู้ถึงความลับนั่นได้ภายในวันเดียว ยังไงเธอก็ต้องรู้ถึงมันเข้าสักวันแน่ๆ

“ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่มากแค่ไหน แต่หลังจากที่ฉันสืบได้แล้ว หน้าผากเล็กๆ แสนเจ้าเล่ห์นั่นคงต้องโดนเขกเข้าสักทีแล้วค่ะ”

อาเรียยิ้มขึ้นมาอย่างน่ากลัว ต่างกับสัมผัสมืออันอ่อนโยนที่กำลังลูบแก้มของอาซ

คล้ายกับว่าเธอยอมรับคำท้าทายแสนน่ารักของบลิสเข้าแล้ว

อาซพ่นลมหายใจออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง โชคดีที่เขาไม่ต้องเสียความน่าเชื่อถือจากใครไป และสิ่งที่กังวลมาตลอดนั้น กลับไร้ความหมายไปโดยสิ้นเชิง

อาซคิดว่าคงจะดีหากเอาเรื่องนั้นมาปรึกษากับอาเรีย โดยที่ไม่ต้องปิดบังและจัดการมันด้วยตัวคนเดียว

“ถึงจะพูดแบบนั้นก็ตาม แต่ดิฉันก็ไม่คิดจะมองข้ามเรื่องที่ท่านอาซมีความลับต่อดิฉันหรอกนะคะ เพราะดิฉันไม่ใช่คนจิตใจดีแบบนั้นเสียหน่อย”

เพิ่งจะโล่งอกได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น จู่ๆ อาเรียก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง

แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่อาซคาดเอาไว้ เขาจับมือของอาเรียที่ผละออกจากแก้มของตนขึ้นมา และส่งสายตาคาดหวังให้เธอ

“ไม่ว่าจะลงโทษอะไร ผมก็ยินดีทั้งนั้นครับ เชิญดุด่าสามีแย่ๆ ที่กล้ามีความลับกับภรรยาคนนี้แรงๆ  ด้วยเถอะครับ”

ว่าแล้วก็ประสานนิ้วมือของตนเองเข้ากับนิ้วมือของอาเรียที่กำลังจับอยู่อย่างแผ่วเบา ไม่รู้ว่าอยากจะโดนอาเรียด่า หรือว่าอยากจะยั่วยวนกันแน่

อาเรียยิ้มและตอบออกไปว่าเธอจะทำอย่างนั้นแน่ จากนั้นก็ชักมือตัวเองกลับมาอย่างไร้เยื่อใย

“ดิฉันจะทำอย่างนั้นแน่นอนค่ะ ถึงจะไม่ได้ทำเดี๋ยวนี้ แต่รู้ไว้ด้วยนะคะว่าท่านอาซต้องจ่ายค่าทดแทนในภายหลัง”

“ครับผม”

หัวใจของอาซเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง แม้จะไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนแบบไหน แต่เขาก็ตัดสินใจกับตัวเองว่าจะต้องทำให้อาเรียพอใจไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม

“แต่ก่อนอื่น ทานมื้อสายด้วยกันก่อนแล้วค่อยไปดีไหมคะ ถือซะว่าทานบรันช์แล้วกันค่ะ”

อาซพยักหน้าต่อคำถามของอาเรียทันที

แม้จะห่วงว่าบลิสจะเลิกแกล้งหลับแล้วรึยังแต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธการรับประทานอาหารเช้ากับอาเรียได้

‘ไม่เป็นไรหรอก ค่อยไปหาหลังจากทานเสร็จแล้วกัน’

ถึงจะซุ่มซ่ามและสะเพร่ามากเพียงใด แต่ในระหว่างนั้นคงไม่ถูกใครจับได้ว่าตื่นอยู่หรอกน่า

อาซคิดเช่นนั้นและมุ่งหน้าไปยังห้องอาหารกับอาเรีย

ในระหว่างที่อาหารถูกเตรียมอยู่นั้น อาเรียได้เรียกรูบี้เข้ามาและอธิบายสถานการณ์ให้ฟังอย่างคร่าวๆ พร้อมทั้งกำชับคำสั่งไว้ในหลายๆ เรื่องด้วย

“สุดท้ายแล้ว ช่วยบอกเลดี้โคลซี่ด้วยนะว่าฉันจะไปหาในภายหลัง มันไม่ใช่การก่อกวนด้วยเจตนามุ่งร้ายแต่อย่างใด บอกเธอไปว่าไม่จำเป็นต้องตัดชุดใหม่มาหรอก”

“…เข้าใจแล้วค่ะ พระชายา ดิฉันจะจัดการให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้พระชายาเป็นกังวลค่ะ”

คำอธิบายส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความผิดพลาดของบลิสที่เพิ่งเข้ามาในพระราชวังเป็นครั้งแรก แล้วรูบี้ก็รีบออกไปพร้อมกับสีหน้าที่ดูเคร่งเครียด

***

หลังจากรับประทานอาหารกับอาเรียอย่างสบายๆ แล้ว อาซก็มาส่งเธอที่ห้องทำงาน จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องนอนที่บลิสอยู่

เพราะเวลาผ่านไปค่อนข้างนาน อาซจึงคิดว่าบลิสคงจะเลิกนอนหลับปลอมๆ ไปนานแล้ว เธอคงกำลังเดินวนไปมาทั่วห้องนอนอยู่ในตอนนี้

‘ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็คงดี’

เพราะอาเรียสั่งให้เจสซี่คอยดูแลบลิสไปแล้ว จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด แต่ทำไมฉันถึงเอาแต่นึกภาพบลิสกระโดดโลดเต้นอยู่ในห้องนอนกันนะ

เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าเจสซี่จะรายงานสิ่งที่ได้เห็นได้ฟังทุกอย่างให้อาเรียฟัง หากว่าเธอเห็นบลิสตื่นอยู่ละก็ ได้กลายเป็นเรื่องยุ่งยากแน่

เมื่อคิดมาถึงตรงนั้นแล้ว อาซก็ใจร้อนขึ้นมา เขารีบสังเกตดูรอบข้างก่อนจะใช่พลังเคลื่อนที่ในทันที

อาซหวังว่าตัวเองจะเดาผิดไป เขารีบผลักประตูเปิดออกโดยไม่เคาะประตูหรือให้สัญญาณก่อนเลย

“…! ”

แต่โชคร้ายที่บลิสไม่ได้อยู่ที่นั่น อาซถอนหายใจออกมาเล็กน้อย และยกฝ่ามือขึ้นมาปิดตา

ลางสังหรณ์ใหม่กำลังบอกเขาว่าในเวลาไม่เกินหนึ่งวัน อาเรียจะต้องจับได้แน่ๆ

……………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+