เทพสังหาร ยุทธการระห่ำตอนที่305 กลับบ้านกินข้าว
“ฆ่าคนไร้ประโยชน์ไปหมดแล้ว แกทำได้ถูกต้อง” คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงพูดอย่างไร้ไมตรี
“คุณชายใหญ่ ความจริงแล้วความสามารถของสี่คนนี้ไม่อ่อนแอเลย ไม่ด้อยไปกว่ากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ที่เป็นลูกน้องของเย่เทียนเฉิน เพียงแต่สิ่งที่ทำให้คิดไม่ถึงก็คือ เย่เทียนเฉินที่อายุน้อยขนาดนั้นจะมีความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดา!” คนที่อยู่ในหมอกโลหิตพูดอย่างชื่นชม
คุณชายใหญ่ทั้งโหดเหี้ยมและไร้ไมตรี ในโลกของเขาไม่มีใครที่ฆ่าไม่ได้ ต่อให้เป็นคนสนิทที่ติดตามเขามาหลายปีก็ฆ่าได้โดยไม่ลังเล ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีกฏเกณฑ์ที่ทำให้คนต้องสิ้นหวง นั่นก็คือไม่ว่าใครก็ตาม หากทำภารกิจล้มเหลวก็จะต้องตาย ดังนั้นคนที่อยู่ในหมอกโลหิตจึงฆ่ามือสังหารชุดดำทั้งสี่ไป
“ฉันรู้ แต่ในโลกของฉัน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีคำว่าล้มเหลว และไม่ยอมให้มีคนล้มเหลวเด็ดขาด พวกมันจำเป็นต้องตาย!” คุณชายใหญ่พูดอย่างเย็นชา
“ครับ!” คนที่อยู่ในหมอกโลหิตรีบตอบรับอย่างจริงจัง เขาเองก็ไม่กล้าทำให้คุณชายใหญ่โกรธ นี่เป็นตัวตนที่สามารถฆ่าเขาได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่ว่าใครต่างก็หวาดกลัว
“อาวุธเทพทั้งสี่ชิ้นได้เก็บกลับมาหรือเปล่า?” คุณชายใหญ่เอ่ยปากถาม
“เก็บกลับมาแล้วครับ กระบี่อวี๋ฉางมีสภาพสมบูรณ์ไม่เสียหาย!” คนในหมอกโลหิตตอบ
“ออกไปเถอะ ถ้ามีเรื่องอะไรฉันจะติดต่อแกไป!”
“เอ๋? ครับ!”
ชายในหมอกโลหิตถอยออกไป สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจก็คือ ด้วยนิสัยของคุณชายใหญ่ ควรจะรีบส่งคนไปฆ่าเย่เทียนเฉินทันทีถึงจะถูก เหตุใดจึงเลือกที่จะไม่ลงมือ? หรือจะบอกว่ากำลังอดกลั้นอยู่? ทุกสิ่งเหล่านี้ดูไม่ปกติ ทำให้เขารู้สึกมองไม่ออก
คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงยืนขึ้น โยนเบ็ดตกปลาในมือลงไปในน้ำ เขาตกปลาอยู่ที่ทะเลสาบเล็กๆ แห่งนี้นานหลายปีแล้ว ยังไม่เคยไปจากที่นี่มาก่อน เพราะฝีมือของเขาทำให้เขาโดดเดี่ยวจริงๆ ปรายตามองไปทั่วทั้งประเทศจีนก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ต่อต้านเขาได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตว่างๆ แบบนี้ สำหรับเขาแล้ วสิ่งที่ควรมีล้วนมีครบ พูดว่าเรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝนก็ไม่เวอร์เกินไป
การปรากฏตัวของเย่เทียนเฉินทำให้คุณชายใหญ่เกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมา จะอย่างไรก็หลายปีแล้วที่ไม่ได้มีคนแบบนี้โผล่ออกมา ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็สามารถเล่นกับตระกูลหลิ่วและตระกูลเย่ในกำมือได้ตลอดเวลา สำหรับเย่เทียนเฉิน คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงรู้สึกสนุกด้วยมาตลอด ในสายตาของเขา ขอเพียงเขาลงมือก็สามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้ทุกเมื่อ เพียงแค่หาคนเล่นด้วยก็เท่านั้น
ไหนเลยจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินจะอยู่เหนือจินตนาการของคุณชายใหญ่ไปมากจริงๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางทั้งสองฝั่ง เย่เทียนเฉินก็ขัดขวางเต็มกำลัง ยิ่งไปกว่านั้นยังทำลายล้างสองตระกูลนี้ไปด้วย เสวี่ยโม่เจียวที่ตนส่งออกไปก็ถูกฆ่า จากนั้นเขาจึงส่งยอดฝีมือระดับสูงออกไปอีกสี่คนเพื่อไปทำลายล้างกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์แต่ก็ล้มเหลว เรียกได้ว่าลงมือกับเย่เทียนเฉินสองครั้งเขาต่างแพ้ราบ สำหรับเขาที่เป็นคนที่เชื่อมั่นและภาคภูมิใจในตนเองเช่นนี้ จะไม่ให้โกรธได้อย่างไร? เพียงแต่เขาควบคุมความโกรธเอาไว้ในใจของตน ไม่ต้องการให้ผู้อื่นเห็นและรับรู้
จ้องมองเงาในน้ำ สายตาของคุณชายใหญ่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง เขาทำเพียงมองไปในทะเลสาบเล็กๆ พลังพิเศษสายอัสนีอันรุนแรงก็โจมตีทะลุลงไปในน้ำ ชั่วขณะนั้น ทั้งทะเลสาบมีแต่ปลานอนหงายท้องเต็มไปหมด ปลาทุกตัวตายไปหมดแล้ว ในตอนนี้คุณชายใหญ่โกรธเข้าแล้ว
“ฉันไม่ได้ลงมือเกือบสิบปีแล้ว เย่เทียนเฉิน ถ้าหากแกเป็นผู้ใช้พลังพิเศษห้าธาตุจริงๆ ฉันก็จะให้แกตายโดยไร้ที่ฝัง!” คุณชายใหญ่พูดแล้วยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
ตู้มๆๆ!
เย่เทียนเฉินยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องนอน ตอนนี้เขาสามารถใช้พลังพิเศษระดับจักรพรรดิขั้นต้นออกมาได้นิดหน่อยแล้ว แต่ขอบเขตพลังกลับไม่สามารถทะลวงไปได้ เนื่องจากพลังธรรมชาติภายในโลกอ่อนแอมาก ถ้าต้องการอาศัยแค่พลังของตัวเองเพื่อทะลวงขอบเขตไปก็เป็นเรื่องยากมาก แต่เย่เทียนเฉินกลับอยากจะลองดู เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
“นี่นายทำอะไรอยู่ข้างใน? หลับแล้วเหรอ? หรือว่าทำอย่างอื่นอยู่?” อลิซเคาะประตูอยู่ด้านนอก ตะโกนเรียกเย่เทียนเฉินเสียงดัง
เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้น ในใจคิดว่าถ้าต้องการจะทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิจะต้องอาศัยพลังอันแข็งแกร่งในร่างกายของตนเท่านั้น สภาพแวดล้อมในโลกใบนี้ถูกทำลายอย่างสาหัส พลังหลิงชี่ในธรรมชาติมีน้อยเกินไป หากต้องการจะทะลวงขอบเขตก็ทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น เรื่องนี้พูดง่ายแต่ทำยาก ยังต้องคิดหาวิธีก่อน
“จะนอนกลางวันเงียบๆ สักหน่อย เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินแกล้งทำเป็นมองไปยังอลิซแล้วถามอย่างไม่พอใจ
“นาย…นายดูสักหน่อยเถอะว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว? ยังมานอนกลางวันอีก กระทั่งฟ้าสว่างกับฟ้ามืดก็แยกไม่ออกหรือไง?” อลิซแกว่งนาฬิกาบนข้อมือขวาของตนแล้วพูดขึ้น
“เอ๋? หกโมงเย็นแล้ว ทำไมไม่พูดให้เร็วๆ ล่ะ!” เย่เทียนเฉินตะโกนออกมาแล้วรีบพุ่งออกไปจากคฤหาสน์ เขารับปากแม่ไว้แล้วว่าคืนนี้จะไปกินข้าวให้เร็วสักหน่อย ตอนนี้หกโมงแล้วยังไม่ถึงบ้าน ถ้ายังไม่กลับไปอีกแม่จะต้องโทรมาแน่นอน
อลิซเห็นเย่เทียนเฉินรีบร้อนพุ่งออกไปด้านนอกโดยไม่สนใจตนเองจึงรีบตามออกไปแล้วตะโกนเสียงดังว่า “นี่ นายไปไหน? แล้วฉันจะทำยังไง? อาหารเย็นจะไปกินที่ไหน?”
“เธอจัดการเอาเองเถอะ ฉันไปก่อนล่ะ คืนนี้ไม่กลับมาแล้ว เธอไปซื้อกินเอาข้างนอกก็พอ บาย!”
เมื่อเย่เทียนเฉินพูดจบก็ขี่มอเตอร์ไซค์ของตนจากไป นี่คือมอเตอร์ไซค์ที่ให้อู๋เสวี่ยจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ยานพาหนะที่เขาชอบมากที่สุดก็คือมอเตอร์ไซค์ ในตอนที่อลิซยังไม่ทันพูดอะไร เย่เทียนเฉินก็สตาร์ทเครื่องบิดหายไปแล้ว
“เจ้าคนน่ารังเกียจ ไอ้บ้า…” อลิซตะโกนใส่เย่เทียนเฉิน คิดว่าเจ้าหมอนี่จะทำเกินไปแล้ว ถึงกับทิ้งตนที่เป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งเอาไว้ ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่มีอีคิวหรือเปล่า
วินาทีต่อมา อลิซหยิบของสิ่งหนึ่งที่ดูคล้ายกับแบตเตอรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันมีขนาดใหญ่ประมาณเล็บนิวโป้งเท่านั้น มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้นว่า “หึ นายคิดว่าจะหนีฉันไปได้เหรอ?”
ตลอดทางเย่เทียนเฉินบิดคันเร่งแรงที่สุด ขี่มอเตอร์ไซค์รวดเร็วปานสายฟ้าแลบมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของบ้านตนเอง ระหว่างนี้โทรศัพท์ก็ดังขึ้นห้าครั้ง ล้วนเป็นหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ที่โทรมา เย่เทียนเฉินไม่กล้ารับ ถ้าไม่ถูกด่าก็แปลกแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงบิดคันเร่งเต็มที่ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าด้านหลังของเขามีสาวงามผมทองคนหนึ่งตามมา ดึงดูดความสนใจรถที่วิ่งผ่านไปมาจำนวนมาก
เย่เทียนเฉินไม่กล้าพาอลิซกลับไปที่บ้านด้วย เดิมทีแม่และน้องสาวก็ชอบซุบซิบมากอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังชอบจับคู่ให้ตนกับฉีหรูเสวี่ยด้วย ส่วนฉีหรูเสวี่ยก็มีความรู้สึกแบบนั้นกับตน ถ้าอลิซที่เป็นสาวสวยผมทองและมีใบหน้าเหมือนกับสวรรค์สร้างทั้งยังมีรูปร่างเหมือนนางปีศาจคนนี้กลับไปที่บ้านตระกูลเย่ของตนด้วย เกรงว่าจะทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างสองสาวแน่นอน
สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงก็คือ เขาเพิ่งจะออกเดินทาอลิซก็ตามมาแล้ว เนื่องจากอลิซมีฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M วีธีการการตรวจสอบและการลอบติดตามย่อมร้ายกาจเป็นอย่างมาก และยังมีวิทยาการก้าวหน้า ในตอนที่เย่เทียนเฉินไม่รู้ตัวก็ได้ติดเครื่องติดตามไว้บนตัวเขาแล้ว
ในตอนที่รถมอเตอร์ไซต์ของเย่เทียนเฉินจอดบริเวณหน้าคฤหาสน์ตระกูลเย่ของตน พบว่าหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ เย่เชี่ยนเหวินน้องสาว และยังมีฉีหรูเสวี่ย ผู้หญิงทั้งสามคนใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธจ้องมองมาที่ตน ไอสังหารทั้งสามสายพุ่งเข้ามา เย่เทียนเฉินเดินเข้าไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ผู้หญิงทั้งสามคนนี้ หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และเย่เชี่ยนเหวินน้องสาว สองคนนี้เย่เทียนเฉินไม่สามารถหาเรื่องได้ หากคิดจะหาเรื่องฉีหรูเสวี่ยก็ไม่มีความกล้าพอเพราะตอนนี้หลัวเยี่ยนกับเย่เชี่ยนเหวินเป็นยันต์คุ้มครองของฉีหรูเสวี่ยไปแล้ว จะหาเรื่องไม่ได้เช่นกัน
“ฮี่ๆ คุณผู้หญิงสุดสวยทั้งสามคน พวกคุณรอนานแล้ว พี่ชายสุดหล่อขอโทษอย่างจริงใจ ณ ที่นี้ด้วย!” เย่เทียนเฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้น
“พี่ พูดมาตามตรงว่าเดี๋ยวนี้ไปวิ่งเล่นที่ไหนมา? ไม่กลับบ้านมาหลายวัน กลับมากินข้าวก็ยังมาสายขนาดนี้ ไปติดหญิงที่ไหนหรือเปล่า?” เย่เชี่ยนเหวินทำท่าทางใหญ่โต จับจ้องไปยังเย่เทียนเฉินแล้วถามขึ้น
“จะต้องไม่มีเรื่องอะไรอยู่แล้ว ก็แค่ไอ้บ้าคนหนึ่ง!” ฉีหรูเสวี่ยก็จับจ้องไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“พวกเธอสองคนจะวุ่นวายเกินไปหรือเปล่า? อย่างแรก ฉันบอกไว้แล้วว่าตอนนี้ฉันย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว อย่างที่สอง ฉันเป็นผู้ชาย ต่อให้ไปติดหญิงก็เป็นเรื่องปกติใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินกรอกตาใส่เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
“เข้าไปเถอะ เริ่มกินข้าวได้แล้ว!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
ในใจของหลัวเยี่ยนไม่ได้ตำหนิอะไรเย่เทียนเฉิน แต่เธอเป็นห่วงเย่เทียนเฉินจึงมารออยู่ที่ประตู เธอเพียงต้องการเห็นลูกชายกลับมาอย่างปลอดภัยก็เท่านั้น เมื่อเห็นลูกชายกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วเธอจึงวางใจได้
เย่เทียนเฉินทำหน้าทะเล้นไปทางเย่เชี่ยนเหวินผู้เป็นน้องและฉีหรูเสวี่ย เขารู้ว่าเจ้าเด็กทั้งสองคนนี้คิดจะบ่นเขาก่อน จากนั้นก็ให้หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่มาตำหนิเขา เย่เทียนเฉินไม่สามารถขัดแม่ได้เพราะเขาเป็นลูกที่กตัญญูคนหนึ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลัวเยี่ยนจะไม่ได้พูดอะไร ทำให้เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยโกรธจนมองเย่เทียนเฉินอย่างดุดันไปหลายครั้ง
บนโต๊ะอาหาร เย่เทียนเฉินยังคงกินดื่มอย่างตะกละตะกลามเหมือนที่ทำมาโดยตลอด ไม่กล่าวไม่ได้ว่าฝีมือการทำอาหารของหลัวเยี่ยนและฉีหรูเสวี่ยดีมากจริงๆ อาหารแต่ละอย่างทำได้ไม่เลวเลย
เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วเย่เทียนเฉินก็รู้สึกพึงพอใจมาก เรอออกมาแล้วนอนลงบนโซฟา ฟังเพลงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม วันเวลาแบบนี้ทำให้รู้สึกชุมชื่นหัวใจจริงๆ
“พี่ หลายวันมานี้พี่ไปเล่นที่ไหนมา? ทำไมไม่พาหนูไปด้วย!” เย่เชี่ยนเหวินนั่งลงด้านข้าง ดึงแขนของเย่เทียนเฉินแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ทำแบบนี้ให้มันในน้อยๆ หน่อยเถอะ เด็กอย่างเธอคิดจะมาเลียนแบบพี่ชายมันยังเร็วเกินไป ไปทำการบ้านเถอะ อีกซักพักพี่จะขึ้นไปตรวจ” เย่เทียนเฉิน ทำท่าทางเรากับว่าเจ้าหนูอย่างเธอเหรอจะมาเลียนแบบฉัน
“จะไปที่ดีๆ อะไรได้ล่ะ จะต้องไปติดหญิงแน่ ไอ้คนไร้คุณธรรม อันธพาล!” ฉีหรูเสวี่ยจ้องไปยังเย่เทียนเฉินโกรธๆ แล้วพูดขึ้น
ในใจของฉีหรูเสวี่ยรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ไม่ได้พบกับเย่เทียนเฉินมาหลายวันแล้ว ความจริงในใจของเธอคิดถึงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคิดว่าเย่เทียนเฉินคนนี้อาจจะไปทำเรื่องไม่ดีอะไร ความหึงหวงในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงพูดออกไปค่อนข้างแรง
………..
Comments
เทพสังหาร ยุทธการระห่ำตอนที่305 กลับบ้านกินข้าว
“ฆ่าคนไร้ประโยชน์ไปหมดแล้ว แกทำได้ถูกต้อง” คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงพูดอย่างไร้ไมตรี
“คุณชายใหญ่ ความจริงแล้วความสามารถของสี่คนนี้ไม่อ่อนแอเลย ไม่ด้อยไปกว่ากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ที่เป็นลูกน้องของเย่เทียนเฉิน เพียงแต่สิ่งที่ทำให้คิดไม่ถึงก็คือ เย่เทียนเฉินที่อายุน้อยขนาดนั้นจะมีความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดา!” คนที่อยู่ในหมอกโลหิตพูดอย่างชื่นชม
คุณชายใหญ่ทั้งโหดเหี้ยมและไร้ไมตรี ในโลกของเขาไม่มีใครที่ฆ่าไม่ได้ ต่อให้เป็นคนสนิทที่ติดตามเขามาหลายปีก็ฆ่าได้โดยไม่ลังเล ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีกฏเกณฑ์ที่ทำให้คนต้องสิ้นหวง นั่นก็คือไม่ว่าใครก็ตาม หากทำภารกิจล้มเหลวก็จะต้องตาย ดังนั้นคนที่อยู่ในหมอกโลหิตจึงฆ่ามือสังหารชุดดำทั้งสี่ไป
“ฉันรู้ แต่ในโลกของฉัน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีคำว่าล้มเหลว และไม่ยอมให้มีคนล้มเหลวเด็ดขาด พวกมันจำเป็นต้องตาย!” คุณชายใหญ่พูดอย่างเย็นชา
“ครับ!” คนที่อยู่ในหมอกโลหิตรีบตอบรับอย่างจริงจัง เขาเองก็ไม่กล้าทำให้คุณชายใหญ่โกรธ นี่เป็นตัวตนที่สามารถฆ่าเขาได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่ว่าใครต่างก็หวาดกลัว
“อาวุธเทพทั้งสี่ชิ้นได้เก็บกลับมาหรือเปล่า?” คุณชายใหญ่เอ่ยปากถาม
“เก็บกลับมาแล้วครับ กระบี่อวี๋ฉางมีสภาพสมบูรณ์ไม่เสียหาย!” คนในหมอกโลหิตตอบ
“ออกไปเถอะ ถ้ามีเรื่องอะไรฉันจะติดต่อแกไป!”
“เอ๋? ครับ!”
ชายในหมอกโลหิตถอยออกไป สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจก็คือ ด้วยนิสัยของคุณชายใหญ่ ควรจะรีบส่งคนไปฆ่าเย่เทียนเฉินทันทีถึงจะถูก เหตุใดจึงเลือกที่จะไม่ลงมือ? หรือจะบอกว่ากำลังอดกลั้นอยู่? ทุกสิ่งเหล่านี้ดูไม่ปกติ ทำให้เขารู้สึกมองไม่ออก
คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงยืนขึ้น โยนเบ็ดตกปลาในมือลงไปในน้ำ เขาตกปลาอยู่ที่ทะเลสาบเล็กๆ แห่งนี้นานหลายปีแล้ว ยังไม่เคยไปจากที่นี่มาก่อน เพราะฝีมือของเขาทำให้เขาโดดเดี่ยวจริงๆ ปรายตามองไปทั่วทั้งประเทศจีนก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ต่อต้านเขาได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตว่างๆ แบบนี้ สำหรับเขาแล้ วสิ่งที่ควรมีล้วนมีครบ พูดว่าเรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝนก็ไม่เวอร์เกินไป
การปรากฏตัวของเย่เทียนเฉินทำให้คุณชายใหญ่เกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมา จะอย่างไรก็หลายปีแล้วที่ไม่ได้มีคนแบบนี้โผล่ออกมา ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็สามารถเล่นกับตระกูลหลิ่วและตระกูลเย่ในกำมือได้ตลอดเวลา สำหรับเย่เทียนเฉิน คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงรู้สึกสนุกด้วยมาตลอด ในสายตาของเขา ขอเพียงเขาลงมือก็สามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้ทุกเมื่อ เพียงแค่หาคนเล่นด้วยก็เท่านั้น
ไหนเลยจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินจะอยู่เหนือจินตนาการของคุณชายใหญ่ไปมากจริงๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางทั้งสองฝั่ง เย่เทียนเฉินก็ขัดขวางเต็มกำลัง ยิ่งไปกว่านั้นยังทำลายล้างสองตระกูลนี้ไปด้วย เสวี่ยโม่เจียวที่ตนส่งออกไปก็ถูกฆ่า จากนั้นเขาจึงส่งยอดฝีมือระดับสูงออกไปอีกสี่คนเพื่อไปทำลายล้างกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์แต่ก็ล้มเหลว เรียกได้ว่าลงมือกับเย่เทียนเฉินสองครั้งเขาต่างแพ้ราบ สำหรับเขาที่เป็นคนที่เชื่อมั่นและภาคภูมิใจในตนเองเช่นนี้ จะไม่ให้โกรธได้อย่างไร? เพียงแต่เขาควบคุมความโกรธเอาไว้ในใจของตน ไม่ต้องการให้ผู้อื่นเห็นและรับรู้
จ้องมองเงาในน้ำ สายตาของคุณชายใหญ่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง เขาทำเพียงมองไปในทะเลสาบเล็กๆ พลังพิเศษสายอัสนีอันรุนแรงก็โจมตีทะลุลงไปในน้ำ ชั่วขณะนั้น ทั้งทะเลสาบมีแต่ปลานอนหงายท้องเต็มไปหมด ปลาทุกตัวตายไปหมดแล้ว ในตอนนี้คุณชายใหญ่โกรธเข้าแล้ว
“ฉันไม่ได้ลงมือเกือบสิบปีแล้ว เย่เทียนเฉิน ถ้าหากแกเป็นผู้ใช้พลังพิเศษห้าธาตุจริงๆ ฉันก็จะให้แกตายโดยไร้ที่ฝัง!” คุณชายใหญ่พูดแล้วยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
ตู้มๆๆ!
เย่เทียนเฉินยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องนอน ตอนนี้เขาสามารถใช้พลังพิเศษระดับจักรพรรดิขั้นต้นออกมาได้นิดหน่อยแล้ว แต่ขอบเขตพลังกลับไม่สามารถทะลวงไปได้ เนื่องจากพลังธรรมชาติภายในโลกอ่อนแอมาก ถ้าต้องการอาศัยแค่พลังของตัวเองเพื่อทะลวงขอบเขตไปก็เป็นเรื่องยากมาก แต่เย่เทียนเฉินกลับอยากจะลองดู เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
“นี่นายทำอะไรอยู่ข้างใน? หลับแล้วเหรอ? หรือว่าทำอย่างอื่นอยู่?” อลิซเคาะประตูอยู่ด้านนอก ตะโกนเรียกเย่เทียนเฉินเสียงดัง
เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้น ในใจคิดว่าถ้าต้องการจะทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิจะต้องอาศัยพลังอันแข็งแกร่งในร่างกายของตนเท่านั้น สภาพแวดล้อมในโลกใบนี้ถูกทำลายอย่างสาหัส พลังหลิงชี่ในธรรมชาติมีน้อยเกินไป หากต้องการจะทะลวงขอบเขตก็ทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น เรื่องนี้พูดง่ายแต่ทำยาก ยังต้องคิดหาวิธีก่อน
“จะนอนกลางวันเงียบๆ สักหน่อย เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินแกล้งทำเป็นมองไปยังอลิซแล้วถามอย่างไม่พอใจ
“นาย…นายดูสักหน่อยเถอะว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว? ยังมานอนกลางวันอีก กระทั่งฟ้าสว่างกับฟ้ามืดก็แยกไม่ออกหรือไง?” อลิซแกว่งนาฬิกาบนข้อมือขวาของตนแล้วพูดขึ้น
“เอ๋? หกโมงเย็นแล้ว ทำไมไม่พูดให้เร็วๆ ล่ะ!” เย่เทียนเฉินตะโกนออกมาแล้วรีบพุ่งออกไปจากคฤหาสน์ เขารับปากแม่ไว้แล้วว่าคืนนี้จะไปกินข้าวให้เร็วสักหน่อย ตอนนี้หกโมงแล้วยังไม่ถึงบ้าน ถ้ายังไม่กลับไปอีกแม่จะต้องโทรมาแน่นอน
อลิซเห็นเย่เทียนเฉินรีบร้อนพุ่งออกไปด้านนอกโดยไม่สนใจตนเองจึงรีบตามออกไปแล้วตะโกนเสียงดังว่า “นี่ นายไปไหน? แล้วฉันจะทำยังไง? อาหารเย็นจะไปกินที่ไหน?”
“เธอจัดการเอาเองเถอะ ฉันไปก่อนล่ะ คืนนี้ไม่กลับมาแล้ว เธอไปซื้อกินเอาข้างนอกก็พอ บาย!”
เมื่อเย่เทียนเฉินพูดจบก็ขี่มอเตอร์ไซค์ของตนจากไป นี่คือมอเตอร์ไซค์ที่ให้อู๋เสวี่ยจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ยานพาหนะที่เขาชอบมากที่สุดก็คือมอเตอร์ไซค์ ในตอนที่อลิซยังไม่ทันพูดอะไร เย่เทียนเฉินก็สตาร์ทเครื่องบิดหายไปแล้ว
“เจ้าคนน่ารังเกียจ ไอ้บ้า…” อลิซตะโกนใส่เย่เทียนเฉิน คิดว่าเจ้าหมอนี่จะทำเกินไปแล้ว ถึงกับทิ้งตนที่เป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งเอาไว้ ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่มีอีคิวหรือเปล่า
วินาทีต่อมา อลิซหยิบของสิ่งหนึ่งที่ดูคล้ายกับแบตเตอรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันมีขนาดใหญ่ประมาณเล็บนิวโป้งเท่านั้น มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้นว่า “หึ นายคิดว่าจะหนีฉันไปได้เหรอ?”
ตลอดทางเย่เทียนเฉินบิดคันเร่งแรงที่สุด ขี่มอเตอร์ไซค์รวดเร็วปานสายฟ้าแลบมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของบ้านตนเอง ระหว่างนี้โทรศัพท์ก็ดังขึ้นห้าครั้ง ล้วนเป็นหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ที่โทรมา เย่เทียนเฉินไม่กล้ารับ ถ้าไม่ถูกด่าก็แปลกแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงบิดคันเร่งเต็มที่ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าด้านหลังของเขามีสาวงามผมทองคนหนึ่งตามมา ดึงดูดความสนใจรถที่วิ่งผ่านไปมาจำนวนมาก
เย่เทียนเฉินไม่กล้าพาอลิซกลับไปที่บ้านด้วย เดิมทีแม่และน้องสาวก็ชอบซุบซิบมากอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังชอบจับคู่ให้ตนกับฉีหรูเสวี่ยด้วย ส่วนฉีหรูเสวี่ยก็มีความรู้สึกแบบนั้นกับตน ถ้าอลิซที่เป็นสาวสวยผมทองและมีใบหน้าเหมือนกับสวรรค์สร้างทั้งยังมีรูปร่างเหมือนนางปีศาจคนนี้กลับไปที่บ้านตระกูลเย่ของตนด้วย เกรงว่าจะทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างสองสาวแน่นอน
สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงก็คือ เขาเพิ่งจะออกเดินทาอลิซก็ตามมาแล้ว เนื่องจากอลิซมีฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M วีธีการการตรวจสอบและการลอบติดตามย่อมร้ายกาจเป็นอย่างมาก และยังมีวิทยาการก้าวหน้า ในตอนที่เย่เทียนเฉินไม่รู้ตัวก็ได้ติดเครื่องติดตามไว้บนตัวเขาแล้ว
ในตอนที่รถมอเตอร์ไซต์ของเย่เทียนเฉินจอดบริเวณหน้าคฤหาสน์ตระกูลเย่ของตน พบว่าหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ เย่เชี่ยนเหวินน้องสาว และยังมีฉีหรูเสวี่ย ผู้หญิงทั้งสามคนใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธจ้องมองมาที่ตน ไอสังหารทั้งสามสายพุ่งเข้ามา เย่เทียนเฉินเดินเข้าไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ผู้หญิงทั้งสามคนนี้ หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และเย่เชี่ยนเหวินน้องสาว สองคนนี้เย่เทียนเฉินไม่สามารถหาเรื่องได้ หากคิดจะหาเรื่องฉีหรูเสวี่ยก็ไม่มีความกล้าพอเพราะตอนนี้หลัวเยี่ยนกับเย่เชี่ยนเหวินเป็นยันต์คุ้มครองของฉีหรูเสวี่ยไปแล้ว จะหาเรื่องไม่ได้เช่นกัน
“ฮี่ๆ คุณผู้หญิงสุดสวยทั้งสามคน พวกคุณรอนานแล้ว พี่ชายสุดหล่อขอโทษอย่างจริงใจ ณ ที่นี้ด้วย!” เย่เทียนเฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้น
“พี่ พูดมาตามตรงว่าเดี๋ยวนี้ไปวิ่งเล่นที่ไหนมา? ไม่กลับบ้านมาหลายวัน กลับมากินข้าวก็ยังมาสายขนาดนี้ ไปติดหญิงที่ไหนหรือเปล่า?” เย่เชี่ยนเหวินทำท่าทางใหญ่โต จับจ้องไปยังเย่เทียนเฉินแล้วถามขึ้น
“จะต้องไม่มีเรื่องอะไรอยู่แล้ว ก็แค่ไอ้บ้าคนหนึ่ง!” ฉีหรูเสวี่ยก็จับจ้องไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“พวกเธอสองคนจะวุ่นวายเกินไปหรือเปล่า? อย่างแรก ฉันบอกไว้แล้วว่าตอนนี้ฉันย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว อย่างที่สอง ฉันเป็นผู้ชาย ต่อให้ไปติดหญิงก็เป็นเรื่องปกติใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินกรอกตาใส่เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
“เข้าไปเถอะ เริ่มกินข้าวได้แล้ว!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
ในใจของหลัวเยี่ยนไม่ได้ตำหนิอะไรเย่เทียนเฉิน แต่เธอเป็นห่วงเย่เทียนเฉินจึงมารออยู่ที่ประตู เธอเพียงต้องการเห็นลูกชายกลับมาอย่างปลอดภัยก็เท่านั้น เมื่อเห็นลูกชายกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วเธอจึงวางใจได้
เย่เทียนเฉินทำหน้าทะเล้นไปทางเย่เชี่ยนเหวินผู้เป็นน้องและฉีหรูเสวี่ย เขารู้ว่าเจ้าเด็กทั้งสองคนนี้คิดจะบ่นเขาก่อน จากนั้นก็ให้หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่มาตำหนิเขา เย่เทียนเฉินไม่สามารถขัดแม่ได้เพราะเขาเป็นลูกที่กตัญญูคนหนึ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลัวเยี่ยนจะไม่ได้พูดอะไร ทำให้เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยโกรธจนมองเย่เทียนเฉินอย่างดุดันไปหลายครั้ง
บนโต๊ะอาหาร เย่เทียนเฉินยังคงกินดื่มอย่างตะกละตะกลามเหมือนที่ทำมาโดยตลอด ไม่กล่าวไม่ได้ว่าฝีมือการทำอาหารของหลัวเยี่ยนและฉีหรูเสวี่ยดีมากจริงๆ อาหารแต่ละอย่างทำได้ไม่เลวเลย
เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วเย่เทียนเฉินก็รู้สึกพึงพอใจมาก เรอออกมาแล้วนอนลงบนโซฟา ฟังเพลงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม วันเวลาแบบนี้ทำให้รู้สึกชุมชื่นหัวใจจริงๆ
“พี่ หลายวันมานี้พี่ไปเล่นที่ไหนมา? ทำไมไม่พาหนูไปด้วย!” เย่เชี่ยนเหวินนั่งลงด้านข้าง ดึงแขนของเย่เทียนเฉินแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ทำแบบนี้ให้มันในน้อยๆ หน่อยเถอะ เด็กอย่างเธอคิดจะมาเลียนแบบพี่ชายมันยังเร็วเกินไป ไปทำการบ้านเถอะ อีกซักพักพี่จะขึ้นไปตรวจ” เย่เทียนเฉิน ทำท่าทางเรากับว่าเจ้าหนูอย่างเธอเหรอจะมาเลียนแบบฉัน
“จะไปที่ดีๆ อะไรได้ล่ะ จะต้องไปติดหญิงแน่ ไอ้คนไร้คุณธรรม อันธพาล!” ฉีหรูเสวี่ยจ้องไปยังเย่เทียนเฉินโกรธๆ แล้วพูดขึ้น
ในใจของฉีหรูเสวี่ยรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ไม่ได้พบกับเย่เทียนเฉินมาหลายวันแล้ว ความจริงในใจของเธอคิดถึงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคิดว่าเย่เทียนเฉินคนนี้อาจจะไปทำเรื่องไม่ดีอะไร ความหึงหวงในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงพูดออกไปค่อนข้างแรง
………..
Comments