คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 86 คิดว่าภาพนี้เป็นไงบ้าง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 86 คิดว่าภาพนี้เป็นไงบ้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผ่านไปสักพักนิ้วของเธอถึงค่อยๆ คลายออก

ม้วนภาพเขียนคุณภาพดีพอ ไม่ทิ้งรอยเล็บแม้แต่น้อย

จงจือหว่านเม้มริมฝีปาก เหลือบมองคนในห้องทำงาน

พบว่าคนอื่นๆ กำลังวุ่นอยู่กับการจัดระเบียบผลงานประกวด ไม่มีใครสนใจเธอ ถึงได้โล่งอก

เมื่อครู่เธอลืมตัวไปหน่อย

วางม้วนภาพเขียนเก็บเข้าที่เดิม จงจือหว่านมีสีหน้าเย็นชา

หากบอกว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนเขียนเอง เธอไม่มีทางเชื่อ

เธอเคยอ่านข้อมูลของอิ๋งจื่อจินจากผู้เฒ่าจงมาก่อนแล้ว ข้อมูลละเอียดถึงขั้นเป็นรายปี

อำเภอชิงสุ่ยเศรษฐกิจล้าหลัง เป็นหมู่บ้านยากจน อย่าว่าแต่เรียนเขียนอักษรพู่กัน จะกินให้อิ่มท้องก็ยังเป็นปัญหา

อักษรที่อยู่ในม้วนภาพเขียนนี้ ถ้าไม่มีประสบการณ์หลายสิบปีไม่มีทางเขียนออกมาได้แน่นอน

เห็นได้ชัดว่ามาจากปรมาจารย์ด้านอักษรพู่กัน

แม้แต่อาจารย์สอนเขียนอักษรพู่กันของเธอก็ใช่ว่าจะเขียนออกมาได้แบบนี้

อย่างอิ๋งจื่อจินจะเขียนได้เหรอ

จงจือหว่านหน้านิ่ว

เธอนึกไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินจะใช้วิธีโกงเพื่อให้ได้รางวัลในงานเทศกาลศิลปะ

เห็นเงินแล้วตาโต ความจนทำให้เป็นบ้าไปแล้ว

จงจือหว่านไม่เคยเข้าร่วมเทศกาลศิลปะ เธอหันไปถาม “เมื่อก่อนเคยมีนักเรียนโกงไหม”

พอได้ยินแบบนี้พวกหัวหน้าชมรมก็หยุดชะงัก สีหน้าตกใจ “โกงเหรอ”

“อย่างเช่น…” จงจือหว่านหยุดเล็กน้อย “ให้คนอื่นช่วยเขียนหรือวาดรูป จากนั้นก็เขียนชื่อตัวเองแล้วเอามาส่ง”

“นี่มัน…” หัวหน้าชมรมศิลปะครุ่นคิด “ดูเหมือนจะเคยมีนะ ได้ยินพวกรุ่นพี่เล่า น่าจะเมื่อไม่กี่ปีก่อน เคยมีนักเรียนทำแบบนี้ เอาภาพเขียนอักษรพู่กันของอาจารย์คนดังมาร่วมประกวด”

“แต่ด้วยวัยของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเขียนออกมาได้ และที่น่าตลกกว่าก็คือวันนั้นเจ้าของผลงานก็อยู่ด้วย เลยถูกเปิดโปง”

“เพราะสร้างผลกระทบที่รุนแรงมาก ขายหน้าไปถึงในเน็ต นักเรียนคนนี้ก็เลยถูกไล่ออก”

จงจือหว่านพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”

“นับแต่นั้นมาก็เลยไม่มีใครกล้าโกง” หัวหน้าชมรมศิลปะถาม “จือหว่าน เธอเจอคนโกงเหรอ”

“ก็ไม่เชิงหรอก” จงจือหว่านยิ้ม “ยังไม่แน่ใจ จะใส่ความส่งเดชไม่ได้”

“อ่อ” หัวหน้าชมรมศิลปะไม่พูดอะไรมาก ก้มหน้าจดในสมุดรายชื่อต่อ “เอาเป็นว่าใครกล้าทำแบบนั้นก็จบเห่แน่”

คนพูดไม่มีเจตนา แต่คนฟังเก็บไปใส่ใจ

จงจือหว่านครุ่นคิด จากนั้นก็หยิบม้วนภาพเขียนอันนั้นขึ้นมาแล้วออกจากห้องทำงานไป

หลังออกจากศูนย์กิจกรรม จงจือหว่านก็เดินกลับไปยังคลาสเด็กอัจฉริยะ

ระหว่างทางเธอเจอเด็กห้องสิบเก้าที่เพิ่งเลิกเรียนวิชาพละ

ห่างกันหลายสิบเมตร จงจือหว่านเห็นนักเรียนพวกนั้นห้อมล้อมอิ๋งจื่อจิน ท่าทางดีอกดีใจ

แม้แต่เจียงหรานกับซิวอวี่ ตอนที่อยู่ข้างอิ๋งจื่อจินก็ยังเก็บความโหดที่แผ่ซ่านรอบตัวไปอัตโนมัติ

นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ใช่ว่าจงจือหว่านจะสัมผัสไม่ได้ นับตั้งแต่อิ๋งจื่อจินไปจากคลาสเด็กอัจฉริยะ หลายเรื่องก็เปลี่ยนไป

ยังมีท่าทีของผู้เฒ่าจงต่ออิ๋งจื่อจินอีก

จงจือหว่านมองอิ๋งจื่อจิน กำมือแน่น เอากระเป๋าหนังสือบังม้วนภาพเขียน ก้มหน้าแล้วรีบเดินไป

เหมือนกลัวถูกเห็น

“ยัยจงจือหว่านทำตัวมีพิรุธทำไมน่ะ” ซิวอวี่เหลือบมอง “คงไม่ได้เป็นขโมยหรอกนะ”

อิ๋งจื่อจินกินอมยิ้ม พอได้ยินก็ไม่ได้หันไปมอง แค่พูดขึ้น “สงสัย”

“จะว่าไปนะพ่ออิ๋ง ฉันว่าเธอ…” ซิวอวี่ลูบคาง “บางครั้งเธอก็เหมือนหมอดู”

อิ๋งจื่อจินหันหน้า ดวงตาหงส์ยกขึ้นเล็กน้อย “หมอดูเหรอ”

“รู้สึกว่าเธอรู้ล่วงหน้าได้” ซิวอวี่ก็บอกไม่ถูกจึงได้แต่พูดคลุมเครือ “เอาเป็นว่าให้ความรู้สึกที่ดูลึกลับ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “งั้นฉันทำนายให้เธอฟรีๆ ได้นะ”

“ดูดวงเหรอ” ซิวอวี่อึ้ง “พ่ออิ๋ง อย่าบอกนะว่าเธอเป็นหมอดูจริงๆ น่ะ”

อิ๋งจื่อจินกินอมยิ้มเสร็จแล้วถึงตอบว่า “ไม่ใช่”

โดยทั่วไปหมอดูอาศัยปัจจัยภายนอกหรือสิ่งที่เหนือธรรมชาติในการตามหาเรื่องที่ตัวเองอยากรู้

ไม่เหมือนกับการรู้ล่วงหน้าของเธอ ผลทำนายของหมอดูเป็นอะไรที่คลุมเครือ

พวกไพ่ทาโรต์ก็เหมือนกัน

เธอไม่ใช่หมอดู เธอเห็นได้โดยตรง

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นการมองอนาคตหรืออดีตจะทำให้เธอสูญเสียพลังไปมาก เพราะเรื่องพวกนี้ล้วนเกี่ยวพันถึงเวรกรรม

ดังนั้นปกติแล้วเธอจะไม่ใช้ความสามารถในการหยั่งรู้ก่อนที่ร่างกายของเธอจะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์

เว้นเสียแต่เรื่องที่เธอแค่มองก็รู้ได้

อย่างเช่น ชื่อของคนทั่วไป อายุ เรื่องที่กำลังจะทำ

“ฉันก็ว่าอยู่” ซิวอวี่คิดว่าเธอแค่ล้อเล่น จึงไม่ได้สนใจ “แต่ว่านะพ่ออิ๋ง ถ้าเธอสนใจเรื่องดูดวง ไว้ฉันจะพาเธอไปเที่ยวที่ตี้ตู”

“ที่ตี้ตูมีแก๊งหมอดู ตั้งโต๊ะรับดูดวงทุกวัน แต่ในความเป็นจริงต้มตุ๋นทั้งนั้น”

“หมอดูอะไร เธอจะรู้อะไร” เจียงหรานได้ฟังก็แสยะยิ้ม “พวกเขาทำนายเป็นจริงๆ”

“ทำนายกับผีสิ” ซิวอวี่โมโห “ฉันเคยถูกหลอก เดินๆ อยู่ถูกพวกเขาลากไปจับเซียมซี แถมยังบังคับให้ฉันเสียค่าทำนายเซียมซี หลอกเอาเงินค่าขนมทั้งเดือนของฉันไป”

เล่นเอาเธอโมโหจนพังโต๊ะหมอดู

มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก เธอครุ่นคิด

นิสัยแบบนี้…

อืม

เธอหาวออกมา กลับไปที่ห้องเรียนแล้วเริ่มนอนรอบใหม่

เทศกาลศิลปะถูกกำหนดเป็นวันที่ 6 เมษายน จัดทั้งหมดสามวัน

นักเรียนแต่ละระดับชั้นจะไม่มีเรียน ยกเว้นมอสามกับมอหก

นับตั้งแต่เกิดเรื่องของอิงเฟยเฟยขึ้น ผู้เฒ่าจงก็เป็นห่วงทุกเหตุการณ์ของชิงจื้อ ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

ก่อนหน้าเทศกาลศิลปะสองวันเป็นวันเสาร์ เขาโทรหาอิ๋งจื่อจิน

“จื่อจิน หลานเข้าร่วมเทศกาลศิลปะใช่ไหม เป็นไงบ้าง ให้ตาช่วยอะไรไหม”

เขารู้ว่าเมื่อก่อนเด็กคนนี้ไม่มีโอกาสได้เรียนพวกนี้ แต่จะให้หาครูมาสอนตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไร เป็นแต่เดินหมาก

“งั้นก็ดีๆ ไว้ถึงตอนนั้นตาจะไปดูนะ” ผู้เฒ่าจงยิ้มตาหยี “ไม่ต้องกดดัน หลานเขียนอะไรตาก็ว่าดีที่สุดทั้งนั้น”

จงจือหว่านอยู่ข้างๆ ยิ่งฟังก็ยิ่งอึดอัดใจ รู้สึกคิดเล็กคิดน้อย เธอลุกขึ้น “คุณปู่คะ หนูออกไปข้างนอกหน่อยนะคะ”

หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าจงจือหว่านจะออกไปข้างนอก ผู้เฒ่าจงจะต้องกำชับอยู่นานสองนาน

แต่ครั้งนี้เขาไม่พูดอะไร แค่โบกมือให้

จงจือหว่านสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วออกจากบ้าน

เธอเรียกรถไปที่ฝั่งตะวันออกของฮู่เฉิง มาที่คฤหาสน์แห่งหนึ่ง

ภายในสวนมีคนกำลังถอนหญ้า พอเห็นเธอก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “จือหว่าน มาได้ยังไง”

“ฉันมาเยี่ยมรุ่นพี่หลินค่ะ” จงจือหว่านเดินขึ้นหน้า “มีเรื่องที่อยากขอคำชี้แนะจากรุ่นพี่ด้วยค่ะ”

นี่คือหลินสี่รุ่นพี่ของเธอ เรียนวิชาเขียนภาพอักษรพู่กันที่บ้านอาจารย์ชื่อดังท่านหนึ่งด้วยกัน

หลินสี่เช็ดมือเดินเข้าบ้านพลางถาม “เรื่องอะไรเหรอ”

จงจือหว่านเอาม้วนภาพเขียนออกมากางบนโต๊ะตรงหน้า

“รุ่นพี่คิดว่าภาพนี้เป็นไงบ้างคะ”

หลินสี่เอียงตัวดู นิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ตะลึง “จือหว่าน เธอเขียนเองเหรอ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 86 คิดว่าภาพนี้เป็นไงบ้าง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 86 คิดว่าภาพนี้เป็นไงบ้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผ่านไปสักพักนิ้วของเธอถึงค่อยๆ คลายออก

ม้วนภาพเขียนคุณภาพดีพอ ไม่ทิ้งรอยเล็บแม้แต่น้อย

จงจือหว่านเม้มริมฝีปาก เหลือบมองคนในห้องทำงาน

พบว่าคนอื่นๆ กำลังวุ่นอยู่กับการจัดระเบียบผลงานประกวด ไม่มีใครสนใจเธอ ถึงได้โล่งอก

เมื่อครู่เธอลืมตัวไปหน่อย

วางม้วนภาพเขียนเก็บเข้าที่เดิม จงจือหว่านมีสีหน้าเย็นชา

หากบอกว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนเขียนเอง เธอไม่มีทางเชื่อ

เธอเคยอ่านข้อมูลของอิ๋งจื่อจินจากผู้เฒ่าจงมาก่อนแล้ว ข้อมูลละเอียดถึงขั้นเป็นรายปี

อำเภอชิงสุ่ยเศรษฐกิจล้าหลัง เป็นหมู่บ้านยากจน อย่าว่าแต่เรียนเขียนอักษรพู่กัน จะกินให้อิ่มท้องก็ยังเป็นปัญหา

อักษรที่อยู่ในม้วนภาพเขียนนี้ ถ้าไม่มีประสบการณ์หลายสิบปีไม่มีทางเขียนออกมาได้แน่นอน

เห็นได้ชัดว่ามาจากปรมาจารย์ด้านอักษรพู่กัน

แม้แต่อาจารย์สอนเขียนอักษรพู่กันของเธอก็ใช่ว่าจะเขียนออกมาได้แบบนี้

อย่างอิ๋งจื่อจินจะเขียนได้เหรอ

จงจือหว่านหน้านิ่ว

เธอนึกไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินจะใช้วิธีโกงเพื่อให้ได้รางวัลในงานเทศกาลศิลปะ

เห็นเงินแล้วตาโต ความจนทำให้เป็นบ้าไปแล้ว

จงจือหว่านไม่เคยเข้าร่วมเทศกาลศิลปะ เธอหันไปถาม “เมื่อก่อนเคยมีนักเรียนโกงไหม”

พอได้ยินแบบนี้พวกหัวหน้าชมรมก็หยุดชะงัก สีหน้าตกใจ “โกงเหรอ”

“อย่างเช่น…” จงจือหว่านหยุดเล็กน้อย “ให้คนอื่นช่วยเขียนหรือวาดรูป จากนั้นก็เขียนชื่อตัวเองแล้วเอามาส่ง”

“นี่มัน…” หัวหน้าชมรมศิลปะครุ่นคิด “ดูเหมือนจะเคยมีนะ ได้ยินพวกรุ่นพี่เล่า น่าจะเมื่อไม่กี่ปีก่อน เคยมีนักเรียนทำแบบนี้ เอาภาพเขียนอักษรพู่กันของอาจารย์คนดังมาร่วมประกวด”

“แต่ด้วยวัยของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเขียนออกมาได้ และที่น่าตลกกว่าก็คือวันนั้นเจ้าของผลงานก็อยู่ด้วย เลยถูกเปิดโปง”

“เพราะสร้างผลกระทบที่รุนแรงมาก ขายหน้าไปถึงในเน็ต นักเรียนคนนี้ก็เลยถูกไล่ออก”

จงจือหว่านพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”

“นับแต่นั้นมาก็เลยไม่มีใครกล้าโกง” หัวหน้าชมรมศิลปะถาม “จือหว่าน เธอเจอคนโกงเหรอ”

“ก็ไม่เชิงหรอก” จงจือหว่านยิ้ม “ยังไม่แน่ใจ จะใส่ความส่งเดชไม่ได้”

“อ่อ” หัวหน้าชมรมศิลปะไม่พูดอะไรมาก ก้มหน้าจดในสมุดรายชื่อต่อ “เอาเป็นว่าใครกล้าทำแบบนั้นก็จบเห่แน่”

คนพูดไม่มีเจตนา แต่คนฟังเก็บไปใส่ใจ

จงจือหว่านครุ่นคิด จากนั้นก็หยิบม้วนภาพเขียนอันนั้นขึ้นมาแล้วออกจากห้องทำงานไป

หลังออกจากศูนย์กิจกรรม จงจือหว่านก็เดินกลับไปยังคลาสเด็กอัจฉริยะ

ระหว่างทางเธอเจอเด็กห้องสิบเก้าที่เพิ่งเลิกเรียนวิชาพละ

ห่างกันหลายสิบเมตร จงจือหว่านเห็นนักเรียนพวกนั้นห้อมล้อมอิ๋งจื่อจิน ท่าทางดีอกดีใจ

แม้แต่เจียงหรานกับซิวอวี่ ตอนที่อยู่ข้างอิ๋งจื่อจินก็ยังเก็บความโหดที่แผ่ซ่านรอบตัวไปอัตโนมัติ

นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ใช่ว่าจงจือหว่านจะสัมผัสไม่ได้ นับตั้งแต่อิ๋งจื่อจินไปจากคลาสเด็กอัจฉริยะ หลายเรื่องก็เปลี่ยนไป

ยังมีท่าทีของผู้เฒ่าจงต่ออิ๋งจื่อจินอีก

จงจือหว่านมองอิ๋งจื่อจิน กำมือแน่น เอากระเป๋าหนังสือบังม้วนภาพเขียน ก้มหน้าแล้วรีบเดินไป

เหมือนกลัวถูกเห็น

“ยัยจงจือหว่านทำตัวมีพิรุธทำไมน่ะ” ซิวอวี่เหลือบมอง “คงไม่ได้เป็นขโมยหรอกนะ”

อิ๋งจื่อจินกินอมยิ้ม พอได้ยินก็ไม่ได้หันไปมอง แค่พูดขึ้น “สงสัย”

“จะว่าไปนะพ่ออิ๋ง ฉันว่าเธอ…” ซิวอวี่ลูบคาง “บางครั้งเธอก็เหมือนหมอดู”

อิ๋งจื่อจินหันหน้า ดวงตาหงส์ยกขึ้นเล็กน้อย “หมอดูเหรอ”

“รู้สึกว่าเธอรู้ล่วงหน้าได้” ซิวอวี่ก็บอกไม่ถูกจึงได้แต่พูดคลุมเครือ “เอาเป็นว่าให้ความรู้สึกที่ดูลึกลับ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “งั้นฉันทำนายให้เธอฟรีๆ ได้นะ”

“ดูดวงเหรอ” ซิวอวี่อึ้ง “พ่ออิ๋ง อย่าบอกนะว่าเธอเป็นหมอดูจริงๆ น่ะ”

อิ๋งจื่อจินกินอมยิ้มเสร็จแล้วถึงตอบว่า “ไม่ใช่”

โดยทั่วไปหมอดูอาศัยปัจจัยภายนอกหรือสิ่งที่เหนือธรรมชาติในการตามหาเรื่องที่ตัวเองอยากรู้

ไม่เหมือนกับการรู้ล่วงหน้าของเธอ ผลทำนายของหมอดูเป็นอะไรที่คลุมเครือ

พวกไพ่ทาโรต์ก็เหมือนกัน

เธอไม่ใช่หมอดู เธอเห็นได้โดยตรง

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นการมองอนาคตหรืออดีตจะทำให้เธอสูญเสียพลังไปมาก เพราะเรื่องพวกนี้ล้วนเกี่ยวพันถึงเวรกรรม

ดังนั้นปกติแล้วเธอจะไม่ใช้ความสามารถในการหยั่งรู้ก่อนที่ร่างกายของเธอจะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์

เว้นเสียแต่เรื่องที่เธอแค่มองก็รู้ได้

อย่างเช่น ชื่อของคนทั่วไป อายุ เรื่องที่กำลังจะทำ

“ฉันก็ว่าอยู่” ซิวอวี่คิดว่าเธอแค่ล้อเล่น จึงไม่ได้สนใจ “แต่ว่านะพ่ออิ๋ง ถ้าเธอสนใจเรื่องดูดวง ไว้ฉันจะพาเธอไปเที่ยวที่ตี้ตู”

“ที่ตี้ตูมีแก๊งหมอดู ตั้งโต๊ะรับดูดวงทุกวัน แต่ในความเป็นจริงต้มตุ๋นทั้งนั้น”

“หมอดูอะไร เธอจะรู้อะไร” เจียงหรานได้ฟังก็แสยะยิ้ม “พวกเขาทำนายเป็นจริงๆ”

“ทำนายกับผีสิ” ซิวอวี่โมโห “ฉันเคยถูกหลอก เดินๆ อยู่ถูกพวกเขาลากไปจับเซียมซี แถมยังบังคับให้ฉันเสียค่าทำนายเซียมซี หลอกเอาเงินค่าขนมทั้งเดือนของฉันไป”

เล่นเอาเธอโมโหจนพังโต๊ะหมอดู

มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก เธอครุ่นคิด

นิสัยแบบนี้…

อืม

เธอหาวออกมา กลับไปที่ห้องเรียนแล้วเริ่มนอนรอบใหม่

เทศกาลศิลปะถูกกำหนดเป็นวันที่ 6 เมษายน จัดทั้งหมดสามวัน

นักเรียนแต่ละระดับชั้นจะไม่มีเรียน ยกเว้นมอสามกับมอหก

นับตั้งแต่เกิดเรื่องของอิงเฟยเฟยขึ้น ผู้เฒ่าจงก็เป็นห่วงทุกเหตุการณ์ของชิงจื้อ ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

ก่อนหน้าเทศกาลศิลปะสองวันเป็นวันเสาร์ เขาโทรหาอิ๋งจื่อจิน

“จื่อจิน หลานเข้าร่วมเทศกาลศิลปะใช่ไหม เป็นไงบ้าง ให้ตาช่วยอะไรไหม”

เขารู้ว่าเมื่อก่อนเด็กคนนี้ไม่มีโอกาสได้เรียนพวกนี้ แต่จะให้หาครูมาสอนตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไร เป็นแต่เดินหมาก

“งั้นก็ดีๆ ไว้ถึงตอนนั้นตาจะไปดูนะ” ผู้เฒ่าจงยิ้มตาหยี “ไม่ต้องกดดัน หลานเขียนอะไรตาก็ว่าดีที่สุดทั้งนั้น”

จงจือหว่านอยู่ข้างๆ ยิ่งฟังก็ยิ่งอึดอัดใจ รู้สึกคิดเล็กคิดน้อย เธอลุกขึ้น “คุณปู่คะ หนูออกไปข้างนอกหน่อยนะคะ”

หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าจงจือหว่านจะออกไปข้างนอก ผู้เฒ่าจงจะต้องกำชับอยู่นานสองนาน

แต่ครั้งนี้เขาไม่พูดอะไร แค่โบกมือให้

จงจือหว่านสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วออกจากบ้าน

เธอเรียกรถไปที่ฝั่งตะวันออกของฮู่เฉิง มาที่คฤหาสน์แห่งหนึ่ง

ภายในสวนมีคนกำลังถอนหญ้า พอเห็นเธอก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “จือหว่าน มาได้ยังไง”

“ฉันมาเยี่ยมรุ่นพี่หลินค่ะ” จงจือหว่านเดินขึ้นหน้า “มีเรื่องที่อยากขอคำชี้แนะจากรุ่นพี่ด้วยค่ะ”

นี่คือหลินสี่รุ่นพี่ของเธอ เรียนวิชาเขียนภาพอักษรพู่กันที่บ้านอาจารย์ชื่อดังท่านหนึ่งด้วยกัน

หลินสี่เช็ดมือเดินเข้าบ้านพลางถาม “เรื่องอะไรเหรอ”

จงจือหว่านเอาม้วนภาพเขียนออกมากางบนโต๊ะตรงหน้า

“รุ่นพี่คิดว่าภาพนี้เป็นไงบ้างคะ”

หลินสี่เอียงตัวดู นิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ตะลึง “จือหว่าน เธอเขียนเองเหรอ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+