คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 156 พวกบอส ‘อิ๋งลู่เวยเป็นใคร คู่ควรเหรอ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 156 พวกบอส ‘อิ๋งลู่เวยเป็นใคร คู่ควรเหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คนที่มีความคิดแบบนี้ไม่ใช่แค่คนเดียว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าช่วงสองเดือนกว่าที่ผ่านมานี้ เนื่องจากเคราะห์ซ้ำกรรมซวยครั้งแล้วครั้งเล่า แฟนคลับของอิ๋งลู่เวยจึงไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้อิ๋งจื่อจินแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่เรียกได้ว่ารังเกียจ

[ฉันก็จะข้ามด้วย คอนเสิร์ตมียัยนั่นมาอยู่ด้วยคือจุดด่างพร้อย ขอถามหน่อย แขกกิตติมศักดิ์ที่ลู่เวยเชิญมาจะไม่ขยะแขยงจนลุกหนีเลยเหรอ]

[ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมคอนเสิร์ตดีๆ ถึงจะต้องเอายัยคนนั้นมาทำให้ผู้ชมสะอิดสะเอียนด้วย]

[ฉันรู้ว่าลู่เวยคิดอะไร ยังไงซะนั่นก็หลานสาว เลยอยากช่วยดัน แต่ประเด็นคือยัยคนนี้มันดันไม่ขึ้นแล้วน่ะสิ]

ในบรรดาแฟนคลับของอิ๋งลู่เวยก็มีนักเรียนชั้นมอสี่ของชิงจื้ออยู่หลายคน

[ทุกคนคงไม่รู้ ตอนที่อาจารย์อิ๋งสอนพวกเราได้พูดขึ้นมาว่า สอนมาตั้งนานขนาดนี้ยัยนั่นยังเล่นเพลงเฟือร์เอลีเซอไม่ได้เลย]

[เดี๋ยวนะ เฟือร์เอลีเซอมันเป็นเพลงฝึกหัดของคนเริ่มเรียนเปียโนเลยไม่ใช่เหรอ ขนาดเพลงเฟือร์เอลีเซอยังเล่นไม่ได้ ยังจะกล้าขึ้นไปเล่นบนเวทีคอนเสิร์ตอีกเหรอ]

[จึ๊ คุณหนูตัวปลอมก็ยังเป็นตัวปลอมอยู่วันยังค่ำ เรียนยังไงก็สู้คุณหนูไฮโซที่แท้จริงไม่ได้หรอก เสียแรงที่มีครูเก่งอย่างลู่เวย]

[ถึงแม้ฝีมือของลู่เวยจะยังห่างไกลจากนักดนตรีชั้นแนวหน้า แต่เรื่องสอนก็สบายอยู่แล้วหรือเปล่า ลูกเลี้ยงคนนี้จะฉลาดน้อยเกินไปไหม]

[ไม่ไหวละ ฉันจะข้ามตอนดูคอนเสิร์ต ต่อให้มันจะเป็นการสิ้นเปลืองเงินก็ตาม]

ราคาบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตของอิ๋งลู่เวยครั้งนี้เริ่มที่ 1,888 หยวน ราคาบัตรโซนในสูงถึง 8,888 หยวน แต่ถึงจะเป็นแบบนี้แฟนคลับตัวยงที่เหลืออยู่ของเธอก็แย่งซื้อหมดเกลี้ยงในเวลาไม่กี่วินาที

เนื่องจากคอนเสิร์ตออนไลน์ไม่มีอุปกรณ์ต่างๆ แบบในคอนเสิร์ต เช่น ลำโพง เป็นต้น คุณภาพในการรับชมจึงแย่กว่าไปชมในสถานที่จริง แต่ราคาบัตรก็สูงถึง 666 หยวน

ต่อให้เป็นตัวพ่อตัวแม่ของวงการหรือวงบอยแบนด์เกิร์ลกรุ๊ปที่โด่งดังที่สุด รวมถึงนักเปียโนชั้นแนวหน้าของประเทศจีนก็ยังไม่เคยตั้งราคาบัตรที่สูงแบบนี้

ถึงแม้อิ๋งลู่เวยจะเป็นสตรีไฮโซแต่เธอไม่ได้ทำงาน แค่มีชื่ออยู่ในอิ๋งซื่อกรุ๊ป รอรับเงินส่วนแบ่งแต่ละปี

เดิมทีเธอเป็นคนใช้เงินมือเติบ เงินส่วนแบ่งไม่พอใช้ ทางไหนโกยได้ก็ต้องโกย

อย่างไรซะถ้าแฟนคลับยินดีจ่าย เธอก็ห้ามไม่ได้

หลังจากที่อิ๋งลู่เวยชื่นชมกับคอมเมนต์โจมตีในเวยปั๋วเสร็จ เธอก็หันไป “เป็นไง ตอนนี้แขกคอนเฟิร์มแล้วกี่คน”

ผู้จัดการส่วนตัวเปิดสมุดรายชื่อในมือ “เหมือนที่คุณบอก พอบอกอาจารย์พวกนั้นว่าคุณจะเล่นเพลงตะวันกับจันทรา พวกเขาก็แสดงท่าทีว่าจะหาเวลามา”

“ตอนนี้ที่ยืนยันแล้วก็มีจั๋วหลานหัน เชออวี้ และก็บาร์ต เฮเบอร์”

พอได้ยินสามชื่อนี้ อิ๋งลู่เวยก็ตกใจมาก “พวกเขาจะมาจริงเหรอ”

จั๋วหลานหันกับเชออวี้เป็นนักเปียโนชั้นแนวหน้าของประเทศจีน เพียงแต่เกษียณไปนานแล้ว

แต่สถานะในแวดวงดนตรีกลับยังคงสูงมาก

เซิ่งชิงถังในแวดวงภาพเขียนอักษรจีนก็เหมือนจั๋วหลานหันในแวดวงนักเปียโน ต่างเป็นบุคคลที่สูงเสียดฟ้าในวงการ

ความสามารถของเชออวี้จะด้อยกว่าจั๋วหลานหันเล็กน้อย แต่เขามีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ไม่น้อย ซึ่งตอนนี้ต่างก็แยกย้ายกันไปมีชื่อเสียง เป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการดนตรีในประเทศจีน

ส่วนบาร์ต เฮเบอร์เป็นนักเปียโนชื่อดังของยุโรป และยังเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรป มีสถานะสูงมากในระดับนานาชาติ

สามคนนี้ใช่ว่าอิ๋งลู่เวยจะไม่อยากไปทำความรู้จักด้วย

แต่ติดตรงที่นักเปียโนระดับนี้ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ แม้เธอจะเกิดในสี่ตระกูลเศรษฐีก็ตาม

“ใช้ได้” ผู้จัดการส่วนตัวพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “แต่ว่าลู่เวย ยังไงคุณก็เล่นเพลงตะวันกับจันทราไม่ได้ ถ้าหลอกผู้อาวุโสพวกนี้ ต่อไปคุณ…”

“ไม่ต้องเป็นห่วง” อิ๋งลู่เวยยิ้ม “พอถึงเวลาจุดเด่นของคอนเสิร์ตนี้ไม่ใช่ฉันหรอก อีกอย่าง ฉันยังมีวิธีอื่นอีก”

ผู้จัดการส่วนตัวอยากพูดบางอย่าง แต่พอเห็นเธอมั่นใจแบบนี้ก็ไม่ได้เตือนอะไรอีก ครั้นแล้วจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “เวลาหนึ่งชั่วโมง บัตรชมคอนเสิร์ตออนไลน์ขายไปแล้วห้าพันใบ คิดว่าพอถึงเวลาน่าจะขายออกไปได้ถึงห้าหมื่นใบ”

“ถ้าไปเรียกคนในกลุ่มแฟนคลับหน่อย แฟนคลับของคุณน่าจะซื้อกันคนละหลายใบ”

อิ๋งลู่เวยไม่สนใจ ไม่ใส่ใจเรื่องนี้ “คุณจัดการเถอะ พอถึงตอนนั้นโอนเงินเข้าบัญชีฉันก็พอ”

อันที่จริงเซิ่งชิงถังไม่เล่นเน็ต และก็ไม่ชอบพวกแอปโซเชียลแบบเวยปั๋ว

แต่ลูกชายหัวล้านของเขาอยู่ๆ ก็ตะโกนแหกปากโวยวายวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาตอนที่เขากำลังถอนหัวไชเท้า จากนั้นก็เล่าเรื่องในเน็ต

เซิ่งชิงถังโมโหทันที เขารีบล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดส่งข้อความวีแชท

[คุณหมอเทวดา เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมเห็นคุณจะไปคอนเสิร์ตอะไรนั่นล่ะ บอกมาได้เลย จะให้ผมหาคนไปช่วยเป็นกำลังใจให้ไหม]

ทางด้านอิ๋งจื่อจินเพิ่งออกจากเวยปั๋วก็เห็นข้อความวีแชท

เธอนวดศีรษะ ตอบกลับสั้นๆ

[ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ]

[ไม่ๆๆ จะได้ยังไง คุณหมอเทวดา ไม่ต้องอาย ไว้ถึงเวลาผมจะไปพร้อมกับพวกคนในสมาคม รับรองว่ากำลังใจเต็มเปี่ยม เอาให้คนพวกนั้นตะลึงหน้าหงายไปเลย]

[ไม่พูดมากละ ผมจะให้ไอ้ลูกหัวล้านอกตัญญูมันไปซื้อบัตร คุณหมอเทวดา อย่าห้ามผมเลย ผมมันคนใจร้อน]

“…”

อิ๋งจื่อจินละสายตากลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เปิดข้อความส่วนตัวนั้น

เชิญมากินยา : [สหาย เพิ่มเพื่อนหน่อยสิ เดี๋ยวส่งครีมกันแดดไปให้ใช้ฟรีๆ สามขวด ดีไหม]

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย ครั้งนี้เธอกลับสนใจนักปรุงยาพิษที่อยู่อันดับสามของชาร์ตคนนี้

โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ : [ไม่ดีกว่า]

อีกฝ่ายเงียบไปชั่วขณะ

เชิญมากินยา : [ไม่เอาน่า จริงนะ เป็นเพื่อนกันเถอะ ต่อไปจะได้ทำภารกิจด้วยกันไง เอาแบบนี้ ต่อไปถ้าฉันรับภารกิจอะไรจะแบ่งเงินให้ครึ่งหนึ่ง เป็นไง]

พอส่งข้อความนี้ออกไป ระบบก็เด้งขึ้นมาข้อความหนึ่ง

[โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ได้กลายเป็นเพื่อนกับคุณ กรุณาเปลี่ยนชื่อเรียกของอีกฝ่ายเพื่อสะดวกต่อการสนทนา]

เชิญมากินยา : […]

เชิญมากินยา : [สหายคงไม่ใช่คนของตระกูลลอเรนท์หรอกนะ นิสัยแบบนี้]

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ ปิดหน้าต่างสนทนาแล้วออฟไลน์

วันต่อมา

ขณะที่บรรดาแฟนคลับของซังเย่าจือกำลังเตรียมจะโจมตีซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์รอบใหม่ พวกเขาก็พบว่าซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์โพสต์เวยปั๋วข้อความใหม่

แอทซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ : [เมื่อวานซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ได้รวมกับชูกวงมีเดียแล้ว เวยปั๋วนี้จะถูกระงับการใช้งาน]

ด้านล่างเป็นรูปหนังสือสัญญาซื้อกิจการ

หนึ่งนาทีต่อมาชูกวงมีเดียก็แชร์โพสต์นี้

แอทชูกวงมีเดีย : [นับจากวันนี้เป็นต้นไป ดาราในสังกัดซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ทั้งหมดจะถูกโอนมาอยู่ชูกวงมีเดีย หากใครต้องการออกก็สามารถออกได้ทันที ไม่ต้องเสียค่ายกเลิกสัญญา]

ชาวเน็ตต่างตะลึง

[โอ้โห ชูกวงมีเดียอย่างรวย ถึงขั้นซื้อซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์เลย แถมยังเร็วขนาดนี้ด้วย]

[ตรวจสอบเสร็จสิ้น บอสของชูกวงมีเดียรวยมาก อยากถูกรับเลี้ยงจัง]

[ยินดีด้วยจ้า ในที่สุดเนื้อร้ายของวงการบันเทิงอย่างซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ก็หมดไป]

และยังมีคนที่รู้เรื่องราวได้โพสต์เวยปั๋ว

[จะว่าไปพวกเธอยังไม่รู้ใช่ไหมว่าผู้กำกับใหญ่กับทีมงานของกองถ่ายรายการผจญภัยท้าตายถูกจับแล้วนะ รอแค่เวลาขึ้นศาลพิพากษา ติดคุกแหงมๆ]

คอมเมนต์ด้านล่างเต็มไปด้วยเสียงชื่นชม

[เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย สมน้ำหน้า!]

[รับมือกับคนแบบนี้ก็ควรทำงี้แหละ เวรกรรมตามทัน สวรรค์ไม่ปล่อยไว้หรอก]

[ตอนนั้นคนจัดทำแผนยังพูดด้วยว่า ‘สมน้ำหน้าที่ไอดอลของพวกคุณตาย’ ขอโทษนะ ไอดอลของพวกเรายังอยู่ แต่คุณจะติดคุกแล้ว (ยิ้ม)]

[ขอร้อง แอทสำนักงานทนายความซีเฟิง ครั้งนี้ก็ขอลิงก์ถ่ายทอดสดด้วยนะคะ จะดูว่าคนเลวถูกลงโทษยังไง]

นักเรียนของชิงจื้อก็ดูเวยปั๋ว

ในฐานะดารายอดนิยมชั้นแนวหน้า แฟนคลับของซังเย่าจือมีอยู่ไม่น้อย แต่ละห้องมีกว่าครึ่ง

หลังจากที่เรื่องราวได้ข้อสรุป ในที่สุดพวกนักเรียนก็มีสมาธิเรียนหนังสือแล้ว

ลูกน้องเก็บโทรศัพท์มือถือ มองภายในห้องเรียน “พี่หราน เจ๊อวี่ยังไม่มาเหรอ”

“หึหึ” เจียงหรานสีหน้าเรียบเฉย “ไปประคบประหงมพาลูกชายกลับบ้านแล้ว”

ลูกน้อง “?”

เขาเกาหัวพลางถามต่อ “พ่ออิ๋ง พรุ่งนี้จะขึ้นคอนเสิร์ตแล้ว จะไปฝึกที่ห้องเปียโนของโรงเรียนสักหน่อยไหม”

อิ๋งจื่อจินเท้าศีรษะ หาวออกมา “อืม เดี๋ยวก่อน”

เธอไม่ได้แตะเปียโนมานานมากแล้ว ช่วงสองสามวันนี้เพิ่งจะทบทวน

โชคดีที่ร่างกายของเธอดีขึ้นหลังจากบำรุงมาหลายเดือน เล่นเปียโนหนึ่งเพลงยังถือว่าสบายๆ

ถ้าเป็นตอนที่เพิ่งฟื้น อย่าว่าแต่เพลงสงครามศักดิ์สิทธิ์เลย ต่อให้เป็นท่อนเล็กๆ ของตะวันกับจันทรา ร่างกายก็ทนไม่ไหว

รู้แบบนี้ตอนนั้นเขียนโน้ตง่ายๆ ก็ดี

“แฟนคลับของอิ๋งลู่เวยเป็นบ้ากันหมดแล้ว” เจียงหรานแสยะยิ้ม “ไม่รู้จักดูบ้างว่าคนที่ตัวเองชอบเป็นยังไง คู่ควรเหรอ”

ขนาดเขาไม่ชอบเล่นเน็ตยังไปเปิดแอ๊กเคานท์เวยปั๋วไว้หลายอันเพื่อเปิดศึกกับแฟนคลับสมองกลวงพวกนั้น

“พี่หราน พี่เตือนผมขึ้นมาเลยนะเนี่ย” ลูกน้องตีหน้าผากตัวเอง จากนั้นก็หยิบบัตรออกมาจากกระเป๋า “ผมตั้งใจซื้อตั๋วมาเลย ยกทำเลทองให้พี่เลยอะ”

เจียงหรานรับมา ทำสีหน้ารังเกียจ “คอนเสิร์ตขยะแบบนี้ราคาตั้ง 9,999 หยวนเลยเหรอ”

“อย่าให้พูดเลย นี่ผมใช้มือที่เป็นโสดมาสิบเจ็ดปีตบตีแย่งบัตรกับพวกแฟนคลับมาเลยนะ” ลูกน้องบ่น “พี่หราน พี่ไม่เลี้ยงข้าวผมไม่ได้แล้วนะ”

“เลี้ยง” เจียงหรานตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ “คอนเสิร์ตจบเดี๋ยวฉันเลี้ยงทั้งห้อง”

อิ๋งจื่อจินมองบัตรในมือทั้งสองคน นึกถึงเซิ่งชิงถังที่เมื่อวานส่งข้อความมาหาเธอกับเบิร์กที่ต่อมาโทรมาหาเธอ

แต่ละคนก็ซื้อไปหลายใบเหมือนกัน

หลังจากเงียบไปสองวินาทีเธอก็โพสต์เวยปั๋ว

แอทเกษียณแล้วอย่ากวน : [แอทสตูดิโออิ๋งลู่เวย แอทอิ๋งลู่เวย เอาเงินค่าบัตรมา ไม่งั้นไม่ไป]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 156 พวกบอส ‘อิ๋งลู่เวยเป็นใคร คู่ควรเหรอ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 156 พวกบอส ‘อิ๋งลู่เวยเป็นใคร คู่ควรเหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คนที่มีความคิดแบบนี้ไม่ใช่แค่คนเดียว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าช่วงสองเดือนกว่าที่ผ่านมานี้ เนื่องจากเคราะห์ซ้ำกรรมซวยครั้งแล้วครั้งเล่า แฟนคลับของอิ๋งลู่เวยจึงไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้อิ๋งจื่อจินแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่เรียกได้ว่ารังเกียจ

[ฉันก็จะข้ามด้วย คอนเสิร์ตมียัยนั่นมาอยู่ด้วยคือจุดด่างพร้อย ขอถามหน่อย แขกกิตติมศักดิ์ที่ลู่เวยเชิญมาจะไม่ขยะแขยงจนลุกหนีเลยเหรอ]

[ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมคอนเสิร์ตดีๆ ถึงจะต้องเอายัยคนนั้นมาทำให้ผู้ชมสะอิดสะเอียนด้วย]

[ฉันรู้ว่าลู่เวยคิดอะไร ยังไงซะนั่นก็หลานสาว เลยอยากช่วยดัน แต่ประเด็นคือยัยคนนี้มันดันไม่ขึ้นแล้วน่ะสิ]

ในบรรดาแฟนคลับของอิ๋งลู่เวยก็มีนักเรียนชั้นมอสี่ของชิงจื้ออยู่หลายคน

[ทุกคนคงไม่รู้ ตอนที่อาจารย์อิ๋งสอนพวกเราได้พูดขึ้นมาว่า สอนมาตั้งนานขนาดนี้ยัยนั่นยังเล่นเพลงเฟือร์เอลีเซอไม่ได้เลย]

[เดี๋ยวนะ เฟือร์เอลีเซอมันเป็นเพลงฝึกหัดของคนเริ่มเรียนเปียโนเลยไม่ใช่เหรอ ขนาดเพลงเฟือร์เอลีเซอยังเล่นไม่ได้ ยังจะกล้าขึ้นไปเล่นบนเวทีคอนเสิร์ตอีกเหรอ]

[จึ๊ คุณหนูตัวปลอมก็ยังเป็นตัวปลอมอยู่วันยังค่ำ เรียนยังไงก็สู้คุณหนูไฮโซที่แท้จริงไม่ได้หรอก เสียแรงที่มีครูเก่งอย่างลู่เวย]

[ถึงแม้ฝีมือของลู่เวยจะยังห่างไกลจากนักดนตรีชั้นแนวหน้า แต่เรื่องสอนก็สบายอยู่แล้วหรือเปล่า ลูกเลี้ยงคนนี้จะฉลาดน้อยเกินไปไหม]

[ไม่ไหวละ ฉันจะข้ามตอนดูคอนเสิร์ต ต่อให้มันจะเป็นการสิ้นเปลืองเงินก็ตาม]

ราคาบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตของอิ๋งลู่เวยครั้งนี้เริ่มที่ 1,888 หยวน ราคาบัตรโซนในสูงถึง 8,888 หยวน แต่ถึงจะเป็นแบบนี้แฟนคลับตัวยงที่เหลืออยู่ของเธอก็แย่งซื้อหมดเกลี้ยงในเวลาไม่กี่วินาที

เนื่องจากคอนเสิร์ตออนไลน์ไม่มีอุปกรณ์ต่างๆ แบบในคอนเสิร์ต เช่น ลำโพง เป็นต้น คุณภาพในการรับชมจึงแย่กว่าไปชมในสถานที่จริง แต่ราคาบัตรก็สูงถึง 666 หยวน

ต่อให้เป็นตัวพ่อตัวแม่ของวงการหรือวงบอยแบนด์เกิร์ลกรุ๊ปที่โด่งดังที่สุด รวมถึงนักเปียโนชั้นแนวหน้าของประเทศจีนก็ยังไม่เคยตั้งราคาบัตรที่สูงแบบนี้

ถึงแม้อิ๋งลู่เวยจะเป็นสตรีไฮโซแต่เธอไม่ได้ทำงาน แค่มีชื่ออยู่ในอิ๋งซื่อกรุ๊ป รอรับเงินส่วนแบ่งแต่ละปี

เดิมทีเธอเป็นคนใช้เงินมือเติบ เงินส่วนแบ่งไม่พอใช้ ทางไหนโกยได้ก็ต้องโกย

อย่างไรซะถ้าแฟนคลับยินดีจ่าย เธอก็ห้ามไม่ได้

หลังจากที่อิ๋งลู่เวยชื่นชมกับคอมเมนต์โจมตีในเวยปั๋วเสร็จ เธอก็หันไป “เป็นไง ตอนนี้แขกคอนเฟิร์มแล้วกี่คน”

ผู้จัดการส่วนตัวเปิดสมุดรายชื่อในมือ “เหมือนที่คุณบอก พอบอกอาจารย์พวกนั้นว่าคุณจะเล่นเพลงตะวันกับจันทรา พวกเขาก็แสดงท่าทีว่าจะหาเวลามา”

“ตอนนี้ที่ยืนยันแล้วก็มีจั๋วหลานหัน เชออวี้ และก็บาร์ต เฮเบอร์”

พอได้ยินสามชื่อนี้ อิ๋งลู่เวยก็ตกใจมาก “พวกเขาจะมาจริงเหรอ”

จั๋วหลานหันกับเชออวี้เป็นนักเปียโนชั้นแนวหน้าของประเทศจีน เพียงแต่เกษียณไปนานแล้ว

แต่สถานะในแวดวงดนตรีกลับยังคงสูงมาก

เซิ่งชิงถังในแวดวงภาพเขียนอักษรจีนก็เหมือนจั๋วหลานหันในแวดวงนักเปียโน ต่างเป็นบุคคลที่สูงเสียดฟ้าในวงการ

ความสามารถของเชออวี้จะด้อยกว่าจั๋วหลานหันเล็กน้อย แต่เขามีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ไม่น้อย ซึ่งตอนนี้ต่างก็แยกย้ายกันไปมีชื่อเสียง เป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการดนตรีในประเทศจีน

ส่วนบาร์ต เฮเบอร์เป็นนักเปียโนชื่อดังของยุโรป และยังเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรป มีสถานะสูงมากในระดับนานาชาติ

สามคนนี้ใช่ว่าอิ๋งลู่เวยจะไม่อยากไปทำความรู้จักด้วย

แต่ติดตรงที่นักเปียโนระดับนี้ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ แม้เธอจะเกิดในสี่ตระกูลเศรษฐีก็ตาม

“ใช้ได้” ผู้จัดการส่วนตัวพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “แต่ว่าลู่เวย ยังไงคุณก็เล่นเพลงตะวันกับจันทราไม่ได้ ถ้าหลอกผู้อาวุโสพวกนี้ ต่อไปคุณ…”

“ไม่ต้องเป็นห่วง” อิ๋งลู่เวยยิ้ม “พอถึงเวลาจุดเด่นของคอนเสิร์ตนี้ไม่ใช่ฉันหรอก อีกอย่าง ฉันยังมีวิธีอื่นอีก”

ผู้จัดการส่วนตัวอยากพูดบางอย่าง แต่พอเห็นเธอมั่นใจแบบนี้ก็ไม่ได้เตือนอะไรอีก ครั้นแล้วจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “เวลาหนึ่งชั่วโมง บัตรชมคอนเสิร์ตออนไลน์ขายไปแล้วห้าพันใบ คิดว่าพอถึงเวลาน่าจะขายออกไปได้ถึงห้าหมื่นใบ”

“ถ้าไปเรียกคนในกลุ่มแฟนคลับหน่อย แฟนคลับของคุณน่าจะซื้อกันคนละหลายใบ”

อิ๋งลู่เวยไม่สนใจ ไม่ใส่ใจเรื่องนี้ “คุณจัดการเถอะ พอถึงตอนนั้นโอนเงินเข้าบัญชีฉันก็พอ”

อันที่จริงเซิ่งชิงถังไม่เล่นเน็ต และก็ไม่ชอบพวกแอปโซเชียลแบบเวยปั๋ว

แต่ลูกชายหัวล้านของเขาอยู่ๆ ก็ตะโกนแหกปากโวยวายวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาตอนที่เขากำลังถอนหัวไชเท้า จากนั้นก็เล่าเรื่องในเน็ต

เซิ่งชิงถังโมโหทันที เขารีบล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดส่งข้อความวีแชท

[คุณหมอเทวดา เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมเห็นคุณจะไปคอนเสิร์ตอะไรนั่นล่ะ บอกมาได้เลย จะให้ผมหาคนไปช่วยเป็นกำลังใจให้ไหม]

ทางด้านอิ๋งจื่อจินเพิ่งออกจากเวยปั๋วก็เห็นข้อความวีแชท

เธอนวดศีรษะ ตอบกลับสั้นๆ

[ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ]

[ไม่ๆๆ จะได้ยังไง คุณหมอเทวดา ไม่ต้องอาย ไว้ถึงเวลาผมจะไปพร้อมกับพวกคนในสมาคม รับรองว่ากำลังใจเต็มเปี่ยม เอาให้คนพวกนั้นตะลึงหน้าหงายไปเลย]

[ไม่พูดมากละ ผมจะให้ไอ้ลูกหัวล้านอกตัญญูมันไปซื้อบัตร คุณหมอเทวดา อย่าห้ามผมเลย ผมมันคนใจร้อน]

“…”

อิ๋งจื่อจินละสายตากลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เปิดข้อความส่วนตัวนั้น

เชิญมากินยา : [สหาย เพิ่มเพื่อนหน่อยสิ เดี๋ยวส่งครีมกันแดดไปให้ใช้ฟรีๆ สามขวด ดีไหม]

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย ครั้งนี้เธอกลับสนใจนักปรุงยาพิษที่อยู่อันดับสามของชาร์ตคนนี้

โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ : [ไม่ดีกว่า]

อีกฝ่ายเงียบไปชั่วขณะ

เชิญมากินยา : [ไม่เอาน่า จริงนะ เป็นเพื่อนกันเถอะ ต่อไปจะได้ทำภารกิจด้วยกันไง เอาแบบนี้ ต่อไปถ้าฉันรับภารกิจอะไรจะแบ่งเงินให้ครึ่งหนึ่ง เป็นไง]

พอส่งข้อความนี้ออกไป ระบบก็เด้งขึ้นมาข้อความหนึ่ง

[โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ได้กลายเป็นเพื่อนกับคุณ กรุณาเปลี่ยนชื่อเรียกของอีกฝ่ายเพื่อสะดวกต่อการสนทนา]

เชิญมากินยา : […]

เชิญมากินยา : [สหายคงไม่ใช่คนของตระกูลลอเรนท์หรอกนะ นิสัยแบบนี้]

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ ปิดหน้าต่างสนทนาแล้วออฟไลน์

วันต่อมา

ขณะที่บรรดาแฟนคลับของซังเย่าจือกำลังเตรียมจะโจมตีซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์รอบใหม่ พวกเขาก็พบว่าซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์โพสต์เวยปั๋วข้อความใหม่

แอทซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ : [เมื่อวานซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ได้รวมกับชูกวงมีเดียแล้ว เวยปั๋วนี้จะถูกระงับการใช้งาน]

ด้านล่างเป็นรูปหนังสือสัญญาซื้อกิจการ

หนึ่งนาทีต่อมาชูกวงมีเดียก็แชร์โพสต์นี้

แอทชูกวงมีเดีย : [นับจากวันนี้เป็นต้นไป ดาราในสังกัดซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ทั้งหมดจะถูกโอนมาอยู่ชูกวงมีเดีย หากใครต้องการออกก็สามารถออกได้ทันที ไม่ต้องเสียค่ายกเลิกสัญญา]

ชาวเน็ตต่างตะลึง

[โอ้โห ชูกวงมีเดียอย่างรวย ถึงขั้นซื้อซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์เลย แถมยังเร็วขนาดนี้ด้วย]

[ตรวจสอบเสร็จสิ้น บอสของชูกวงมีเดียรวยมาก อยากถูกรับเลี้ยงจัง]

[ยินดีด้วยจ้า ในที่สุดเนื้อร้ายของวงการบันเทิงอย่างซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ก็หมดไป]

และยังมีคนที่รู้เรื่องราวได้โพสต์เวยปั๋ว

[จะว่าไปพวกเธอยังไม่รู้ใช่ไหมว่าผู้กำกับใหญ่กับทีมงานของกองถ่ายรายการผจญภัยท้าตายถูกจับแล้วนะ รอแค่เวลาขึ้นศาลพิพากษา ติดคุกแหงมๆ]

คอมเมนต์ด้านล่างเต็มไปด้วยเสียงชื่นชม

[เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย สมน้ำหน้า!]

[รับมือกับคนแบบนี้ก็ควรทำงี้แหละ เวรกรรมตามทัน สวรรค์ไม่ปล่อยไว้หรอก]

[ตอนนั้นคนจัดทำแผนยังพูดด้วยว่า ‘สมน้ำหน้าที่ไอดอลของพวกคุณตาย’ ขอโทษนะ ไอดอลของพวกเรายังอยู่ แต่คุณจะติดคุกแล้ว (ยิ้ม)]

[ขอร้อง แอทสำนักงานทนายความซีเฟิง ครั้งนี้ก็ขอลิงก์ถ่ายทอดสดด้วยนะคะ จะดูว่าคนเลวถูกลงโทษยังไง]

นักเรียนของชิงจื้อก็ดูเวยปั๋ว

ในฐานะดารายอดนิยมชั้นแนวหน้า แฟนคลับของซังเย่าจือมีอยู่ไม่น้อย แต่ละห้องมีกว่าครึ่ง

หลังจากที่เรื่องราวได้ข้อสรุป ในที่สุดพวกนักเรียนก็มีสมาธิเรียนหนังสือแล้ว

ลูกน้องเก็บโทรศัพท์มือถือ มองภายในห้องเรียน “พี่หราน เจ๊อวี่ยังไม่มาเหรอ”

“หึหึ” เจียงหรานสีหน้าเรียบเฉย “ไปประคบประหงมพาลูกชายกลับบ้านแล้ว”

ลูกน้อง “?”

เขาเกาหัวพลางถามต่อ “พ่ออิ๋ง พรุ่งนี้จะขึ้นคอนเสิร์ตแล้ว จะไปฝึกที่ห้องเปียโนของโรงเรียนสักหน่อยไหม”

อิ๋งจื่อจินเท้าศีรษะ หาวออกมา “อืม เดี๋ยวก่อน”

เธอไม่ได้แตะเปียโนมานานมากแล้ว ช่วงสองสามวันนี้เพิ่งจะทบทวน

โชคดีที่ร่างกายของเธอดีขึ้นหลังจากบำรุงมาหลายเดือน เล่นเปียโนหนึ่งเพลงยังถือว่าสบายๆ

ถ้าเป็นตอนที่เพิ่งฟื้น อย่าว่าแต่เพลงสงครามศักดิ์สิทธิ์เลย ต่อให้เป็นท่อนเล็กๆ ของตะวันกับจันทรา ร่างกายก็ทนไม่ไหว

รู้แบบนี้ตอนนั้นเขียนโน้ตง่ายๆ ก็ดี

“แฟนคลับของอิ๋งลู่เวยเป็นบ้ากันหมดแล้ว” เจียงหรานแสยะยิ้ม “ไม่รู้จักดูบ้างว่าคนที่ตัวเองชอบเป็นยังไง คู่ควรเหรอ”

ขนาดเขาไม่ชอบเล่นเน็ตยังไปเปิดแอ๊กเคานท์เวยปั๋วไว้หลายอันเพื่อเปิดศึกกับแฟนคลับสมองกลวงพวกนั้น

“พี่หราน พี่เตือนผมขึ้นมาเลยนะเนี่ย” ลูกน้องตีหน้าผากตัวเอง จากนั้นก็หยิบบัตรออกมาจากกระเป๋า “ผมตั้งใจซื้อตั๋วมาเลย ยกทำเลทองให้พี่เลยอะ”

เจียงหรานรับมา ทำสีหน้ารังเกียจ “คอนเสิร์ตขยะแบบนี้ราคาตั้ง 9,999 หยวนเลยเหรอ”

“อย่าให้พูดเลย นี่ผมใช้มือที่เป็นโสดมาสิบเจ็ดปีตบตีแย่งบัตรกับพวกแฟนคลับมาเลยนะ” ลูกน้องบ่น “พี่หราน พี่ไม่เลี้ยงข้าวผมไม่ได้แล้วนะ”

“เลี้ยง” เจียงหรานตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ “คอนเสิร์ตจบเดี๋ยวฉันเลี้ยงทั้งห้อง”

อิ๋งจื่อจินมองบัตรในมือทั้งสองคน นึกถึงเซิ่งชิงถังที่เมื่อวานส่งข้อความมาหาเธอกับเบิร์กที่ต่อมาโทรมาหาเธอ

แต่ละคนก็ซื้อไปหลายใบเหมือนกัน

หลังจากเงียบไปสองวินาทีเธอก็โพสต์เวยปั๋ว

แอทเกษียณแล้วอย่ากวน : [แอทสตูดิโออิ๋งลู่เวย แอทอิ๋งลู่เวย เอาเงินค่าบัตรมา ไม่งั้นไม่ไป]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+