คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 66

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 66 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเวลาเดียวกับที่ผู้เฒ่าจงตะคอกประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้นอิ๋งลู่เวยก็กรีดร้องด้วยความตกใจ “คุณแม่ แม่คะ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งหลับตาแน่น ลมหายใจถี่เร็ว เห็นได้ชัดว่าหมดสติไปแล้ว

“รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!” อิ๋งลู่เวยลนลาน “พ่อบ้าน พ่อบ้าน!”

ในขณะเดียวกันเธอเองก็โล่งอก

ยังดีที่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไม่ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของผู้เฒ่าจง

พ่อบ้านรีบไปตามหมอประจำบ้านมาก่อนจากนั้นจึงโทรเรียกรถพยาบาล

บรรดาคนรับใช้ในคฤหาสน์ตระกูลอิ๋งก็ลนลานทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

อิ๋งลู่เวยเป็นลูกสาวที่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งมีตอนอายุมากแล้ว อีกทั้งยังเกิดก่อนกำหนด

ตอนนั้นเดิมทีคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็เป็นสตรีที่ตั้งท้องตอนอายุมาก พอเป็นแบบนี้ร่างกายก็ยิ่งเสียหายหนัก ยิ่งแก่ก็ยิ่งทรุด ทั้งยังเป็นโรคความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง เป็นต้น

บางครั้งเดินๆ อยู่ข้างนอกก็อาจเป็นลมไปได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ผู้เฒ่าจงมาตะคอกใส่

ในที่สุดจงมั่นหวาก็ได้สติกลับมา เธอตวาดเสียงดัง “มัวอึ้งอะไรอยู่ ไปเอายามาสิ!”

รถพยาบาลมาถึงในสามนาที เจ้าหน้าที่รีบนำตัวคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งขึ้นเปลหามแล้วพาไปที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่ง

อิ๋งลู่เวยกับพ่อบ้านรีบร้อนตามไป จงมั่นหวาอยู่ต่อ

“ฉันล่ะเชื่อเลย ตั้งนานไม่เป็นลม กลับมาหมดสติในเวลานี้” ผู้เฒ่าจงยังอยากด่าต่อ “สลบไปแบบนี้ ตั้งเวลาไว้สินะ”

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งอายุน้อยกว่าเขาเกือบสิบปี แต่ร่างกายยังแข็งแรงสู้เขาไม่ได้

“คุณพ่อ!” จงมั่นหวารู้สึกปวดหัวมาก พูดเสียงเบา “พูดต่อหน้าคุณแม่ได้ยังไงคะ”

ถ้าไม่ใช่เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเธอคุยโทรศัพท์กับอิ๋งเจิ้นถิงแล้วถูกผู้เฒ่าจงที่มารดน้ำต้นไม้ตรงระเบียงได้ยินเข้าพอดี เรื่องในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

“ทำไม เขาไม่ใช่ย่าของจื่อจินหรือไง” ผู้เฒ่าจงไม่ไว้หน้าจงมั่นหวาแม้แต่น้อย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้”

“คุณพ่อ มันไม่ใช่เพราะเรื่องนี้” จงมั่นหวาเถียง “คุณแม่ร่างกายไม่แข็งแรง รับเรื่องสะเทือนใจไม่ได้มาก คุณพ่อไปพูดตรงๆ แบบนี้ เกิดคุณแม่เส้นเลือดในสมองแตกจะทำยังไงคะ”

นี่ก็เป็นสาเหตุที่พวกเขาปิดบังคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งมาตลอด

ข้อแรก จะยอมเสี่ยงกับการที่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งอาการกำเริบไม่ได้

ข้อสอง ก็ไม่จำเป็นต้องบอก อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนของอิ๋งจื่อจินให้ทุกคนรับรู้อยู่แล้ว

มันน่าขายหน้าเกินไป

มีเหรอที่ผู้เฒ่าจงจะไม่รู้ว่าจงมั่นหวาคิดอะไรอยู่ เขาโมโหจนหัวเราะ “ได้ จงมั่นหวา ตามใจ อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน พอถึงตอนนั้นฉันไม่อยากมานั่งฟังแกร้องไห้หรอกนะ”

เขาเองก็ไม่ได้อยากให้ยายแก่คนนั้นรู้ความจริง เกิดสร้างความยุ่งยากให้อิ๋งจื่อจินมากกว่าเดิมจะทำยังไง

หมดสติได้ดี เขาบอกได้แค่ว่าทำบาปทำกรรมไว้เยอะก็สมควรแล้ว!

ผู้เฒ่าจงสะบัดแขนแล้วเดินออกโดยไม่หันกลับมามอง

จงมั่นหวาขมวดคิ้ว ไม่ได้ตามไป

เธอไม่เข้าใจความโมโหของผู้เฒ่าจง

เธอทำไม่ค่อยถูกก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องถึงขนาดนี้หรือเปล่า

ส่วนเรื่องเสียใจทีหลัง

จงมั่นหวาแสยะยิ้ม

จะเป็นไปได้ยังไง

ตอนที่อิ๋งซื่อกรุ๊ปกับอิ๋งลู่เวยรู้เรื่อง ก็ติดอันดับคำค้นยอดนิยมในเวยปั๋วไปแล้ว ทั้งยังมีสองแท็ก

#ลูกเลี้ยง คลังเลือดมีชีวิต#

#อิ๋งลู่เวยเป็นโรคฮีโมฟีเลีย#

ต่อให้อยู่อันดับที่สี่สิบกว่า แต่ก็มีคนเห็นอยู่ดี

โดยเฉพาะ ‘คลังเลือดมีชีวิต’ ถูกชาวเน็ตกดเข้ามาดูจำนวนมาก

[โห ฉลาดขึ้นมาเลยฉัน คลังเลือดมีชีวิตมีอยู่จริงๆ เหรอเนี่ย คิดว่ามีแต่ในนิยายเสียอีก ชีวิตจริงโหดร้ายยิ่งกว่าในนิยาย]

[ครอบครัวนี้โหดเหี้ยมเกินไปหรือเปล่า คนรวยรังแกคนธรรมดาได้ คนรวยคิดจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ]

[น่าขำเป็นบ้า แฟนคลับอิ๋งลู่เวยยังจะมาพูดว่าสงสารอิ๋งลู่เวย คนที่ควรสงสารคือน้องอิ๋งถึงจะถูก]

[เฮอะ พวกแฟนคลับสติไม่ดีของอิ๋งลู่เวยยังมาบอกว่าน้องคนนั้นสมควรบริจาคเลือดให้อิ๋งลู่เวยอยู่แล้ว อิ๋งลู่เวยเป็นไง แฟนคลับก็เป็นแบบนั้นสินะ แหวะ]

เรื่องสร้างข่าวเท็จด่าทอเสียๆ หายๆ เมื่อคราวก่อนยังผ่านไปแค่ไม่กี่วัน ภาพลักษณ์ของอิ๋งลู่เวยก็ถูกทำลายลงยิ่งกว่าเดิม

ถึงแม้แฟนคลับของเธอจะยังซื่อสัตย์คอยปกป้อง พยายามแก้ต่างให้ แต่ก็ยากที่จะต่อกรกับการโจมตีของคนที่มีตรรกะความคิดปกติ

พออ่านคอมเมนต์เหล่านี้ สีหน้าของอิ๋งลู่เวยก็บิดเบี้ยวทันที

เธอหยิบโทรศัพท์มาโทรหาผู้จัดการส่วนตัวทันที “รีบจัดการแท็กพวกนั้น บอกให้จอมแฉอะไรนั่นลบโพสต์ด้วย!”

“ได้ๆๆ” คลื่นลูกเก่ายังไม่ทันสงบก็มีคลื่นใหม่โผล่มาอีก ผู้จัดการส่วนตัวปวดหัวเหลือเกิน “คุณก็เลิกเข้าเวยปั๋ว อีกเดี๋ยวทางสตูดิโอจะโพสต์รูปคุณตอนซ้อมเปียโน”

อิ๋งลู่เวยโมโหมาก กระแทกกดแป้นเปียโน

เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย

เธอไม่ได้บังคับอิ๋งจื่อจินให้บริจาคเลือดเสียหน่อย ใส่ร้ายเธอไม่เว้นแต่ละวัน

อิ๋งลู่เวยไม่คิดว่าเป็นความผิดของตัวเองแม้แต่น้อย เธอข่มอารมณ์โมโห ซ้อมเปียโนต่อ

มีตระกูลอิ๋งออกหน้า แท็กยอดนิยมก็ถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่จอมแฉสะท้านโลกไซเบอร์ลบโพสต์ไปแล้วก็โพสต์อีโมติคอนน้อยใจ

[โอ๋ๆ นะจอมแฉ พวกเศรษฐีก็งี้แหละ จอมแฉระวังตัวด้วยนะ รีบย้ายบ้านล่ะ]

[อิ๋งลู่เวยทำตัวแบบนี้น่าขยะแขยงมาก เลิกพูดถึงละ ไปดูน้องอิ๋งเลี้ยงหมูดีกว่า]

เดิมทีที่บรรดาชาวเน็ตกดติดตามแอคเคาท์เกษียณแล้วอย่ากวนก็แค่เพราะรู้สึกว่าอิ๋งจื่อจินโพสต์ชีวิตประจำวันได้น่าสนุกดี

แต่ช่วงนี้พวกเขามีสิ่งที่น่าสนใจใหม่ เพราะพวกเขาพบว่าน้องนางฟ้าคนนี้ซื้อหมูมาจริงๆ แถมยังลงรูปด้วย

[ตูตูน่ารักจังเลย อยากเลี้ยงบ้างจัง]

[น้องอิ๋ง หนูไม่เป็นไรใช่ไหมคะ หนูต้องรีบไปจากตระกูลอิ๋งเลยนะ อย่าให้พวกเขาสูบเลือดอีกนะลูก]

อิ๋งจื่อจินกำลังท่องเว็บทั่วโลก พอเห็นคนจำนวนไม่น้อยมาปลอบจึงตอบกลับ [ไม่เป็นไรค่ะ]

[น้องอิ๋งโพสต์รูปตัวเองบ้างได้ไหม ไม่เคยเห็นหน้าตรงเลย อยากเห็นๆ]

อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว มือที่ว่างอยู่อีกข้างกดพิมพ์ในโทรศัพท์

[มืดแล้วนะ เลิกฝันกลางวัน]

[อุ๊ย น้องอิ๋งปฏิเสธได้น่ารักจัง เจ้ถูกใจ]

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ อยากจะบล็อกแอคเคาท์เวยปั๋วพวกนี้จริงๆ

แต่อย่างไรซะก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น แถมยังเป็นห่วงเธอ เธอยังพอทนไหว

เห็นทีเธอคงต้องไปสร้างแอคเคาท์ใหม่อีกอันแล้ว

อิ๋งจื่อจินปิดแจ้งเตือนเวยปั๋วแล้วท่องเว็บต่างๆ ต่อ

แต่เธอค้นหมดทุกเว็บแล้วก็ยังไม่เจอเว็บบอร์ดที่ชื่อเอ็นโอเค

ต้องมีอะไรแน่ๆ

อิ๋งจื่อจินเอานิ้วเคาะโต๊ะ เงียบไปสักพัก ขณะที่กำลังเตรียมแฮกคอมพิวเตอร์ที่อยู่อีกฟากของมหาสมุทร ทันใดนั้นสตูดิโอของอิ๋งลู่เวยก็โพสต์เวยปั๋ว

แอดสตูดิโออิ๋งลู่เวย : [โพสต์รูปใหม่ของลู่เวยให้ทุกคนได้ดูกัน (อีโมติคอนดอกไม้)]

ด้านล่างแนบหนึ่งรูป

อิ๋งลู่เวยซ้อมเปียโนอยู่ในห้อง มีโน้ตดนตรีวางอยู่ข้างหน้า

เหล่าแฟนคลับแห่กันมาทันที

[พี่สาวพักผ่อนเยอะๆ นะคะ รอดูคอนเสิร์ตน้า]

[กดรายงานพวกแอนตี้แฟนให้หมด ปกป้องลู่เวยคนเก่ง]

[ฉันรู้อยู่แล้วว่าลู่เวยต้องฝึกตะวันกับจันทราของวีร่า โฮลท์ซได้แน่ อยากฟังแล้ว!]

อิ๋งจื่อจินมองโน้ตดนตรีที่จงใจขยายใหญ่ ดวงตาหงส์หรี่ลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 66

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 66 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเวลาเดียวกับที่ผู้เฒ่าจงตะคอกประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้นอิ๋งลู่เวยก็กรีดร้องด้วยความตกใจ “คุณแม่ แม่คะ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งหลับตาแน่น ลมหายใจถี่เร็ว เห็นได้ชัดว่าหมดสติไปแล้ว

“รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!” อิ๋งลู่เวยลนลาน “พ่อบ้าน พ่อบ้าน!”

ในขณะเดียวกันเธอเองก็โล่งอก

ยังดีที่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไม่ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของผู้เฒ่าจง

พ่อบ้านรีบไปตามหมอประจำบ้านมาก่อนจากนั้นจึงโทรเรียกรถพยาบาล

บรรดาคนรับใช้ในคฤหาสน์ตระกูลอิ๋งก็ลนลานทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

อิ๋งลู่เวยเป็นลูกสาวที่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งมีตอนอายุมากแล้ว อีกทั้งยังเกิดก่อนกำหนด

ตอนนั้นเดิมทีคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็เป็นสตรีที่ตั้งท้องตอนอายุมาก พอเป็นแบบนี้ร่างกายก็ยิ่งเสียหายหนัก ยิ่งแก่ก็ยิ่งทรุด ทั้งยังเป็นโรคความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง เป็นต้น

บางครั้งเดินๆ อยู่ข้างนอกก็อาจเป็นลมไปได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ผู้เฒ่าจงมาตะคอกใส่

ในที่สุดจงมั่นหวาก็ได้สติกลับมา เธอตวาดเสียงดัง “มัวอึ้งอะไรอยู่ ไปเอายามาสิ!”

รถพยาบาลมาถึงในสามนาที เจ้าหน้าที่รีบนำตัวคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งขึ้นเปลหามแล้วพาไปที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่ง

อิ๋งลู่เวยกับพ่อบ้านรีบร้อนตามไป จงมั่นหวาอยู่ต่อ

“ฉันล่ะเชื่อเลย ตั้งนานไม่เป็นลม กลับมาหมดสติในเวลานี้” ผู้เฒ่าจงยังอยากด่าต่อ “สลบไปแบบนี้ ตั้งเวลาไว้สินะ”

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งอายุน้อยกว่าเขาเกือบสิบปี แต่ร่างกายยังแข็งแรงสู้เขาไม่ได้

“คุณพ่อ!” จงมั่นหวารู้สึกปวดหัวมาก พูดเสียงเบา “พูดต่อหน้าคุณแม่ได้ยังไงคะ”

ถ้าไม่ใช่เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเธอคุยโทรศัพท์กับอิ๋งเจิ้นถิงแล้วถูกผู้เฒ่าจงที่มารดน้ำต้นไม้ตรงระเบียงได้ยินเข้าพอดี เรื่องในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

“ทำไม เขาไม่ใช่ย่าของจื่อจินหรือไง” ผู้เฒ่าจงไม่ไว้หน้าจงมั่นหวาแม้แต่น้อย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้”

“คุณพ่อ มันไม่ใช่เพราะเรื่องนี้” จงมั่นหวาเถียง “คุณแม่ร่างกายไม่แข็งแรง รับเรื่องสะเทือนใจไม่ได้มาก คุณพ่อไปพูดตรงๆ แบบนี้ เกิดคุณแม่เส้นเลือดในสมองแตกจะทำยังไงคะ”

นี่ก็เป็นสาเหตุที่พวกเขาปิดบังคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งมาตลอด

ข้อแรก จะยอมเสี่ยงกับการที่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งอาการกำเริบไม่ได้

ข้อสอง ก็ไม่จำเป็นต้องบอก อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนของอิ๋งจื่อจินให้ทุกคนรับรู้อยู่แล้ว

มันน่าขายหน้าเกินไป

มีเหรอที่ผู้เฒ่าจงจะไม่รู้ว่าจงมั่นหวาคิดอะไรอยู่ เขาโมโหจนหัวเราะ “ได้ จงมั่นหวา ตามใจ อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน พอถึงตอนนั้นฉันไม่อยากมานั่งฟังแกร้องไห้หรอกนะ”

เขาเองก็ไม่ได้อยากให้ยายแก่คนนั้นรู้ความจริง เกิดสร้างความยุ่งยากให้อิ๋งจื่อจินมากกว่าเดิมจะทำยังไง

หมดสติได้ดี เขาบอกได้แค่ว่าทำบาปทำกรรมไว้เยอะก็สมควรแล้ว!

ผู้เฒ่าจงสะบัดแขนแล้วเดินออกโดยไม่หันกลับมามอง

จงมั่นหวาขมวดคิ้ว ไม่ได้ตามไป

เธอไม่เข้าใจความโมโหของผู้เฒ่าจง

เธอทำไม่ค่อยถูกก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องถึงขนาดนี้หรือเปล่า

ส่วนเรื่องเสียใจทีหลัง

จงมั่นหวาแสยะยิ้ม

จะเป็นไปได้ยังไง

ตอนที่อิ๋งซื่อกรุ๊ปกับอิ๋งลู่เวยรู้เรื่อง ก็ติดอันดับคำค้นยอดนิยมในเวยปั๋วไปแล้ว ทั้งยังมีสองแท็ก

#ลูกเลี้ยง คลังเลือดมีชีวิต#

#อิ๋งลู่เวยเป็นโรคฮีโมฟีเลีย#

ต่อให้อยู่อันดับที่สี่สิบกว่า แต่ก็มีคนเห็นอยู่ดี

โดยเฉพาะ ‘คลังเลือดมีชีวิต’ ถูกชาวเน็ตกดเข้ามาดูจำนวนมาก

[โห ฉลาดขึ้นมาเลยฉัน คลังเลือดมีชีวิตมีอยู่จริงๆ เหรอเนี่ย คิดว่ามีแต่ในนิยายเสียอีก ชีวิตจริงโหดร้ายยิ่งกว่าในนิยาย]

[ครอบครัวนี้โหดเหี้ยมเกินไปหรือเปล่า คนรวยรังแกคนธรรมดาได้ คนรวยคิดจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ]

[น่าขำเป็นบ้า แฟนคลับอิ๋งลู่เวยยังจะมาพูดว่าสงสารอิ๋งลู่เวย คนที่ควรสงสารคือน้องอิ๋งถึงจะถูก]

[เฮอะ พวกแฟนคลับสติไม่ดีของอิ๋งลู่เวยยังมาบอกว่าน้องคนนั้นสมควรบริจาคเลือดให้อิ๋งลู่เวยอยู่แล้ว อิ๋งลู่เวยเป็นไง แฟนคลับก็เป็นแบบนั้นสินะ แหวะ]

เรื่องสร้างข่าวเท็จด่าทอเสียๆ หายๆ เมื่อคราวก่อนยังผ่านไปแค่ไม่กี่วัน ภาพลักษณ์ของอิ๋งลู่เวยก็ถูกทำลายลงยิ่งกว่าเดิม

ถึงแม้แฟนคลับของเธอจะยังซื่อสัตย์คอยปกป้อง พยายามแก้ต่างให้ แต่ก็ยากที่จะต่อกรกับการโจมตีของคนที่มีตรรกะความคิดปกติ

พออ่านคอมเมนต์เหล่านี้ สีหน้าของอิ๋งลู่เวยก็บิดเบี้ยวทันที

เธอหยิบโทรศัพท์มาโทรหาผู้จัดการส่วนตัวทันที “รีบจัดการแท็กพวกนั้น บอกให้จอมแฉอะไรนั่นลบโพสต์ด้วย!”

“ได้ๆๆ” คลื่นลูกเก่ายังไม่ทันสงบก็มีคลื่นใหม่โผล่มาอีก ผู้จัดการส่วนตัวปวดหัวเหลือเกิน “คุณก็เลิกเข้าเวยปั๋ว อีกเดี๋ยวทางสตูดิโอจะโพสต์รูปคุณตอนซ้อมเปียโน”

อิ๋งลู่เวยโมโหมาก กระแทกกดแป้นเปียโน

เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย

เธอไม่ได้บังคับอิ๋งจื่อจินให้บริจาคเลือดเสียหน่อย ใส่ร้ายเธอไม่เว้นแต่ละวัน

อิ๋งลู่เวยไม่คิดว่าเป็นความผิดของตัวเองแม้แต่น้อย เธอข่มอารมณ์โมโห ซ้อมเปียโนต่อ

มีตระกูลอิ๋งออกหน้า แท็กยอดนิยมก็ถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่จอมแฉสะท้านโลกไซเบอร์ลบโพสต์ไปแล้วก็โพสต์อีโมติคอนน้อยใจ

[โอ๋ๆ นะจอมแฉ พวกเศรษฐีก็งี้แหละ จอมแฉระวังตัวด้วยนะ รีบย้ายบ้านล่ะ]

[อิ๋งลู่เวยทำตัวแบบนี้น่าขยะแขยงมาก เลิกพูดถึงละ ไปดูน้องอิ๋งเลี้ยงหมูดีกว่า]

เดิมทีที่บรรดาชาวเน็ตกดติดตามแอคเคาท์เกษียณแล้วอย่ากวนก็แค่เพราะรู้สึกว่าอิ๋งจื่อจินโพสต์ชีวิตประจำวันได้น่าสนุกดี

แต่ช่วงนี้พวกเขามีสิ่งที่น่าสนใจใหม่ เพราะพวกเขาพบว่าน้องนางฟ้าคนนี้ซื้อหมูมาจริงๆ แถมยังลงรูปด้วย

[ตูตูน่ารักจังเลย อยากเลี้ยงบ้างจัง]

[น้องอิ๋ง หนูไม่เป็นไรใช่ไหมคะ หนูต้องรีบไปจากตระกูลอิ๋งเลยนะ อย่าให้พวกเขาสูบเลือดอีกนะลูก]

อิ๋งจื่อจินกำลังท่องเว็บทั่วโลก พอเห็นคนจำนวนไม่น้อยมาปลอบจึงตอบกลับ [ไม่เป็นไรค่ะ]

[น้องอิ๋งโพสต์รูปตัวเองบ้างได้ไหม ไม่เคยเห็นหน้าตรงเลย อยากเห็นๆ]

อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว มือที่ว่างอยู่อีกข้างกดพิมพ์ในโทรศัพท์

[มืดแล้วนะ เลิกฝันกลางวัน]

[อุ๊ย น้องอิ๋งปฏิเสธได้น่ารักจัง เจ้ถูกใจ]

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ อยากจะบล็อกแอคเคาท์เวยปั๋วพวกนี้จริงๆ

แต่อย่างไรซะก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น แถมยังเป็นห่วงเธอ เธอยังพอทนไหว

เห็นทีเธอคงต้องไปสร้างแอคเคาท์ใหม่อีกอันแล้ว

อิ๋งจื่อจินปิดแจ้งเตือนเวยปั๋วแล้วท่องเว็บต่างๆ ต่อ

แต่เธอค้นหมดทุกเว็บแล้วก็ยังไม่เจอเว็บบอร์ดที่ชื่อเอ็นโอเค

ต้องมีอะไรแน่ๆ

อิ๋งจื่อจินเอานิ้วเคาะโต๊ะ เงียบไปสักพัก ขณะที่กำลังเตรียมแฮกคอมพิวเตอร์ที่อยู่อีกฟากของมหาสมุทร ทันใดนั้นสตูดิโอของอิ๋งลู่เวยก็โพสต์เวยปั๋ว

แอดสตูดิโออิ๋งลู่เวย : [โพสต์รูปใหม่ของลู่เวยให้ทุกคนได้ดูกัน (อีโมติคอนดอกไม้)]

ด้านล่างแนบหนึ่งรูป

อิ๋งลู่เวยซ้อมเปียโนอยู่ในห้อง มีโน้ตดนตรีวางอยู่ข้างหน้า

เหล่าแฟนคลับแห่กันมาทันที

[พี่สาวพักผ่อนเยอะๆ นะคะ รอดูคอนเสิร์ตน้า]

[กดรายงานพวกแอนตี้แฟนให้หมด ปกป้องลู่เวยคนเก่ง]

[ฉันรู้อยู่แล้วว่าลู่เวยต้องฝึกตะวันกับจันทราของวีร่า โฮลท์ซได้แน่ อยากฟังแล้ว!]

อิ๋งจื่อจินมองโน้ตดนตรีที่จงใจขยายใหญ่ ดวงตาหงส์หรี่ลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+