The Overlord of Blood and Iron 64: บทสรุปของสงคราม
The Overlord of Blood and Iron
ตอนที่ 64: บทสรุปของสงคราม
คังชอลอินไม่คิดสนใจเอลิซาเบทที่ได้ตายด้วยน้ํามือของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงเช็ดคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนมือออกแล้วเดินจากไป
คนบ้าคลั่งที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลก็เป็นได้แค่เพียงคนบ้าเท่านั้น
“ดูไม่ดีเท่าไหร่เลยแฮะ”
คังชอลอินพึมพํากับตัวเอง
หากเขาใช้ดาบแทนการโจมตีคนจนตายด้วยหมัดที่เปลือยเปล่าเช่นนี้ การโจมตีของเขาจะดูไม่รุนแรงและโหดร้ายมากขนาดนั้น
“ต้องรีบหาอาวุธใหม่โดยเร็ว”
คังชอลอินตัดสินใจได้ในทันทีว่าเขาต้องตามหาอาวุธใหม่ที่อย่างน้อยก็ต้องมีระดับพิเศษที่แตกต่างไปจากคนอื่นมาใช้ข้างกายโดยเร็ววัน
เขาไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้ด้วยหมัดเปลือยเปล่าของเขาทุกครั้งที่ใช้ทักษะ เต็มพิกัดเขาไม่ได้เป็นนักมวยมืออาชีพที่จะปล่อยพลังหมัดได้อย่างเต็มที่มากได้ขนาดนั้น
“คงต้องลงไปหาที่ดันเจี้ยนหรือที่ซากปรักหักพังที่ไหนสักแห่ง
ในขณะที่คิดเกี่ยวกับอาวุธใหม่ไปพลาง ๆ คังชอลอินก็ได้ตระหนักว่ามีบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากปกติจึงหยุดเดิน
“ทําไม?”
แล้วนั่นทําให้คังชอลอินต้องรู้สึกประหลาดใจ
“ทําไมทุกคนต่างจ้องมองมาที่ข้า?”
กับความกดดันที่ได้รับจากสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมา
เมื่อเขาโจมตีเอลิซาเบธจนนางพ่ายแพ้ การต่อสู้ที่ได้ดําเนินจนมาถึงจุดสิ้นสุดได้ทําให้ทหารทั้งหลายต่างจ้องมองมาที่เขาพลางอ้าปากค้าง
มันเข้าใจได้ง่าย
เอลิซาเบธเป็นดั่งเทพแห่งสงครามสําหรับทหารของเครต้าแล้วยังเป็นดั่งปีศาจกระหายเลือดแก่ทหารโดราโด้
ก่อนที่คังชอลอินจะมาปรากฏตัว นางคือผู้ควบคุมการสู้รบทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้
“ผู้บัญชาการของเรา…”
“ทรงพลังอย่างมาก! ผู้บัญชาการของเราช่างทรงพลังอย่างมาก!”
“เทพแห่งสงครามที่แท้จริง!”
หลังชื่นชมถึงพลังอันแข็งแกร่งของคังชอลอินแล้วนั้น พวกเขาต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องเพื่อสรรเสริญเขาไปพร้อม ๆ กับแสดงความยินดีถึงชัยชนะที่ได้รับกลับมา
มันจําเป็นต้องส่งเสียงดังและวุ่นวายถึงขนาดนี้กับการกําจัดขยะชิ้นหนึ่งเชียวหรือ?” คังชอลอินคิดกับตัวเองเพียงลําพังขณะทําตัวไม่ถูกกับเสียงร้องที่ได้รับอย่างกระตือรือร้น
“ซอลอิน!”
และในความสับสนวุ่นวายนั้น ลีแชรินก็ได้มาปรากฏตัว
“นั่น!องค์ราชันย์ลีแชริน! ท่านลีแชรินจงเจริญ! ท่านลีแชรินจงเจริญ!”
ลีแชรินเองก็ได้รับเสียงตอบรับที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่านางสมควรจะได้รับสิทธิ์นั้น
หากไม่ใช่เพราะนาง ดินแดนโดราโด้คงได้กลายเป็นอาณานิคมของเครต้าหรือไม่ก็เทมเพเมนไปแล้วในตอนนี้
“พวกท่านทั้งสองต่างก็มีผมสีดํากันทั้งคู่และเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก!”
“ผู้บัญชาการ! ราชันย์ของพวกเราไม่งดงามเลยหรือขอรับ?!”
“ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกท่านจะได้ครองรักกันนะขอรับ!”
“ พันธมิตรนิรันดร์ระหว่างลาพิวต้าและโดราโด้!”
เสียงจํานวนมากเริ่มดังขึ้นเมื่อพวกเขาแต่ละคนเห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดีและพวกเขาสมควรที่จะได้แต่งงานด้วยกัน
เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นชาวเอเชียที่มีผมและนัยน์ตาสีดําจนทุกคนคิดว่าพวกเขาคือคู่แท้
“ตะ แต่งงานกับชอลอิน…?”
ใบหน้าของลีแชรินเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ถ้าเราได้แต่งงานกับเขา
ลีแชรินวาดภาพแห่งความฝันในจินตนาการว่าตัวนางกําลังได้เข้าพิธีแต่งงานกับคังชอลอิน
การแต่งงานจะเกิดที่ลาพิวต้าหรือไม่? หรือจะเป็นที่โดราโด้?
หรืออาจเป็นที่โบสถ์บนโลกอีกฝั่งกัน?
เพราะพ่อแม่ของพวกเขาทั้งคู่ไม่สามารถมาที่แพนเจียแห่งนี้ได้บางทีพวกเขาอาจจะต้องทําพิธีที่นั่น
“เฮ้อ..นี่เรากําลังคิดอะไรอยู่กัน..มันไม่มีทางเกิดขึ้นไปได้หรอก”
แม้ลีแชรินจะจินตนาการถึงภาพในอนาคตแต่ในไม่ช้านางก็ต้องรู้สึกหดหูใจขึ้นมา
พวกเขาไม่แม้แต่จะเคยจับมือหรือจุมพิตกันมาก่อน
และถึงแม้นางจะพยายามลักขโมยจูบเขาอย่างลับ ๆ แต่มันก็ล้มเหลวไปในที่สุด
“หยุด!”
ในขณะที่ลีแชรินกําลังคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ไปเรื่อยกับตัวเอง คังชอลอินก็ได้ยกมือขึ้นเพื่อทําสัญลักษณ์ให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
“มันยังไม่จบ” คังชอลอินกล่าว
“คนที่ยอมจํานนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสมและนําตัวกลับไปยังโดราโด้ ส่วนผู้ที่คิดต่อต้านจะถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี จงจบชีวิตของคนที่กําลังทุกข์ทรมานที่ไม่สามารถนํากลับคืนมาได้และช่วยชีวิตคนที่รอดให้ได้มากเท่าที่สุด”
เขาต้องการให้ทหารจัดการทําความสะอาดกับสิ่งที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ให้เสร็จสิ้น
“เราชนะแล้วและในเมื่อเราเป็นผู้ชนะก็ควรจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลําบากนี้เพื่อทําให้สงครามจบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แบบ มันจะเป็นชัยชนะที่แท้จริงหากเราสามารถดูแลทุกอย่างได้ในภายหลัง”
ลีแชรินตกตะลึงท่ามกลางความเงียบเนื่องจากการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานก่อนหน้านางรู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับความรวดเร็วของคังชอลอินที่เปลี่ยนไปเรื่องอื่นและไม่คิดมีท่าที่สนใจต่อคําพูดของทหารมาก่อน
“เฮ้อ…เพียงชั่วพริบตาเจ้าก็ไม่คิดถึงสิ่งนั้นบ้างเลยหรือ” นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ส่วนคังชอลอินที่รู้สึกว่าเรื่องราวเกี่ยวกับการแต่งงานนั้นช่างไร้สาระและอาจถูกหยิบยกขึ้นมาพูดขึ้นได้อีกครั้งจึงตัดสินใจออกจากสนามรบไปโดยเร็ว
ขณะนั้นเอง
“องค์ราชันย์”
ไมเคิล อัศวินสิงห์ขาวได้เดินเข้าหาคังชอลอิน
“เจ้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้นหรือไม่?” คังชอลอินเอ่ยถาม
“ไม่ ไม่ใช่ขอรับ” ไมเคิลส่ายหน้าปฏิเสธ
“ข้าเองก็มีตาเช่นกันนะขอรับ ข้าจะไปคิดต่อกรกับท่านผู้ยิ่งใหญ่ได้เช่นไร”
“เช่นนั้นแล้วมีอะไร? หรือเจ้ากําลังบอกให้ข้ารับเจ้าเข้าดูแลในฐานะนักโทษ?”
สําหรับไมเคิลแล้ว คําพูดของคังชอลอินเปรียบได้ดั่งดาบที่แหลมคม
ไม่ใช่เพราะเขาคิดหันหลังให้กับเอลิซาเบธแต่เป็นเพราะเขาไม่คิดไม่ฟังคําเตือนของเค้งชอลอินมาตั้งแต่ต้น
แน่นอนว่าการกระทําตามคําเตือนของคังชอลอินในภายหลังอาจจะทําให้พวกเขาดู ไม่น่าชื่นชมเท่าที่ควร
“หากเจ้าคิดยอมแพ้แล้วขาก็ไม่คิดฆ่าเจ้าอีกต่อไป จงวางใจได้”
“ไม่ขอรับ ข้าไม่ได้ต้องการจะมาพูดถึงเรื่องนั้น”
“หือ?”
“องค์ราชันย์”
ทันใดนั้นไมเคิลก็คุกเข่าลงต่อหน้าคังชอลอินพร้อมกับอัศวินสิงห์ขาวคนอื่น ๆ ที่ติดตามมาอยู่ด้านหลัง
“ข้าต้องการรับใช้องค์ราชันย์เช่นท่านขอรับ!”
“หากท่านยอมรับพวกข้า ข้าขอมอบสัญญาว่าจะภักดีต่อท่านผู้ยิ่งใหญ่ไปตลอดกาลอย่างแน่นอนขอรับ!”
ด้วยคําพูดเช่นนั้น ไมเคิลได้ก้มศีรศะจรดแนบกับพื้น
“โอ้???”
คังชอลอินยกยิ้มพอใจเมื่อได้รับพรรคพวกเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด
เขากําลังรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
เดิมที่คังชอลอินเองก็กําลังรู้สึกหดหูอย่างมากที่เอลิซาเบธได้มีอัศวินที่ซื่อสัตย์เช่นนี้ มันเป็นความจริงที่เขาถูกล่อลวงโดยอัศวินกลุ่มนี้เพื่อให้ได้มาเป็นพรรคพวกเดียวกันมากกว่าตัวของเอลิซาเบธ
และในตอนนี้ไมเคิลผู้นําอัศวินก็ได้เข้ามาเสนอการรับใช้คังชอลอินด้วยตัวเองเช่นนี้แล้วจะไม่ให้เขามีความสุขไปได้อย่างไรกัน
“อัศวินไม่อาจอยู่ได้โดยไม่ได้รับใช้ราชันย์ แทนที่จะพลิกแผ่นดินเพื่อตามหาราชันย์องค์ใหม่ในเมื่อมีราชันย์ที่ยอดเยี่ยมอยู่ตรงหน้าเช่นนี้แล้วข้าคิดว่ามันสมควรเป็นยิ่งที่จะขอติดตามรับใช้ท่านขอรับ”
ไมเคิลแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของตัวเขาอีกครั้งเพื่อบอกให้คังชอลอินได้รับรู้ว่าเขาต้องการรับใช้คังชอลอินมากเพียงใด
หัวใจอัศวินเช่นเอลิซาเบธสําหรับพวกเขาได้จบสิ้นชีวิตลงไปแล้ว คังชอลอินคือราชันย์ที่ยิ่งใหญ่อย่างมากที่พวกเขาต้องการเข้าร่วม
เขามีความกล้าหาญในการต่อสู้ที่น่าทึ่งรวมถึงเสน่ห์ด้านความแข็งแกร่งที่น่าจับใจ
“ชอลอินทําไมเจ้าไม่ยอมรับพวกเขาเสียล่ะ? อย่างที่เจ้าได้เห็นไปก่อนหน้า พวกเขาต่างก็มีทักษะที่มากมายเช่นกัน ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะต้องเป็นประโยชน์ต่อเจ้าได้มากอย่างแน่นอน”
“พูดกันตามตรง…” คังชอลอินเริ่มพูด
“ข้าต้องการตัวพวกเขามาตั้งแต่ต้น”
และเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเหล่าอัศวินก็ดูแจ่มใสขึ้นมาในทันใด
“ไมเคิล”
“ขอรับ”
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะพิสูจน์ความภักดีตลอดกาลของเจ้าได้อย่างไร และเมื่อข้าบอกว่าไม่สนใจนั่นหมายถึงข้าไม่สนใจจริง ๆ” เขาไม่คิดถามหาถึงสิ่งนั้นดังที่พูด
“เป้าหมายของข้าคือการยึดครองทุกดินแดนเพื่อครอบครองแพนเจียทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวเจ้ามีความสามารถจะช่วยข้าทําในสิ่งนั้นหรือไม่? แน่นอนว่ามันจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย ๆ ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอยู่รอดแต่ความตายต่างหากที่ง่ายที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าอาจตายในดินแดนอื่นซึ่งอาจถูกสังหารโดยทหารนิรนาม”
“ข้าไม่คิดสนใจขอรับ” ไม่เคิลพูดตอบ
“ได้ ไม่เคิล ข้าขอประกาศแต่งตั้งให้เจ้าและคนของเจ้าเป็นอัศวินสิงห์ขาวแห่งดินแดนลาพิวต้านับตั้งแต่บัดนี้”
“ดั่งที่ข้าบอกไว้ก่อนหน้า ข้าต้องการตัวพวกเจ้ามาตั้งแต่ต้นนับจากนี้ไปเพียงแสดงให้ข้าได้ เห็นถึงสิ่งที่ดีที่สุดของเจ้าซะ”
ทันทีที่คังชอลอินยอมรับไมเคิลและหน่วยอัศวินสิงห์ขาว พวกเขาก็เตรียมกล่าวคําสาบานตามธรรมเนียมอัศวินแต่ทว่า…
“เราจะข้ามขั้นตอนนั้นไป”
คังชอลอินไม่ชอบการทําพิธีรีตองอะไรมากมาย
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะสาบานว่าจะจงรักภักดีมากเพียงใด แสดงให้ข้าได้เห็นผ่านการกระทําของเจ้าโดยตรงแทนซะ”
ด้วยเหตุนี้ สงครามแห่งการทวงคืนนี้ด้าเวลเลียร์จึงได้สิ้นสุด
“อืม..ได้กลับมาค่อนข้างมากทีเดียว”
ขณะมองดูรายงานสิ่งต่าง ๆ ที่คังชอลอินได้รับหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาเกือบเดือน คังชอลอินค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่เขาได้รับกลับมาเป็นอย่างมาก
สิ่งของที่เขาได้รับกลับมาในครั้งนี้นั้นได้แก่
– ระดับราชันย์ที่ถูกเลื่อนขึ้น
– คนแคระที่เป็นทาส 47 คน
– พลเรือนจากดินแดนเทเพเมน 756 คน (ชาย 256 คน หญิง 500 คน)
– 2,784 ทอง
– อัศวินสิงห์ขาว (ไมเคิลและอัศวินอีก 26 นาย)
– นี่ลัสอาร์คนักเวทย์ระดับ SS
– กําไร 40% จากนี้ด้าเวลเลียร์เป็นเวลา 10 ปี
แม้ว่าเขาจะใช้จ่ายเงินไปเป็นจํานวนมากจากการใช้กองทัพจักรวาลไปยังที่นั่นที่นี่ แต่ก็เป็นความจริงที่เขาได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้กลับมา ทุกสิ่งที่เขาได้รับล้วนแต่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น
“ข้าว่าคงถึงเวลาที่ข้าต้องกลับได้แล้ว”
ทันทีที่ทุกอย่างสิ้นสด
งสิ้นสุดคังชอลอินก็ได้ตัดสินใจเดินทางกลับลาพิวต้าในทันที
“ตอนนี้เลยน่ะหรือ? เจ้าพอจะสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้อีกสองสามวันหรือไม่…พลเรือนชาวโดราโด้ต้องการเห็นหน้าเจ้าอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต”
“หากเจ้ายังแสดงต่อพวกเขาเช่นนั้นมันจะเป็นดั่งขี้สนิม”
แห้ะ?”
“มุกตลกน่ะ”
ลีแชรินรู้สึกสับสนกับเรื่องตลกที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของเขา ดูเหมือนว่าคังชอลอินจะไม่มีความสามารถในด้านนี้มากเท่าไหร่นัก
“ข้ามีงานต้องกลับไปทํา”
“เหตุใดเจ้าถึงได้ดูยุ่งอยู่ตลอดเวลา?”
“ข้าต้องรีบสร้างรายได้ให้กับดินแดนเพื่อที่ข้าและคนของข้าจะได้มีกินมีใช้” คังชอลอินตอบกลับด้วยน้ําเสียงเหนื่อย ๆ
“อย่างนั้นเองหรือ โอ้ ชอลอิน ข้ามีคําถาม”
“อะไร?”
“ข้าสามารถไปเยี่ยมชมดินแดนของเจ้าเป็นครั้งคราวได้หรือไม่? ในเมื่อท้ายที่สุดเราต่างก็มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน”
“ตามแต่ที่เจ้าต้องการ
คังชอลอินพยักหน้าราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไร เพราะไม่ใช่ว่าเขาจะไปไหนมาไหนมากมายตั้งแต่ที่ได้มีนางเข้ามาอยู่ในชีวิต มันไม่มีเหตุผลให้ต้องหยุดความต้องการของนาง
“แล้วเรื่องที่บ้านของเจ้าล่ะ?”
“นั่น…”
“ที่เจ้าเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เพราะถูกกดดันเรื่องการแต่งงานอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
“ข้าจะดูแลแม่ของเจ้าให้เอง เพราะเจ้าได้เป็นพันธมิตรกับข้าแล้วผู้มีพระคุณของเจ้าก็ถือเป็นพันธมิตรของข้าด้วยเช่นกัน ข้าเองก็ควรจัดการดูแลในส่วนนี้ให้ดี”
ลีแชรินเผยไพลับที่นางเก็บซ่อนไว้ออกมาในที่สุด นางตั้งใจจะใช้โอกาสในการดูแลแม่ของคั่งชอลอินครั้งนี้เพื่อเข้าใกล้เขามากยิ่งขึ้นโดยที่เขาไม่ทันได้รู้ตัว
“อืมมม..”
คังชอลอินที่หวาดกลัวต่อปาร์คซุนจาผู้เป็นแม่ของเขามากที่สุดไม่สามารถปฏิเสธต่อข้อเสนอของนางได้
“เช่นนั้น ข้าก็ต้องขอฝากไว้ที่เจ้าสักพัก”
“ตกลง!”
“แค่พักหนึ่ง”
“แน่นอน –
และด้วยสิ่งนี้ คังชอลอินและลีแชรินต่างก็ได้ทําสัญญาต่อกันจนเสร็จสิ้นและทําให้สถานการณ์ทุกอย่างกลับสู่สิ่งที่ควรจะเป็นได้อย่างหมดจด
คังชอลอินปล่อยให้โพดอลส์ก็จัดการกับเรื่องราวที่เหลืออยู่ต่อในขณะที่เขาตั้งใจจะเดินทางกลับโลกอีกฝั่งแทนที่จะเป็นลาพิวต้า
“ผู้ชายคนนั้นใช่ตัวควักจองจริง ๆ หรือไม่?
เขาต้องการตรวจสอบว่าเสือดําจะใช่ควักจองที่เขากําลังตามหาอยู่จริง ๆ หรือเปล่า
อีกทั้งแผนการทําธุรกิจกับชายชราควอนเองก็สําคัญด้วยเช่นกันเขาวางแผนที่จะอยู่บนโลกไปอีกซักพักเพื่อสร้างธุรกิจที่เชื่อมโยงถึงแพนเจีย
Comments
The Overlord of Blood and Iron 64: บทสรุปของสงคราม
The Overlord of Blood and Iron
ตอนที่ 64: บทสรุปของสงคราม
คังชอลอินไม่คิดสนใจเอลิซาเบทที่ได้ตายด้วยน้ํามือของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงเช็ดคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนมือออกแล้วเดินจากไป
คนบ้าคลั่งที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลก็เป็นได้แค่เพียงคนบ้าเท่านั้น
“ดูไม่ดีเท่าไหร่เลยแฮะ”
คังชอลอินพึมพํากับตัวเอง
หากเขาใช้ดาบแทนการโจมตีคนจนตายด้วยหมัดที่เปลือยเปล่าเช่นนี้ การโจมตีของเขาจะดูไม่รุนแรงและโหดร้ายมากขนาดนั้น
“ต้องรีบหาอาวุธใหม่โดยเร็ว”
คังชอลอินตัดสินใจได้ในทันทีว่าเขาต้องตามหาอาวุธใหม่ที่อย่างน้อยก็ต้องมีระดับพิเศษที่แตกต่างไปจากคนอื่นมาใช้ข้างกายโดยเร็ววัน
เขาไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้ด้วยหมัดเปลือยเปล่าของเขาทุกครั้งที่ใช้ทักษะ เต็มพิกัดเขาไม่ได้เป็นนักมวยมืออาชีพที่จะปล่อยพลังหมัดได้อย่างเต็มที่มากได้ขนาดนั้น
“คงต้องลงไปหาที่ดันเจี้ยนหรือที่ซากปรักหักพังที่ไหนสักแห่ง
ในขณะที่คิดเกี่ยวกับอาวุธใหม่ไปพลาง ๆ คังชอลอินก็ได้ตระหนักว่ามีบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากปกติจึงหยุดเดิน
“ทําไม?”
แล้วนั่นทําให้คังชอลอินต้องรู้สึกประหลาดใจ
“ทําไมทุกคนต่างจ้องมองมาที่ข้า?”
กับความกดดันที่ได้รับจากสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมา
เมื่อเขาโจมตีเอลิซาเบธจนนางพ่ายแพ้ การต่อสู้ที่ได้ดําเนินจนมาถึงจุดสิ้นสุดได้ทําให้ทหารทั้งหลายต่างจ้องมองมาที่เขาพลางอ้าปากค้าง
มันเข้าใจได้ง่าย
เอลิซาเบธเป็นดั่งเทพแห่งสงครามสําหรับทหารของเครต้าแล้วยังเป็นดั่งปีศาจกระหายเลือดแก่ทหารโดราโด้
ก่อนที่คังชอลอินจะมาปรากฏตัว นางคือผู้ควบคุมการสู้รบทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้
“ผู้บัญชาการของเรา…”
“ทรงพลังอย่างมาก! ผู้บัญชาการของเราช่างทรงพลังอย่างมาก!”
“เทพแห่งสงครามที่แท้จริง!”
หลังชื่นชมถึงพลังอันแข็งแกร่งของคังชอลอินแล้วนั้น พวกเขาต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องเพื่อสรรเสริญเขาไปพร้อม ๆ กับแสดงความยินดีถึงชัยชนะที่ได้รับกลับมา
มันจําเป็นต้องส่งเสียงดังและวุ่นวายถึงขนาดนี้กับการกําจัดขยะชิ้นหนึ่งเชียวหรือ?” คังชอลอินคิดกับตัวเองเพียงลําพังขณะทําตัวไม่ถูกกับเสียงร้องที่ได้รับอย่างกระตือรือร้น
“ซอลอิน!”
และในความสับสนวุ่นวายนั้น ลีแชรินก็ได้มาปรากฏตัว
“นั่น!องค์ราชันย์ลีแชริน! ท่านลีแชรินจงเจริญ! ท่านลีแชรินจงเจริญ!”
ลีแชรินเองก็ได้รับเสียงตอบรับที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่านางสมควรจะได้รับสิทธิ์นั้น
หากไม่ใช่เพราะนาง ดินแดนโดราโด้คงได้กลายเป็นอาณานิคมของเครต้าหรือไม่ก็เทมเพเมนไปแล้วในตอนนี้
“พวกท่านทั้งสองต่างก็มีผมสีดํากันทั้งคู่และเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก!”
“ผู้บัญชาการ! ราชันย์ของพวกเราไม่งดงามเลยหรือขอรับ?!”
“ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกท่านจะได้ครองรักกันนะขอรับ!”
“ พันธมิตรนิรันดร์ระหว่างลาพิวต้าและโดราโด้!”
เสียงจํานวนมากเริ่มดังขึ้นเมื่อพวกเขาแต่ละคนเห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดีและพวกเขาสมควรที่จะได้แต่งงานด้วยกัน
เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นชาวเอเชียที่มีผมและนัยน์ตาสีดําจนทุกคนคิดว่าพวกเขาคือคู่แท้
“ตะ แต่งงานกับชอลอิน…?”
ใบหน้าของลีแชรินเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ถ้าเราได้แต่งงานกับเขา
ลีแชรินวาดภาพแห่งความฝันในจินตนาการว่าตัวนางกําลังได้เข้าพิธีแต่งงานกับคังชอลอิน
การแต่งงานจะเกิดที่ลาพิวต้าหรือไม่? หรือจะเป็นที่โดราโด้?
หรืออาจเป็นที่โบสถ์บนโลกอีกฝั่งกัน?
เพราะพ่อแม่ของพวกเขาทั้งคู่ไม่สามารถมาที่แพนเจียแห่งนี้ได้บางทีพวกเขาอาจจะต้องทําพิธีที่นั่น
“เฮ้อ..นี่เรากําลังคิดอะไรอยู่กัน..มันไม่มีทางเกิดขึ้นไปได้หรอก”
แม้ลีแชรินจะจินตนาการถึงภาพในอนาคตแต่ในไม่ช้านางก็ต้องรู้สึกหดหูใจขึ้นมา
พวกเขาไม่แม้แต่จะเคยจับมือหรือจุมพิตกันมาก่อน
และถึงแม้นางจะพยายามลักขโมยจูบเขาอย่างลับ ๆ แต่มันก็ล้มเหลวไปในที่สุด
“หยุด!”
ในขณะที่ลีแชรินกําลังคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ไปเรื่อยกับตัวเอง คังชอลอินก็ได้ยกมือขึ้นเพื่อทําสัญลักษณ์ให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
“มันยังไม่จบ” คังชอลอินกล่าว
“คนที่ยอมจํานนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสมและนําตัวกลับไปยังโดราโด้ ส่วนผู้ที่คิดต่อต้านจะถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี จงจบชีวิตของคนที่กําลังทุกข์ทรมานที่ไม่สามารถนํากลับคืนมาได้และช่วยชีวิตคนที่รอดให้ได้มากเท่าที่สุด”
เขาต้องการให้ทหารจัดการทําความสะอาดกับสิ่งที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ให้เสร็จสิ้น
“เราชนะแล้วและในเมื่อเราเป็นผู้ชนะก็ควรจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลําบากนี้เพื่อทําให้สงครามจบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แบบ มันจะเป็นชัยชนะที่แท้จริงหากเราสามารถดูแลทุกอย่างได้ในภายหลัง”
ลีแชรินตกตะลึงท่ามกลางความเงียบเนื่องจากการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานก่อนหน้านางรู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับความรวดเร็วของคังชอลอินที่เปลี่ยนไปเรื่องอื่นและไม่คิดมีท่าที่สนใจต่อคําพูดของทหารมาก่อน
“เฮ้อ…เพียงชั่วพริบตาเจ้าก็ไม่คิดถึงสิ่งนั้นบ้างเลยหรือ” นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ส่วนคังชอลอินที่รู้สึกว่าเรื่องราวเกี่ยวกับการแต่งงานนั้นช่างไร้สาระและอาจถูกหยิบยกขึ้นมาพูดขึ้นได้อีกครั้งจึงตัดสินใจออกจากสนามรบไปโดยเร็ว
ขณะนั้นเอง
“องค์ราชันย์”
ไมเคิล อัศวินสิงห์ขาวได้เดินเข้าหาคังชอลอิน
“เจ้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้นหรือไม่?” คังชอลอินเอ่ยถาม
“ไม่ ไม่ใช่ขอรับ” ไมเคิลส่ายหน้าปฏิเสธ
“ข้าเองก็มีตาเช่นกันนะขอรับ ข้าจะไปคิดต่อกรกับท่านผู้ยิ่งใหญ่ได้เช่นไร”
“เช่นนั้นแล้วมีอะไร? หรือเจ้ากําลังบอกให้ข้ารับเจ้าเข้าดูแลในฐานะนักโทษ?”
สําหรับไมเคิลแล้ว คําพูดของคังชอลอินเปรียบได้ดั่งดาบที่แหลมคม
ไม่ใช่เพราะเขาคิดหันหลังให้กับเอลิซาเบธแต่เป็นเพราะเขาไม่คิดไม่ฟังคําเตือนของเค้งชอลอินมาตั้งแต่ต้น
แน่นอนว่าการกระทําตามคําเตือนของคังชอลอินในภายหลังอาจจะทําให้พวกเขาดู ไม่น่าชื่นชมเท่าที่ควร
“หากเจ้าคิดยอมแพ้แล้วขาก็ไม่คิดฆ่าเจ้าอีกต่อไป จงวางใจได้”
“ไม่ขอรับ ข้าไม่ได้ต้องการจะมาพูดถึงเรื่องนั้น”
“หือ?”
“องค์ราชันย์”
ทันใดนั้นไมเคิลก็คุกเข่าลงต่อหน้าคังชอลอินพร้อมกับอัศวินสิงห์ขาวคนอื่น ๆ ที่ติดตามมาอยู่ด้านหลัง
“ข้าต้องการรับใช้องค์ราชันย์เช่นท่านขอรับ!”
“หากท่านยอมรับพวกข้า ข้าขอมอบสัญญาว่าจะภักดีต่อท่านผู้ยิ่งใหญ่ไปตลอดกาลอย่างแน่นอนขอรับ!”
ด้วยคําพูดเช่นนั้น ไมเคิลได้ก้มศีรศะจรดแนบกับพื้น
“โอ้???”
คังชอลอินยกยิ้มพอใจเมื่อได้รับพรรคพวกเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด
เขากําลังรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
เดิมที่คังชอลอินเองก็กําลังรู้สึกหดหูอย่างมากที่เอลิซาเบธได้มีอัศวินที่ซื่อสัตย์เช่นนี้ มันเป็นความจริงที่เขาถูกล่อลวงโดยอัศวินกลุ่มนี้เพื่อให้ได้มาเป็นพรรคพวกเดียวกันมากกว่าตัวของเอลิซาเบธ
และในตอนนี้ไมเคิลผู้นําอัศวินก็ได้เข้ามาเสนอการรับใช้คังชอลอินด้วยตัวเองเช่นนี้แล้วจะไม่ให้เขามีความสุขไปได้อย่างไรกัน
“อัศวินไม่อาจอยู่ได้โดยไม่ได้รับใช้ราชันย์ แทนที่จะพลิกแผ่นดินเพื่อตามหาราชันย์องค์ใหม่ในเมื่อมีราชันย์ที่ยอดเยี่ยมอยู่ตรงหน้าเช่นนี้แล้วข้าคิดว่ามันสมควรเป็นยิ่งที่จะขอติดตามรับใช้ท่านขอรับ”
ไมเคิลแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของตัวเขาอีกครั้งเพื่อบอกให้คังชอลอินได้รับรู้ว่าเขาต้องการรับใช้คังชอลอินมากเพียงใด
หัวใจอัศวินเช่นเอลิซาเบธสําหรับพวกเขาได้จบสิ้นชีวิตลงไปแล้ว คังชอลอินคือราชันย์ที่ยิ่งใหญ่อย่างมากที่พวกเขาต้องการเข้าร่วม
เขามีความกล้าหาญในการต่อสู้ที่น่าทึ่งรวมถึงเสน่ห์ด้านความแข็งแกร่งที่น่าจับใจ
“ชอลอินทําไมเจ้าไม่ยอมรับพวกเขาเสียล่ะ? อย่างที่เจ้าได้เห็นไปก่อนหน้า พวกเขาต่างก็มีทักษะที่มากมายเช่นกัน ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะต้องเป็นประโยชน์ต่อเจ้าได้มากอย่างแน่นอน”
“พูดกันตามตรง…” คังชอลอินเริ่มพูด
“ข้าต้องการตัวพวกเขามาตั้งแต่ต้น”
และเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเหล่าอัศวินก็ดูแจ่มใสขึ้นมาในทันใด
“ไมเคิล”
“ขอรับ”
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะพิสูจน์ความภักดีตลอดกาลของเจ้าได้อย่างไร และเมื่อข้าบอกว่าไม่สนใจนั่นหมายถึงข้าไม่สนใจจริง ๆ” เขาไม่คิดถามหาถึงสิ่งนั้นดังที่พูด
“เป้าหมายของข้าคือการยึดครองทุกดินแดนเพื่อครอบครองแพนเจียทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวเจ้ามีความสามารถจะช่วยข้าทําในสิ่งนั้นหรือไม่? แน่นอนว่ามันจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย ๆ ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอยู่รอดแต่ความตายต่างหากที่ง่ายที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าอาจตายในดินแดนอื่นซึ่งอาจถูกสังหารโดยทหารนิรนาม”
“ข้าไม่คิดสนใจขอรับ” ไม่เคิลพูดตอบ
“ได้ ไม่เคิล ข้าขอประกาศแต่งตั้งให้เจ้าและคนของเจ้าเป็นอัศวินสิงห์ขาวแห่งดินแดนลาพิวต้านับตั้งแต่บัดนี้”
“ดั่งที่ข้าบอกไว้ก่อนหน้า ข้าต้องการตัวพวกเจ้ามาตั้งแต่ต้นนับจากนี้ไปเพียงแสดงให้ข้าได้ เห็นถึงสิ่งที่ดีที่สุดของเจ้าซะ”
ทันทีที่คังชอลอินยอมรับไมเคิลและหน่วยอัศวินสิงห์ขาว พวกเขาก็เตรียมกล่าวคําสาบานตามธรรมเนียมอัศวินแต่ทว่า…
“เราจะข้ามขั้นตอนนั้นไป”
คังชอลอินไม่ชอบการทําพิธีรีตองอะไรมากมาย
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะสาบานว่าจะจงรักภักดีมากเพียงใด แสดงให้ข้าได้เห็นผ่านการกระทําของเจ้าโดยตรงแทนซะ”
ด้วยเหตุนี้ สงครามแห่งการทวงคืนนี้ด้าเวลเลียร์จึงได้สิ้นสุด
“อืม..ได้กลับมาค่อนข้างมากทีเดียว”
ขณะมองดูรายงานสิ่งต่าง ๆ ที่คังชอลอินได้รับหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาเกือบเดือน คังชอลอินค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่เขาได้รับกลับมาเป็นอย่างมาก
สิ่งของที่เขาได้รับกลับมาในครั้งนี้นั้นได้แก่
– ระดับราชันย์ที่ถูกเลื่อนขึ้น
– คนแคระที่เป็นทาส 47 คน
– พลเรือนจากดินแดนเทเพเมน 756 คน (ชาย 256 คน หญิง 500 คน)
– 2,784 ทอง
– อัศวินสิงห์ขาว (ไมเคิลและอัศวินอีก 26 นาย)
– นี่ลัสอาร์คนักเวทย์ระดับ SS
– กําไร 40% จากนี้ด้าเวลเลียร์เป็นเวลา 10 ปี
แม้ว่าเขาจะใช้จ่ายเงินไปเป็นจํานวนมากจากการใช้กองทัพจักรวาลไปยังที่นั่นที่นี่ แต่ก็เป็นความจริงที่เขาได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้กลับมา ทุกสิ่งที่เขาได้รับล้วนแต่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น
“ข้าว่าคงถึงเวลาที่ข้าต้องกลับได้แล้ว”
ทันทีที่ทุกอย่างสิ้นสด
งสิ้นสุดคังชอลอินก็ได้ตัดสินใจเดินทางกลับลาพิวต้าในทันที
“ตอนนี้เลยน่ะหรือ? เจ้าพอจะสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้อีกสองสามวันหรือไม่…พลเรือนชาวโดราโด้ต้องการเห็นหน้าเจ้าอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต”
“หากเจ้ายังแสดงต่อพวกเขาเช่นนั้นมันจะเป็นดั่งขี้สนิม”
แห้ะ?”
“มุกตลกน่ะ”
ลีแชรินรู้สึกสับสนกับเรื่องตลกที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของเขา ดูเหมือนว่าคังชอลอินจะไม่มีความสามารถในด้านนี้มากเท่าไหร่นัก
“ข้ามีงานต้องกลับไปทํา”
“เหตุใดเจ้าถึงได้ดูยุ่งอยู่ตลอดเวลา?”
“ข้าต้องรีบสร้างรายได้ให้กับดินแดนเพื่อที่ข้าและคนของข้าจะได้มีกินมีใช้” คังชอลอินตอบกลับด้วยน้ําเสียงเหนื่อย ๆ
“อย่างนั้นเองหรือ โอ้ ชอลอิน ข้ามีคําถาม”
“อะไร?”
“ข้าสามารถไปเยี่ยมชมดินแดนของเจ้าเป็นครั้งคราวได้หรือไม่? ในเมื่อท้ายที่สุดเราต่างก็มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน”
“ตามแต่ที่เจ้าต้องการ
คังชอลอินพยักหน้าราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไร เพราะไม่ใช่ว่าเขาจะไปไหนมาไหนมากมายตั้งแต่ที่ได้มีนางเข้ามาอยู่ในชีวิต มันไม่มีเหตุผลให้ต้องหยุดความต้องการของนาง
“แล้วเรื่องที่บ้านของเจ้าล่ะ?”
“นั่น…”
“ที่เจ้าเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เพราะถูกกดดันเรื่องการแต่งงานอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
“ข้าจะดูแลแม่ของเจ้าให้เอง เพราะเจ้าได้เป็นพันธมิตรกับข้าแล้วผู้มีพระคุณของเจ้าก็ถือเป็นพันธมิตรของข้าด้วยเช่นกัน ข้าเองก็ควรจัดการดูแลในส่วนนี้ให้ดี”
ลีแชรินเผยไพลับที่นางเก็บซ่อนไว้ออกมาในที่สุด นางตั้งใจจะใช้โอกาสในการดูแลแม่ของคั่งชอลอินครั้งนี้เพื่อเข้าใกล้เขามากยิ่งขึ้นโดยที่เขาไม่ทันได้รู้ตัว
“อืมมม..”
คังชอลอินที่หวาดกลัวต่อปาร์คซุนจาผู้เป็นแม่ของเขามากที่สุดไม่สามารถปฏิเสธต่อข้อเสนอของนางได้
“เช่นนั้น ข้าก็ต้องขอฝากไว้ที่เจ้าสักพัก”
“ตกลง!”
“แค่พักหนึ่ง”
“แน่นอน –
และด้วยสิ่งนี้ คังชอลอินและลีแชรินต่างก็ได้ทําสัญญาต่อกันจนเสร็จสิ้นและทําให้สถานการณ์ทุกอย่างกลับสู่สิ่งที่ควรจะเป็นได้อย่างหมดจด
คังชอลอินปล่อยให้โพดอลส์ก็จัดการกับเรื่องราวที่เหลืออยู่ต่อในขณะที่เขาตั้งใจจะเดินทางกลับโลกอีกฝั่งแทนที่จะเป็นลาพิวต้า
“ผู้ชายคนนั้นใช่ตัวควักจองจริง ๆ หรือไม่?
เขาต้องการตรวจสอบว่าเสือดําจะใช่ควักจองที่เขากําลังตามหาอยู่จริง ๆ หรือเปล่า
อีกทั้งแผนการทําธุรกิจกับชายชราควอนเองก็สําคัญด้วยเช่นกันเขาวางแผนที่จะอยู่บนโลกไปอีกซักพักเพื่อสร้างธุรกิจที่เชื่อมโยงถึงแพนเจีย
Comments