Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 351 เจ็ดอารมณ์หกความปรารถนา
ตอนที่ 351 เจ็ดอารมณ์หกความปรารถนา
ความสงสัยปรากฏขึ้นใบหน้าของเสี่ยวไป,นางรู้สึกแปลกใจ นางถามขึ้น “รู้สึกกดดัน? หรือเสี่ยวไปตัวหนัก?”
หลิวหรูเยวค่อยๆเดินเข้ามาและยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวยวี่ไปจะตัวหนักได้แค่ไหน? มันหมายความว่ามีบางคนกําลังเขินอาย”
เซียวเฉินหวเราะอย่างขวยเขิน เขามองไปที่ทั้งสองคน “ขอโทษ,ข้าทําให้เจ้าทั้งสองเป็นกังวล”
ขณะที่เซียวเฉินกําลังบ่มเพาะพลัง,เขาหมกมุ่นไปกับตัวเองโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม,สัมผัสวิญญาณของเขาขยายออกไปโดยรอบอยู่เสมอ เขาตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวของเขา
ท่าทางของหลิวหรูเยว่ทําให้เซียวเฉินรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เขาทําให้คนที่เขาห่วงใยต้องมาเห็นเขาทําในสิ่งที่อันตราย พวกเขาจะเป็นกังวลเกี่ยวกับเขา
หลิวหรูเยว่กล่าวอย่างนั่มนวล “ไม่จําเป็นต้องรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับข้า กลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”
ทั้งกลุ่มค่อยๆเดินไปตามทางกลับ ตลอดทาง,เสี่ยวไปร่างเร็งเป็นที่สุด นางพูดคุยอย่างไร้จุดหมาย และถามคําถามให้ทําให้พวกเขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี บรรยากาศผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า ก็มาถึงสิ้นเดือน ในช่วงเวลานี้,เซี่ยวเฉินไม่ได้บ่มเพาะพลังอย่างบ้าคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้
เซี่ยวเฉินจะบ่มเพาะพลังเพียงครึ่งวัน จากนั้นเขาก็จะใช้เวลาที่เหลือกับหลิวหรูเยวและเสี่ยวไปเดินเล่นไปรอบศาลากระปสวรรค์
หลังจากที่อาศัยอยู่ที่ศาลากระปสวรรค์มากเป็นเวลานาน,เซี่ยวเฉินยังไม่ได้แม้แต่จะเดินดูให้รอบอย่างจริงๆจังๆ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้แล้วในอนาคต ดังนั้น เมื่อหลิวหรูเยาแนะให้พวกเขาไปเดินชมสถานที่ต่างๆ,เขาก็ตกลงในทันที
ขณะที่ใกล้จะสิ้นเดือน,ศาลากระปสวรรค์มีบนนยากาศที่วุ่นวาย จะมีผู้เชี่ยวชาญจากสถานที่อื่นเข้ามาเป็นบางครั้ง
พวกนั้นคือผู้บ่มเพาะพลังอิสระหรือจากนิกายและตระกูลเล็กทั้งหลาย พวกเขาไม่ได้รับรับค่าเชิญและได้นําของบรรณาการเข้ามาเพื่อหวังว่าศาลากระปสวรรค์จะเชื้อเชิญพวกเขา พวกเขาหวังว่าจะได้เข้าร่วมในพิธีต้อนรับและหมายจะสร้างความประทับใจกับผู้คนจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์
หากนิกายหรือตระกูลเหล่านั้นมีสานุศิษย์ที่ยอดเยี่ยม,พวกเขากระหายเสียงยิ่งกว่า หากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์จดจําสานุศิษย์ของพวกเขาได้, นิกายหรือตระกูลเหล่านั้นจะเพิ่มพูนอานาจหนึ่งหรือสองอันดับในอาณาจักรต้าฉัน
ตามธรรมเนียม,ทุกครั้งที่สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์รับคนไป,พวกเขาจะมอบผลประโยชน์ให้อย่างมหาศาล พวกเขาจะได้รับตําราลับระดับสูง,หินวิญญาณ,สมบัติลับ,และอาวุธวิญญาณ;พวกเขาจะได้รับมาอย่างมากมายล้นหลาม ที่สําคัญที่สุดคือพวกเขาจะได้รับการคุ้มครองจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครที่จะกล้ามาสร้างปัญหาให้กับพวกเขา
ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายเป็นผลให้สานุศิษย์พร้อมสัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีกที่เปิดกิจการขนส่งตรงตีนเขาได้รับหินวิญญาณจํานวนมาก
กิจการรุ่งเรืองถึงขนาดที่ยิ่งพวกเขาเร่งขนส่ง,ยิ่งมีคนมารอต่อแถวมากขึ้น
มันใช้เวลากว่าครึ่งวันที่นักบ่มเพาะพลังทั่วไปจะเดินขึ้นไปถึงศาลากระบี่สวรรค์, แม้ว่าพวกเขาจะเร่งฝีเท้าเต็มกําลัง
สําหรับคนพวกนี้,พวกเขาจะกล้าเสียเวลาไปมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร? เป็นธรรมดา,ที่พวกเขาทั้งหมดจะแย่งกันขึ้นสัตว์อสูรวิญญาณ
เซี่ยวเฉินมองไปที่ตนของฐานส่องสวรรค์ เขามองดูจํานวนคนมหาศาลที่เต็มไปด้วยความหวัง และกล่าว “สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดึงดูใจอย่างแท้จริง เพียงข่าวการมาถึงของพวกเขาก็สามารถทําให้ทั่วทั้งอาณาจักรตาฉันต้องเคลื่อนไหว
หลิวหรูเยว่ยืนอยู่ด้านข้างและกล่าวขึ้นอย่างนุ่มนวล “มันก็ช่วยไม่ได้ ในสายตาของคนทั่วไป,สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นดุจพระเจ้า ความคิดนี้สืบทอดกันมานานหลายหมื่นปี ความเคารพ และเกรงกลัวต่อพวกเขาฝังลึกลงไปถึงกระดูก”
เมื่อหลิวหรูเยส่ได้ยินดังนั้น,เขาคิ้วขมวดเล็กน้อย เขาถามขึ้นเบาๆ “พวกเขาใกความหวังเอาไว้กับพระเจ้าบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังได้อย่างไร? ไปที่อื่นกันเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าดู”
หลิวหรูเยว่รู้สึกได้ถึงความเฉียบคมในคําพูดของเซียวเฉิน นางรู้สึกตกตะลึงไปเล็กน้อย มันราวกับว่าเซี่ยวเฉินไม่ได้ใส่ใจกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย
“เช่นนั้นก็ไปกัน ยังมีสถานที่สวยงามในศาลากระปสวรรค์ที่เจ้ายังไม่ได้เห็น” หลิวหรูเยว่กล่าว พร้อมกับยิ้มเบาๆ
หลังจากนั้น, พวกเขาก็ไปถึงยอดภูเขาแห่งหนึ่ง ยอดภูเขานี้สูงมากกว่าหนึ่งหมื่นเมตร ถึงกับทําให้เซี่ยวเฉินตกตะลึง
หมู่เมฆปกคลุมยอดเขาหลังจากที่ถึงความสูงหนึ่งพันเมตรนับจอกตรงกลางยอดเขา เมื่อพวกเขาไปถึงบนยอดภูเขา,มันราวกับกําลังเดินอยู่บนเมฆ
พวกเขาทั้งสองรีบเร่งขึ้นไป,และรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย ในตอนที่พวกเขาขึ้นไปถึงยอด,พวกเขาก็นั่งลงพักผ่อนในทันที
ขณะที่หลิวหรูเยวมองดูเหมฆที่กําลังหมุนวน,ความเศร้าหมองก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางกล่าวเสียงนุ่ม “เย่เฉิน,คนของแดนศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงในสามวัน เจ้าจะออกไปจากศาลากระบี่สวรรค์หลังจากที่การแข่งขันจบลง,ใช่หรือไม่?”
สําหรับเซี่ยวเฉิน,ศาลากระบี่สวรรค์เป็นเพียงทางผ่าน, หลิวหรูเยวรู้เช่นนี้มานานแล้ว เขาไม่ได้จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่ศาลากระบี่สวรรค์
ตามจริง,เซียวเฉิน่าจะออกไปตั้งแต่ที่สําเร็จการฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน หลิวหรูเยวรู้ชัดถึงเหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่ เขาอยู่ต่อเพราะความกตัญญที่มีต่อนางและลังเลที่จะจากไป
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้น,สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลง นี่เป็นปัญหาที่กวนใจเขามาเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ในคืนที่หลิงหรเยวล้มต้นไม้ต้นนั้น,เขาได้คิดแล้วคิดอีก มนุษย์มีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา หากเขาระดับหนึ่งในนั้นเอาไว้,เงาในใจของเขาก็จะปรากฏขึ้น
ความรัก สําหรับผู้บ่มเพาะพลัง,มันไม่ได้เป็นหินขัดขวางในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ
เซี่ยวเฉินไม่รู้ตัวว่าเขาได้เกอดความผูกพันเช่นนี้ขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่;เขาได้หักล้างหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ที่สุดใส่การบ่มเพาะพลัง ความหลงใหล
ความหลงใหลมันยากที่จะก้าวผ่าน มีผู้บ่มเพาะพลังแข็งแกร่งมากมายในประวัติศาสตร์ที่สะ ดุดล้มเพาะความหลงใหล พวกเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แต่พวกเขาได้ระงับอารมณ์ของพวก เขาเอาไว้ มีแม้กระทั่งผู้บ่มเพาะพลังบางคนที่ตัดขาดจากอารมณ์นี้โดยสมบูรณ์และเดินไปในเส้น ทางแห่งการบ่มเพาะพลังเพียงอย่างเดียว
เมื่อพวกเขามาถึงจุดคอขวดที่กันพวกเขาจากจุดสูงสุด,เงาในใจก็ได้ก่อเกิดขึ้น ท้ายที่สุด,พวกเขาก็ไม่อาจข้ามขั้นสุดท้ายและไปไม่ถึงจุดยอดสุด
หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน,เซียวเฉินจ้องมองไปที่หลิวหรูเยว่ เขากล่าว,อย่างจริงจัง “หรูเยา,ข้าชอบเจ้า สักวันหนึ่ง,ข้าจะทําให้ยอดเขาจึงหยุนไม่ต้องเป็นภาระของเจ้าอีกต่อไป,และพวกเราสามารถออกไปด้วยกัน”
เมื่อหลิวหรูเยว่ได้ยินดังนั้น,รอยแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของนาง นางไม่คาดคิดว่า คนที่มักจะนิ่งเงียบและเก็บตัวอย่างเซียวเฉินจะกล้ากล่าวว่านี้
หลิวหรูเยาตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง,ไม่อาจเปิดปากกล่าวอะไร เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นหลิวหรูเยว่ก้มหัวต่ําหมดสิ้นคําพูด,เขาพลันหัวเราะขึ้น
หลิวหรเยวมองกลับไปที่เซียวเฉิน ความสงสัยเติมเต็มในสายตาของนางพร้อมกับถามขึ้น “เจ้าหัวเราะอะไร?”
เซี่ยวเฉินไม่อาจหยุดหัวเราะได้พร้อมกับกล่าวต่อ “หรูเยา,ข้าชอบเจ้าจริงๆ ข้ามันโง่งม จนกระทั่งตอนนี้ข้าถึงจะรู้ตัวว่าข้าชอบเจ้า”
“ข้าควรจะพูดออกไปตั้งนานแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะยินดีหรือไม่,ข้าก็จะชอบเจ้า หากเจ้ายินดีที่จะรอคอยข้า,สักวันหนึ่ง,ข้าจะยกภาระของยอดเขาฉิบหยุนออกไปด้วยความแข็งแกร่งของข้า”
“ข้าชอบเจ้าหรูเยว่ ข้าชอบเจ้า ชอบเจ้าจริงๆ ข้าชอบทุกถ้อยคําและรอยยิ้มของเจ้า ข้าชอบทุกอย่างของเจ้า ข้าชอบที่เจ้าดูแลข้าอย่างดี ข้าขอบเจ้ามาก!” ทันใดนั้นเซียวเฉินร้องตะโกนขึ้น เสียงของเขาราวกับสายฟ้าที่คํารามบนท้องฟ้าสูงนับหมื่นเมตร,ก้องกังวานไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด
คําว่า “ข้าชอบเจ้า ทําให้หมู่เมฆกระจายออกไป มันดังก้องอยู่ในหูของหลิวหรูเยว่
หลิวหรเยว่หน้าแดงหนักและนางเอามือของนางปิดปากของเซียวเฉิน “ไม่ต้องเสียงดัง ข้ารู้แล้ว”
เซี่ยวเฉินมองไปที่หลิวหรูเยวที่น้ําตาคลอ จากนี้ย,เขาก็ดึงมือที่กําลังปิดปากของเขาเบาๆและกุมเอาไว้แน่น
หลิวหรูเยว่กุมมือของเซี่ยวเฉิน เมื่อนางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของเขา,น้ําตาของนางพลันกลายเป็นเสียงดังเราะและกล่าวขึ้นเบาๆ “ข้าเชื่อว่าเจ้าทําได้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ยอดเขาจึงหยุน”
เซียวเฉินดึงหลิวหรูเยว่เบาๆเข้าสู่อ้อมอกของเขา ทั้งสองไม่ได้กล่าวอะไรออกมา,เพียงกอดกันและกันเอาไว้แนบกาย
สามวันต่อมา, พิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ก็ได้เริ่มขึ้น ศาลากระปสวรรค์เต็มไปด้วยบรรยากาศที่สนุกสนาน สานุศิษย์ชั้นในทั้งหมดตื่นขึ้นแต่เช้าในวันนี้
เช่นเดียวกันกับเซี่ยวเฉิน ก่อนที่ฟ้าจะสว่าง,เขาก็ได้แต่งตัวและเริ่มฝึกฝนกระบี่อยู่ในลานของเขา
จะมีศึกใหญ่ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวนมู่ฉิง,มู่เฉิงเสวี่ย,ชรือเฟิง,ฮวาหยุนเฟย,หรือจีชางคง;พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นในอาณาจักรต้าฉัน
แม้ว่าเซี่ยวเฉินมั่นใจในการเอาชนะพวกเขาทั้งหมด,เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท
สายลมอ่อนพัดผ่าน,และแสงกระบวูบไหว เซี่ยวเฉินใช้ออกทักษะต่อสู้ทั้งหมดของเขาในรวดเดียว
แน่นอน,เซี่ยวเฉินเพียงใช้ออกมาเบาๆไม่ได้ใช้พลังปราณมากนัก มิฉะนั้น,หากเขาใช้ออกเต็มกําลัง,ลานบ้านของเขาจะกลายเป็นซากปรักหักพัง
หลังจากที่เซียวเฉินฝึกฝนเสร็จสิ้น,หลิวหรูเยา,ผู้ที่มาถึงตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ จัดชุดคลุมยาวสีขาวที่พับเรียบร้อยให้กับเซียวเฉินพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นเสื้อคลุมยาวสีขาวในมือของหลิวหรูเยว่,เขาสามารรู้สึกได้ถึงพลังงานแปลกประหลาด เขาถามขึ้นอย่างสงสัย “หรูเยว่, นี่คือ?”
หลิวหรเยว่อธิบาย “นี่เป็นหนึ่งในสมบัติลับที่มีค่ามากที่สุดของยอดเขาฉิงหยุน ชื่อของมันคือเสื้อคลุมวายุใส ในตอนที่เจ้าสวมมันความเร็วของเจ้าจะเพิ่มขึ้นสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหลบเลี่ยง,ความเร็วโจมตี,หรือความเร็วในการวิ่ง,ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นสิบเปอร์เซ็นต์
“ที่สําคัญที่สุดก็คือมันไม่จําเป็นต้องใช้พลังงาน ผลของมันจะส่งผลทุกช่วงเวลา”
เซี่ยวเฉินรับเสื้อคลุมวายุใสมาและเผยสีหน้ายินดี หากเขาได้ยินเฉพาะค่าแรกเขาจะไม่สนใจมันเพิ่มขึ้นเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์
แต่อย่างไรก็ตาม คําต่อมาก็เปลี่ยนโฉมมัน เสื้อคลุมวายุใสสมกับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสมบัติลับที่มีค่าที่สุด มันสามารถให้ผลตลอดเวลาโดยไม่ต้องจาายพลังงานใดๆ นี่เหมือนเป็นการเพิ่มทักษะเคลื่อนไหวของผู้บ่มเพาะพลังอย่างถาวร
นอกจากนั้น,ความเร็วที่เพิ่มก็จะขึ้นตามการเติบโตของผู้บ่มเพาะพลัง ไม่มีขีดจํากัด เมื่อรวมเข้ากับรองเท้าก้าววายุของเขา,มันสมบูรณ์แบบ
“หยุดจ้องได้แล้ว รีบใส่แล้วไปทําความคุ้นเคยกับมันซะ” หลิวหรูเยว่กล่าวและผลักเซียวเฉินเบาๆ
เซี่ยวเฉินยิ้มและพวกหน้า เขานําเสื้อคลุมสีขาวกลับไปที่ห้องของเขาและเปลี่ยนชุด,แทนด้วยเสื้อคลมวายุใส
หลังจากที่เซียวเฉินแต่งตัวเรียบร้อย,เขามองเข้าไปในกระจก ร่างสูงโปร่งสีขาวพร้อมกับผ้าคาดหน้าผากสีน้ําเงินจองกลับมาที่เขา
แถบผ้าสีน้ําเงินผิดซ่อนบัลลังก์สีแดงเอาไว้ นี่ทําให้เขาดูเป็นคนธรรมดา มีเพียงความรู้สึกสง่างามบนรูปร่างธรรมดาของเขา มันปกปิดเจตนาฆ่าฟันที่รั่วไหลของเซียวเฉินเอาไว้สมบูรณ์
นี่เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงภายนอก ที่ทําให้เซี่ยวเฉินตกตะลึงก็คือการเปลี่ยนแปลงภายใน
ในตอนที่เซี่ยวเฉินสวมชุด,พลังงานที่มองไม่เห็นเชื่อมต่อเนื้อผ้ากับรูขุมขนและผิวหนังของเขา
เซี่ยวเฉินโบกมือ,และเขาสังเกตเห็นในทันทีว่าความเร็วมือของเขาเร็วกว่าปกติ เขายกเท้าขึ้น เพื่อจะก้าวเดิน อย่างไรก็ตาม,มันเร็วกว่าที่เขาคิดเอาไว้ เขาเสียสมดุลและเกือบจะล้มคว่า
เซี่ยวเฉินยังไม่ได้ปรับตัวเข้ากับความเร็วที่เพิ่มขึ้น เขาเข้าใจได้ในทันที
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 351 เจ็ดอารมณ์หกความปรารถนา
ตอนที่ 351 เจ็ดอารมณ์หกความปรารถนา
ความสงสัยปรากฏขึ้นใบหน้าของเสี่ยวไป,นางรู้สึกแปลกใจ นางถามขึ้น “รู้สึกกดดัน? หรือเสี่ยวไปตัวหนัก?”
หลิวหรูเยวค่อยๆเดินเข้ามาและยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวยวี่ไปจะตัวหนักได้แค่ไหน? มันหมายความว่ามีบางคนกําลังเขินอาย”
เซียวเฉินหวเราะอย่างขวยเขิน เขามองไปที่ทั้งสองคน “ขอโทษ,ข้าทําให้เจ้าทั้งสองเป็นกังวล”
ขณะที่เซียวเฉินกําลังบ่มเพาะพลัง,เขาหมกมุ่นไปกับตัวเองโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม,สัมผัสวิญญาณของเขาขยายออกไปโดยรอบอยู่เสมอ เขาตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวของเขา
ท่าทางของหลิวหรูเยว่ทําให้เซียวเฉินรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เขาทําให้คนที่เขาห่วงใยต้องมาเห็นเขาทําในสิ่งที่อันตราย พวกเขาจะเป็นกังวลเกี่ยวกับเขา
หลิวหรูเยว่กล่าวอย่างนั่มนวล “ไม่จําเป็นต้องรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับข้า กลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”
ทั้งกลุ่มค่อยๆเดินไปตามทางกลับ ตลอดทาง,เสี่ยวไปร่างเร็งเป็นที่สุด นางพูดคุยอย่างไร้จุดหมาย และถามคําถามให้ทําให้พวกเขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี บรรยากาศผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า ก็มาถึงสิ้นเดือน ในช่วงเวลานี้,เซี่ยวเฉินไม่ได้บ่มเพาะพลังอย่างบ้าคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้
เซี่ยวเฉินจะบ่มเพาะพลังเพียงครึ่งวัน จากนั้นเขาก็จะใช้เวลาที่เหลือกับหลิวหรูเยวและเสี่ยวไปเดินเล่นไปรอบศาลากระปสวรรค์
หลังจากที่อาศัยอยู่ที่ศาลากระปสวรรค์มากเป็นเวลานาน,เซี่ยวเฉินยังไม่ได้แม้แต่จะเดินดูให้รอบอย่างจริงๆจังๆ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้แล้วในอนาคต ดังนั้น เมื่อหลิวหรูเยาแนะให้พวกเขาไปเดินชมสถานที่ต่างๆ,เขาก็ตกลงในทันที
ขณะที่ใกล้จะสิ้นเดือน,ศาลากระปสวรรค์มีบนนยากาศที่วุ่นวาย จะมีผู้เชี่ยวชาญจากสถานที่อื่นเข้ามาเป็นบางครั้ง
พวกนั้นคือผู้บ่มเพาะพลังอิสระหรือจากนิกายและตระกูลเล็กทั้งหลาย พวกเขาไม่ได้รับรับค่าเชิญและได้นําของบรรณาการเข้ามาเพื่อหวังว่าศาลากระปสวรรค์จะเชื้อเชิญพวกเขา พวกเขาหวังว่าจะได้เข้าร่วมในพิธีต้อนรับและหมายจะสร้างความประทับใจกับผู้คนจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์
หากนิกายหรือตระกูลเหล่านั้นมีสานุศิษย์ที่ยอดเยี่ยม,พวกเขากระหายเสียงยิ่งกว่า หากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์จดจําสานุศิษย์ของพวกเขาได้, นิกายหรือตระกูลเหล่านั้นจะเพิ่มพูนอานาจหนึ่งหรือสองอันดับในอาณาจักรต้าฉัน
ตามธรรมเนียม,ทุกครั้งที่สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์รับคนไป,พวกเขาจะมอบผลประโยชน์ให้อย่างมหาศาล พวกเขาจะได้รับตําราลับระดับสูง,หินวิญญาณ,สมบัติลับ,และอาวุธวิญญาณ;พวกเขาจะได้รับมาอย่างมากมายล้นหลาม ที่สําคัญที่สุดคือพวกเขาจะได้รับการคุ้มครองจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครที่จะกล้ามาสร้างปัญหาให้กับพวกเขา
ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายเป็นผลให้สานุศิษย์พร้อมสัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีกที่เปิดกิจการขนส่งตรงตีนเขาได้รับหินวิญญาณจํานวนมาก
กิจการรุ่งเรืองถึงขนาดที่ยิ่งพวกเขาเร่งขนส่ง,ยิ่งมีคนมารอต่อแถวมากขึ้น
มันใช้เวลากว่าครึ่งวันที่นักบ่มเพาะพลังทั่วไปจะเดินขึ้นไปถึงศาลากระบี่สวรรค์, แม้ว่าพวกเขาจะเร่งฝีเท้าเต็มกําลัง
สําหรับคนพวกนี้,พวกเขาจะกล้าเสียเวลาไปมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร? เป็นธรรมดา,ที่พวกเขาทั้งหมดจะแย่งกันขึ้นสัตว์อสูรวิญญาณ
เซี่ยวเฉินมองไปที่ตนของฐานส่องสวรรค์ เขามองดูจํานวนคนมหาศาลที่เต็มไปด้วยความหวัง และกล่าว “สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดึงดูใจอย่างแท้จริง เพียงข่าวการมาถึงของพวกเขาก็สามารถทําให้ทั่วทั้งอาณาจักรตาฉันต้องเคลื่อนไหว
หลิวหรูเยว่ยืนอยู่ด้านข้างและกล่าวขึ้นอย่างนุ่มนวล “มันก็ช่วยไม่ได้ ในสายตาของคนทั่วไป,สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นดุจพระเจ้า ความคิดนี้สืบทอดกันมานานหลายหมื่นปี ความเคารพ และเกรงกลัวต่อพวกเขาฝังลึกลงไปถึงกระดูก”
เมื่อหลิวหรูเยส่ได้ยินดังนั้น,เขาคิ้วขมวดเล็กน้อย เขาถามขึ้นเบาๆ “พวกเขาใกความหวังเอาไว้กับพระเจ้าบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังได้อย่างไร? ไปที่อื่นกันเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าดู”
หลิวหรูเยว่รู้สึกได้ถึงความเฉียบคมในคําพูดของเซียวเฉิน นางรู้สึกตกตะลึงไปเล็กน้อย มันราวกับว่าเซี่ยวเฉินไม่ได้ใส่ใจกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย
“เช่นนั้นก็ไปกัน ยังมีสถานที่สวยงามในศาลากระปสวรรค์ที่เจ้ายังไม่ได้เห็น” หลิวหรูเยว่กล่าว พร้อมกับยิ้มเบาๆ
หลังจากนั้น, พวกเขาก็ไปถึงยอดภูเขาแห่งหนึ่ง ยอดภูเขานี้สูงมากกว่าหนึ่งหมื่นเมตร ถึงกับทําให้เซี่ยวเฉินตกตะลึง
หมู่เมฆปกคลุมยอดเขาหลังจากที่ถึงความสูงหนึ่งพันเมตรนับจอกตรงกลางยอดเขา เมื่อพวกเขาไปถึงบนยอดภูเขา,มันราวกับกําลังเดินอยู่บนเมฆ
พวกเขาทั้งสองรีบเร่งขึ้นไป,และรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย ในตอนที่พวกเขาขึ้นไปถึงยอด,พวกเขาก็นั่งลงพักผ่อนในทันที
ขณะที่หลิวหรูเยวมองดูเหมฆที่กําลังหมุนวน,ความเศร้าหมองก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางกล่าวเสียงนุ่ม “เย่เฉิน,คนของแดนศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงในสามวัน เจ้าจะออกไปจากศาลากระบี่สวรรค์หลังจากที่การแข่งขันจบลง,ใช่หรือไม่?”
สําหรับเซี่ยวเฉิน,ศาลากระบี่สวรรค์เป็นเพียงทางผ่าน, หลิวหรูเยวรู้เช่นนี้มานานแล้ว เขาไม่ได้จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่ศาลากระบี่สวรรค์
ตามจริง,เซียวเฉิน่าจะออกไปตั้งแต่ที่สําเร็จการฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน หลิวหรูเยวรู้ชัดถึงเหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่ เขาอยู่ต่อเพราะความกตัญญที่มีต่อนางและลังเลที่จะจากไป
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้น,สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลง นี่เป็นปัญหาที่กวนใจเขามาเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ในคืนที่หลิงหรเยวล้มต้นไม้ต้นนั้น,เขาได้คิดแล้วคิดอีก มนุษย์มีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา หากเขาระดับหนึ่งในนั้นเอาไว้,เงาในใจของเขาก็จะปรากฏขึ้น
ความรัก สําหรับผู้บ่มเพาะพลัง,มันไม่ได้เป็นหินขัดขวางในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ
เซี่ยวเฉินไม่รู้ตัวว่าเขาได้เกอดความผูกพันเช่นนี้ขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่;เขาได้หักล้างหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ที่สุดใส่การบ่มเพาะพลัง ความหลงใหล
ความหลงใหลมันยากที่จะก้าวผ่าน มีผู้บ่มเพาะพลังแข็งแกร่งมากมายในประวัติศาสตร์ที่สะ ดุดล้มเพาะความหลงใหล พวกเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แต่พวกเขาได้ระงับอารมณ์ของพวก เขาเอาไว้ มีแม้กระทั่งผู้บ่มเพาะพลังบางคนที่ตัดขาดจากอารมณ์นี้โดยสมบูรณ์และเดินไปในเส้น ทางแห่งการบ่มเพาะพลังเพียงอย่างเดียว
เมื่อพวกเขามาถึงจุดคอขวดที่กันพวกเขาจากจุดสูงสุด,เงาในใจก็ได้ก่อเกิดขึ้น ท้ายที่สุด,พวกเขาก็ไม่อาจข้ามขั้นสุดท้ายและไปไม่ถึงจุดยอดสุด
หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน,เซียวเฉินจ้องมองไปที่หลิวหรูเยว่ เขากล่าว,อย่างจริงจัง “หรูเยา,ข้าชอบเจ้า สักวันหนึ่ง,ข้าจะทําให้ยอดเขาจึงหยุนไม่ต้องเป็นภาระของเจ้าอีกต่อไป,และพวกเราสามารถออกไปด้วยกัน”
เมื่อหลิวหรูเยว่ได้ยินดังนั้น,รอยแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของนาง นางไม่คาดคิดว่า คนที่มักจะนิ่งเงียบและเก็บตัวอย่างเซียวเฉินจะกล้ากล่าวว่านี้
หลิวหรูเยาตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง,ไม่อาจเปิดปากกล่าวอะไร เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นหลิวหรูเยว่ก้มหัวต่ําหมดสิ้นคําพูด,เขาพลันหัวเราะขึ้น
หลิวหรเยวมองกลับไปที่เซียวเฉิน ความสงสัยเติมเต็มในสายตาของนางพร้อมกับถามขึ้น “เจ้าหัวเราะอะไร?”
เซี่ยวเฉินไม่อาจหยุดหัวเราะได้พร้อมกับกล่าวต่อ “หรูเยา,ข้าชอบเจ้าจริงๆ ข้ามันโง่งม จนกระทั่งตอนนี้ข้าถึงจะรู้ตัวว่าข้าชอบเจ้า”
“ข้าควรจะพูดออกไปตั้งนานแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะยินดีหรือไม่,ข้าก็จะชอบเจ้า หากเจ้ายินดีที่จะรอคอยข้า,สักวันหนึ่ง,ข้าจะยกภาระของยอดเขาฉิบหยุนออกไปด้วยความแข็งแกร่งของข้า”
“ข้าชอบเจ้าหรูเยว่ ข้าชอบเจ้า ชอบเจ้าจริงๆ ข้าชอบทุกถ้อยคําและรอยยิ้มของเจ้า ข้าชอบทุกอย่างของเจ้า ข้าชอบที่เจ้าดูแลข้าอย่างดี ข้าขอบเจ้ามาก!” ทันใดนั้นเซียวเฉินร้องตะโกนขึ้น เสียงของเขาราวกับสายฟ้าที่คํารามบนท้องฟ้าสูงนับหมื่นเมตร,ก้องกังวานไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด
คําว่า “ข้าชอบเจ้า ทําให้หมู่เมฆกระจายออกไป มันดังก้องอยู่ในหูของหลิวหรูเยว่
หลิวหรเยว่หน้าแดงหนักและนางเอามือของนางปิดปากของเซียวเฉิน “ไม่ต้องเสียงดัง ข้ารู้แล้ว”
เซี่ยวเฉินมองไปที่หลิวหรูเยวที่น้ําตาคลอ จากนี้ย,เขาก็ดึงมือที่กําลังปิดปากของเขาเบาๆและกุมเอาไว้แน่น
หลิวหรูเยว่กุมมือของเซี่ยวเฉิน เมื่อนางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของเขา,น้ําตาของนางพลันกลายเป็นเสียงดังเราะและกล่าวขึ้นเบาๆ “ข้าเชื่อว่าเจ้าทําได้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ยอดเขาจึงหยุน”
เซียวเฉินดึงหลิวหรูเยว่เบาๆเข้าสู่อ้อมอกของเขา ทั้งสองไม่ได้กล่าวอะไรออกมา,เพียงกอดกันและกันเอาไว้แนบกาย
สามวันต่อมา, พิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ก็ได้เริ่มขึ้น ศาลากระปสวรรค์เต็มไปด้วยบรรยากาศที่สนุกสนาน สานุศิษย์ชั้นในทั้งหมดตื่นขึ้นแต่เช้าในวันนี้
เช่นเดียวกันกับเซี่ยวเฉิน ก่อนที่ฟ้าจะสว่าง,เขาก็ได้แต่งตัวและเริ่มฝึกฝนกระบี่อยู่ในลานของเขา
จะมีศึกใหญ่ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวนมู่ฉิง,มู่เฉิงเสวี่ย,ชรือเฟิง,ฮวาหยุนเฟย,หรือจีชางคง;พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นในอาณาจักรต้าฉัน
แม้ว่าเซี่ยวเฉินมั่นใจในการเอาชนะพวกเขาทั้งหมด,เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท
สายลมอ่อนพัดผ่าน,และแสงกระบวูบไหว เซี่ยวเฉินใช้ออกทักษะต่อสู้ทั้งหมดของเขาในรวดเดียว
แน่นอน,เซี่ยวเฉินเพียงใช้ออกมาเบาๆไม่ได้ใช้พลังปราณมากนัก มิฉะนั้น,หากเขาใช้ออกเต็มกําลัง,ลานบ้านของเขาจะกลายเป็นซากปรักหักพัง
หลังจากที่เซียวเฉินฝึกฝนเสร็จสิ้น,หลิวหรูเยา,ผู้ที่มาถึงตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ จัดชุดคลุมยาวสีขาวที่พับเรียบร้อยให้กับเซียวเฉินพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นเสื้อคลุมยาวสีขาวในมือของหลิวหรูเยว่,เขาสามารรู้สึกได้ถึงพลังงานแปลกประหลาด เขาถามขึ้นอย่างสงสัย “หรูเยว่, นี่คือ?”
หลิวหรเยว่อธิบาย “นี่เป็นหนึ่งในสมบัติลับที่มีค่ามากที่สุดของยอดเขาฉิงหยุน ชื่อของมันคือเสื้อคลุมวายุใส ในตอนที่เจ้าสวมมันความเร็วของเจ้าจะเพิ่มขึ้นสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหลบเลี่ยง,ความเร็วโจมตี,หรือความเร็วในการวิ่ง,ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นสิบเปอร์เซ็นต์
“ที่สําคัญที่สุดก็คือมันไม่จําเป็นต้องใช้พลังงาน ผลของมันจะส่งผลทุกช่วงเวลา”
เซี่ยวเฉินรับเสื้อคลุมวายุใสมาและเผยสีหน้ายินดี หากเขาได้ยินเฉพาะค่าแรกเขาจะไม่สนใจมันเพิ่มขึ้นเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์
แต่อย่างไรก็ตาม คําต่อมาก็เปลี่ยนโฉมมัน เสื้อคลุมวายุใสสมกับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสมบัติลับที่มีค่าที่สุด มันสามารถให้ผลตลอดเวลาโดยไม่ต้องจาายพลังงานใดๆ นี่เหมือนเป็นการเพิ่มทักษะเคลื่อนไหวของผู้บ่มเพาะพลังอย่างถาวร
นอกจากนั้น,ความเร็วที่เพิ่มก็จะขึ้นตามการเติบโตของผู้บ่มเพาะพลัง ไม่มีขีดจํากัด เมื่อรวมเข้ากับรองเท้าก้าววายุของเขา,มันสมบูรณ์แบบ
“หยุดจ้องได้แล้ว รีบใส่แล้วไปทําความคุ้นเคยกับมันซะ” หลิวหรูเยว่กล่าวและผลักเซียวเฉินเบาๆ
เซี่ยวเฉินยิ้มและพวกหน้า เขานําเสื้อคลุมสีขาวกลับไปที่ห้องของเขาและเปลี่ยนชุด,แทนด้วยเสื้อคลมวายุใส
หลังจากที่เซียวเฉินแต่งตัวเรียบร้อย,เขามองเข้าไปในกระจก ร่างสูงโปร่งสีขาวพร้อมกับผ้าคาดหน้าผากสีน้ําเงินจองกลับมาที่เขา
แถบผ้าสีน้ําเงินผิดซ่อนบัลลังก์สีแดงเอาไว้ นี่ทําให้เขาดูเป็นคนธรรมดา มีเพียงความรู้สึกสง่างามบนรูปร่างธรรมดาของเขา มันปกปิดเจตนาฆ่าฟันที่รั่วไหลของเซียวเฉินเอาไว้สมบูรณ์
นี่เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงภายนอก ที่ทําให้เซี่ยวเฉินตกตะลึงก็คือการเปลี่ยนแปลงภายใน
ในตอนที่เซี่ยวเฉินสวมชุด,พลังงานที่มองไม่เห็นเชื่อมต่อเนื้อผ้ากับรูขุมขนและผิวหนังของเขา
เซี่ยวเฉินโบกมือ,และเขาสังเกตเห็นในทันทีว่าความเร็วมือของเขาเร็วกว่าปกติ เขายกเท้าขึ้น เพื่อจะก้าวเดิน อย่างไรก็ตาม,มันเร็วกว่าที่เขาคิดเอาไว้ เขาเสียสมดุลและเกือบจะล้มคว่า
เซี่ยวเฉินยังไม่ได้ปรับตัวเข้ากับความเร็วที่เพิ่มขึ้น เขาเข้าใจได้ในทันที
Comments