Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ 79 การซุ่มโจมตี

Now you are reading Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ Chapter 79 การซุ่มโจมตี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 79 การซุ่มโจมตี

ในความเป็นจริง ถังเส้าหยางก็กําลังรีบวิ่งกลับมาพร้อมกับหมอที่อยู่บนไหล่ของเขา อย่างไรก็ตาม พวกเคียวมรณะ ก็ไม่ได้ไล่ตามเขามา ดังนั้นการคาดการณ์ของว่านจึงยี่จึงถูกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

“ทําไมกัน? ทําไมนายถึงไม่ช่วยคนอื่นๆด้วยล่ะ” คังเสวี่ยเอาแต่ถามถึงเส้า หยางที่ออกมาโดยทิ้งคนอื่นๆไว้

ถังเส้หยางไม่สนใจที่จะตอบผู้หญิงคนนั้น ท้ายที่สุดเล้วเขาก็มีเหตุผลของ เขา

เขาปล่อยผู้หญิงคนนั้นลงและเรียกคน ของเขาให้มารวมตัวกัน “ฉันมีข่าวร้าย และข่าวดี ข่าวดีก็คือฉันสามารถหาแผนที่ที่มีชีวิตได้!” ถึงเส้าหยางชี้ไปที่ผู้หญิงที่เขาเพิ่งปล่อยลง “เธอเป็นหมอจากโรงพยาบาลนี้ใช่ไหม?”

นอกเหนือจากคําถามแล้ว คนอื่นๆก็ จ้องมองไปที่คังเสวี่ย หญิงสาวไม่รู้ว่า ชายผู้คนนี้จะมีพรรคพวกรออยู่อีกที่ด้าน นอก เธอพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัวให้กับ คําถาม

“แล้วเธอก็รู้แผนผังของโรงพยาบาลใช่ไหม?” หลังจากเห็นเธอพยักหน้า เขาก็ถามคําถามต่อไป คังเสวี่ยไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงถามเธอ แต่เธอก็พยักหน้าเป็นการตอบ

“ส่วนข่าวร้ายนั้นเกี่ยวกับเคียวยมทูต อย่างแรกคือเคียวมรณะนั้นมีการเคลื่อน ไหวที่รวดเร็วซึ่งยากต่อการมองเห็นด้วย ตาเปล่า!” เขาเหลือมองไปโรงพยาบาล ขณะพูด เขามั่นใจว่าเคียวยมทูตกําลังไล่ตามเขามาอยู่ แต่เมื่อเขาพยายามจะมองกลับไปดู เขาก็ไม่เห็นอะไรเลย นั่นคือเหตุผลที่เขาให้ข้อสรุปว่า เคียวมรณะนั้นยากต่อการมองเห็นด้วยตาเปล่า

“อย่างที่สอง สัตว์ประหลาดตัวนั้นค่อนข้างอึดถึกทน ฉันโจมตีพวกมันไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันก็ยังไม่ตาย! ทั้งๆที่ฉันก็โจมตีออกไปอย่างเต็มแรง!” ในตอนนี้ ถังเส้าหยางก็เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเคียว มรณะที่เขาโจมตีไปนั้นยังมีชีวิตอยู่ เพราะเมื่อดูจากหน้าจอภารกิจ เคียวมรณะทั้ง 88 ตัวก็ยังมีชีวิตอยู่

“อ่า ฉันเชื่อแล้วว่าคุณโจมตีมันไปเต็มแรง มันดังก้องออกมาถึงด้านนอก และฉันก็ได้ยินมัน!” ว่านจึงยี่กล่าวอย่างเหน็บแนม

ถึงเส้าหยางเพิกเฉยต่อคําพูดเหล่านั้นในขณะที่เขานึกถึงบางสิ่งได้ “โอ้ จะว่าไปเราก็มีข้อได้เปรียบที่ดีเช่นกัน ข้างนอกเป็นที่ที่ปลอดภัยสําหรับเรา! เคียวมรณะจะไม่ไล่ตามเราออกมาด้านนอกของอาคาร! เราสามารถใช้สิ่งนั้นเป็นข้อได้เปรียบของเราได้!”

“แล้วเราจะทํายังไงล่ะบอส?” ฉินชั่วซานเปิดปากและถาม เนื่องจากถังเส้าหยางรู้จักสัตว์ประหลาดนั้นดี ดังนั้น ฉินซัวซานจึงคิดว่าเขาอาจจะมีแผนการอะไรบางอย่างในใจของเขาแล้ว

คังเสวี่ยตกตะลึงเมื่อฉันรั่วซานที่ดูเคร่งขรึมเรียกชายที่เพิ่งช่วยเธอไว้ว่าบอส เธอตกใจเล็กน้อยว่า ผู้ชายหน้าตาดีคนนี้สามารถทําให้คนที่หน้าตาน่ากลัวเหล่านี้เรียกเขาว่าบอสได้อย่างไรกัน?

“ในตอนนี้ เราจะแบ่งทีมออกเป็นสองกลุ่ม จะมีคนหกคนคอยปกป้องเด็กๆ และส่วนที่เหลือก็จะตามฉันมาเพื่อไปช่วยผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่ข้างใน! ฉันพบผู้รอดชีวิตทั้งหมด 21 คนรวมถึงผู้หญิงคนนี้ด้วย!”

“ทําไมคุณไม่พาพวกเขาออกมาด้วยเลยล่ะ?” ว่านจึงยถาม เธอคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของถังเส้าหยาง เขาก็น่าจะสามารถจัดการกับพวกเคียวมรณะได้อย่างแน่นอน

“เธอหูหนวกหรอ? เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้วว่ามันเร็วมาก อย่างงั้นแล้วฉันจะดูแลคนทั้ง 21 คนได้ยังไงกัน? ดูฉันสิ ฉันมีแค่สองมือสองตีนนะ ฉันจะช่วยเหลือคนทั้ง 21 คนได้ยังไงกัน!” ถึงเส้าหยางอดไม่ได้ที่จะตอบด้วยน้ําเสียงประชดประชันก่อนที่รอยยิ้มจะก่อตัวขึ้นบนริมฝีปากของเขา

เขาพูดตบท้ายว่า “เธอโง่หรอ? หรือเธอเป็นคนงี่เง่า?”

ใช่แล้ว นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ได้ไปช่วยผู้รอดชีวิตทั้ง 21 คนในทันที เขาไม่สา มารถปกป้องพวกเขาทั้งหมดได้ เพราะพวกเขามีจํานวนมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ความโกลาหลที่เขาสร้างนั้นก็ได้ไปดึงดูดความสนใจของพวกสัตว์ประหลาด ถ้าเขาตัดสินใจพาผู้รอดชีวิตออกไปกับเขาเพียงลําพัง ผู้รอดชีวิตเหล่านั้นก็น่าจะต้องตายด้วยน้ํามือของเคียวมรณะ

“ได้ยินแล้วใช่ไหม หงส์ขี้เหล่! ฉันไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา แต่ฉันต้องกลับมา เพื่อเอากําลังเสริม!” ถึงเส้หยางหัน กลับมาและมองไปที่หมอที่ยังตกตะลึงอยู่

“หึๆ หงส์ขี้เหล่…” จ้าวจงหัวเราะเบาๆ ในขณะที่เขาเหลือบมองไปที่หมอสาว จากรูปลักษณ์ปัจจุบันของเธอ หญิงสาวก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อยจริงๆ อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นเพราะเธอสกปรก และผม ของเธอก็ดูยุ่งเหยิงเหมือนกับคนที่ไม่ได้ อาบน้ํามาหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ในคราบสกปรก ก็ยังมีรูปร่างที่เย้ายวนซ่อนอยู่ภายในนั้น
‘บอสนี่มีโชคเรื่องผู้หญิงจริงๆ!! จ้าวจงคิดกับตัวเอง

คังเสวี่ยกัดฟันของเธอในขณะที่เธอ ยอมรับการถูกเรียกว่า “หงส์ขี้เหร่” เธอค่อนข้างฉลาดในการอ่านสถานการณ์ที่เธอกําลังเผชิญ คนกลุ่มนี้เป็นความหวังของเธอและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเปิดเผยความไม่พอใจต่อหัวหน้าของกลุ่มนี้ได้อย่างเปิดเผย

ในขณะเดียวกัน หลี่อันก็แอบมองไปที่หมอและถังเส้หยางสลับไปสลับมา การปรากฏตัวของหมอหญิงนั้นทําให้เธอตื่นตระหนกเมื่อทั้งคู่ดูใกล้ชิดกันมาก แม้จะเป็นการพบกันครั้งแรก เธอกําหมัดของเธออย่างลับๆในขณะที่เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา

‘เธอต้องทํางานให้หนักขึ้นนะ หลี่อัน!’ หญิงสาวพยายามให้กําลังใจตัวเอง

หลังจากนั้นพวกเขาก็จัดกลุ่มใหม่และ ทิ้งคนหกคนไว้ข้างหลังเพื่อปกป้องเด็กๆ ถังเส้หยางและคังเสวี่ยอยู่ด้านหน้าและนํากลุ่มเข้าไปในโรงพยาบาล พวกเขาเข้ามาทางล็อบบี้

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

หัวใจของคังเสวี่ยเต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอเห็นทางเข้าโรงพยาบาล เธอ เพิ่งออกมาจากสถานที่อันตรายแห่งนี้ แต่ตอนนี้เธอก็ต้องกลับเข้าไปอีกครั้งแล้ว

กลุ่มค่อยๆเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้คังเสวี่ยไม่ได้จดจ่อกับสภาพ แวดล้อมในขณะที่เธอตะโกนใส่ถังเส้า หยาง แต่ตอนนี้เธอก็สามารถมองเห็น อบบี้ได้อย่างชัดเจนแล้ว

ปากของเธออ้าออกเป็นรูปตัว 0 ใน ขณะที่เธอเห็นศพของซอมบี้กระจัดกระ จายไปทั่ว ซอมบี้หลายสิบตัวเสียชีวิต อย่างน่าอนาถในล็อบบี้

เมื่อเห็นสิ่งนี้ คังเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปทางถึงเส้าหยาง เธอรู้สึกประหลาดใจกับชายคนนี้ ดวงตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความชื่นชม

ราวกับว่าถังเส้หยางมีตาอยู่ข้างศีรษะของเขา เขาสัมผัสได้ว่าหญิงสาวกําลังมองมาที่เขา

“อะไรกัน เธอตกหลุมรักฉันแล้วหรอ?” คําพดหลงตัวเองของถังเส้าหยางทําให้ใบหน้าของคังเสวี่ยแดงก่ํา โชคดีที่มันถูกซ่อนอยู่ใต้แก้มที่มอมแมมของเธอ ดังนั้นมันจึงไม่มีใครสังเกตเห็น จากนั้นเธอก็มองไปข้างหน้าในทันทีและเดินต่อไป

แม้ว่าถึงเส้าหยางจะล้อเลียนหญิงสาว แต่เขาก็ยังให้ความสําคัญกับสภาพแวด ล้อมของเขา ด้วยความประหลาดใจของเขา เตียวมรณะก็ไม่ได้กําลังรอพวกเขาอยู่ที่ทางเข้า พวกเคียวมรณะไม่ได้โจมตี แม้หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในโรงพยาบาลเป็นกลุ่มใหญ่

‘เจ้าพวกนี้ต้องมีสติปัญญาสูงแน่ๆ… ถังเส้หยางตั้งข้อสังเกตในใจของเขา ในทันทีที่เขาเข้าไปในล็อบบี้ เขาก็ สัมผัสได้ถึงการจ้องมองจากทางเดินที่ ว่างเปล่าทางด้านขวา อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของการถูกจับตามองก็หาย ไปในทันทีเมื่อกลุ่มเดินตามเขาเข้าตาม มาในล็อบบี้ สิ่งนี้หมายความว่าพวกมันมี สติปัญญามากพอที่จะรับรู้ได้ถึงความตก ต่างในเรื่องของจํานวน และสิ่งนี้ก็ทําให้พวกมันรับมือได้ยากกว่าพวกซอมบี้มาก

ในขณะนี้ คนอื่นๆก็รู้สึกวิตกกังวล เนื่องจากถังเส้าหยางได้บอกพวกเขาว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้นั้นเร็วจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ดวงตาของพวกเขากวาดไปรอบๆ เพราะพวกเขากลัวว่าสัตว์ประหลาดจะแอบดักซุ่มโจมตีพวกเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม ทั้งกลุ่มกณต้องแปลกใจ พวกเขาไม่พบการโจมตีหรือการแอบซุ่มโจมตีใดๆเลย แม้ว่าพวกเขาจะมาถึงชั้นสองแล้วก็ตาม

“พวกเขาอยู่ข้างใน!” คังเสวี่ยชี้ไปที่ประตูห้องเก็บของ เธอเปิดประตูและผู้รอดชีวิตทั้ง 20 คนก็อยู่ข้างในนั้น
คังเสวี่ยรีบเดินเข้าไป เธอรีบเดินไปที่มุมห้องเพื่อไปหาเด็กชายคนนั้น อาการของเด็กชายังไม่ดีขึ้น แต่โชคดีที่อาการของเขาก็ไม่ได้แย่ลง เธอฉีกห่อพลาสติกออกแล้วหยิบยาออกมาจากขวดเล็กๆ “ขอน้ําหน่อย!”

ในขณะที่คังเสวี่ยกําลังป้อนยาให้เด็กชาย ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆก็กําลังประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็รู้สึกยินดีไปในเวลาเดียวกันเมื่อพวกเขาพบว่ามีกลุ่มติดอาวุธมาช่วยพวกเขา

“เธอและเธอจัดการคนข้างใน ฉันจะ เฝ้าประตูเอง!” ถึงเส้หยางสั่งว่านชิงยี่ และหลี่อันในเป็นคนคอยจัดการเหล่าผู้รอดชีวิต แน่นอนว่า ณ จุดนี้ ผู้รอดชีวิต ทุกคนต่างก็เชื่อฟังพวกเขาเป็นอย่างดี

หลังจากคําอธิบายสั้นๆจากว่านจึงยี่ เหล่าผู้รอดชีวิตก็ติดตามกลุ่มของเธอไปด้วยความเต็มใจ

ทาริเออร์ล้อมรอบผู้รอดชีวิต พวกเขาวางตําแหน่งผู้รอดชีวิตไว้ตรงกลาง เพื่อที่พวกเขาจะได้ปกป้องเหล่าผู้รอดชีวิตได้ ในคราวนี้ ไปหยวน, ฉันรั่วซาน และจ้าวจงก็เป็นผู้นํากลุ่มในขณะที่ยังเส้าหยางอยู่ในแนวหลัง

ในขณะเดียวกัน หลี่อันก็เป็นคนแบก เด็กชายที่ป่วย เธออาสาเป็นคนแบกเด็กเองเพราะเธอยังมีสัตว์อัญเชิญที่สามารถใช้เพื่อต่อสู้แทนเธอได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งถึงหน้าบันไดฉุกเฉิน

ในขณะนั้นเอง ถึงเส้หยางก็เห็นใบมีดสองเล่มที่ส่องประกายตัดหัวคนของเขาสองคน

“หมอบลง! ทุกคนหมอบลงไป!” ถังเส้หยางตะโกนขึ้นในทันที ขณะที่เขาวิ่งไปข้างหน้า เขาเลื่อนไปจับขอบด้ามของเดสทรอยเยอร์ จากนั้นเขาก็เหวี่ยงขวานศึกออกไป

“พวกมันมาจากข้างบน! วิ่ง! วิ่ง! วิ่ง!”

เสียงกรีดร้องที่ตื่นตระหนกดังไปทั่วโถงทางเดินในขณะที่ทุกคนเห็นหัวคนสองคนกลิ้งตกลงมาบนพื้น

“หยุดโวยวายแล้ววิ่งไป ไอ้พวกงี่เง่า หนีไป!!!” ถึงเส้าหยางตะโกนออกมาอย่างสุดแรง

ตอนนั้นเองที่พวกเขาวิ่งไปที่บันได ฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณปฏิกิริ ยาการตอบสนองที่รวดเร็วของถังเส้าหยาง พวกเขาจึงสามารถมาถึงบันไดฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยแม้จะมีคนตายไ สองคนในตอนแรกก็ตาม

ในขณะที่ทุกคนกําลังวิ่ง ถังเส้าหยางก็ไม่ได้ตามพวกเขาไป เขาหยุดอยู่ที่ประตูบันไดฉุกเฉินพร้อมกับขวานศึกของเขา

“ในเมื่อพวกแกอยู่ที่นี่แล้ว งั้นฉันก็จะไม่ปล่อยให้พวกแกหลุดพ้นจากเงื้อมมือของฉันไปแน่!” เขาวางแผนที่จะต่อสู้กับเคียวมรณะด้วยตัวคนเดียวขณะมองขึ้นไปบนเพดาน

ที่บนเพดานอันมืดมิด ดวงตาสีแดงเปล่งประกายหลายคู่ก็กําลังจับจ้องมาที่ถังเส้าหยาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ 79 การซุ่มโจมตี

Now you are reading Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ Chapter 79 การซุ่มโจมตี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 79 การซุ่มโจมตี

ในความเป็นจริง ถังเส้าหยางก็กําลังรีบวิ่งกลับมาพร้อมกับหมอที่อยู่บนไหล่ของเขา อย่างไรก็ตาม พวกเคียวมรณะ ก็ไม่ได้ไล่ตามเขามา ดังนั้นการคาดการณ์ของว่านจึงยี่จึงถูกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

“ทําไมกัน? ทําไมนายถึงไม่ช่วยคนอื่นๆด้วยล่ะ” คังเสวี่ยเอาแต่ถามถึงเส้า หยางที่ออกมาโดยทิ้งคนอื่นๆไว้

ถังเส้หยางไม่สนใจที่จะตอบผู้หญิงคนนั้น ท้ายที่สุดเล้วเขาก็มีเหตุผลของ เขา

เขาปล่อยผู้หญิงคนนั้นลงและเรียกคน ของเขาให้มารวมตัวกัน “ฉันมีข่าวร้าย และข่าวดี ข่าวดีก็คือฉันสามารถหาแผนที่ที่มีชีวิตได้!” ถึงเส้าหยางชี้ไปที่ผู้หญิงที่เขาเพิ่งปล่อยลง “เธอเป็นหมอจากโรงพยาบาลนี้ใช่ไหม?”

นอกเหนือจากคําถามแล้ว คนอื่นๆก็ จ้องมองไปที่คังเสวี่ย หญิงสาวไม่รู้ว่า ชายผู้คนนี้จะมีพรรคพวกรออยู่อีกที่ด้าน นอก เธอพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัวให้กับ คําถาม

“แล้วเธอก็รู้แผนผังของโรงพยาบาลใช่ไหม?” หลังจากเห็นเธอพยักหน้า เขาก็ถามคําถามต่อไป คังเสวี่ยไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงถามเธอ แต่เธอก็พยักหน้าเป็นการตอบ

“ส่วนข่าวร้ายนั้นเกี่ยวกับเคียวยมทูต อย่างแรกคือเคียวมรณะนั้นมีการเคลื่อน ไหวที่รวดเร็วซึ่งยากต่อการมองเห็นด้วย ตาเปล่า!” เขาเหลือมองไปโรงพยาบาล ขณะพูด เขามั่นใจว่าเคียวยมทูตกําลังไล่ตามเขามาอยู่ แต่เมื่อเขาพยายามจะมองกลับไปดู เขาก็ไม่เห็นอะไรเลย นั่นคือเหตุผลที่เขาให้ข้อสรุปว่า เคียวมรณะนั้นยากต่อการมองเห็นด้วยตาเปล่า

“อย่างที่สอง สัตว์ประหลาดตัวนั้นค่อนข้างอึดถึกทน ฉันโจมตีพวกมันไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันก็ยังไม่ตาย! ทั้งๆที่ฉันก็โจมตีออกไปอย่างเต็มแรง!” ในตอนนี้ ถังเส้าหยางก็เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเคียว มรณะที่เขาโจมตีไปนั้นยังมีชีวิตอยู่ เพราะเมื่อดูจากหน้าจอภารกิจ เคียวมรณะทั้ง 88 ตัวก็ยังมีชีวิตอยู่

“อ่า ฉันเชื่อแล้วว่าคุณโจมตีมันไปเต็มแรง มันดังก้องออกมาถึงด้านนอก และฉันก็ได้ยินมัน!” ว่านจึงยี่กล่าวอย่างเหน็บแนม

ถึงเส้าหยางเพิกเฉยต่อคําพูดเหล่านั้นในขณะที่เขานึกถึงบางสิ่งได้ “โอ้ จะว่าไปเราก็มีข้อได้เปรียบที่ดีเช่นกัน ข้างนอกเป็นที่ที่ปลอดภัยสําหรับเรา! เคียวมรณะจะไม่ไล่ตามเราออกมาด้านนอกของอาคาร! เราสามารถใช้สิ่งนั้นเป็นข้อได้เปรียบของเราได้!”

“แล้วเราจะทํายังไงล่ะบอส?” ฉินชั่วซานเปิดปากและถาม เนื่องจากถังเส้าหยางรู้จักสัตว์ประหลาดนั้นดี ดังนั้น ฉินซัวซานจึงคิดว่าเขาอาจจะมีแผนการอะไรบางอย่างในใจของเขาแล้ว

คังเสวี่ยตกตะลึงเมื่อฉันรั่วซานที่ดูเคร่งขรึมเรียกชายที่เพิ่งช่วยเธอไว้ว่าบอส เธอตกใจเล็กน้อยว่า ผู้ชายหน้าตาดีคนนี้สามารถทําให้คนที่หน้าตาน่ากลัวเหล่านี้เรียกเขาว่าบอสได้อย่างไรกัน?

“ในตอนนี้ เราจะแบ่งทีมออกเป็นสองกลุ่ม จะมีคนหกคนคอยปกป้องเด็กๆ และส่วนที่เหลือก็จะตามฉันมาเพื่อไปช่วยผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่ข้างใน! ฉันพบผู้รอดชีวิตทั้งหมด 21 คนรวมถึงผู้หญิงคนนี้ด้วย!”

“ทําไมคุณไม่พาพวกเขาออกมาด้วยเลยล่ะ?” ว่านจึงยถาม เธอคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของถังเส้าหยาง เขาก็น่าจะสามารถจัดการกับพวกเคียวมรณะได้อย่างแน่นอน

“เธอหูหนวกหรอ? เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้วว่ามันเร็วมาก อย่างงั้นแล้วฉันจะดูแลคนทั้ง 21 คนได้ยังไงกัน? ดูฉันสิ ฉันมีแค่สองมือสองตีนนะ ฉันจะช่วยเหลือคนทั้ง 21 คนได้ยังไงกัน!” ถึงเส้าหยางอดไม่ได้ที่จะตอบด้วยน้ําเสียงประชดประชันก่อนที่รอยยิ้มจะก่อตัวขึ้นบนริมฝีปากของเขา

เขาพูดตบท้ายว่า “เธอโง่หรอ? หรือเธอเป็นคนงี่เง่า?”

ใช่แล้ว นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ได้ไปช่วยผู้รอดชีวิตทั้ง 21 คนในทันที เขาไม่สา มารถปกป้องพวกเขาทั้งหมดได้ เพราะพวกเขามีจํานวนมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ความโกลาหลที่เขาสร้างนั้นก็ได้ไปดึงดูดความสนใจของพวกสัตว์ประหลาด ถ้าเขาตัดสินใจพาผู้รอดชีวิตออกไปกับเขาเพียงลําพัง ผู้รอดชีวิตเหล่านั้นก็น่าจะต้องตายด้วยน้ํามือของเคียวมรณะ

“ได้ยินแล้วใช่ไหม หงส์ขี้เหล่! ฉันไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา แต่ฉันต้องกลับมา เพื่อเอากําลังเสริม!” ถึงเส้หยางหัน กลับมาและมองไปที่หมอที่ยังตกตะลึงอยู่

“หึๆ หงส์ขี้เหล่…” จ้าวจงหัวเราะเบาๆ ในขณะที่เขาเหลือบมองไปที่หมอสาว จากรูปลักษณ์ปัจจุบันของเธอ หญิงสาวก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อยจริงๆ อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นเพราะเธอสกปรก และผม ของเธอก็ดูยุ่งเหยิงเหมือนกับคนที่ไม่ได้ อาบน้ํามาหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ในคราบสกปรก ก็ยังมีรูปร่างที่เย้ายวนซ่อนอยู่ภายในนั้น
‘บอสนี่มีโชคเรื่องผู้หญิงจริงๆ!! จ้าวจงคิดกับตัวเอง

คังเสวี่ยกัดฟันของเธอในขณะที่เธอ ยอมรับการถูกเรียกว่า “หงส์ขี้เหร่” เธอค่อนข้างฉลาดในการอ่านสถานการณ์ที่เธอกําลังเผชิญ คนกลุ่มนี้เป็นความหวังของเธอและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเปิดเผยความไม่พอใจต่อหัวหน้าของกลุ่มนี้ได้อย่างเปิดเผย

ในขณะเดียวกัน หลี่อันก็แอบมองไปที่หมอและถังเส้หยางสลับไปสลับมา การปรากฏตัวของหมอหญิงนั้นทําให้เธอตื่นตระหนกเมื่อทั้งคู่ดูใกล้ชิดกันมาก แม้จะเป็นการพบกันครั้งแรก เธอกําหมัดของเธออย่างลับๆในขณะที่เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา

‘เธอต้องทํางานให้หนักขึ้นนะ หลี่อัน!’ หญิงสาวพยายามให้กําลังใจตัวเอง

หลังจากนั้นพวกเขาก็จัดกลุ่มใหม่และ ทิ้งคนหกคนไว้ข้างหลังเพื่อปกป้องเด็กๆ ถังเส้หยางและคังเสวี่ยอยู่ด้านหน้าและนํากลุ่มเข้าไปในโรงพยาบาล พวกเขาเข้ามาทางล็อบบี้

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

หัวใจของคังเสวี่ยเต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอเห็นทางเข้าโรงพยาบาล เธอ เพิ่งออกมาจากสถานที่อันตรายแห่งนี้ แต่ตอนนี้เธอก็ต้องกลับเข้าไปอีกครั้งแล้ว

กลุ่มค่อยๆเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้คังเสวี่ยไม่ได้จดจ่อกับสภาพ แวดล้อมในขณะที่เธอตะโกนใส่ถังเส้า หยาง แต่ตอนนี้เธอก็สามารถมองเห็น อบบี้ได้อย่างชัดเจนแล้ว

ปากของเธออ้าออกเป็นรูปตัว 0 ใน ขณะที่เธอเห็นศพของซอมบี้กระจัดกระ จายไปทั่ว ซอมบี้หลายสิบตัวเสียชีวิต อย่างน่าอนาถในล็อบบี้

เมื่อเห็นสิ่งนี้ คังเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปทางถึงเส้าหยาง เธอรู้สึกประหลาดใจกับชายคนนี้ ดวงตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความชื่นชม

ราวกับว่าถังเส้หยางมีตาอยู่ข้างศีรษะของเขา เขาสัมผัสได้ว่าหญิงสาวกําลังมองมาที่เขา

“อะไรกัน เธอตกหลุมรักฉันแล้วหรอ?” คําพดหลงตัวเองของถังเส้าหยางทําให้ใบหน้าของคังเสวี่ยแดงก่ํา โชคดีที่มันถูกซ่อนอยู่ใต้แก้มที่มอมแมมของเธอ ดังนั้นมันจึงไม่มีใครสังเกตเห็น จากนั้นเธอก็มองไปข้างหน้าในทันทีและเดินต่อไป

แม้ว่าถึงเส้าหยางจะล้อเลียนหญิงสาว แต่เขาก็ยังให้ความสําคัญกับสภาพแวด ล้อมของเขา ด้วยความประหลาดใจของเขา เตียวมรณะก็ไม่ได้กําลังรอพวกเขาอยู่ที่ทางเข้า พวกเคียวมรณะไม่ได้โจมตี แม้หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในโรงพยาบาลเป็นกลุ่มใหญ่

‘เจ้าพวกนี้ต้องมีสติปัญญาสูงแน่ๆ… ถังเส้หยางตั้งข้อสังเกตในใจของเขา ในทันทีที่เขาเข้าไปในล็อบบี้ เขาก็ สัมผัสได้ถึงการจ้องมองจากทางเดินที่ ว่างเปล่าทางด้านขวา อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของการถูกจับตามองก็หาย ไปในทันทีเมื่อกลุ่มเดินตามเขาเข้าตาม มาในล็อบบี้ สิ่งนี้หมายความว่าพวกมันมี สติปัญญามากพอที่จะรับรู้ได้ถึงความตก ต่างในเรื่องของจํานวน และสิ่งนี้ก็ทําให้พวกมันรับมือได้ยากกว่าพวกซอมบี้มาก

ในขณะนี้ คนอื่นๆก็รู้สึกวิตกกังวล เนื่องจากถังเส้าหยางได้บอกพวกเขาว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้นั้นเร็วจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ดวงตาของพวกเขากวาดไปรอบๆ เพราะพวกเขากลัวว่าสัตว์ประหลาดจะแอบดักซุ่มโจมตีพวกเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม ทั้งกลุ่มกณต้องแปลกใจ พวกเขาไม่พบการโจมตีหรือการแอบซุ่มโจมตีใดๆเลย แม้ว่าพวกเขาจะมาถึงชั้นสองแล้วก็ตาม

“พวกเขาอยู่ข้างใน!” คังเสวี่ยชี้ไปที่ประตูห้องเก็บของ เธอเปิดประตูและผู้รอดชีวิตทั้ง 20 คนก็อยู่ข้างในนั้น
คังเสวี่ยรีบเดินเข้าไป เธอรีบเดินไปที่มุมห้องเพื่อไปหาเด็กชายคนนั้น อาการของเด็กชายังไม่ดีขึ้น แต่โชคดีที่อาการของเขาก็ไม่ได้แย่ลง เธอฉีกห่อพลาสติกออกแล้วหยิบยาออกมาจากขวดเล็กๆ “ขอน้ําหน่อย!”

ในขณะที่คังเสวี่ยกําลังป้อนยาให้เด็กชาย ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆก็กําลังประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็รู้สึกยินดีไปในเวลาเดียวกันเมื่อพวกเขาพบว่ามีกลุ่มติดอาวุธมาช่วยพวกเขา

“เธอและเธอจัดการคนข้างใน ฉันจะ เฝ้าประตูเอง!” ถึงเส้หยางสั่งว่านชิงยี่ และหลี่อันในเป็นคนคอยจัดการเหล่าผู้รอดชีวิต แน่นอนว่า ณ จุดนี้ ผู้รอดชีวิต ทุกคนต่างก็เชื่อฟังพวกเขาเป็นอย่างดี

หลังจากคําอธิบายสั้นๆจากว่านจึงยี่ เหล่าผู้รอดชีวิตก็ติดตามกลุ่มของเธอไปด้วยความเต็มใจ

ทาริเออร์ล้อมรอบผู้รอดชีวิต พวกเขาวางตําแหน่งผู้รอดชีวิตไว้ตรงกลาง เพื่อที่พวกเขาจะได้ปกป้องเหล่าผู้รอดชีวิตได้ ในคราวนี้ ไปหยวน, ฉันรั่วซาน และจ้าวจงก็เป็นผู้นํากลุ่มในขณะที่ยังเส้าหยางอยู่ในแนวหลัง

ในขณะเดียวกัน หลี่อันก็เป็นคนแบก เด็กชายที่ป่วย เธออาสาเป็นคนแบกเด็กเองเพราะเธอยังมีสัตว์อัญเชิญที่สามารถใช้เพื่อต่อสู้แทนเธอได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งถึงหน้าบันไดฉุกเฉิน

ในขณะนั้นเอง ถึงเส้หยางก็เห็นใบมีดสองเล่มที่ส่องประกายตัดหัวคนของเขาสองคน

“หมอบลง! ทุกคนหมอบลงไป!” ถังเส้หยางตะโกนขึ้นในทันที ขณะที่เขาวิ่งไปข้างหน้า เขาเลื่อนไปจับขอบด้ามของเดสทรอยเยอร์ จากนั้นเขาก็เหวี่ยงขวานศึกออกไป

“พวกมันมาจากข้างบน! วิ่ง! วิ่ง! วิ่ง!”

เสียงกรีดร้องที่ตื่นตระหนกดังไปทั่วโถงทางเดินในขณะที่ทุกคนเห็นหัวคนสองคนกลิ้งตกลงมาบนพื้น

“หยุดโวยวายแล้ววิ่งไป ไอ้พวกงี่เง่า หนีไป!!!” ถึงเส้าหยางตะโกนออกมาอย่างสุดแรง

ตอนนั้นเองที่พวกเขาวิ่งไปที่บันได ฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณปฏิกิริ ยาการตอบสนองที่รวดเร็วของถังเส้าหยาง พวกเขาจึงสามารถมาถึงบันไดฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยแม้จะมีคนตายไ สองคนในตอนแรกก็ตาม

ในขณะที่ทุกคนกําลังวิ่ง ถังเส้าหยางก็ไม่ได้ตามพวกเขาไป เขาหยุดอยู่ที่ประตูบันไดฉุกเฉินพร้อมกับขวานศึกของเขา

“ในเมื่อพวกแกอยู่ที่นี่แล้ว งั้นฉันก็จะไม่ปล่อยให้พวกแกหลุดพ้นจากเงื้อมมือของฉันไปแน่!” เขาวางแผนที่จะต่อสู้กับเคียวมรณะด้วยตัวคนเดียวขณะมองขึ้นไปบนเพดาน

ที่บนเพดานอันมืดมิด ดวงตาสีแดงเปล่งประกายหลายคู่ก็กําลังจับจ้องมาที่ถังเส้าหยาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+