คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 53 เจ็บหน้า

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 53 เจ็บหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่ตั้งใจโพสต์เวยปั๋วขายความสงสารเสร็จเธอก็ไปนวดอโรม่าที่ชั้นบนของโรงแรม

เพื่อที่ว่าพอร่างกายผ่อนคลายเธอก็จะมาดูความน่าสมเพชของอิ๋งจื่อจิน

ริมฝีปากของอิ๋งลู่เวยผุดรอยยิ้ม นิ้วเลื่อนไปตรงปุ่มข้อความ

เป็นเหมือนที่เธอคิดไว้ มีคอมเมนต์กับข้อความส่วนตัวจำนวนมาก

แต่หลังจากที่อิ๋งลู่เวยกดเปิดอ่าน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

เพราะไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวที่ปลอบเธอ ทั้งหมดเป็นข้อความประชดแดกดัน

[ขอมอบรางวัลตอแหลได้โล่ เธอใช้ปูนยี่ห้ออะไรโบกหน้าเหรอ ถึงได้ทนทานขนาดนี้]

[อิจฉาหนังหน้าของเธอจริงๆ ดูแลได้หนาขนาดนี้]

[แค่รูปถ่ายใบเดียวก็ใส่ร้ายหลานสาวตัวเองว่าอ่อย ป้ายสีเก่งขนาดนี้ ไม่รับจ้างทาสีคงเสียดายแย่]

[กลัวเธอจะมัวแต่ดีใจจนไม่ได้ดูคลิป อะ สงเคราะห์ให้ ห้ามพูดนะว่าไม่เห็น (คลิปวิดีโอ)]

อิ๋งลู่เวยขมวดคิ้ว เปิดคลิป

ดูไปได้ไม่กี่วินาทีดวงตาของเธอก็เบิกโพลง หน้าซีดลงในทันที

เป็นไปไม่ได้!

เห็นๆ อยู่ว่าเธอให้คุณอลันลบภาพจากกล้องวงจรปิดไปแล้ว คลิปนี่มาจากไหนกัน

อิ๋งลู่เวยรีบเช็คความเปลี่ยนแปลงบนเวยปั๋วในช่วงสองชั่วโมงที่ผ่านมาอย่างลุกลี้ลุกลน พอเช็คเสร็จเธอก็แทบไม่เชื่อสายตา

อิ๋งจื่อจินมีคลิปกล้องวงจรปิดอยู่ในมือจริงๆ!

แถมยังทนมานานขนาดนี้กว่าจะโพสต์ออกมา จงใจเหรอ

อิ๋งลู่เวยโทรหาอลันทันที กัดฟันพูดทีละคำ “ไหนคุณว่าไม่มีทางมีใครกู้ภาพจากกล้องวงจรปิดได้ ทำไมทางนั้นถึงมีคลิปกล้องวงจรปิดล่ะ!”

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมั่นใจว่าอิ๋งจื่อจินไม่มีทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ เธอจะโพสต์เวยปั๋วเรียกร้องความสงสารนั่นได้ยังไง

เวลานี้อลันนั่งอยู่บนเรือสำราญที่กำลังมุ่งหน้าไปยุโรปแล้ว

ย่อมไม่มีทางรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลของประเทศจีน

พอได้ยินแบบนี้เขาก็อึ้งไปก่อน จากนั้นถึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เป็นไปไม่ได้แน่นอน ประเทศจีนไม่มีแฮกเกอร์คนไหนที่ฝีมือดีไปกว่าผม”

“งั้นฉันตาบอดเองเหรอ” อิ๋งลู่เวยโมโหควันออกหู “คุณมาหลอกเอาเงินใช่ไหม”

อลันกดวางสายทันที ทำเสียงฮึดฮัด

สมกับเป็นคนโลกแคบ ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยสักนิด

กู้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เขาลบได้งั้นเหรอ

เว้นเสียแต่จะเป็นแฮกเกอร์อันดับต้นๆ ในสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนาม

จะเป็นไปได้ยังไง

ประเทศจีนมีคนขอร้องให้พวกเขาทำได้ด้วยเหรอ

ขนาดเขาที่อยู่ในสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนามมาได้ห้าปีแล้วยังไม่มีสิทธิ์ได้เจอคนพวกนั้น

ช่างน่าตลกสิ้นดี

อลันแสยะยิ้ม ถือกระเป๋าเอกสารลงจากเรือ

ภายในโรงแรม

อิ๋งลู่เวยเหม่อมองโทรศัพท์มือถือ เหงื่อแตกท่วมตัว

ผู้จัดการส่วนตัวเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าที่แย่มาก “ลู่เวย ผมบอกแล้วว่าอย่าเชื่อคนนอกขนาดนั้น ตอนนี้จัดการยากแล้ว”

เขาโยนโทรศัพท์ให้เธอ “ดูเอาเองแล้วกัน!”

บนหน้าจอเป็นโพสต์เวยปั๋วที่ยาวมาก

อิ๋งลู่เวยรู้จักเวยปั๋วแอคเคาท์นี้ นี่เป็นแฟนคลับตัวยงของเธอคนหนึ่ง

แฟนคลับคนนี้ไปคอนเสิร์ตของเธอทุกครั้ง ทั้งยังคอยส่งของขวัญให้เธอทุกเทศกาล ยอมจ่ายเงินแสนกว่าเพื่อซื้ออัลบั้มเพลงเปียโนของเธออยู่บ่อยๆ

ถึงแม้เงินแสนกว่านี้จะเทียบไม่ได้กับเงินซื้อเครื่องสำอางของเธอในแต่ละเดือนเลยด้วยซ้ำ

แอทนักเปียโนน้อยของลู่เวย : [เมื่อวานตอนที่มีรูปถ่ายออกมา ฉันบอกทุกคนว่าให้ใจเย็นก่อน แต่ไม่มีใครฟังฉัน ถึงขนาดที่มีแฟนคลับหลายคนยังให้ทีมต้านแอนตี้แฟนบล็อกฉัน สถานการณ์ที่พลิกกลับในวันนี้เห็นกันแล้วใช่ไหม บทเรียนคราวก่อนยังไม่พออีกเหรอ

แล้วก็เวยปั๋วโพสต์นั้นของลู่เวย ฉันรู้สึกว่าเธอจงใจใช้ประโยชน์จากพวกเรา ขอโทษนะ อาจเพราะฉันเป็นคนความรู้สึกไวเกินไป แต่ฉันเป็นแฟนคลับต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ รู้สึกแค่ว่าความรักความจริงใจที่มีให้ในช่วงหลายปีมานี้ถูกหมากินไปแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักกันนะทุกคน ขอลากันตรงนี้]

พอโพสต์นี้ปรากฏ ภายในเวลาไม่กี่นาทีก็มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่ถอนตัวออกจากกลุ่มแฟนคลับในเวยปั๋ว

แถมยังมีแฟนคลับหลายคนที่ทิ้งทวนก่อนไป ต่างด่าเธอว่า ‘นังตอแหล หลอกลวงแฟนคลับ’

อิ๋งลู่เวยมือสั่น โทรศัพท์ตกลงบนพื้น หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม

“ผมบอกตั้งแต่ตอนแรกแล้วใช่ไหม วงการบันเทิงมันซับซ้อนเกินไป วันนี้คุณยืนอยู่บนที่สูง พรุ่งนี้คุณก็ตกลงมาได้” ผู้จัดการส่วนตัวนวดขมับด้วยความเหนื่อยล้า “ถ้าคุณอยากได้กระแสกับแฟนคลับ คุณก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง”

เขาหยุดเล็กน้อย จากนั้นถึงถามคำถามที่ไม่เข้าใจมาตลอด “ลู่เวย ทำไมคุณถึงได้รีบร้อนอยากเล่นงานหลานสาวตัวปลอมของคุณนัก เธอเป็นภัยต่อคุณตรงไหนเหรอ”

หรือว่า…

อิ๋งลู่เวยฟังไม่เข้าหูสักอย่างแล้ว ความหวาดกลัวแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนทะลักเข้ามาในจิตใจ ทำให้เธอนึกถึงเรื่องเมื่อนานมาแล้ว

ไม่…ไม่ได้

มือสั่นๆ ของเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหล มั่วหย่วน ช่วยฉัน ช่วยฉันด้วย…”

อีกด้านหนึ่ง

จงมั่นหวาเพิ่งลงจากเครื่องบิน กำโทรศัพท์ หายใจถี่เร็ว โมโหจนสมองแทบจะระเบิด

วันนั้นหลังจากเจียงฮว่าผิงพูดใส่เธอขนาดนั้น เธอก็คิดทบทวน รู้สึกว่าตัวเองทำผิดจริง

ยังไม่ทันได้ถามเรื่องราวให้กระจ่างก็โทษอิ๋งจื่อจิน แบบนี้ไม่ดี

แต่ครั้งนี้ล่ะ

รูปถ่ายยังจะปลอมได้อีกเหรอ

ทุกครั้งที่เธอไปเยี่ยมเสี่ยวเซวียนที่ยุโรป อิ๋งจื่อจินไม่มีทางที่จะอยู่อย่างสงบ

จงมั่นหวาถือกระเป๋า รีบไปที่ชิงจื้อ ไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการโดยเร็วที่สุด

ผู้อำนวยการกำลังหารือกับเฮ่อสวินเกี่ยวกับนักเรียนคลาสนานาชาติ พอเห็นจงมั่นหวาที่เข้ามาด้วยความรีบร้อนเขาก็อึ้งไป

เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากจงมั่นหวาก็ชิงพูดก่อน “ผู้อำนวยการคะ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันมาจัดการเรื่องลาออกของลูก”

ผู้อำนวยการอึ้งต่อ

“เราเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” จงมั่นหวากัดฟัน ความรู้สึกอับอายทำให้เธอแทบเงยหน้าไม่ขึ้น “ลาออกเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว เพื่อชิงจื้อ และก็เพื่อตัวเด็ก ผู้อำนวยการคะ แบบนี้…”

ยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียง “ปัง” ประตูห้องทำงานถูกถีบเปิด

ตรงประตู อิ๋งจื่อจินสองมือล้วงกระเป๋า มองจงมั่นหวาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

อุณหภูมิลดลง เย็นจนน่ากลัว

พอจงมั่นหวาเห็นลูกสาวตัวเองก็พยายามทำให้น้ำเสียงนุ่มนวลขึ้น พูดอย่างอ่อนโยน “จื่อจิน ไม่ต้องกังวล แม่จะทำเรื่องลาออกให้ ส่งลูกไปเมืองนอก ไปสักสองสามปีให้เรื่องมันซาลงแล้วลูกค่อยกลับมาดีไหม”

“คุณนายอิ๋ง จำผิดคนแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “ ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับฉัน”

หันหน้า “ผู้อำนวยการคะ ทะเบียนประวัติของฉันเธอก็ยุ่งไม่ได้ใช่ไหมคะ”

ผู้อำนวยการพยักหน้าอย่างงงๆ “ใช่ ยุ่งไม่ได้ ผู้เฒ่าจงพูดแล้วครับ…”

ประโยคเดียวเหมือนโดนตบหนึ่งฉาด

จงมั่นหวากำกระเป๋าในมือแน่น

ต่อหน้าคนนอก เธอรู้สึกเพียงว่าหน้าชา เจ็บปวดแสบปวดร้อน “จื่อจิน ลูกพูดอะไรน่ะ แม่ทำเพื่อลูกนะ แม่ย่อมทนเห็นลูกถูกคนพวกนั้นรุมด่าไม่ได้ ลาออกดีกว่า…”

“เดี๋ยวนะครับเดี๋ยว” ผู้อำนวยการจำต้องขัดจังหวะจงมั่นหวา “คุณนายอิ๋งครับ คุณไม่ได้ดูเวยปั๋วล่าสุดเหรอครับ” จงมั่นหวาอึ้ง

ว่าไงนะ

ผู้อำนวยการดูจากสีหน้าของเธอก็รู้แล้วว่าเธอยังไม่รู้ เขาส่ายหน้า “ผมมีพอดีครับ คุณนายอิ๋งมาดูหน่อยดีกว่าครับ”

พูดจบเขาก็หันคอมพิวเตอร์ไปตรงหน้าจงมั่นหวา

คลิปเล่นจบอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่สิบวินาที

จงมั่นหวาตัวแข็งทื่อ เหมือนถูกคนชกเข้าเต็มๆ แม้แต่เลือดที่ริมฝีปากก็ยังหายไปหมดไม่เหลือ

เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ค่อยกล้าเงยหน้ามองอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเธอ หันไปพยักหน้าให้ผู้อำนวยการ จากนั้นก็เอาบันทึกการสนทนาที่พิมพ์ออกมาไว้แล้ววางบนโต๊ะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 53 เจ็บหน้า

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 53 เจ็บหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่ตั้งใจโพสต์เวยปั๋วขายความสงสารเสร็จเธอก็ไปนวดอโรม่าที่ชั้นบนของโรงแรม

เพื่อที่ว่าพอร่างกายผ่อนคลายเธอก็จะมาดูความน่าสมเพชของอิ๋งจื่อจิน

ริมฝีปากของอิ๋งลู่เวยผุดรอยยิ้ม นิ้วเลื่อนไปตรงปุ่มข้อความ

เป็นเหมือนที่เธอคิดไว้ มีคอมเมนต์กับข้อความส่วนตัวจำนวนมาก

แต่หลังจากที่อิ๋งลู่เวยกดเปิดอ่าน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

เพราะไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวที่ปลอบเธอ ทั้งหมดเป็นข้อความประชดแดกดัน

[ขอมอบรางวัลตอแหลได้โล่ เธอใช้ปูนยี่ห้ออะไรโบกหน้าเหรอ ถึงได้ทนทานขนาดนี้]

[อิจฉาหนังหน้าของเธอจริงๆ ดูแลได้หนาขนาดนี้]

[แค่รูปถ่ายใบเดียวก็ใส่ร้ายหลานสาวตัวเองว่าอ่อย ป้ายสีเก่งขนาดนี้ ไม่รับจ้างทาสีคงเสียดายแย่]

[กลัวเธอจะมัวแต่ดีใจจนไม่ได้ดูคลิป อะ สงเคราะห์ให้ ห้ามพูดนะว่าไม่เห็น (คลิปวิดีโอ)]

อิ๋งลู่เวยขมวดคิ้ว เปิดคลิป

ดูไปได้ไม่กี่วินาทีดวงตาของเธอก็เบิกโพลง หน้าซีดลงในทันที

เป็นไปไม่ได้!

เห็นๆ อยู่ว่าเธอให้คุณอลันลบภาพจากกล้องวงจรปิดไปแล้ว คลิปนี่มาจากไหนกัน

อิ๋งลู่เวยรีบเช็คความเปลี่ยนแปลงบนเวยปั๋วในช่วงสองชั่วโมงที่ผ่านมาอย่างลุกลี้ลุกลน พอเช็คเสร็จเธอก็แทบไม่เชื่อสายตา

อิ๋งจื่อจินมีคลิปกล้องวงจรปิดอยู่ในมือจริงๆ!

แถมยังทนมานานขนาดนี้กว่าจะโพสต์ออกมา จงใจเหรอ

อิ๋งลู่เวยโทรหาอลันทันที กัดฟันพูดทีละคำ “ไหนคุณว่าไม่มีทางมีใครกู้ภาพจากกล้องวงจรปิดได้ ทำไมทางนั้นถึงมีคลิปกล้องวงจรปิดล่ะ!”

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมั่นใจว่าอิ๋งจื่อจินไม่มีทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ เธอจะโพสต์เวยปั๋วเรียกร้องความสงสารนั่นได้ยังไง

เวลานี้อลันนั่งอยู่บนเรือสำราญที่กำลังมุ่งหน้าไปยุโรปแล้ว

ย่อมไม่มีทางรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลของประเทศจีน

พอได้ยินแบบนี้เขาก็อึ้งไปก่อน จากนั้นถึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เป็นไปไม่ได้แน่นอน ประเทศจีนไม่มีแฮกเกอร์คนไหนที่ฝีมือดีไปกว่าผม”

“งั้นฉันตาบอดเองเหรอ” อิ๋งลู่เวยโมโหควันออกหู “คุณมาหลอกเอาเงินใช่ไหม”

อลันกดวางสายทันที ทำเสียงฮึดฮัด

สมกับเป็นคนโลกแคบ ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยสักนิด

กู้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เขาลบได้งั้นเหรอ

เว้นเสียแต่จะเป็นแฮกเกอร์อันดับต้นๆ ในสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนาม

จะเป็นไปได้ยังไง

ประเทศจีนมีคนขอร้องให้พวกเขาทำได้ด้วยเหรอ

ขนาดเขาที่อยู่ในสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนามมาได้ห้าปีแล้วยังไม่มีสิทธิ์ได้เจอคนพวกนั้น

ช่างน่าตลกสิ้นดี

อลันแสยะยิ้ม ถือกระเป๋าเอกสารลงจากเรือ

ภายในโรงแรม

อิ๋งลู่เวยเหม่อมองโทรศัพท์มือถือ เหงื่อแตกท่วมตัว

ผู้จัดการส่วนตัวเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าที่แย่มาก “ลู่เวย ผมบอกแล้วว่าอย่าเชื่อคนนอกขนาดนั้น ตอนนี้จัดการยากแล้ว”

เขาโยนโทรศัพท์ให้เธอ “ดูเอาเองแล้วกัน!”

บนหน้าจอเป็นโพสต์เวยปั๋วที่ยาวมาก

อิ๋งลู่เวยรู้จักเวยปั๋วแอคเคาท์นี้ นี่เป็นแฟนคลับตัวยงของเธอคนหนึ่ง

แฟนคลับคนนี้ไปคอนเสิร์ตของเธอทุกครั้ง ทั้งยังคอยส่งของขวัญให้เธอทุกเทศกาล ยอมจ่ายเงินแสนกว่าเพื่อซื้ออัลบั้มเพลงเปียโนของเธออยู่บ่อยๆ

ถึงแม้เงินแสนกว่านี้จะเทียบไม่ได้กับเงินซื้อเครื่องสำอางของเธอในแต่ละเดือนเลยด้วยซ้ำ

แอทนักเปียโนน้อยของลู่เวย : [เมื่อวานตอนที่มีรูปถ่ายออกมา ฉันบอกทุกคนว่าให้ใจเย็นก่อน แต่ไม่มีใครฟังฉัน ถึงขนาดที่มีแฟนคลับหลายคนยังให้ทีมต้านแอนตี้แฟนบล็อกฉัน สถานการณ์ที่พลิกกลับในวันนี้เห็นกันแล้วใช่ไหม บทเรียนคราวก่อนยังไม่พออีกเหรอ

แล้วก็เวยปั๋วโพสต์นั้นของลู่เวย ฉันรู้สึกว่าเธอจงใจใช้ประโยชน์จากพวกเรา ขอโทษนะ อาจเพราะฉันเป็นคนความรู้สึกไวเกินไป แต่ฉันเป็นแฟนคลับต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ รู้สึกแค่ว่าความรักความจริงใจที่มีให้ในช่วงหลายปีมานี้ถูกหมากินไปแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักกันนะทุกคน ขอลากันตรงนี้]

พอโพสต์นี้ปรากฏ ภายในเวลาไม่กี่นาทีก็มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่ถอนตัวออกจากกลุ่มแฟนคลับในเวยปั๋ว

แถมยังมีแฟนคลับหลายคนที่ทิ้งทวนก่อนไป ต่างด่าเธอว่า ‘นังตอแหล หลอกลวงแฟนคลับ’

อิ๋งลู่เวยมือสั่น โทรศัพท์ตกลงบนพื้น หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม

“ผมบอกตั้งแต่ตอนแรกแล้วใช่ไหม วงการบันเทิงมันซับซ้อนเกินไป วันนี้คุณยืนอยู่บนที่สูง พรุ่งนี้คุณก็ตกลงมาได้” ผู้จัดการส่วนตัวนวดขมับด้วยความเหนื่อยล้า “ถ้าคุณอยากได้กระแสกับแฟนคลับ คุณก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง”

เขาหยุดเล็กน้อย จากนั้นถึงถามคำถามที่ไม่เข้าใจมาตลอด “ลู่เวย ทำไมคุณถึงได้รีบร้อนอยากเล่นงานหลานสาวตัวปลอมของคุณนัก เธอเป็นภัยต่อคุณตรงไหนเหรอ”

หรือว่า…

อิ๋งลู่เวยฟังไม่เข้าหูสักอย่างแล้ว ความหวาดกลัวแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนทะลักเข้ามาในจิตใจ ทำให้เธอนึกถึงเรื่องเมื่อนานมาแล้ว

ไม่…ไม่ได้

มือสั่นๆ ของเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหล มั่วหย่วน ช่วยฉัน ช่วยฉันด้วย…”

อีกด้านหนึ่ง

จงมั่นหวาเพิ่งลงจากเครื่องบิน กำโทรศัพท์ หายใจถี่เร็ว โมโหจนสมองแทบจะระเบิด

วันนั้นหลังจากเจียงฮว่าผิงพูดใส่เธอขนาดนั้น เธอก็คิดทบทวน รู้สึกว่าตัวเองทำผิดจริง

ยังไม่ทันได้ถามเรื่องราวให้กระจ่างก็โทษอิ๋งจื่อจิน แบบนี้ไม่ดี

แต่ครั้งนี้ล่ะ

รูปถ่ายยังจะปลอมได้อีกเหรอ

ทุกครั้งที่เธอไปเยี่ยมเสี่ยวเซวียนที่ยุโรป อิ๋งจื่อจินไม่มีทางที่จะอยู่อย่างสงบ

จงมั่นหวาถือกระเป๋า รีบไปที่ชิงจื้อ ไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการโดยเร็วที่สุด

ผู้อำนวยการกำลังหารือกับเฮ่อสวินเกี่ยวกับนักเรียนคลาสนานาชาติ พอเห็นจงมั่นหวาที่เข้ามาด้วยความรีบร้อนเขาก็อึ้งไป

เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากจงมั่นหวาก็ชิงพูดก่อน “ผู้อำนวยการคะ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันมาจัดการเรื่องลาออกของลูก”

ผู้อำนวยการอึ้งต่อ

“เราเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” จงมั่นหวากัดฟัน ความรู้สึกอับอายทำให้เธอแทบเงยหน้าไม่ขึ้น “ลาออกเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว เพื่อชิงจื้อ และก็เพื่อตัวเด็ก ผู้อำนวยการคะ แบบนี้…”

ยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียง “ปัง” ประตูห้องทำงานถูกถีบเปิด

ตรงประตู อิ๋งจื่อจินสองมือล้วงกระเป๋า มองจงมั่นหวาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

อุณหภูมิลดลง เย็นจนน่ากลัว

พอจงมั่นหวาเห็นลูกสาวตัวเองก็พยายามทำให้น้ำเสียงนุ่มนวลขึ้น พูดอย่างอ่อนโยน “จื่อจิน ไม่ต้องกังวล แม่จะทำเรื่องลาออกให้ ส่งลูกไปเมืองนอก ไปสักสองสามปีให้เรื่องมันซาลงแล้วลูกค่อยกลับมาดีไหม”

“คุณนายอิ๋ง จำผิดคนแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “ ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับฉัน”

หันหน้า “ผู้อำนวยการคะ ทะเบียนประวัติของฉันเธอก็ยุ่งไม่ได้ใช่ไหมคะ”

ผู้อำนวยการพยักหน้าอย่างงงๆ “ใช่ ยุ่งไม่ได้ ผู้เฒ่าจงพูดแล้วครับ…”

ประโยคเดียวเหมือนโดนตบหนึ่งฉาด

จงมั่นหวากำกระเป๋าในมือแน่น

ต่อหน้าคนนอก เธอรู้สึกเพียงว่าหน้าชา เจ็บปวดแสบปวดร้อน “จื่อจิน ลูกพูดอะไรน่ะ แม่ทำเพื่อลูกนะ แม่ย่อมทนเห็นลูกถูกคนพวกนั้นรุมด่าไม่ได้ ลาออกดีกว่า…”

“เดี๋ยวนะครับเดี๋ยว” ผู้อำนวยการจำต้องขัดจังหวะจงมั่นหวา “คุณนายอิ๋งครับ คุณไม่ได้ดูเวยปั๋วล่าสุดเหรอครับ” จงมั่นหวาอึ้ง

ว่าไงนะ

ผู้อำนวยการดูจากสีหน้าของเธอก็รู้แล้วว่าเธอยังไม่รู้ เขาส่ายหน้า “ผมมีพอดีครับ คุณนายอิ๋งมาดูหน่อยดีกว่าครับ”

พูดจบเขาก็หันคอมพิวเตอร์ไปตรงหน้าจงมั่นหวา

คลิปเล่นจบอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่สิบวินาที

จงมั่นหวาตัวแข็งทื่อ เหมือนถูกคนชกเข้าเต็มๆ แม้แต่เลือดที่ริมฝีปากก็ยังหายไปหมดไม่เหลือ

เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ค่อยกล้าเงยหน้ามองอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเธอ หันไปพยักหน้าให้ผู้อำนวยการ จากนั้นก็เอาบันทึกการสนทนาที่พิมพ์ออกมาไว้แล้ววางบนโต๊ะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+