Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 360 การประลองระหว่างอัจฉริยะ
ตอนที่ 360 การประลองระหว่างอัจฉริยะ
ฮวาหยุนเฟยใช้โอกาสในช่วงเวลาที่เซียวเฉินหลบเลี่ยงดาบฉีสีแดง,รีบส่งตามเข้าไปด้วยกระบวณท่าสังหารของเขา
มีแสงสีแดงนับไม่ถ้วนปล่อยออกไปในอากาศ เส้นดาบฉีสีแดงเคลื่อนที่เข้ามาราวกับคลื่นทะเล
สภาวะแห่งการฆ่าล้างอันน่ากลัวแผ่ขยายไปทั่วทั้งสนามประลอง ใครก็ตามที่รู้สึกถึงมันพบกับความหวักกลัวจากก้นบึงหัวใจเนื้อตัวสั่นเทิ้ม
“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”
เซี่ยวเฉินเผิดใช้รองเท้าก้าววายุและเคลื่อนไหวผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาบฉี เขากวัดแกว่งกระบี่ของเขาและฟันลงไปยังดาบจีที่บินมาหาเขา
ภาพร่างดาบแต่ละเล่มมีผู้บ่มเพาะพลังกําลังกวัดแกว่งและจู่โจมฟัน,จวง,แทง,กวาดเข้ามา
มุมของดาบแต่ละเล่มหลากหลายและคาดเดาไม่ได้ มันเป็นการยากที่จะรับมือ
“ฮวาหยุนเฟยได้ร่ําเรียนทักษะต่อสู่โบราณจนสําเร็จ เขาเป็นอัจฉริยะในรอบร้อยปีของตระกูลฮวา เซี่ยวเฉินจะพ่ายแพ้หากเป็นต่อไปเช่นนี้
“แน่นอน;ทักษะต่อสู้โบราณแตกต่างจากทักษะต่อสู้ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะสามารถหาต่าราทักษะต่อสู่โบราณมาได้,มันก็ยากยิ่งที่จะเรียนรู้ ให้ยังคงให้ความรู้สึกต่างออกไป มันยากที่จะฝึกฝนและนํามาใช้งานได้จริง”
“ดูที่ภาพร่างพายุดาบอันไร้ขอบเขตบนสนามประลอง แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ยาก ที่จะรับมือ”
เมื่อฝูงชนบนอัฒจันทร์คนดูมองเห็นพายุดาบสีแดงที่เติมเต็มไปทั่วทั้งสนามประลอง,พวกเขานักถึงทักษะต่อสู่โบราณ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลแทนเซี่ยวเฉิน
ร่างของฮวาหยุนเฟยซ่อนเร้นอยู่ท่ามกลางภาพร่างดาบพวกนี้ บางครั้งจะมีการจู่โจมที่เฉียบคมพุ่งออกมา,ยากที่จะป้องกัน
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ มีบาดแผลจํานวนไม่น้อยปกคลุมที่สีข้างของเซี่ยวเฉิน ไม่ว่าเขาจะรวดเร็วเพียงใด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยงภาพร่างดาบอันคาดเดาไม่ได้ที่โถมกระหน่ําเข้ามา เซี่ยวเฉินทําได้ดีที่สุดก็เพียงหลบเลี่ยงไม่ให้โดนจุดสําคัญ
นอกจากนั้น สภาวะแห่งการฆ่าล้างได้แทรกแซงจิตใจของเซี่ยวเฉิน มีกระบวณท่าสังหารซ่อนเร้นมาพร้อมกระบวณท่าสังหาร พวกเขาซ้อนทับกันเข้ามาเป็นชั้นๆ:นี่ช่างเป็นทักษะต่อสู้ที่น่า สนใจ
“ฮ่า ฮ่า! เซียวเฉิน,กระบวณท่านี้ไม่ง่ายดายที่จะรับมือใช่หรือไม่? ต้องขอบใจเจ้า,ข้าได้ปลุกจิตวิญญาณชั่วร้ายโบราณในร่างของข้าขึ้นมา ทักษะต่อสู้นี้ถูกสืบทอดมาจากจิตวิญญาณชั่วร้ายตนนั้น”
“ในยุคโบราณ, ในตอนที่ทักษะนี้ถูกใช้,ภาพร่างพายุดาบสามารถครอบคลุมหนึ่งร้อยเมตร,ทั้งบนฟ้าถึงบนพื้น หากเทพเจ้าอยู่ในทาง,พวกมันตายหากปีศาจเข้าขัดขวาง,พวกมันก็ตาย”
ฮวาหยุนเฟยจ้องมองเซี่ยวเฉินพยายามรับมือกับกระบวณท่าของเขา เขาหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาอยากที่จะบั่นทอนจิตวิญญาณต่อสู้ของเซียวเฉิน,เพื่อทําให้เขาพ่ายแพ้ลงเร็วขึ้น
เซี่ยวเฉินรักษาจิตใจให้โล่ง เขาไม่ได้ตื่นกลัว,กังวล,หรือหวาดกลัว
เซี่ยวเฉินเพียงเมินเฉยคําของฮวาหยุนเฟย เขาเคลื่อนที่ไปรอบสนามประลอง,ใช้ออกสภาวะแห่งสายฟ้าของเขาจนถึงขีดสุด
ขณะที่เซียวเฉินป้องกันภาพร่างดาบสีแดงนับไม่ถ้วนที่เข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง,เขาพยายามอย่างที่สุด เพื่อมองหารูปแบบการเคลื่อนไหวของภาพรวางดาบเหล่านี้
สภาวะแห่งสายฟ้าที่หลอมรวมเข้ากับพลังศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยวเฉินสามารถป้องกันภาพร่างดาบเหล่านี้เอาไว้ได้ฌแต่ไม่อาจทําลายพวกมันได้อย่างสมบูรณ์
สภาวะแห่งการฆ่าล้างแน่นอนว่ามันท้าทายที่จะรับมือด้วย,เซียวเฉินครุ่นคิด โชคดี,ข้าก็มีสภาวะแห่งการฆ่าล้างเช่นกัน
หลังจากป้องกันอยู่ระยะหนึ่ง, ในที่สุดเซียวเฉินก็พบรูปแบบการเคลื่อนไหวของภาพร่างดาบเหล่านี้ มันถึงเวลาที่เขาจะได้ลงมือ
เซียวเฉินค่อยๆปลดแถบผ้าสีฟ้าบนหน้าผากของเขาออก, และสัญลักษณ์บัลลังก์สีแดงที่ระหว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าอันหล่อเหลา,ขาวนวลของเขากลายเป็นมีเสน่ห์ขึ้นในทันที
บัลลังก์สีแดงที่ระหว่างคิ้วของเซี่ยวเฉินเรืองแสงสีแดงออกมา
“หวี่ขยเปลี่ยนรูปฉี!” เซียวเฉินร้องตะโกนและผสานสภาวะแห่งสายฟ้าของเขาเข้ากับสภาวะแห่งการฆ่าล้าง ต้นหวี่ขยศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนกลายเป็นเส้นกระบี่ฉีสีม่วงนับไม่ถ้วน,กระพริบไหวด้วยแสงสีแดง
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เมื่อดาบฉีสีแดงและกระบี่ฉีสีม่วงปะทะกันในสนามประลอง,เกิดเสียงระเบิดขึ้นเป็นสาย,สั่นสะ เทือนอย่างต่อเนื่อง
ฮวาหยุนเฟยสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขากุมดาบในมือของเขาเอาไว้แน่น เขากล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าสําเร็จถึงสภาวะแห่งการฆ่าล้างเช่นเดียวกัน?”
สายระเบิดที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง รางคลื่นกระแทกขึ้นในอากาศ พวกมันทําลายสนามประลองไม่มีชิ้นดี
ผมสีดําและชุดสีขาวของเซี่ยวปลิวไหว เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “ใครตั้งกฏว่ามีเพียงเจ้าที่สามารถสําเร็จถึงสภาวะแห่งการฆ่าล้าง?”
“ทะลวงหรูขุย!”
เส้นกระบี่ฉีสีแดงม่วงที่บรรจุสภาวะแห่งสาย
ฟ้าอันบ้าคลั่งและอํานาจจู่โจมของสภาวะแห่งการฆ่าล้าง มันตัดผ่านคลื่นกระแทกและลอยตรงไปที่ฮวาหยุยเฟย
ฮวาหยุนเฟยเหวี่ยงดาบของเขาและรวบรวมแสงสีแดงที่กระจัดกระจายเข้ามาบนตัวดาบ เขาผลักดาบออกไปข้างหน้าและสุดแสงสีแดงก็ปรากฏขึ้น,ป้องกันกระบี่ฉีของเซี่ยวเฉิน
“ซีซี่!”
สภาวะของทั้งสองฝ่ายหนั่นกันอย่างดุเดือดในอากาศ, ไม่ยอมแพ้ให้กันและกัน มีเสียงแตกร้าวแผดออกมาและเกิดละลอกคลื่นสีแดงขึ้นในอากาศ
“บูม!”
เมื่อการเผชิญหน้ากันมาถึงขีดสุด,มีเสียงสายฟ้าคํารามดังขึ้นบนท้องฟ้า กระบี่ฉีสีม่วงแดง ทันใดนั้นก็ปลดปล่อนเส้นสายอัสนีออกมา
สภาวะของฮวาหยุนเฟยแตกสลายลงในทันที เขารีบถอยหลังกลับ แต่อย่างไรก็ตาม,กระบี่ฉีก็ยังเจาะโดนเข้าที่ไหล่ของเขา ทิ้งรูบาดแผลเลือดออกขนาดหนึ่งนิ้วมือเอาไว้
เป็นเช่นนี้เอง,เซี่ยวเฉินวัดกับข้าโดยการใช้เพียงสภาวะอห่งการฆ่าล้าง เขาไม่ได้ใช้สภาวะแห่งสายฟ้าออกมา,ฮวาหยุนเฟยตระหนักขึ้นได้,เขาหวาดกลัว
“เจ้ายังห่างไกลที่จะท้าทายกับข้าในเรื่องของสภาวะ ไม่ว่าเจ้าจะมีทักษะต่อสู้โบราณหรือไม่ก็ตาม,สลายไปซะ!”
เซียวเฉินกระโดดขึ้น,และร่างของเขาวูบไหวผ่านอากาศ สภาวะแห่งการฆ่าล้างผสานกับสภาวะแห่งสายฟ้า กระบี่แสงลอยไปทั่วทุกพื้นที่,ฮวาหยุยเฟยทําได้เพียงต้านทานเอาไว้อย่างอดทน
สถานการณ์พลิกกลับในทันที เซียวเฉินพุ่งเข้าไป เส้นกระบฉีสีม่วงแดงทําลายกระบวณท่าของฉวาหยุนเฟยลงทั้งหมด
“สับเงาโลหิต!”
“ทําลาย!”
“สมุทรโลหิต,ขุนเขาซากศพ!”
“สลาย!”
“ขุนเขานาราเลือด!”
“สลาย!”
ไม่ว่าเจ้าจะใช่ออกมาก็กระบวณท่า,ข้าจะผสานสภาวะแห่งสายฟ้าและสภาวะแห่งการฆ่าล้างของข้าและทําลายพวกมันลงในกระบี่เดียวทําลาย! สลาย! หายไป!
ฮวาหยุนเฟยกระอักเลือดออกมาสามคํา เซียวเฉินทําลายกระบวณท่าของเขาลงไปสามครั้งในกระบี่เดียว พลังงานที่ล้นหลามซัดร่างของเขาถอยกลับ
“เครั้ง!
พลังงานที่ดุร้ายระเบิดขึ้นอีกครั้ง ดาบของฮวาหยุนเฟยกระเด็นหลุดออกจากมือของเขา เซี่ยวเฉินก้าวขึ้นหน้า และซัดไปที่หน้าอกของเขาด้วยฝ่ามือจู่โจม,ส่งร่างของเขาลอยออกไปอีก
ร่างของฮวาหยุนเฟยลอยไถลไปกับพื้นสนามประลอง ในไม่ช้า,เขาก็ไถลมาถึงขอบสนาม ฮวาหยุนเฟยใบหน้าซีดเซียวละดิ้นรนพยายามจะลุกขึ้น
ทันใดนั้น,ฮวาหยุนเฟยรู้สึกถึงของเย็นเฉียบจ่ออยู่ที่คอของเขา นั้นคือเซี่ยวเฉิน,ผู้ที่รุดเข้ามา และวางกระบี่จ่อลงบนคอของเขา เซี่ยวเฉินอล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ฮวาหยุนเฟย,เจ้าแพ้แล้ว”
“ข้ายังไม่แพ้ ข้าจะแพ้ขยะอย่างเจ้าได้อย่างไร? ในตอนนั้น,ข้าสามารถสังหารเจ้าอย่างง่ายดายด้วยนิ้วเดียว นี่มันเป็นไปไม่ได้”
ฮวาหยุยเฟยผลักกระบออกไปจากคอของเขา เขารีบลุกขึ้นยืนและพุ่งตัวเข้าหาเซียวเฉิน
“บ้าบิน!”
เซี่ยวเฉินเพียงเตะเข้าที่หน้าของฮวาหยุนเฟย แรงมหาศาลทําให้ตัวของเขายกขึ้นไปในอากาศ เขาตกมาหัวลงพื้นที่ด้านนอกของสนามประลอง
“เขาชนะอีกแล้ว! เซี่ยวเฉินชนะอีกครั้ง! จะมีใครที่สามารถล้มเขาได้!”
“ความแข็งแกร่งของฮวาหยุนเฟยอยู่ที่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด เขาสาเร็จทักษะต่อสู่โบราณ เขาอาจจะสามารถสังหารระดับขอบเขตกษัตริย์ธรรมดาลงได้ด้วยซ้ํา กระนั้น,เซี่ยวเฉินก็ยังสามารถล้มเขาลงได้ เซี่ยวเฉินผู้นี้มีไพ่ตายเก็บเอาไว้ก่ใบกันแน่?”
“สภาวะแห่งการฆ่าล้าง,ข้าคิดว่านั้นจะต้องเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของเขาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามันจะเผยออกมาแล้ว แต่มันก็ยากที่จะตอบโต”
เซี่ยวเฉินได้รับชัยชนะอีกครั้ง ทําให้ฝูงชนตื่นเต้นกันใหญ่ บางคนมีความเชื่อมั่นแน่วแน่ว่าเซี่ยวเฉินจะสามารถเอาชนะคนที่เหลือได้
เซียวเฉินได้ต่อสู้อย่างต่อเนื่องบนฐานส่องสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรีออัจฉริยะจากตระกูลขั้นสูงสุด,พวกเขาล้วนไม่ได้อ่อนแอ
แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินล้มคู่ต่อสู้ของเขาลงได้ทั้งหมด ความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แม้ว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้,ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของเขาก็ไม่อาจปฏิเสธ
หากเซียวเฉินรอดพ้นจากภัยในครั้งนี้ไปได้,เขาจะต้องขึ้นมามีอานาจในสักวันหนึ่ง เมื่อถึงตอนนั้น สําหรับเหล่าตระกูลชั้นสูง,เขาจะเป็นเหมือนกับก้อนเมฆที่ลอยลับไป
สูงขึ้นไปเหนือหมู่เมฆ,หนานกงเลี่ยมองดูสถานการณ์บนฐานส่องสวรรค์ เขายิ้มเบาๆและกล่าว “ดูเหมือนว่าพวกเราไม่ต้องทําอะไรแล้ว เจ้าหนูนี่อาจจะจัดการกับภัยพิบัตินี้ได้เพียงลําพัง”
ดวงตาของหยิงเยวล่องลอยพร้อมกับกล่าวขึ้นเบาๆ “นั้นก็ขึ้นอยู่กับคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ บางทีเหล่าตระกูลชั้นสูงไม่อาจทําอะไรเขาได้”
กลับมาบนฐานดาดฟ้า,เหล่าผู้อาวุโสตระกูลชั้นสูงต่างมีสีหน้าน่าเกลียด พวกเขาอยากที่จะลงมือแต่ก็ไม่อาจทําได้ พวกเขารู้สึกบูดบึงเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสหนึ่งแห่งนิกายดาบเงาหมอกกล่าวขึ้นเบาๆ “ฉาวอวิน,เจ้ามีความมั่นใจแค่ไหนที่จะสามารถเอาชนะคนผู้นี้ลงได้”
ฉ่ฉาวอวินกล่าวเบาๆ “ข้าจะชนะในกระบวณท่าเดียว ผู้อาวุโสหนึ่ง, ท่านคิดเช่นไร?”
“ฮ่า ฮ่า เช่นนั้นข้าก็วางใจได้” ผู้อาวุโสหนึ่งแห่งนิกายดาบเงาหมอกยิ้มอย่างเป็นสุข
กลับมาบนสนามประลอง,เซี่ยวเฉินเหลียวมองไปที่ตัวนมู่ฉิง,จีชางคง,และมู่เฉิงเสวี่ยที่ด้านล่างของลานประลอง เขากล่าว “พวกเจ้าสามคนน่าจะเข้ามาพร้อมๆกัน มิฉะนั้น,พวกเจ้าจะไม่มีแม้แต่โอกาส”
เมื่อเซียวเฉินกล่าวจบ,ทุกคนรู้สึกราวกับหัวใจกระโดดขึ้นมาถึงคอของพวกเขา หรือเซียวเฉินจะเป็นบ้าไปแล้ว? เขาขอให้คู่ต่อสู้เข้ามาพร้อมๆกัน
จีชางคงยิ้มอย่างเยือกเย็น “เซี่ยวเฉิน,หากเจ้าหาเรื่องตาย,ข้าไม่เกรงที่จะทําให้เจ้าสมความปรารถนา”
ใบหน้าอันงดงามเย็นยะเยือกของต้วนมู่ฉิงไม่แสดงอารมณ์ นางถามขึ้น,ด้วยน้ําเสียงเย็นยะเยือก “เจ้าคิดว่าเจ้ามีฝีมือเพียงพอ?”
มู่เฉิงเสวี่ยถือโฉมงามใต้แสงจันทร์เอาไว้ในมือของเขาและเผยรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เขายิ้มขึ้นเบาๆและกล่าว “หากนี้เป็นความแข็งแกร่งทั้งหมดของเจ้าแล้ว,เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะให้ข้าชักดาบออกมา”
ทั้งสามคนล้วนมีความภาคภูมิยิ่ง;พวกเขาโดดเด่นจากคนที่เหลือ ตั้งแต่ที่พวกเขายัง เยาว์,พวกเขาได้รับการชื่นชมจากผู้อื่น พวกเขาสนุกไปกับชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ พวกเขาไม่เคยถูกมองต่าจากผู้อื่น
“บูม! บูม! บูม!”
กระแสพลังอันแข็งแกร่งสามสายพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงดาวรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้นพร้อมกับประกายระยิบระยับ นี่เป็นสภาวะแห่งดวงดาวของจีชางคง
ฉีดยือกแข็งที่หนาวเหน็บถึงกระดูกกระพริบไหวด้วยแสงเยือกเย็นขยายไปบนท้องฟ้า นี่เป็นสภาวะแห่งน้ําแข็งระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมของตัวนมู่ฉิง
แสงจันทร์อับอุ่น,อ่อนโยนฉายลงมา,เคลื่อนไหวไปราวกับสายลม นี่เป็นสภาวะแห่งแสงจันทร์ของมู่เฉิงเสวี่ย ภายใต้รูปลักษณ์อะนสงบ,มันซ่อนเร้นไปด้วยกระแสพลังที่โหมกระหน่ํา
สามกระแสพลังรวมกลุ่มและสลายหมู่เมฆ สายลมพัดเป่ารุนแรง,และสภาพอากาศพลันเปลี่ยน
ทุกคนบนพื้นที่ฝึกฝนสามารถรู้สึกแรงกดดันอันแข็งแกร่งกดลงมาบนไหล่ ราวกับขุนเขาใหญ่กดลงบนตัวของพวกเขา
เซียวเฉินถือกระบี่ยาวสองเมตรพร้อมกับกระบี่แสงขณะที่เผชิญหน้ากับกระแสพลังอันแข็งแกร่ง เขายิ้มเบาๆและยกเท้าขวาของเขาขึ้นก่อนที่จะเหยียบลงไป
สลักร่างพยัคฆ์มังกรอยู่ที่ระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม การโจมตีธรรมดาของเซียวเฉินสามารถบรรลุพลังกายภาพ 50,000 กิโลกรัมที่ระดับพลังสูงสุด,เขาสามารถบรรลุถึง 75,000 กิโลกรัม ในตอนที่เขาผสานสภาวะ,เขาสามารถสําเร็จได้ถึง 100,000 กิโลกรัม
ที่สําคัญที่สุด,เซี่ยวเฉินสามารถควบคุมพลังนี้ได้อย่างอิสระ,สมบูรณ์แบบ
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 360 การประลองระหว่างอัจฉริยะ
ตอนที่ 360 การประลองระหว่างอัจฉริยะ
ฮวาหยุนเฟยใช้โอกาสในช่วงเวลาที่เซียวเฉินหลบเลี่ยงดาบฉีสีแดง,รีบส่งตามเข้าไปด้วยกระบวณท่าสังหารของเขา
มีแสงสีแดงนับไม่ถ้วนปล่อยออกไปในอากาศ เส้นดาบฉีสีแดงเคลื่อนที่เข้ามาราวกับคลื่นทะเล
สภาวะแห่งการฆ่าล้างอันน่ากลัวแผ่ขยายไปทั่วทั้งสนามประลอง ใครก็ตามที่รู้สึกถึงมันพบกับความหวักกลัวจากก้นบึงหัวใจเนื้อตัวสั่นเทิ้ม
“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”
เซี่ยวเฉินเผิดใช้รองเท้าก้าววายุและเคลื่อนไหวผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาบฉี เขากวัดแกว่งกระบี่ของเขาและฟันลงไปยังดาบจีที่บินมาหาเขา
ภาพร่างดาบแต่ละเล่มมีผู้บ่มเพาะพลังกําลังกวัดแกว่งและจู่โจมฟัน,จวง,แทง,กวาดเข้ามา
มุมของดาบแต่ละเล่มหลากหลายและคาดเดาไม่ได้ มันเป็นการยากที่จะรับมือ
“ฮวาหยุนเฟยได้ร่ําเรียนทักษะต่อสู่โบราณจนสําเร็จ เขาเป็นอัจฉริยะในรอบร้อยปีของตระกูลฮวา เซี่ยวเฉินจะพ่ายแพ้หากเป็นต่อไปเช่นนี้
“แน่นอน;ทักษะต่อสู้โบราณแตกต่างจากทักษะต่อสู้ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะสามารถหาต่าราทักษะต่อสู่โบราณมาได้,มันก็ยากยิ่งที่จะเรียนรู้ ให้ยังคงให้ความรู้สึกต่างออกไป มันยากที่จะฝึกฝนและนํามาใช้งานได้จริง”
“ดูที่ภาพร่างพายุดาบอันไร้ขอบเขตบนสนามประลอง แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ยาก ที่จะรับมือ”
เมื่อฝูงชนบนอัฒจันทร์คนดูมองเห็นพายุดาบสีแดงที่เติมเต็มไปทั่วทั้งสนามประลอง,พวกเขานักถึงทักษะต่อสู่โบราณ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลแทนเซี่ยวเฉิน
ร่างของฮวาหยุนเฟยซ่อนเร้นอยู่ท่ามกลางภาพร่างดาบพวกนี้ บางครั้งจะมีการจู่โจมที่เฉียบคมพุ่งออกมา,ยากที่จะป้องกัน
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ มีบาดแผลจํานวนไม่น้อยปกคลุมที่สีข้างของเซี่ยวเฉิน ไม่ว่าเขาจะรวดเร็วเพียงใด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยงภาพร่างดาบอันคาดเดาไม่ได้ที่โถมกระหน่ําเข้ามา เซี่ยวเฉินทําได้ดีที่สุดก็เพียงหลบเลี่ยงไม่ให้โดนจุดสําคัญ
นอกจากนั้น สภาวะแห่งการฆ่าล้างได้แทรกแซงจิตใจของเซี่ยวเฉิน มีกระบวณท่าสังหารซ่อนเร้นมาพร้อมกระบวณท่าสังหาร พวกเขาซ้อนทับกันเข้ามาเป็นชั้นๆ:นี่ช่างเป็นทักษะต่อสู้ที่น่า สนใจ
“ฮ่า ฮ่า! เซียวเฉิน,กระบวณท่านี้ไม่ง่ายดายที่จะรับมือใช่หรือไม่? ต้องขอบใจเจ้า,ข้าได้ปลุกจิตวิญญาณชั่วร้ายโบราณในร่างของข้าขึ้นมา ทักษะต่อสู้นี้ถูกสืบทอดมาจากจิตวิญญาณชั่วร้ายตนนั้น”
“ในยุคโบราณ, ในตอนที่ทักษะนี้ถูกใช้,ภาพร่างพายุดาบสามารถครอบคลุมหนึ่งร้อยเมตร,ทั้งบนฟ้าถึงบนพื้น หากเทพเจ้าอยู่ในทาง,พวกมันตายหากปีศาจเข้าขัดขวาง,พวกมันก็ตาย”
ฮวาหยุนเฟยจ้องมองเซี่ยวเฉินพยายามรับมือกับกระบวณท่าของเขา เขาหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาอยากที่จะบั่นทอนจิตวิญญาณต่อสู้ของเซียวเฉิน,เพื่อทําให้เขาพ่ายแพ้ลงเร็วขึ้น
เซี่ยวเฉินรักษาจิตใจให้โล่ง เขาไม่ได้ตื่นกลัว,กังวล,หรือหวาดกลัว
เซี่ยวเฉินเพียงเมินเฉยคําของฮวาหยุนเฟย เขาเคลื่อนที่ไปรอบสนามประลอง,ใช้ออกสภาวะแห่งสายฟ้าของเขาจนถึงขีดสุด
ขณะที่เซียวเฉินป้องกันภาพร่างดาบสีแดงนับไม่ถ้วนที่เข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง,เขาพยายามอย่างที่สุด เพื่อมองหารูปแบบการเคลื่อนไหวของภาพรวางดาบเหล่านี้
สภาวะแห่งสายฟ้าที่หลอมรวมเข้ากับพลังศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยวเฉินสามารถป้องกันภาพร่างดาบเหล่านี้เอาไว้ได้ฌแต่ไม่อาจทําลายพวกมันได้อย่างสมบูรณ์
สภาวะแห่งการฆ่าล้างแน่นอนว่ามันท้าทายที่จะรับมือด้วย,เซียวเฉินครุ่นคิด โชคดี,ข้าก็มีสภาวะแห่งการฆ่าล้างเช่นกัน
หลังจากป้องกันอยู่ระยะหนึ่ง, ในที่สุดเซียวเฉินก็พบรูปแบบการเคลื่อนไหวของภาพร่างดาบเหล่านี้ มันถึงเวลาที่เขาจะได้ลงมือ
เซียวเฉินค่อยๆปลดแถบผ้าสีฟ้าบนหน้าผากของเขาออก, และสัญลักษณ์บัลลังก์สีแดงที่ระหว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าอันหล่อเหลา,ขาวนวลของเขากลายเป็นมีเสน่ห์ขึ้นในทันที
บัลลังก์สีแดงที่ระหว่างคิ้วของเซี่ยวเฉินเรืองแสงสีแดงออกมา
“หวี่ขยเปลี่ยนรูปฉี!” เซียวเฉินร้องตะโกนและผสานสภาวะแห่งสายฟ้าของเขาเข้ากับสภาวะแห่งการฆ่าล้าง ต้นหวี่ขยศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนกลายเป็นเส้นกระบี่ฉีสีม่วงนับไม่ถ้วน,กระพริบไหวด้วยแสงสีแดง
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เมื่อดาบฉีสีแดงและกระบี่ฉีสีม่วงปะทะกันในสนามประลอง,เกิดเสียงระเบิดขึ้นเป็นสาย,สั่นสะ เทือนอย่างต่อเนื่อง
ฮวาหยุนเฟยสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขากุมดาบในมือของเขาเอาไว้แน่น เขากล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าสําเร็จถึงสภาวะแห่งการฆ่าล้างเช่นเดียวกัน?”
สายระเบิดที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง รางคลื่นกระแทกขึ้นในอากาศ พวกมันทําลายสนามประลองไม่มีชิ้นดี
ผมสีดําและชุดสีขาวของเซี่ยวปลิวไหว เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “ใครตั้งกฏว่ามีเพียงเจ้าที่สามารถสําเร็จถึงสภาวะแห่งการฆ่าล้าง?”
“ทะลวงหรูขุย!”
เส้นกระบี่ฉีสีแดงม่วงที่บรรจุสภาวะแห่งสาย
ฟ้าอันบ้าคลั่งและอํานาจจู่โจมของสภาวะแห่งการฆ่าล้าง มันตัดผ่านคลื่นกระแทกและลอยตรงไปที่ฮวาหยุยเฟย
ฮวาหยุนเฟยเหวี่ยงดาบของเขาและรวบรวมแสงสีแดงที่กระจัดกระจายเข้ามาบนตัวดาบ เขาผลักดาบออกไปข้างหน้าและสุดแสงสีแดงก็ปรากฏขึ้น,ป้องกันกระบี่ฉีของเซี่ยวเฉิน
“ซีซี่!”
สภาวะของทั้งสองฝ่ายหนั่นกันอย่างดุเดือดในอากาศ, ไม่ยอมแพ้ให้กันและกัน มีเสียงแตกร้าวแผดออกมาและเกิดละลอกคลื่นสีแดงขึ้นในอากาศ
“บูม!”
เมื่อการเผชิญหน้ากันมาถึงขีดสุด,มีเสียงสายฟ้าคํารามดังขึ้นบนท้องฟ้า กระบี่ฉีสีม่วงแดง ทันใดนั้นก็ปลดปล่อนเส้นสายอัสนีออกมา
สภาวะของฮวาหยุนเฟยแตกสลายลงในทันที เขารีบถอยหลังกลับ แต่อย่างไรก็ตาม,กระบี่ฉีก็ยังเจาะโดนเข้าที่ไหล่ของเขา ทิ้งรูบาดแผลเลือดออกขนาดหนึ่งนิ้วมือเอาไว้
เป็นเช่นนี้เอง,เซี่ยวเฉินวัดกับข้าโดยการใช้เพียงสภาวะอห่งการฆ่าล้าง เขาไม่ได้ใช้สภาวะแห่งสายฟ้าออกมา,ฮวาหยุนเฟยตระหนักขึ้นได้,เขาหวาดกลัว
“เจ้ายังห่างไกลที่จะท้าทายกับข้าในเรื่องของสภาวะ ไม่ว่าเจ้าจะมีทักษะต่อสู้โบราณหรือไม่ก็ตาม,สลายไปซะ!”
เซียวเฉินกระโดดขึ้น,และร่างของเขาวูบไหวผ่านอากาศ สภาวะแห่งการฆ่าล้างผสานกับสภาวะแห่งสายฟ้า กระบี่แสงลอยไปทั่วทุกพื้นที่,ฮวาหยุยเฟยทําได้เพียงต้านทานเอาไว้อย่างอดทน
สถานการณ์พลิกกลับในทันที เซียวเฉินพุ่งเข้าไป เส้นกระบฉีสีม่วงแดงทําลายกระบวณท่าของฉวาหยุนเฟยลงทั้งหมด
“สับเงาโลหิต!”
“ทําลาย!”
“สมุทรโลหิต,ขุนเขาซากศพ!”
“สลาย!”
“ขุนเขานาราเลือด!”
“สลาย!”
ไม่ว่าเจ้าจะใช่ออกมาก็กระบวณท่า,ข้าจะผสานสภาวะแห่งสายฟ้าและสภาวะแห่งการฆ่าล้างของข้าและทําลายพวกมันลงในกระบี่เดียวทําลาย! สลาย! หายไป!
ฮวาหยุนเฟยกระอักเลือดออกมาสามคํา เซียวเฉินทําลายกระบวณท่าของเขาลงไปสามครั้งในกระบี่เดียว พลังงานที่ล้นหลามซัดร่างของเขาถอยกลับ
“เครั้ง!
พลังงานที่ดุร้ายระเบิดขึ้นอีกครั้ง ดาบของฮวาหยุนเฟยกระเด็นหลุดออกจากมือของเขา เซี่ยวเฉินก้าวขึ้นหน้า และซัดไปที่หน้าอกของเขาด้วยฝ่ามือจู่โจม,ส่งร่างของเขาลอยออกไปอีก
ร่างของฮวาหยุนเฟยลอยไถลไปกับพื้นสนามประลอง ในไม่ช้า,เขาก็ไถลมาถึงขอบสนาม ฮวาหยุนเฟยใบหน้าซีดเซียวละดิ้นรนพยายามจะลุกขึ้น
ทันใดนั้น,ฮวาหยุนเฟยรู้สึกถึงของเย็นเฉียบจ่ออยู่ที่คอของเขา นั้นคือเซี่ยวเฉิน,ผู้ที่รุดเข้ามา และวางกระบี่จ่อลงบนคอของเขา เซี่ยวเฉินอล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ฮวาหยุนเฟย,เจ้าแพ้แล้ว”
“ข้ายังไม่แพ้ ข้าจะแพ้ขยะอย่างเจ้าได้อย่างไร? ในตอนนั้น,ข้าสามารถสังหารเจ้าอย่างง่ายดายด้วยนิ้วเดียว นี่มันเป็นไปไม่ได้”
ฮวาหยุยเฟยผลักกระบออกไปจากคอของเขา เขารีบลุกขึ้นยืนและพุ่งตัวเข้าหาเซียวเฉิน
“บ้าบิน!”
เซี่ยวเฉินเพียงเตะเข้าที่หน้าของฮวาหยุนเฟย แรงมหาศาลทําให้ตัวของเขายกขึ้นไปในอากาศ เขาตกมาหัวลงพื้นที่ด้านนอกของสนามประลอง
“เขาชนะอีกแล้ว! เซี่ยวเฉินชนะอีกครั้ง! จะมีใครที่สามารถล้มเขาได้!”
“ความแข็งแกร่งของฮวาหยุนเฟยอยู่ที่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด เขาสาเร็จทักษะต่อสู่โบราณ เขาอาจจะสามารถสังหารระดับขอบเขตกษัตริย์ธรรมดาลงได้ด้วยซ้ํา กระนั้น,เซี่ยวเฉินก็ยังสามารถล้มเขาลงได้ เซี่ยวเฉินผู้นี้มีไพ่ตายเก็บเอาไว้ก่ใบกันแน่?”
“สภาวะแห่งการฆ่าล้าง,ข้าคิดว่านั้นจะต้องเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของเขาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามันจะเผยออกมาแล้ว แต่มันก็ยากที่จะตอบโต”
เซี่ยวเฉินได้รับชัยชนะอีกครั้ง ทําให้ฝูงชนตื่นเต้นกันใหญ่ บางคนมีความเชื่อมั่นแน่วแน่ว่าเซี่ยวเฉินจะสามารถเอาชนะคนที่เหลือได้
เซียวเฉินได้ต่อสู้อย่างต่อเนื่องบนฐานส่องสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรีออัจฉริยะจากตระกูลขั้นสูงสุด,พวกเขาล้วนไม่ได้อ่อนแอ
แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินล้มคู่ต่อสู้ของเขาลงได้ทั้งหมด ความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แม้ว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้,ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของเขาก็ไม่อาจปฏิเสธ
หากเซียวเฉินรอดพ้นจากภัยในครั้งนี้ไปได้,เขาจะต้องขึ้นมามีอานาจในสักวันหนึ่ง เมื่อถึงตอนนั้น สําหรับเหล่าตระกูลชั้นสูง,เขาจะเป็นเหมือนกับก้อนเมฆที่ลอยลับไป
สูงขึ้นไปเหนือหมู่เมฆ,หนานกงเลี่ยมองดูสถานการณ์บนฐานส่องสวรรค์ เขายิ้มเบาๆและกล่าว “ดูเหมือนว่าพวกเราไม่ต้องทําอะไรแล้ว เจ้าหนูนี่อาจจะจัดการกับภัยพิบัตินี้ได้เพียงลําพัง”
ดวงตาของหยิงเยวล่องลอยพร้อมกับกล่าวขึ้นเบาๆ “นั้นก็ขึ้นอยู่กับคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ บางทีเหล่าตระกูลชั้นสูงไม่อาจทําอะไรเขาได้”
กลับมาบนฐานดาดฟ้า,เหล่าผู้อาวุโสตระกูลชั้นสูงต่างมีสีหน้าน่าเกลียด พวกเขาอยากที่จะลงมือแต่ก็ไม่อาจทําได้ พวกเขารู้สึกบูดบึงเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสหนึ่งแห่งนิกายดาบเงาหมอกกล่าวขึ้นเบาๆ “ฉาวอวิน,เจ้ามีความมั่นใจแค่ไหนที่จะสามารถเอาชนะคนผู้นี้ลงได้”
ฉ่ฉาวอวินกล่าวเบาๆ “ข้าจะชนะในกระบวณท่าเดียว ผู้อาวุโสหนึ่ง, ท่านคิดเช่นไร?”
“ฮ่า ฮ่า เช่นนั้นข้าก็วางใจได้” ผู้อาวุโสหนึ่งแห่งนิกายดาบเงาหมอกยิ้มอย่างเป็นสุข
กลับมาบนสนามประลอง,เซี่ยวเฉินเหลียวมองไปที่ตัวนมู่ฉิง,จีชางคง,และมู่เฉิงเสวี่ยที่ด้านล่างของลานประลอง เขากล่าว “พวกเจ้าสามคนน่าจะเข้ามาพร้อมๆกัน มิฉะนั้น,พวกเจ้าจะไม่มีแม้แต่โอกาส”
เมื่อเซียวเฉินกล่าวจบ,ทุกคนรู้สึกราวกับหัวใจกระโดดขึ้นมาถึงคอของพวกเขา หรือเซียวเฉินจะเป็นบ้าไปแล้ว? เขาขอให้คู่ต่อสู้เข้ามาพร้อมๆกัน
จีชางคงยิ้มอย่างเยือกเย็น “เซี่ยวเฉิน,หากเจ้าหาเรื่องตาย,ข้าไม่เกรงที่จะทําให้เจ้าสมความปรารถนา”
ใบหน้าอันงดงามเย็นยะเยือกของต้วนมู่ฉิงไม่แสดงอารมณ์ นางถามขึ้น,ด้วยน้ําเสียงเย็นยะเยือก “เจ้าคิดว่าเจ้ามีฝีมือเพียงพอ?”
มู่เฉิงเสวี่ยถือโฉมงามใต้แสงจันทร์เอาไว้ในมือของเขาและเผยรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เขายิ้มขึ้นเบาๆและกล่าว “หากนี้เป็นความแข็งแกร่งทั้งหมดของเจ้าแล้ว,เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะให้ข้าชักดาบออกมา”
ทั้งสามคนล้วนมีความภาคภูมิยิ่ง;พวกเขาโดดเด่นจากคนที่เหลือ ตั้งแต่ที่พวกเขายัง เยาว์,พวกเขาได้รับการชื่นชมจากผู้อื่น พวกเขาสนุกไปกับชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ พวกเขาไม่เคยถูกมองต่าจากผู้อื่น
“บูม! บูม! บูม!”
กระแสพลังอันแข็งแกร่งสามสายพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงดาวรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้นพร้อมกับประกายระยิบระยับ นี่เป็นสภาวะแห่งดวงดาวของจีชางคง
ฉีดยือกแข็งที่หนาวเหน็บถึงกระดูกกระพริบไหวด้วยแสงเยือกเย็นขยายไปบนท้องฟ้า นี่เป็นสภาวะแห่งน้ําแข็งระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมของตัวนมู่ฉิง
แสงจันทร์อับอุ่น,อ่อนโยนฉายลงมา,เคลื่อนไหวไปราวกับสายลม นี่เป็นสภาวะแห่งแสงจันทร์ของมู่เฉิงเสวี่ย ภายใต้รูปลักษณ์อะนสงบ,มันซ่อนเร้นไปด้วยกระแสพลังที่โหมกระหน่ํา
สามกระแสพลังรวมกลุ่มและสลายหมู่เมฆ สายลมพัดเป่ารุนแรง,และสภาพอากาศพลันเปลี่ยน
ทุกคนบนพื้นที่ฝึกฝนสามารถรู้สึกแรงกดดันอันแข็งแกร่งกดลงมาบนไหล่ ราวกับขุนเขาใหญ่กดลงบนตัวของพวกเขา
เซียวเฉินถือกระบี่ยาวสองเมตรพร้อมกับกระบี่แสงขณะที่เผชิญหน้ากับกระแสพลังอันแข็งแกร่ง เขายิ้มเบาๆและยกเท้าขวาของเขาขึ้นก่อนที่จะเหยียบลงไป
สลักร่างพยัคฆ์มังกรอยู่ที่ระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม การโจมตีธรรมดาของเซียวเฉินสามารถบรรลุพลังกายภาพ 50,000 กิโลกรัมที่ระดับพลังสูงสุด,เขาสามารถบรรลุถึง 75,000 กิโลกรัม ในตอนที่เขาผสานสภาวะ,เขาสามารถสําเร็จได้ถึง 100,000 กิโลกรัม
ที่สําคัญที่สุด,เซี่ยวเฉินสามารถควบคุมพลังนี้ได้อย่างอิสระ,สมบูรณ์แบบ
Comments