จับพลัดจับผลูมาเป็น ‘ภรรยา’ ของศัตรูหัวใจ 24

Now you are reading จับพลัดจับผลูมาเป็น ‘ภรรยา’ ของศัตรูหัวใจ Chapter 24 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.13 – ตอนที่ 24 นี่ก็คือแบบฉบับเทพธิดาในฝันของซูเจี๋ยนคนก่อน ตรงสเปคเป๊ะๆ! (1/2)

Translator : Akanirawan / Author

 

ตอนที่ 24นี่ก็คือแบบฉบับเทพธิดาในฝันของซูเจี๋ยนคนก่อน ตรงสเปคเป๊ะๆ! (1/2)

สำหรับศัตรูหัวใจที่ยามนี้คล้ายจะมองดูสบายตาขึ้นมาบ้างแล้วคนนั้นก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยสักนิด ยังคงออกไปทำงานและกลับมาบ้านด้วยสีหน้าตายด้านตามปกติทุกๆ วัน

ซูเจี๋ยนก็ยังคงขลุกตัวอยู่ในบ้านต่อไป แทบกลายเป็นวิญญาณเฝ้าบ้านอยู่รอมร่อ

และในวันนี้ โทรศัพท์ของสาวน้อยซูเจี๋ยนก็ดังขึ้นเป็นครั้งแรก

ซูเจี๋ยนอึ้งงันไป จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มาดู เห็นเป็นชื่อ ‘จื่อเวย’ สองพยางค์นี้สว่างวาบอยู่บนหน้าจอ

จื่อเวย? แค่ชื่อก็รู้สึกได้เลยว่าต้องเป็นสาวงามแน่นอน! ดังนั้น ซูเจี๋ยนจึงกดรับสายอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

เป็นไปตามคาด คนที่ปลายสายนั้นมีน้ำเสียงไพเราะทรงเสน่ห์ เพียงฟังก็ทำให้ผู้ชายรู้สึกหนึบชาไปทั้งร่างได้แล้ว : “ซู….เสี่ยว….เจี๋ยน”

ซูเจี๋ยนรับคำแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว : “อ๋า? อ้อ เป็นฉันเอง”

ประโยคต่อมาคือ : “เธอ–กล้า–ไม่–รับ–สาย–ฉัน!!!”

ซูเจี๋ยนถูกเสียงคำรามก้องที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันไร้สัญญาณเตือนประโยคนี้ทำให้ตกใจจนแทบขวัญบิน โทรศัพท์เกือบพลัดหลุดจากมือ ต้องรีบลนลานคว้าจับไว้ ตอบกลับไปตามสัญชาตญาณ : “ขอโทษนะ ฉันผิดเอง…..”

หญิงสาวที่อีกฝั่งของสายแค่นหัวเราะดังฮึออกมา : “อ้อ? เราไม่ได้เจอกันมาตั้งเดือนนึงแล้ว เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้รึไง! ไหนพูดมาซิ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมโทรไปหาเธอทีไรก็ปิดเครื่องอยู่ตลอดเลย”

ซูเจี๋ยนกล่าวตอบอย่างว่าง่าย : “เพราะฉันลืมชาร์จแบตโทรศัพท์น่ะ” คำพูดนี้ไม่ใช่การโกหกแต่อย่างใด นอกจากตอนแรกที่เขาจำเป็นต้องโทรหาคนที่บ้านของสาวน้อยซูเจี๋ยนอย่างไร้ทางเลือกแล้ว เขาก็ไม่เคยได้แตะต้องโทรศัพท์เครื่องนี้อีกเลย ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้นึกอยากเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างกะทันทัน เลยหยิบออกมาชาร์จแบต เกรงว่าสายที่เรียกเข้าวันนี้เขาก็คงไม่ได้รับเช่นกัน

ปลายสายอีกฝั่งไม่พอใจกับคำตอบอย่างเห็นได้ชัด : “ทุกวันฉันโทรหาเธอตั้งหลายรอบ เธอไม่ได้ชาร์จแบต แล้วไม่ได้เปิดใช้โทรศัพท์เลยรึไงกัน”

ซูเจี๋ยนพอจะเดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายคงเป็นเพื่อนของสาวน้อยซู แต่เพราะตอนนี้ตัวเองไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายรับรู้สถานการณ์ของสาวน้อยซูมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นจึงตัดสินใจย้อนทวนเรื่องราวไปตั้งแต่แรกเริ่ม : “เพราะฉันประสบอุบัติเหตุรถชนน่ะ”

ตามคาด เสียงร้องอุทานจากอีกฝั่งดังลั่นขึ้นมาทันควัน แทบจะทำให้แก้วหูของซูเจี๋ยนบอดดับไปอยู่รอมร่อ

“แล้วตอนนี้เป็นไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า เป็นอะไรมากไหม” เสียงของสาวงามกระวนกระวายมาก โพล่งถามออกมารัวเร็ว

จากน้ำเสียงร้อนรนของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าสาวงามคนนี้จะเป็นเพื่อนที่จริงใจต่อสาวน้อยซูเจี๋ยนอย่างแท้จริง ซูเจี๋ยนค่อยๆ ไล่แจกแจงตอบคำถามของอีกฝ่ายไปตามความจริงทีละข้อ

จากนั้นก็ได้ยินเสียงสาวงามดังผ่านสายมา : “ทำไมจู่ๆ ถึงไปประสบอุบัติเหตุเข้าได้ล่ะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เล่าให้ฉันฟังอย่างละเอียดเลยนะ บอกทุกอย่างมาให้ฉันรู้ตามตรงเถอะ!”

ซูเจี๋ยนอธิบายทุกอย่างจนหมดเปลือกอย่างเชื่อฟัง แม้แต่เรื่องที่ ‘สูญเสียความทรงจำ’ ก็บอกออกไปด้วย

สาวงามที่ปลายสายอีกฝั่งเงียบเสียงไปนาน

หลังจากเปิดปากขึ้นอีกทีก็เป็นคำถามวัดใจ : “นี่เธอจะบอกว่า แม้แต่ฉันคนนี้ เธอก็ลืมไปแล้ว?”

ซูเจี๋ยนอ้ำๆ อึ้งๆ : “เปล่านะ ฉันแค่….”

“แค่อะไร?” สาวงามโกรธเกรี้ยวขึ้นมาแล้ว ถ้อยคำหลังจากนั้นกล่าวออกมาอย่างเข้มงวด : “ส่งที่อยู่เธอมาซะ! ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้แหละ!”

……………………………….

สาวงามมาถึงอย่างรวดเร็ว

ได้ยินเสียงออดดังที่หน้าประตู ซูเจี๋ยนก็ขยับตัวไปเปิดประตูด้วยอาการตื่นเต้นลนลาน

ที่นอกประตู มีสาวสวยทรงเสน่ห์คนหนึ่งยืนอยู่

ใบหน้าของสาวงามเรียวเล็กราวกับเมล็ดแตง เส้นผมยาวเป็นลอน ขายาวเอวคอด สวมเสื้อผ้ารัดกุมมีสไตล์ ทั้งเซ็กซี่ทั้งสง่างามพอเหมาะพอเจาะไม่ขาดไม่เกินไปแม้แต่ส่วนเดียว หลอมรวมเป็นสาวงามไร้ที่ติทั้งเนื้อทั้งตัว

นี่ก็คือแบบฉบับเทพธิดาในฝันของซูเจี๋ยนคนก่อน ตรงสเปคเป๊ะๆ!

ซูเจี๋ยนตะลึงตาค้าง โพล่งถามออกไปอย่างไร้สติ : “เธอ เธอคือ….”

“เหยียนจื่อเวย” สาวงามดูไม่พอใจเอามากๆ ที่ซูเจี๋ยนลืมชื่อเธอไป : “จำไว้ให้ดีล่ะ ห้ามลืมอีก!”

ซูเจี๋ยนพยักหน้าหงึกๆ ยอมรับแต่โดยดี จากนั้นก็วางรองเท้าแตะสำหรับใส่เข้าบ้านให้เธออย่างเอาใจใส่

เหยียนจื่อเวยกลับมองดูที่ท่อนขาของอีกฝ่าย จากนั้นคิ้วเรียวงามก็ขมวดเข้าหากัน ยกนิ้วชี้ไปทางโซฟา : “เธอน่ะไปนั่งพักที่โซฟาเถอะ!”

เจ้าเซ่อซูผู้เอาแต่เหม่อมองเทพธิดาในฝันของตัวเองอย่างโง่งมก็ทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง ขยับไปทรุดนั่งลงบนโซฟา ประสานวางมือไว้บนขาอย่างสุภาพเรียบร้อยมีมารยาท

เหยียนจื่อเวยง่วนกับการสำรวจห้องต่างๆ ในบ้านจนครบรอบหนึ่ง ระหว่างที่กวาดตามองไปรอบด้านก็พลันเอ่ยขึ้น : “หลังเธอแต่งงาน ฉันยังไม่เคยมาบ้านเธอเลย” หลังจากมองดูทุกอย่างจนเสร็จสิ้นแล้ว ก็เดินอย่างมาดมั่นตรงเข้ามานั่งข้างซูเจี๋ยน : “ฉันขอพูดหน่อยเถอะ ถึงพวกเธอจะแค่แต่งงานกันปลอมๆ แต่ตอนนี้ขาเธอเจ็บขนาดนี้แล้ว เจ้าคนแซ่อันนั่นก็ถึงขนาดทิ้งขว้างเธอไว้ที่บ้านคนเดียว นี่มันไม่เกินไปหน่อยรึไง”

ที่แท้สาวงามคนนี้ก็รู้เรื่องการแต่งงานปลอมๆ ของสาวน้อยซูกับอันอี่เจ๋ออยู่ก่อนแล้ว ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสองคนจะใกล้ชิดสนิทสนมมากทีเดียว ซูเจี๋ยนครุ่นคิด ปากก็กล่าวถ้อยคำช่วยแก้ตัวแทนอันอี่เจ๋ออย่างไม่ได้ตั้งใจ : “ไม่แย่ขนาดนั้นหรอก ฉันพอดูแลตัวเองได้อยู่ เขาบอกว่าถ้ามีคนนอก กลัวว่าเรื่องราวจะรั่วไหลเอาได้”

เหยียนจื่อเวยตวัดสายตามองค้อนอย่างไม่พอใจ : “อะไร? จดทะเบียนผูกมัดกับเขาก็กลายเป็นเข้าข้างเขาไปแล้วจริงๆ รึไง ตอนนั้นเธอไม่บอกไม่กล่าวอะไรซักคำก็ไปแต่งงานกับเขาแล้ว แถมยังปิดบังฉันอีก! เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้ชำระความเลยนะ!”

เอ๋? ซูเจี๋ยนชูมือยอมศิโรราบอย่างอ่อนแอแพ้ทาง : “ฉันขอโทษนะ เรื่องก่อนหน้านี้ฉันจำไม่ค่อยได้หรอก เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉันใช่ไหม? ช่วยเล่าเรื่องเมื่อก่อนให้ฟังหน่อยได้รึเปล่า”

เหยียนจื่อเวยจ้องมองเขา ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเริ่มบอกเล่าเรื่องราวโดยละเอียด

—————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด