Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 368 เจ้านิกายน้อยหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 368 เจ้านิกายน้อยหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 368 เจ้านิกายน้อยหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์

อย่างไรก็ตาม,ลูกตบของเจ้าหมูก็ยังรู้สึกว่ารุนแรง สามารถจินตนาการไว่าเขาใช้พลังลงมาถึงเพียงใด

“มันไม่มีอะไรให้โอ้อวด” เซียวเฉินกล่าว,อย่างรู้สึกหมดค่าพูด

จินต้าเป่าหัวเราะเสียงดังและกล่าว “มันไม่เหมือนกับเจ้า ตัวนมู่ฉิง,จีชางคง,และคนอื่นๆมีชื่อเสียงเพียงเล็กน้อยในอาณาจักรต้าถัง;ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน,พวกเขา ผ่านเข้าไปเพียงรอบที่สอง”

เซี่ยวเฉินเคยได้ยินเกี่ยวกับการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรมาก่อน มันเป็นการประลองของระดับเยาวชนที่จัดขึ้นโดยอาณาจักรต้าถังในทุกสามปี

อย่างไรก็ตาม ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรในสองสามครั้งที่ผ่านมา มีเพียงเล็กน้อยจากอาณาจักรต้าฉันที่ผ่านเข้าไปถึงหนึ่งร้อยอันดับแรก ดังนั้น เมื่อข่าวของการประลองนี้แพร่กระจายไปในอาณาจักรตาฉัน พวกเขาไม่ได้ประสบความสําเร็จอย่างยอดเยี่ยม ถ้าพวกเขาพูดถึงมันอย่างเปิดเผย,มันจะเป็นเหมือนการตบหน้า

“ใช่แล้ว สาวงามนางนี้คือใคร? ทําไมเจ้าไม่แนะนํานางให้กับท่านหมู?” เมื่อจินต้าเป่ามองเห็นเสียวไปที่กําลังยืนอยู่ด้านหลังของเซียวเฉิน,ดวงตาของเขาลุกวาวขึ้นในทันที

เสียวไปมองไปที่จินต้าเป่าและยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “ข้าจําเจ้าได้เจ้าคือจินต้าเป่า

จินต้าเป่ารู้สึกแปลกประหลาด เขากล่าวขึ้น “เจ้าจ่าข้าได้อย่างไร? ข้าจาไม่เห็นได้ว่าพวกเราเคยพบกัน

“เสี่ยวไปเคยเจอเจ้ามาก่อน ในตอนแรกที่ข้าเห็นเจ้า,เจ้าเอารูปสลักที่พี่ใหญ่เซียวเฉินแกะสลักไปแล้วก็…”

เสียวไปกําลังจะกล่าวต่อในตอนที่เซียวเฉินรีบเข้ามาหยุดนางเอาไว้ หากนางกล่าวต่อไป,เรื่องอื้อฉาวของจินต้าเป่าจะแดงขึ้น

เมื่อจินต้าเป่าได้ยินค่าของเสี่ยวไป,ความไม่อยากจะเชื่อวูบไหวในดวงตาของเขา เขาพึมพํา “พี่น้องเซี่ยวเฉิน,คนนี้คือ….”

“ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังทีหลัง ข้าไม่อาจเล่าได้หมดในเวลาสั้นๆ” เซี่ยวเฉินไม่อยากอธิบายมากเกี่ยวกับเสี่ยวไป

เมื่อจินต้าเป่าสังเกตเห็นได้ดังนี้ ,เขายิ้มและกล่าวขึ้น “ไม่มีปัญหา;ไม่มีปัญหา ข้าจะพาเจ้าไปพบใครบางคนก่อน แม่นางเสียวไป,โปรดมากับเรา”

พวกเขาเดินตามจินต้าเป่าเข้าไปในท้องเรือขึ้นไปถึงชั้นบนสุด เซี่ยวเฉินใช้โอกาสนี้ถามขึ้น “มีเรื่องอะไรกับเรื่องสงครามของกลุ่มมังกรทมิฬ?”

จินต้าเป่ายิ้มขึ้น “ไม่มีอะไรมาก สมาคมการค้าแย่งเส้นทางการค้าทางตะวันออกของทะเล กลุ่มมังกรทมิฬได้ยินดีที่จะเจรจาด้วยในตอนนี้ พวกเราจะสู้รบกันอีกสองสามครั้ง มิฉะนั้นจะไม่มีฝ่ายใดยอมถอย อย่างไรก็ตาม, ในตอนนี้ข้าไปเห็นเจ้าเข้า,พวกเราไม่อาจสู้รบต่อไปในวันนี้”

พวกเขามีการมองโลกที่ต่างกันอย่างแน่นอน การมองปัญหานี้ของจินต้าเป่าต่างออกไป สำหรับผู้บ่มเพาะพลังบนดาดฟ้าเรือสินค้า,พวกเขากังวลเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับการสู้รบกันระหว่างกลุ่มมังกรทมิฬและสมาคมการค้าวิหคทองคํา,ทําให้พวกเขาคาดเดากันไปต่างๆนานา

อย่างไรก็ตาม สําหรับผู้ที่เกี่ยวข้องดูไม่ได้ตึงเครียดแม้แต่น้อย พวกเขาสบายๆอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องเด็กเล่นกัน

“เต่ง!เต่ง!เต่ง!”

มีเสียงพิณดังลงมาจากข้างบน เสียงพิณฟังดูรื่นรมย์ใจเรากับเสียงน้ําใสไหลผ่านที่ข้างหู มีเสียงร้องอันไพเราะควบคู่มาพร้อมกับเสียงพิณ

มันก็ให้เกิดสภาวะสงบใจและเป็นสุข เซี่ยวเฉินในตอนนี้รู้สึกว่าเขาจะรู้แล้วว่าเจ้าหมูกําลังจะพาเขาไปหาใคร

ในตอนที่เจ้าหมูเปิดประตู,มันเป็นไปตามที่เซี่ยวเฉินคาดเอาไว้ ซูเสียวเสี่ยวนั่งอยู่ที่ชั้นบนงดงามสง่า นางมีสีหน้านิ่งสงบขณะที่เล่นพิณของนาง

เมื่อซูเสี่ยวเสี่ยวเล่นจบเพลง,นางยกพินของนางขึ้นและยิ้มอย่างอ่อนโยน “นายน้อยเซี่ยว,ไม่ได้พบกันนานแล้ว”

มาก็นานมากแล้วจริงๆ ตั้งแต่ที่พวกเขาแยกกันที่เมื่องไปสู่ย,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้พบซูเสี่ยวเสี่ยวมานานนับปีแล้ว

เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆและกล่าวขึ้น “พิณของแม่นางเสียวเสี่ยวยังคงไพเราะดังเช่นในอดีต

“มันแทบจะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน; ข้าอับอายต่อหน้านายน้อยเซี่ยว” ซูเสี่ยวเสี่ยวกล่าวอย่างนุ่มนวล

จินต้าเป่าน่าคนทั้งสามไปที่โต๊ะภายในห้องและสั่งให้คนรับใช้จัดเตรียมเหล้าและอาหาร พวกเขาเริ่มพูดคุยไปพร้อมกับดื่ม

“แม่นางน้อยผู้นี้คือใคร?” หลังจากที่พูดคุยกันมาระยะหนึ่ง,ซูเสียวเสี่ยวก็อดไม่ได้อีกต่อไป และถามขึ้นเกี่ยวกับเสี่ยวไป์

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวขึ้น “นี่คือน้องสาวของข้า ท่านสามารถเรียกนางว่าเสียวไป”

ในตอนที่พบกับคนคุ้นเคยในอนาคต,เซี่ยวเฉินตั้งใจจะแนะนําตัวเสี่ยวไปไปเช่นนี้ มันสามารถช่วยเขาหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จําเป็น

เสี่ยวไปุ๋ยกเหล้าขึ้นมาจิบ นางกล่าวขึ้นอย่างมีความสุข “เสี่ยวไปู่เคยพบพี่สาวเสี่ยวเสี่ยวมาก่อน เสี่ยวไปชอบเสียงพิณของพี่สาวเสียวเสียวมาก”

เสี่ยวไปไร้เดียงสาและร่าเริง เสียงของนางไพเราะและน่ารัก ในตอนที่นางกล่าวจบ,มันทําให้ซูเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะขึ้น

“ฮา ฮา ข้าพเจ้าอยากจะเรียนพิณในอนาคต พี่สาวสามารถสอนเจ้าได้” ซูเสี่ยวเสียวยิ้มอย่างอ่อนโยน ขณะที่นางมองไปที่เสี่ยวไป

เสี่ยวไป์กล่าวอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณ พี่สาว!”

หลังจากนั้น พวกเขาพูดคุยถึงสิ่งที่ได้ประสบมา หลังจากนั้น,ซูเสียวเสี่ยวถามขึ้น “นายน้อยเซียว,ข้าขอเดาว่าท่านกําลังเดินทางไปที่เกาะสายลมขจเพื่อตามหาสมบัติของราชาทุ่งหญ้า”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าและกล่าวขึ้น “ใช่,ข้ากําลังจะลองไปเสี่ยงโชคดู ลองดูว่าข้าจะสามารถแสวงหาโชคของข้าได้หรือไม่”

“แล้วหลังจากนั้น?” ซูเสี่ยวเสี่ยวถามต่อ

เซี่ยวเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มขึ้นยังอ่อนโยน “หลังจากนั้น ถ้าจะเดินทางไปที่ทุกอาณาจักร เพื่อการฝึกฝน ถ้าไม่พอใจกับสิ่งที่มี ถ้าจะต้องเดินทางออกไปเพื่อดูโลก หากมีโอกาส,ข้าหวังที่จะเดินทางไปทั่วทั้งทวีปเทียนหวู่, ทําความรู้จักกับเหล่าอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์โดนเด่นจากทั่วทุกภูมิภาค

ตามจริง,เซี่ยวเฉันยังคงมีบางสิ่งอยู่ในใจที่ไม่ได้กล่าวออกไป เขาอยากที่จะโค่นล้มเหล่าอัจฉริยะทั้งหมดและปีนขึ้นไปจุดยอดสุดของการบ่มเพาะพลัง”

เมื่อซูเสียวเสี่ยวได้ยินดังนี้,นางไม่ได้แปลกใจ นางกล่าวขึ้น “ในเวลานี้ สําหรับสมบัติของราชาทุ่งมารอสูร,มีเหล่าอัจฉริยะมากมายจากหลายๆอาณาจักรอยู่บนเกาะสายลมขจี พวกเขารวมกันเป็นชุมชนเล็กๆอยู่บนเกาะ หากเจ้าต้องการจะไป,ข้าสามารถแนะนําเจ้าให้กับพวกเขา”

เซี่ยวเฉินสนใจ อาณาจักรตาฉันอยู่อันดับท้ายสุดจากทั้งสี่อาณาจักร พวกเขามีนิกายใหญ่เพียงสามแห่งภายในอาณาจักรต่าฉัน

มันห่างไกลที่จะเปรียบเทียบกับอาณาจักรอื่นๆ จุดมุ่งหมายที่เซียวเฉินออกเดินทางก็เพื่อที่จะเห็นโลก การแนะนําของซูเสี่ยวเสี่ยวทําให้เขาตื่นเต้นเล็กน้อย

“อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เจ้าจะตกลง,เจ้าควรเตรียมใจเอาไว้ก่อน คนพวกนี้ค่อนข้างหยิ่งยโสและไม่ยอมคน: พวกเขาคิดตัวเองเป็นใหญ่ มันยากที่จะหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งทางวาจา”

เมื่อซูเสี่ยวเสี่ยวเห็นว่าเซี่ยวเฉิน,นางก็เตือนขึ้น

เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆ “ไม่มีปัญหา,ข้าเข้าใจแล้ว”

มันยากที่ผู้เยาว์จะถ่อมตัว โดยเฉพาะพวกอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์;พวกเขาทั้งหมดล้วนเห็นตัวเองเป็นใหญ่

ตั้งแต่ที่เซี่ยวเฉินมาเกิดที่ทวีปเทียนหว่,เขาได้เห็นกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมากมาย เขาเข้าใจสิ่งที่เสี่ยวเสี่ยวหมายถึงอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่ได้เป็นคนหนุ่มใจร้อนอย่างเช่นในอดีตอีกต่อไป เซียวเฉินยังคงฉายแสง,แต่ในตอนนี้ เขาปิดซ่อนมันเอาไว้ ประสบการณ์หนึ่งปีภายในศาลากระบี่สวรรค์ทําให้เขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

ซูเสียวเสี่ยวก็สามารถเห็นได้ว่าเซี่ยวเฉินเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว,ดังนั้นนางจึงไม่ได้กล่าวอะไรอีก

จินต้าเป่ากล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “เซี่ยวเฉิน,มีนิกายมากมายภายในสื่อาณาจักร การแข่งขันของพวกเขาจุดเดือดยิ่งกว่าสิ่งที่เจ้าได้เห็นในอาณาจักรต้าฉัน ไม่ว่าพรสวรรค์จะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เป็นเพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างระดับการบ่มเพาะพลังไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

“ในการรวมกลุ่มที่นั่น มีห้าคนที่ความแข็งแกร่งอยู่เหนือกว่าเจ้าอย่างแน่นอน หัวหน้ากลุ่ม,จินอจี้,คือหนึ่งในร้อยอันดับต้นของการประลองผู้เยาว์หาอาณาจักร”

เซี่ยวเฉินเข้าใจที่จินต้าเป้าหมายถึง เขาเตือนให้ระวังตัวเอาไว้ มิฉะนั้น,เขาอาจจะพลาดพลั้งได้

ตามจริง ถึงไม่มีคําเตือนจากจินต้าเป่า,ฉันก็รู้อยู่แล้ว โลกนี้มันกว้างใหญ่ มีเหล่าอัจฉริยะอยู่มากมาย โดยเฉพาะในช่วงอายุนี้

การต่อสู้ภายในศาลากระบี่สวรรค์เพิ่มความมั่นใจ,ขัดเกลาความเฉียบแหลมให้กับเขา แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้มากพอที่จะทําให้เขาคิดว่าไร้เทียมทานจนสามารถมองต่คนทั้งโลก

หลังจากพวกเขากินดื่มจนเสร็จ,ด้วยคําขอจากทั้งสามคน,ซูเสี่ยวเสี่ยวเล่นพิณของนางให้พวกเขาชมอีกครั้ง

เพลงพิณของซูเสียวเสียวช่างเร้าใจและปลุกอารมณ์:มันยากที่จะปล่อยวาง พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนารมณ์ของเสียงเพลงได้อย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะเป็นภูเขาขจี,สายลําธาร,สายลมเย็น,หรือกองทัพสึกเหิม,สายเพลงพลันเปลี่ยนอย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ

หลังจากที่ซูเสียวเสี่ยวจบการแสดงของนาง,เสียงบรรเลงยังคงก้องอยู่ในหูของพวกเขาเป็นท่วงทํานองอันสง่างาม

หลังจากที่เสี่ยวไปได้ฟัง,นางเร้าหรือให้ซูเสี่ยวเสี่ยวสอนนางในทันที ซูเสี่ยวเสี่ยวชอบใจนางมากและรับนางเป็นศิษย์ในทันที

เมื่อเสี่ยวไปเรียกซูเสี่ยวเสี่ยวว่าอาจารย์ ทําให้นางจักจี้หู,หัวเราะออกมาเบาๆ

จินต้าเป่าดึงตัวเซียวเฉินไปที่ดาดฟ้า เขาหยิบเอาถุงใส่หินวิญญาณออกมาและยื่นให้กับเซียวเฉิน “หนึ่งพันหินวิญญาณระดับกลาง คิดเสียว่าเป็นค่าใช้จ่ายในตอนที่ช่วยท่านหมเอาไว้เมื่อครั้งก่อน”

เซียวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อย:สีหน้าของเขาคือไม่อยากจะเชื่อ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าหมใจกว้างเช่นนี้?

“ข้าหดหูใจเหลือเกิน พี่ใหญ่เซียวเฉิน,โปรดอย่าทําสีหน้าเช่นนั้น ท่านหมูผู้นี้ดูเหมือนขี้เหนียวเสียเมื่อไหร? มันก็แค่หินวิญญาณระดับกลางหนึ่งพันก้อน” จินต้าเป่ากล่าวอย่างขุ่นเคือง

เซี่ยวเฉินตอบกลับ,อย่างเฉยเมย “มันไม่ได้แค่ดูเหมือน;มันอยู่ในสันดานของเจ้าเลยต่างหาก อย่างไรก็ตาม,ข้าก็ขอรับเอาไว้”

แม้ว่าเจ้าหมูจะทําเป็นใจกว้าง,แต่ในตอนที่เขายื่นหินวิญญาณมา,ใจหน้าของเจ้าหมูสั่นเพิ่ม,แสดงถึงความเจ็บปวด

เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆและเก็บหินวิญญาณเข้าไปในแหวนห้วงจักรวาล จากนั้น,เขากล่าวขึ้น “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า ซูเสียวเสี่ยวผู้นี้…มีสภานะเช่นไรกันแน่? นางดูเหมือนมีเส้นสายมากมาย นางสามารถเชิญคนเข้าไปในกลุ่มของเหล่าอัจฉริยะจากสอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย”

ตามคําอธิบายของจินต้าเป่า นี่เป็นการรวมกลุ่มที่ทรงเกียรติเป็นอย่างมาก ผู้จัดการเป็นถึงหนึ่งในร้อยอันดับต้นของการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน

หากไม่มีสถานะหรือตําแหน่งที่มั่นคง,ไม่มีทางที่ใครจะจัดตั้งกลุ่มเช่นนี้ขึ้นมาได้

ขณะที่ลมทะเลพัดผ่าน,จินต้าเป่ายิ้มเบาๆ เขากล่าว “ไม่มีปัญหาที่ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง ตัวตนที่แท้จริงนางคือท่านเจ้านิกายน้อยของหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ นางนับได้ว่าเป็นผู้สืบทอดหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์

เจ้านิกายน้อยแห่งหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์….ตอนนี้มันชัดเจนแล้ว อูซ่างเฉียนเคยกล่าวเอาไว้ว่าหมู่บ้านหุบเขาทักษสวรรค์มีอํานาจมหาศาลภายในทวีปแห่งนี้,แข็งแกร่งยิ่งกว่าสามนิกายใหญ่

ด้วยฐานะของนางที่เป็นเจ้านิกายน้อย,มันง่ายดายที่จะรวบรวมเหล่าอัจฉริยะจากหลายๆอาณาจักร

จินต้าเป่ากล่าว “อย่าไปคิดมาก แค่เตรียมตัวซะ ความเร็วของเรือสงครามล่านี้เร็วกว่าเรือสินค้าเป็นสองเท่า พวกเราจะถึงเกาะสายลมขจีหลังจากผ่านไปสามวัน”

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว:เป็นสามวันในทะเลที่สงบสุข

ด้วยเหตุผลบางอย่าง,เรือสงครามของจินต้าเป่าไม่สามารถเทียบท่าที่ท่าเรือของเกาะสายลมขจี ทั้งสี่คนเปลี่ยนไปลงเรือล่าเล็กและมุ่งหน้าสู่ท่าเรือของเกาะสายลมขจี

ท่าเรือของเกาะสายลมขจีมีชีวิตชีวามากกว่าทุกท่าเรือที่เซียวเฉินเคยเห็นมาในอดีต เพียงมองผ่านๆ,เขาเห็นเรือสินค้าจากหลานอาณาจักรเข้ามาเทียบท่าอย่างหนาแน่น

เรือลําเล็กที่ทั้งสี่นั่งมาราวกับเป็นมดที่วิ่งผ่านฝูงช้าง;พวกเขาดูตัวเล็กกระจ้อย

เมื่อทั้งกลุ่มมาถึงฝั่ง,ซูเสี่ยวเสียวกล่าวขึ้น “การรวมกลุ่มจะเริ่มขึ้นในตอนบ่าย พวกเราควรเข้าเมืองไปให้เร็วไม่ให้เสียเวลา”

ซูเสียวเสียวและจินต้าเป่าแสดงความตกตะลึงในตอนที่เห็นเรือสงครามสีเงินออกมาจากดวงตาของเซี่ยวเฉิน เขากล่าวอย่างนุ่มนวล “หากพวกเราต้องรีบ,ใช้สมบัติลับของข้าก็ได้”

เรือสงครามสีเงินเปลี่ยนขนาดได้ตามใจนึกของเซียวเฉิน หลังจากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียง โซว เคลื่อนไหวผ่านก้อนเมฆไปอย่างรวดเร็ว

เจ้าหมูยืนอยู่บนหัวเรือและร้องตะโกนขึ้น “ให้ตาย,รูปแบบกลการบินของเรือสงครามลํานี้สมบูรณ์ไม่บุบสลาย มันสามารถบินไปโดยไม่ต้องใช้หินวิญญาณ เจ้าคิดจะขายสมบัติลับชิ้นนี้หรือไม่? ข้าจ่ายให้ได้ไม่อั้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 368 เจ้านิกายน้อยหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 368 เจ้านิกายน้อยหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 368 เจ้านิกายน้อยหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์

อย่างไรก็ตาม,ลูกตบของเจ้าหมูก็ยังรู้สึกว่ารุนแรง สามารถจินตนาการไว่าเขาใช้พลังลงมาถึงเพียงใด

“มันไม่มีอะไรให้โอ้อวด” เซียวเฉินกล่าว,อย่างรู้สึกหมดค่าพูด

จินต้าเป่าหัวเราะเสียงดังและกล่าว “มันไม่เหมือนกับเจ้า ตัวนมู่ฉิง,จีชางคง,และคนอื่นๆมีชื่อเสียงเพียงเล็กน้อยในอาณาจักรต้าถัง;ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน,พวกเขา ผ่านเข้าไปเพียงรอบที่สอง”

เซี่ยวเฉินเคยได้ยินเกี่ยวกับการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรมาก่อน มันเป็นการประลองของระดับเยาวชนที่จัดขึ้นโดยอาณาจักรต้าถังในทุกสามปี

อย่างไรก็ตาม ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรในสองสามครั้งที่ผ่านมา มีเพียงเล็กน้อยจากอาณาจักรต้าฉันที่ผ่านเข้าไปถึงหนึ่งร้อยอันดับแรก ดังนั้น เมื่อข่าวของการประลองนี้แพร่กระจายไปในอาณาจักรตาฉัน พวกเขาไม่ได้ประสบความสําเร็จอย่างยอดเยี่ยม ถ้าพวกเขาพูดถึงมันอย่างเปิดเผย,มันจะเป็นเหมือนการตบหน้า

“ใช่แล้ว สาวงามนางนี้คือใคร? ทําไมเจ้าไม่แนะนํานางให้กับท่านหมู?” เมื่อจินต้าเป่ามองเห็นเสียวไปที่กําลังยืนอยู่ด้านหลังของเซียวเฉิน,ดวงตาของเขาลุกวาวขึ้นในทันที

เสียวไปมองไปที่จินต้าเป่าและยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “ข้าจําเจ้าได้เจ้าคือจินต้าเป่า

จินต้าเป่ารู้สึกแปลกประหลาด เขากล่าวขึ้น “เจ้าจ่าข้าได้อย่างไร? ข้าจาไม่เห็นได้ว่าพวกเราเคยพบกัน

“เสี่ยวไปเคยเจอเจ้ามาก่อน ในตอนแรกที่ข้าเห็นเจ้า,เจ้าเอารูปสลักที่พี่ใหญ่เซียวเฉินแกะสลักไปแล้วก็…”

เสียวไปกําลังจะกล่าวต่อในตอนที่เซียวเฉินรีบเข้ามาหยุดนางเอาไว้ หากนางกล่าวต่อไป,เรื่องอื้อฉาวของจินต้าเป่าจะแดงขึ้น

เมื่อจินต้าเป่าได้ยินค่าของเสี่ยวไป,ความไม่อยากจะเชื่อวูบไหวในดวงตาของเขา เขาพึมพํา “พี่น้องเซี่ยวเฉิน,คนนี้คือ….”

“ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังทีหลัง ข้าไม่อาจเล่าได้หมดในเวลาสั้นๆ” เซี่ยวเฉินไม่อยากอธิบายมากเกี่ยวกับเสี่ยวไป

เมื่อจินต้าเป่าสังเกตเห็นได้ดังนี้ ,เขายิ้มและกล่าวขึ้น “ไม่มีปัญหา;ไม่มีปัญหา ข้าจะพาเจ้าไปพบใครบางคนก่อน แม่นางเสียวไป,โปรดมากับเรา”

พวกเขาเดินตามจินต้าเป่าเข้าไปในท้องเรือขึ้นไปถึงชั้นบนสุด เซี่ยวเฉินใช้โอกาสนี้ถามขึ้น “มีเรื่องอะไรกับเรื่องสงครามของกลุ่มมังกรทมิฬ?”

จินต้าเป่ายิ้มขึ้น “ไม่มีอะไรมาก สมาคมการค้าแย่งเส้นทางการค้าทางตะวันออกของทะเล กลุ่มมังกรทมิฬได้ยินดีที่จะเจรจาด้วยในตอนนี้ พวกเราจะสู้รบกันอีกสองสามครั้ง มิฉะนั้นจะไม่มีฝ่ายใดยอมถอย อย่างไรก็ตาม, ในตอนนี้ข้าไปเห็นเจ้าเข้า,พวกเราไม่อาจสู้รบต่อไปในวันนี้”

พวกเขามีการมองโลกที่ต่างกันอย่างแน่นอน การมองปัญหานี้ของจินต้าเป่าต่างออกไป สำหรับผู้บ่มเพาะพลังบนดาดฟ้าเรือสินค้า,พวกเขากังวลเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับการสู้รบกันระหว่างกลุ่มมังกรทมิฬและสมาคมการค้าวิหคทองคํา,ทําให้พวกเขาคาดเดากันไปต่างๆนานา

อย่างไรก็ตาม สําหรับผู้ที่เกี่ยวข้องดูไม่ได้ตึงเครียดแม้แต่น้อย พวกเขาสบายๆอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องเด็กเล่นกัน

“เต่ง!เต่ง!เต่ง!”

มีเสียงพิณดังลงมาจากข้างบน เสียงพิณฟังดูรื่นรมย์ใจเรากับเสียงน้ําใสไหลผ่านที่ข้างหู มีเสียงร้องอันไพเราะควบคู่มาพร้อมกับเสียงพิณ

มันก็ให้เกิดสภาวะสงบใจและเป็นสุข เซี่ยวเฉินในตอนนี้รู้สึกว่าเขาจะรู้แล้วว่าเจ้าหมูกําลังจะพาเขาไปหาใคร

ในตอนที่เจ้าหมูเปิดประตู,มันเป็นไปตามที่เซี่ยวเฉินคาดเอาไว้ ซูเสียวเสี่ยวนั่งอยู่ที่ชั้นบนงดงามสง่า นางมีสีหน้านิ่งสงบขณะที่เล่นพิณของนาง

เมื่อซูเสี่ยวเสี่ยวเล่นจบเพลง,นางยกพินของนางขึ้นและยิ้มอย่างอ่อนโยน “นายน้อยเซี่ยว,ไม่ได้พบกันนานแล้ว”

มาก็นานมากแล้วจริงๆ ตั้งแต่ที่พวกเขาแยกกันที่เมื่องไปสู่ย,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้พบซูเสี่ยวเสี่ยวมานานนับปีแล้ว

เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆและกล่าวขึ้น “พิณของแม่นางเสียวเสี่ยวยังคงไพเราะดังเช่นในอดีต

“มันแทบจะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน; ข้าอับอายต่อหน้านายน้อยเซี่ยว” ซูเสี่ยวเสี่ยวกล่าวอย่างนุ่มนวล

จินต้าเป่าน่าคนทั้งสามไปที่โต๊ะภายในห้องและสั่งให้คนรับใช้จัดเตรียมเหล้าและอาหาร พวกเขาเริ่มพูดคุยไปพร้อมกับดื่ม

“แม่นางน้อยผู้นี้คือใคร?” หลังจากที่พูดคุยกันมาระยะหนึ่ง,ซูเสียวเสี่ยวก็อดไม่ได้อีกต่อไป และถามขึ้นเกี่ยวกับเสี่ยวไป์

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวขึ้น “นี่คือน้องสาวของข้า ท่านสามารถเรียกนางว่าเสียวไป”

ในตอนที่พบกับคนคุ้นเคยในอนาคต,เซี่ยวเฉินตั้งใจจะแนะนําตัวเสี่ยวไปไปเช่นนี้ มันสามารถช่วยเขาหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จําเป็น

เสี่ยวไปุ๋ยกเหล้าขึ้นมาจิบ นางกล่าวขึ้นอย่างมีความสุข “เสี่ยวไปู่เคยพบพี่สาวเสี่ยวเสี่ยวมาก่อน เสี่ยวไปชอบเสียงพิณของพี่สาวเสียวเสียวมาก”

เสี่ยวไปไร้เดียงสาและร่าเริง เสียงของนางไพเราะและน่ารัก ในตอนที่นางกล่าวจบ,มันทําให้ซูเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะขึ้น

“ฮา ฮา ข้าพเจ้าอยากจะเรียนพิณในอนาคต พี่สาวสามารถสอนเจ้าได้” ซูเสี่ยวเสียวยิ้มอย่างอ่อนโยน ขณะที่นางมองไปที่เสี่ยวไป

เสี่ยวไป์กล่าวอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณ พี่สาว!”

หลังจากนั้น พวกเขาพูดคุยถึงสิ่งที่ได้ประสบมา หลังจากนั้น,ซูเสียวเสี่ยวถามขึ้น “นายน้อยเซียว,ข้าขอเดาว่าท่านกําลังเดินทางไปที่เกาะสายลมขจเพื่อตามหาสมบัติของราชาทุ่งหญ้า”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าและกล่าวขึ้น “ใช่,ข้ากําลังจะลองไปเสี่ยงโชคดู ลองดูว่าข้าจะสามารถแสวงหาโชคของข้าได้หรือไม่”

“แล้วหลังจากนั้น?” ซูเสี่ยวเสี่ยวถามต่อ

เซี่ยวเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มขึ้นยังอ่อนโยน “หลังจากนั้น ถ้าจะเดินทางไปที่ทุกอาณาจักร เพื่อการฝึกฝน ถ้าไม่พอใจกับสิ่งที่มี ถ้าจะต้องเดินทางออกไปเพื่อดูโลก หากมีโอกาส,ข้าหวังที่จะเดินทางไปทั่วทั้งทวีปเทียนหวู่, ทําความรู้จักกับเหล่าอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์โดนเด่นจากทั่วทุกภูมิภาค

ตามจริง,เซี่ยวเฉันยังคงมีบางสิ่งอยู่ในใจที่ไม่ได้กล่าวออกไป เขาอยากที่จะโค่นล้มเหล่าอัจฉริยะทั้งหมดและปีนขึ้นไปจุดยอดสุดของการบ่มเพาะพลัง”

เมื่อซูเสียวเสี่ยวได้ยินดังนี้,นางไม่ได้แปลกใจ นางกล่าวขึ้น “ในเวลานี้ สําหรับสมบัติของราชาทุ่งมารอสูร,มีเหล่าอัจฉริยะมากมายจากหลายๆอาณาจักรอยู่บนเกาะสายลมขจี พวกเขารวมกันเป็นชุมชนเล็กๆอยู่บนเกาะ หากเจ้าต้องการจะไป,ข้าสามารถแนะนําเจ้าให้กับพวกเขา”

เซี่ยวเฉินสนใจ อาณาจักรตาฉันอยู่อันดับท้ายสุดจากทั้งสี่อาณาจักร พวกเขามีนิกายใหญ่เพียงสามแห่งภายในอาณาจักรต่าฉัน

มันห่างไกลที่จะเปรียบเทียบกับอาณาจักรอื่นๆ จุดมุ่งหมายที่เซียวเฉินออกเดินทางก็เพื่อที่จะเห็นโลก การแนะนําของซูเสี่ยวเสี่ยวทําให้เขาตื่นเต้นเล็กน้อย

“อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เจ้าจะตกลง,เจ้าควรเตรียมใจเอาไว้ก่อน คนพวกนี้ค่อนข้างหยิ่งยโสและไม่ยอมคน: พวกเขาคิดตัวเองเป็นใหญ่ มันยากที่จะหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งทางวาจา”

เมื่อซูเสี่ยวเสี่ยวเห็นว่าเซี่ยวเฉิน,นางก็เตือนขึ้น

เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆ “ไม่มีปัญหา,ข้าเข้าใจแล้ว”

มันยากที่ผู้เยาว์จะถ่อมตัว โดยเฉพาะพวกอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์;พวกเขาทั้งหมดล้วนเห็นตัวเองเป็นใหญ่

ตั้งแต่ที่เซี่ยวเฉินมาเกิดที่ทวีปเทียนหว่,เขาได้เห็นกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมากมาย เขาเข้าใจสิ่งที่เสี่ยวเสี่ยวหมายถึงอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่ได้เป็นคนหนุ่มใจร้อนอย่างเช่นในอดีตอีกต่อไป เซียวเฉินยังคงฉายแสง,แต่ในตอนนี้ เขาปิดซ่อนมันเอาไว้ ประสบการณ์หนึ่งปีภายในศาลากระบี่สวรรค์ทําให้เขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

ซูเสียวเสี่ยวก็สามารถเห็นได้ว่าเซี่ยวเฉินเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว,ดังนั้นนางจึงไม่ได้กล่าวอะไรอีก

จินต้าเป่ากล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “เซี่ยวเฉิน,มีนิกายมากมายภายในสื่อาณาจักร การแข่งขันของพวกเขาจุดเดือดยิ่งกว่าสิ่งที่เจ้าได้เห็นในอาณาจักรต้าฉัน ไม่ว่าพรสวรรค์จะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เป็นเพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างระดับการบ่มเพาะพลังไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

“ในการรวมกลุ่มที่นั่น มีห้าคนที่ความแข็งแกร่งอยู่เหนือกว่าเจ้าอย่างแน่นอน หัวหน้ากลุ่ม,จินอจี้,คือหนึ่งในร้อยอันดับต้นของการประลองผู้เยาว์หาอาณาจักร”

เซี่ยวเฉินเข้าใจที่จินต้าเป้าหมายถึง เขาเตือนให้ระวังตัวเอาไว้ มิฉะนั้น,เขาอาจจะพลาดพลั้งได้

ตามจริง ถึงไม่มีคําเตือนจากจินต้าเป่า,ฉันก็รู้อยู่แล้ว โลกนี้มันกว้างใหญ่ มีเหล่าอัจฉริยะอยู่มากมาย โดยเฉพาะในช่วงอายุนี้

การต่อสู้ภายในศาลากระบี่สวรรค์เพิ่มความมั่นใจ,ขัดเกลาความเฉียบแหลมให้กับเขา แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้มากพอที่จะทําให้เขาคิดว่าไร้เทียมทานจนสามารถมองต่คนทั้งโลก

หลังจากพวกเขากินดื่มจนเสร็จ,ด้วยคําขอจากทั้งสามคน,ซูเสี่ยวเสี่ยวเล่นพิณของนางให้พวกเขาชมอีกครั้ง

เพลงพิณของซูเสียวเสียวช่างเร้าใจและปลุกอารมณ์:มันยากที่จะปล่อยวาง พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนารมณ์ของเสียงเพลงได้อย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะเป็นภูเขาขจี,สายลําธาร,สายลมเย็น,หรือกองทัพสึกเหิม,สายเพลงพลันเปลี่ยนอย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ

หลังจากที่ซูเสียวเสี่ยวจบการแสดงของนาง,เสียงบรรเลงยังคงก้องอยู่ในหูของพวกเขาเป็นท่วงทํานองอันสง่างาม

หลังจากที่เสี่ยวไปได้ฟัง,นางเร้าหรือให้ซูเสี่ยวเสี่ยวสอนนางในทันที ซูเสี่ยวเสี่ยวชอบใจนางมากและรับนางเป็นศิษย์ในทันที

เมื่อเสี่ยวไปเรียกซูเสี่ยวเสี่ยวว่าอาจารย์ ทําให้นางจักจี้หู,หัวเราะออกมาเบาๆ

จินต้าเป่าดึงตัวเซียวเฉินไปที่ดาดฟ้า เขาหยิบเอาถุงใส่หินวิญญาณออกมาและยื่นให้กับเซียวเฉิน “หนึ่งพันหินวิญญาณระดับกลาง คิดเสียว่าเป็นค่าใช้จ่ายในตอนที่ช่วยท่านหมเอาไว้เมื่อครั้งก่อน”

เซียวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อย:สีหน้าของเขาคือไม่อยากจะเชื่อ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าหมใจกว้างเช่นนี้?

“ข้าหดหูใจเหลือเกิน พี่ใหญ่เซียวเฉิน,โปรดอย่าทําสีหน้าเช่นนั้น ท่านหมูผู้นี้ดูเหมือนขี้เหนียวเสียเมื่อไหร? มันก็แค่หินวิญญาณระดับกลางหนึ่งพันก้อน” จินต้าเป่ากล่าวอย่างขุ่นเคือง

เซี่ยวเฉินตอบกลับ,อย่างเฉยเมย “มันไม่ได้แค่ดูเหมือน;มันอยู่ในสันดานของเจ้าเลยต่างหาก อย่างไรก็ตาม,ข้าก็ขอรับเอาไว้”

แม้ว่าเจ้าหมูจะทําเป็นใจกว้าง,แต่ในตอนที่เขายื่นหินวิญญาณมา,ใจหน้าของเจ้าหมูสั่นเพิ่ม,แสดงถึงความเจ็บปวด

เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆและเก็บหินวิญญาณเข้าไปในแหวนห้วงจักรวาล จากนั้น,เขากล่าวขึ้น “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า ซูเสียวเสี่ยวผู้นี้…มีสภานะเช่นไรกันแน่? นางดูเหมือนมีเส้นสายมากมาย นางสามารถเชิญคนเข้าไปในกลุ่มของเหล่าอัจฉริยะจากสอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย”

ตามคําอธิบายของจินต้าเป่า นี่เป็นการรวมกลุ่มที่ทรงเกียรติเป็นอย่างมาก ผู้จัดการเป็นถึงหนึ่งในร้อยอันดับต้นของการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน

หากไม่มีสถานะหรือตําแหน่งที่มั่นคง,ไม่มีทางที่ใครจะจัดตั้งกลุ่มเช่นนี้ขึ้นมาได้

ขณะที่ลมทะเลพัดผ่าน,จินต้าเป่ายิ้มเบาๆ เขากล่าว “ไม่มีปัญหาที่ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง ตัวตนที่แท้จริงนางคือท่านเจ้านิกายน้อยของหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ นางนับได้ว่าเป็นผู้สืบทอดหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์

เจ้านิกายน้อยแห่งหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์….ตอนนี้มันชัดเจนแล้ว อูซ่างเฉียนเคยกล่าวเอาไว้ว่าหมู่บ้านหุบเขาทักษสวรรค์มีอํานาจมหาศาลภายในทวีปแห่งนี้,แข็งแกร่งยิ่งกว่าสามนิกายใหญ่

ด้วยฐานะของนางที่เป็นเจ้านิกายน้อย,มันง่ายดายที่จะรวบรวมเหล่าอัจฉริยะจากหลายๆอาณาจักร

จินต้าเป่ากล่าว “อย่าไปคิดมาก แค่เตรียมตัวซะ ความเร็วของเรือสงครามล่านี้เร็วกว่าเรือสินค้าเป็นสองเท่า พวกเราจะถึงเกาะสายลมขจีหลังจากผ่านไปสามวัน”

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว:เป็นสามวันในทะเลที่สงบสุข

ด้วยเหตุผลบางอย่าง,เรือสงครามของจินต้าเป่าไม่สามารถเทียบท่าที่ท่าเรือของเกาะสายลมขจี ทั้งสี่คนเปลี่ยนไปลงเรือล่าเล็กและมุ่งหน้าสู่ท่าเรือของเกาะสายลมขจี

ท่าเรือของเกาะสายลมขจีมีชีวิตชีวามากกว่าทุกท่าเรือที่เซียวเฉินเคยเห็นมาในอดีต เพียงมองผ่านๆ,เขาเห็นเรือสินค้าจากหลานอาณาจักรเข้ามาเทียบท่าอย่างหนาแน่น

เรือลําเล็กที่ทั้งสี่นั่งมาราวกับเป็นมดที่วิ่งผ่านฝูงช้าง;พวกเขาดูตัวเล็กกระจ้อย

เมื่อทั้งกลุ่มมาถึงฝั่ง,ซูเสี่ยวเสียวกล่าวขึ้น “การรวมกลุ่มจะเริ่มขึ้นในตอนบ่าย พวกเราควรเข้าเมืองไปให้เร็วไม่ให้เสียเวลา”

ซูเสียวเสียวและจินต้าเป่าแสดงความตกตะลึงในตอนที่เห็นเรือสงครามสีเงินออกมาจากดวงตาของเซี่ยวเฉิน เขากล่าวอย่างนุ่มนวล “หากพวกเราต้องรีบ,ใช้สมบัติลับของข้าก็ได้”

เรือสงครามสีเงินเปลี่ยนขนาดได้ตามใจนึกของเซียวเฉิน หลังจากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียง โซว เคลื่อนไหวผ่านก้อนเมฆไปอย่างรวดเร็ว

เจ้าหมูยืนอยู่บนหัวเรือและร้องตะโกนขึ้น “ให้ตาย,รูปแบบกลการบินของเรือสงครามลํานี้สมบูรณ์ไม่บุบสลาย มันสามารถบินไปโดยไม่ต้องใช้หินวิญญาณ เจ้าคิดจะขายสมบัติลับชิ้นนี้หรือไม่? ข้าจ่ายให้ได้ไม่อั้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+