คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 183 เหลือเชื่อ กรรมการสอบสัมภาษณ์คือบอสอิ๋ง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 183 เหลือเชื่อ กรรมการสอบสัมภาษณ์คือบอสอิ๋ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ประตูของโบกี้ที่อยู่ตรงกลางขบวนเปิดออก

เจ้าหน้าที่ขบวนที่ก่อนหน้านี้ขวางเฮ่อสวินลงมาด้วยตัวเอง ต้อนรับเด็กสาวอย่างนอบน้อมขึ้นไป

เธอหันข้างให้ทางนี้ถึงแม้จะอยู่ค่อนข้างห่าง แต่ก็เห็นโครงหน้าอย่างชัดเจน

เฮ่อสวินมองตามเสียงของนักเรียนชายทันแค่เห็นด้านข้างของเธอ เด็กสาวขึ้นรถไฟใต้ดินไปแล้ว

พอประตูปิด ขบวนรถก็เคลื่อนออก

สถานีรถไฟใต้ดินว่างเปล่าอีกครั้งและก็ไม่มีคนอื่น

“เป็นไปได้ยังไง” นักเรียนคลาสนานาชาติที่อยู่ข้างๆ หัวเราะ “อาจารย์เฮ่อพาพวกเรามาที่นี่ยังต้องใช้บัตรผ่าน ต่อให้เธอได้ที่หนึ่งของชั้นมอห้าก็ไม่ใช่คนของมหาวิทยาลัยนอร์ตันสักหน่อย”

ถ้าไม่มีบัตรผ่าน ต่อให้เข้ามาถึงตู้โทรศัพท์นั่นได้ก็ไม่มีทางลงมาถึงสถานีรถไฟใต้ดินนี้ได้

นักเรียนคลาสนานาชาติอีกคนก็พูดด้วย

“นั่นสิ ต่อให้เธออยากกู้ศักดิ์ศรีตามพวกเรามาก็ต้องเข้าไม่ได้สิ”

เพื่อนคลาสนานาชาติพูดแบบนี้ นักเรียนชายก็เริ่มลังเล “ฉันน่าจะมองผิดไป แต่ว่า…”

ใบหน้าอย่างอิ๋งจื่อจินพลังทำลายล้างสูง เรียกได้ว่าไม่มีใครในชิงจื้อไม่รู้จัก

ขอเพียงแต่ได้เจอสักครั้ง ต่อให้เป็นใบหน้าด้านข้างก็ไม่มีทางลืม

เขาคงไม่ถึงกับจำผิดคนเพราะตื่นเต้นเกินไปที่จะได้เข้าไปในมหาวิทยาลัยนอร์ตันหรอกนะ

เฮ่อสวินก็ไม่คิดว่าเขาจะเจออิ๋งจื่อจินที่นี่จริงๆ รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี

คนที่ทำให้รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันมารับด้วยตัวเองได้ ขนาดอธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตูก็ยังไม่มีสิทธิ์

มหาวิทยาลัยนอร์ตันมีศักยภาพอันดับหนึ่งของโลก นำโด่งไปไกล ไม่มีใครโค่นได้

น่าจะเป็นบุคคลชั้นแนวหน้าของแวดวงวิชาการสักแขนงล่ะไม่ว่า

เฮ่อสวินก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

อย่าว่าแต่รองอธิการบดี สี่ปีที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนอร์ตัน เขายังไม่เคยเจอฝ่ายบริหารสักคน

นักศึกษาของคณะระดับ ดี ไม่มีทางได้สัมผัสกับบุคคลสำคัญของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน

บนรถไฟใต้ดิน

ภายในรถไฟใต้ดินขบวนนี้แตกต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ตกแต่งด้วยสไตล์โรมันของยุคกลาง ข้างหน้าต่างยังมีเชิงเทียนกับภาพสีน้ำมัน

ไม่มีเบาะนั่ง แต่เป็นโต๊ะรับแขก โซฟา ชั้นหนังสือ เป็นต้น

ไม่เหมือนขบวนรถไฟ เหมือนห้องที่หรูหรามากกว่า

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น สังเกตเห็นภาพวาดภาพหนึ่ง มีความเป็นสไตล์บาโรกมากทีเดียว เห็นได้ชัดว่าเป็นผลงานของชิโน ฟอน เป็นของจริงเสียด้วย

ภาพสีน้ำมันที่แพงที่สุดของชิโน ฟอน เคยถูกประมูลที่ราคาเกินสามร้อยล้านดอลลาร์

ถึงแม้จะเป็นตอนนั้นในยุโรปโบราณ ภาพวาดของเขาก็มีค่ามากเหมือนกัน

เพราะเป็นหนึ่งในจิตรกรที่ตระกูลลอเรนท์ให้ทุนสนับสนุน ผลงานภาพวาดส่วนใหญ่ของชิโน ฟอนถูกเก็บไว้ในตระกูลลอเรนท์

ตอนนี้ยังมีจำนวนไม่น้อยที่ถูกวางไว้ในคลังสมบัติห้องใต้ดินของซีซาร์

ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพที่ตอนนั้นอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันได้รับตอบแทนหลังจากที่ใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขา

เจ้าหน้าที่ขบวนถอยออกไป โบกี้นี้จึงเหลือเพียงรองอธิการบดีที่นั่งตัวเกร็งตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอด

หลังจากที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าก็เงยหน้าขึ้นชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว

ตอนที่เขาเห็นเด็กสาว รองอธิการบดีเอามือจับตรงหัวใจตัวเอง สายตาจับจ้อง เกือบหยุดหายใจ

เขาขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง ขยี้ตาอีกรอบ หยิกต้นขาตัวเองจนร้องซี้ด

“เลิกมองได้แล้ว” อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปนั่งที่โซฟา ยกถ้วยโกโก้ร้อนบนโต๊ะรับแขกขึ้นมา “หน้าจริง”

รองอธิการบดีที่กำลังเตรียมจะหยิบแว่นขยายออกมา “…”

เขาชักมือกลับด้วยความกระอักกระอ่วน “เพราะไม่เคยเห็นคุณในสภาพนี้มาก่อน”

เวลาผ่านมาตั้งสองร้อยกว่าปี ยุคสมัยก็เปลี่ยนไปเร็วมาก

เมื่อวานยังเป็น สี่จี วันนี้ก็ออก ห้าจี แล้ว

เล่นเอาเขาที่เดิมทีควรนอนฝังเป็นวัตถุโบราณไปแล้วจำต้องเรียนรู้ตามไปด้วย

แต่ต่อให้วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปเร็วแค่ไหนก็สู้แรงสะเทือนที่อิ๋งจื่อจินมีให้เขาวันนี้ไม่ได้

เมื่อก่อนเคยร่วมงานกันสามปี เขาไม่เคยเห็นเธอใส่ชุดสีอื่นนอกจากสีดำเลยจริงๆ

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา

รองอธิการบดีรีบนั่งตัวตรงทันที กระแอมเล็กน้อยแล้วพูดอย่างจริงจัง

“วางใจได้ครับ มีแค่ผมที่รู้ว่าคุณมา”

“เพื่อป้องกันคนอื่นจำได้ นับตั้งแต่วันนั้นที่คุณโพสต์กระทู้ ทุกวันผมจะให้ทางมหาวิทยาลัยปล่อยขบวนรถไฟใต้ดินมาเช้ากลางวันเย็นรอบละสามขบวน และก็จัดให้คนสารพัดจากหลายที่มายังเมืองนอร์ตัน”

“ทุกอย่างปกติดียกเว้นวันนี้ที่เกิดเหตุการณ์นิดหน่อย”

อิ๋งจื่อจินหยิบมัฟฟินช็อกโกแลตขึ้นมาหนึ่งชิ้น พอได้ฟังก็เหลือบมอง พูดตอบคำเดียว “อืม”

รองอธิการบดี “…”

เจอกันอีกครั้งหลังสองร้อยปี เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้รับคำชม

หลังจากกินมัฟฟินช็อกโกแลตเสร็จอิ๋งจื่อจินก็ถาม “ร่างกายเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ค่อยดีครับ” รองอธิการบดีอึ้งก่อน จากนั้นก็ส่ายหน้า “ถึงแม้ท่านอธิการจะช่วยใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุเปลี่ยนแปลงร่างกายให้ผม แต่ช่วงหลายปีมานี้ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเองมาถึงสุดขีดจำกัดแล้วครับ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า

นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย

ต่อให้วิชาเล่นแร่แปรธาตุจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ต้องดำเนินตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ เพียงแต่การขุดขีดจำกัดของที่ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์ออกมาจนสุด ไม่มีทางที่จะทำให้มนุษย์เป็นอมตะไม่แก่ชรา

“ทำไมอยู่ๆ คุณถึงอยากได้บัตรเชิญล่ะครับ” รองอธิการบดีสงสัย “ตอนนั้นท่านอธิการก็บอกแล้วว่าให้คุณเป็นอธิการ แต่คุณไม่ยอม”

“เดิมทีไม่ได้อยากรับ” อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “จะใช้เส้นให้น้องชายตัวเอง”

รองอธิการบดีที่เดิมทีคิดว่าเธอมาเยี่ยมเขากับอธิการบดี “…”

“ฉันไม่ได้จะมาอยู่มาตลอด” อิ๋งจื่อจินมองไปนอกหน้าต่าง “มาตรฐานการรับนักศึกษาของพวกคุณในช่วงหลายปีมานี้คืออะไร”

“คุณเองก็ทราบ หลังจากเข้ายุคเทคโนโลยี ปริมาณข้อมูลก็มีมากเหลือเกิน ถ้าทางมหาวิทยาลัยเปิดแค่วิชาพวกนั้น ความลับได้ถูกเปิดเผยเข้าสักวันในไม่ช้าก็เร็ว” รองอธิการบดีปาดเหงื่อ “แต่จะให้ปรับปรุงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมกับท่านอธิการเลยหารือกันว่าให้แบ่งระดับ”

“ระดับ เอส ขึ้นไปก็เช่น สาขาเล่นแร่แปรธาตุ สาขาเหนือธรรมชาติ สาขาเครื่องกล เป็นต้น มีผมกับแผนกรับนักศึกษาคอยหานักศึกษาด้วยตัวเองครับ”

“คณะระดับ เอ ถึงระดับ ดี ไม่ได้ต่างจากวิชาของมหาวิทยาลัยอื่น นักศึกษาชุดนี้จะรับมาโดยพวกอาจารย์ที่อยู่ข้างล่าง ค่อนข้างวุ่นวาย เก่งกับไม่เก่งปนกันไปหมด”

“กว่าผมจะได้ไปตรวจสอบก็พบว่าหลายคนที่ไม่ได้มาตรฐานถูกรับเข้ามาแล้ว ครั้นแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อนผมถึงได้กำหนดการสอบวัดผล หากสอบวัดผลไม่ผ่านก็จะถูกยึดใบจบการศึกษา”

รองอธิการบดีชูสองมือ “ผมสาบานเลยว่าไม่ใช่เป็นเพราะมหาวิทยาลัยเรามาตรฐานต่ำลง ยังไงซะนักศึกษาชุดนี้ก็ไม่มีทางได้สัมผัสกับหัวใจสำคัญของมหาวิทยาลัย”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “งั้นอันดับหนึ่งของโลกล่ะ”

“คือ…” รองอธิการบดีเกาหัว ผายมือออก “น่าจะเป็นเพราะท่านอธิการเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา คุณก็รู้ว่าสมองของคนที่เล่นแร่แปรธาตุมันไม่ปกติอยู่แล้ว”

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ

ก็จริงนะ

สิบกว่านาทีต่อมาขบวนรถไฟใต้ดินก็หยุดลง

ประตูเปิดออก อิ๋งจื่อจินลงไป เธอเงยหน้าขึ้น

ภาพที่เข้ามาในดวงตาเป็นเกาะขนาดมหึมา โอบล้อมด้วยน้ำ โออ่ายิ่งใหญ่ กว้างสุดลูกหูลูกตา

ตึกสูงเรียงรายภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี แสงไฟสว่างไสว

หอนาฬิกาที่อยู่ตรงกลางสุดเกิดเสียง ดังไกลและยาวนาน

นี่คือมหาวิทยาลัยนอร์ตัน

รถไฟใต้ดินวิ่งจากใต้เมืองนอร์ตันข้ามมหาสมุทรมาจนถึงภายในมหาวิทยาลัย

อีกทั้งบริเวณโดยรอบของเกาะแห่งนี้มีระบบคุ้มกันที่หนาแน่นเป็นพิเศษ

หลังจากเข้ามาสัญญาณต่างๆ ของโลกภายนอกจะถูกตัดโดยอัตโนมัติ ปลอดภัยขั้นสุด

“พื้นที่ของมหาวิทยาลัยใหญ่กว่าตอนที่เพิ่งก่อตั้งมากทีเดียวครับ” รองอธิการบดีกระโดดลงจากรถไฟใต้ดิน ดูเวลา “วันนี้ก็ดึกมากแล้ว เชิญไปพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้ผมจะพาชมรอบๆ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ไปเถอะ”

รองอธิการบดีพาอิ๋งจื่อจินไปยังใจกลางสำคัญของมหาวิทยาลัย จำเป็นต้องใช้รอยนิ้วมือ สแกนใบหน้า รูดบัตร รวมถึงคำสั่งลับเดินสามก้าว

ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันคนอย่างนักแปลงโฉมเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย

นอกจากตระกูลลอเรนท์แล้ว มหาวิทยาลัยนอร์ตันเป็นสถานที่ที่นักล่าติดชาร์ตเอ็นโอเคต่างหมายปองที่สุด มีงานล่ารางวัลจำนวนไม่น้อยที่ตั้งโจทย์ขอภาพถ่ายใจกลางสำคัญของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน เพียงแต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จสักครั้งเดียว

“ทางนั้นเป็นหอพักของนักศึกษาคณะที่ต่ำกว่าระดับ เอส ลงมา” รองอธิการบดีชี้ “ช่วงนี้กำลังสอบวัดผลพวกเขา ยังไงซะทางมหาวิทยาลัยก็ให้โอกาสแล้ว ผ่านไม่ได้ก็ต้องออกไป”

ช่วงไม่กี่ปีมานี้โดยเฉพาะคณะระดับ ดี มีคนผ่านการสอบวัดผลอยู่ไม่กี่คน

แต่ใครก็ตามที่ผ่านได้ล้วนเป็นหัวกะทิของวงการต่างๆ

ทั้งสองคนเดินผ่านเขตหอพักไปยังเกาะใน

ตลอดทางไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ

นอกจากพวกศาสตราจารย์ที่รับนักศึกษา คนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยไม่มีใครเคยเห็นรองอธิการบดี

อาจารย์ของเฮ่อสวินก็เช่นกัน

ตอนที่เขาเห็นเฮ่อสวินเอาแต่มองฝั่งตรงข้ามอย่างอึ้งๆ จึงเตือนเขาทันที “เฮ่อ นายพักที่นี่ไปก่อนนะ ด้านนั้นเป็นของคณะระดับ เอส”

เฮ่อสวินหันกลับมาทันที เหงื่อออกเต็มแผ่นหลัง “ผมทราบครับอาจารย์”

ชะงักเล็กน้อยแล้วถามต่อ “อาจารย์ครับ มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่ไปเรียนมัธยมปลายข้างนอกไหมครับ”

“จะเป็นไปได้ยังไง” อาจารย์ตกใจ ยิ้มออกมา “เข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้ไม่มีทางไปเรียนมอปลายแน่นอน”

เฮ่อสวินเองก็รู้สึกว่าความคิดของเขาเหลวไหลเกินไป

เขาต้องมองผิดไปแน่นอน

อิ๋งจื่อจินไม่มีทางมาอยู่ที่นี่

“จริงสิเฮ่อ” อาจารย์พูดไปเดินไป “เมื่อกี้ผมเพิ่งได้รับแจ้งจากเบื้องบนมาว่า การสอบวัดผลของพวกคุณจะมีกรรมการสัมภาษณ์คนใหม่มา”

สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “กรรมการสัมภาษณ์คนนี้เป็นประธานมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ผมเองก็ไม่เคยเจอ แต่เข้มงวดกว่าเมื่อก่อนแน่นอน นาย…เฮ้อ”

เอาเป็นว่าในสายตาของเขาเฮ่อสวินไม่มีทางผ่าน

เฮ่อสวินเม้มริมฝีปาก “ทราบแล้วครับอาจารย์”

สองวันต่อมา

เฮ่อสวินพานักเรียนสามคนไปที่สนามสอบสัมภาษณ์แต่เช้า

คนที่มาสอบสัมภาษณ์วันนี้ยังมีมาจากที่อื่นอีก แบ่งเป็นหลายสนามสอบ

เฮ่อสวินดูเวลา หันไปพูดกับนักเรียนชาย “เข้าไปเถอะ”

นักเรียนชายพยักหน้า เปิดประตูเข้าไปด้วยความมั่นใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 183 เหลือเชื่อ กรรมการสอบสัมภาษณ์คือบอสอิ๋ง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 183 เหลือเชื่อ กรรมการสอบสัมภาษณ์คือบอสอิ๋ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ประตูของโบกี้ที่อยู่ตรงกลางขบวนเปิดออก

เจ้าหน้าที่ขบวนที่ก่อนหน้านี้ขวางเฮ่อสวินลงมาด้วยตัวเอง ต้อนรับเด็กสาวอย่างนอบน้อมขึ้นไป

เธอหันข้างให้ทางนี้ถึงแม้จะอยู่ค่อนข้างห่าง แต่ก็เห็นโครงหน้าอย่างชัดเจน

เฮ่อสวินมองตามเสียงของนักเรียนชายทันแค่เห็นด้านข้างของเธอ เด็กสาวขึ้นรถไฟใต้ดินไปแล้ว

พอประตูปิด ขบวนรถก็เคลื่อนออก

สถานีรถไฟใต้ดินว่างเปล่าอีกครั้งและก็ไม่มีคนอื่น

“เป็นไปได้ยังไง” นักเรียนคลาสนานาชาติที่อยู่ข้างๆ หัวเราะ “อาจารย์เฮ่อพาพวกเรามาที่นี่ยังต้องใช้บัตรผ่าน ต่อให้เธอได้ที่หนึ่งของชั้นมอห้าก็ไม่ใช่คนของมหาวิทยาลัยนอร์ตันสักหน่อย”

ถ้าไม่มีบัตรผ่าน ต่อให้เข้ามาถึงตู้โทรศัพท์นั่นได้ก็ไม่มีทางลงมาถึงสถานีรถไฟใต้ดินนี้ได้

นักเรียนคลาสนานาชาติอีกคนก็พูดด้วย

“นั่นสิ ต่อให้เธออยากกู้ศักดิ์ศรีตามพวกเรามาก็ต้องเข้าไม่ได้สิ”

เพื่อนคลาสนานาชาติพูดแบบนี้ นักเรียนชายก็เริ่มลังเล “ฉันน่าจะมองผิดไป แต่ว่า…”

ใบหน้าอย่างอิ๋งจื่อจินพลังทำลายล้างสูง เรียกได้ว่าไม่มีใครในชิงจื้อไม่รู้จัก

ขอเพียงแต่ได้เจอสักครั้ง ต่อให้เป็นใบหน้าด้านข้างก็ไม่มีทางลืม

เขาคงไม่ถึงกับจำผิดคนเพราะตื่นเต้นเกินไปที่จะได้เข้าไปในมหาวิทยาลัยนอร์ตันหรอกนะ

เฮ่อสวินก็ไม่คิดว่าเขาจะเจออิ๋งจื่อจินที่นี่จริงๆ รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี

คนที่ทำให้รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันมารับด้วยตัวเองได้ ขนาดอธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตูก็ยังไม่มีสิทธิ์

มหาวิทยาลัยนอร์ตันมีศักยภาพอันดับหนึ่งของโลก นำโด่งไปไกล ไม่มีใครโค่นได้

น่าจะเป็นบุคคลชั้นแนวหน้าของแวดวงวิชาการสักแขนงล่ะไม่ว่า

เฮ่อสวินก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

อย่าว่าแต่รองอธิการบดี สี่ปีที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนอร์ตัน เขายังไม่เคยเจอฝ่ายบริหารสักคน

นักศึกษาของคณะระดับ ดี ไม่มีทางได้สัมผัสกับบุคคลสำคัญของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน

บนรถไฟใต้ดิน

ภายในรถไฟใต้ดินขบวนนี้แตกต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ตกแต่งด้วยสไตล์โรมันของยุคกลาง ข้างหน้าต่างยังมีเชิงเทียนกับภาพสีน้ำมัน

ไม่มีเบาะนั่ง แต่เป็นโต๊ะรับแขก โซฟา ชั้นหนังสือ เป็นต้น

ไม่เหมือนขบวนรถไฟ เหมือนห้องที่หรูหรามากกว่า

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น สังเกตเห็นภาพวาดภาพหนึ่ง มีความเป็นสไตล์บาโรกมากทีเดียว เห็นได้ชัดว่าเป็นผลงานของชิโน ฟอน เป็นของจริงเสียด้วย

ภาพสีน้ำมันที่แพงที่สุดของชิโน ฟอน เคยถูกประมูลที่ราคาเกินสามร้อยล้านดอลลาร์

ถึงแม้จะเป็นตอนนั้นในยุโรปโบราณ ภาพวาดของเขาก็มีค่ามากเหมือนกัน

เพราะเป็นหนึ่งในจิตรกรที่ตระกูลลอเรนท์ให้ทุนสนับสนุน ผลงานภาพวาดส่วนใหญ่ของชิโน ฟอนถูกเก็บไว้ในตระกูลลอเรนท์

ตอนนี้ยังมีจำนวนไม่น้อยที่ถูกวางไว้ในคลังสมบัติห้องใต้ดินของซีซาร์

ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพที่ตอนนั้นอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันได้รับตอบแทนหลังจากที่ใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขา

เจ้าหน้าที่ขบวนถอยออกไป โบกี้นี้จึงเหลือเพียงรองอธิการบดีที่นั่งตัวเกร็งตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอด

หลังจากที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าก็เงยหน้าขึ้นชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว

ตอนที่เขาเห็นเด็กสาว รองอธิการบดีเอามือจับตรงหัวใจตัวเอง สายตาจับจ้อง เกือบหยุดหายใจ

เขาขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง ขยี้ตาอีกรอบ หยิกต้นขาตัวเองจนร้องซี้ด

“เลิกมองได้แล้ว” อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปนั่งที่โซฟา ยกถ้วยโกโก้ร้อนบนโต๊ะรับแขกขึ้นมา “หน้าจริง”

รองอธิการบดีที่กำลังเตรียมจะหยิบแว่นขยายออกมา “…”

เขาชักมือกลับด้วยความกระอักกระอ่วน “เพราะไม่เคยเห็นคุณในสภาพนี้มาก่อน”

เวลาผ่านมาตั้งสองร้อยกว่าปี ยุคสมัยก็เปลี่ยนไปเร็วมาก

เมื่อวานยังเป็น สี่จี วันนี้ก็ออก ห้าจี แล้ว

เล่นเอาเขาที่เดิมทีควรนอนฝังเป็นวัตถุโบราณไปแล้วจำต้องเรียนรู้ตามไปด้วย

แต่ต่อให้วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปเร็วแค่ไหนก็สู้แรงสะเทือนที่อิ๋งจื่อจินมีให้เขาวันนี้ไม่ได้

เมื่อก่อนเคยร่วมงานกันสามปี เขาไม่เคยเห็นเธอใส่ชุดสีอื่นนอกจากสีดำเลยจริงๆ

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา

รองอธิการบดีรีบนั่งตัวตรงทันที กระแอมเล็กน้อยแล้วพูดอย่างจริงจัง

“วางใจได้ครับ มีแค่ผมที่รู้ว่าคุณมา”

“เพื่อป้องกันคนอื่นจำได้ นับตั้งแต่วันนั้นที่คุณโพสต์กระทู้ ทุกวันผมจะให้ทางมหาวิทยาลัยปล่อยขบวนรถไฟใต้ดินมาเช้ากลางวันเย็นรอบละสามขบวน และก็จัดให้คนสารพัดจากหลายที่มายังเมืองนอร์ตัน”

“ทุกอย่างปกติดียกเว้นวันนี้ที่เกิดเหตุการณ์นิดหน่อย”

อิ๋งจื่อจินหยิบมัฟฟินช็อกโกแลตขึ้นมาหนึ่งชิ้น พอได้ฟังก็เหลือบมอง พูดตอบคำเดียว “อืม”

รองอธิการบดี “…”

เจอกันอีกครั้งหลังสองร้อยปี เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้รับคำชม

หลังจากกินมัฟฟินช็อกโกแลตเสร็จอิ๋งจื่อจินก็ถาม “ร่างกายเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ค่อยดีครับ” รองอธิการบดีอึ้งก่อน จากนั้นก็ส่ายหน้า “ถึงแม้ท่านอธิการจะช่วยใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุเปลี่ยนแปลงร่างกายให้ผม แต่ช่วงหลายปีมานี้ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเองมาถึงสุดขีดจำกัดแล้วครับ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า

นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย

ต่อให้วิชาเล่นแร่แปรธาตุจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ต้องดำเนินตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ เพียงแต่การขุดขีดจำกัดของที่ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์ออกมาจนสุด ไม่มีทางที่จะทำให้มนุษย์เป็นอมตะไม่แก่ชรา

“ทำไมอยู่ๆ คุณถึงอยากได้บัตรเชิญล่ะครับ” รองอธิการบดีสงสัย “ตอนนั้นท่านอธิการก็บอกแล้วว่าให้คุณเป็นอธิการ แต่คุณไม่ยอม”

“เดิมทีไม่ได้อยากรับ” อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “จะใช้เส้นให้น้องชายตัวเอง”

รองอธิการบดีที่เดิมทีคิดว่าเธอมาเยี่ยมเขากับอธิการบดี “…”

“ฉันไม่ได้จะมาอยู่มาตลอด” อิ๋งจื่อจินมองไปนอกหน้าต่าง “มาตรฐานการรับนักศึกษาของพวกคุณในช่วงหลายปีมานี้คืออะไร”

“คุณเองก็ทราบ หลังจากเข้ายุคเทคโนโลยี ปริมาณข้อมูลก็มีมากเหลือเกิน ถ้าทางมหาวิทยาลัยเปิดแค่วิชาพวกนั้น ความลับได้ถูกเปิดเผยเข้าสักวันในไม่ช้าก็เร็ว” รองอธิการบดีปาดเหงื่อ “แต่จะให้ปรับปรุงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมกับท่านอธิการเลยหารือกันว่าให้แบ่งระดับ”

“ระดับ เอส ขึ้นไปก็เช่น สาขาเล่นแร่แปรธาตุ สาขาเหนือธรรมชาติ สาขาเครื่องกล เป็นต้น มีผมกับแผนกรับนักศึกษาคอยหานักศึกษาด้วยตัวเองครับ”

“คณะระดับ เอ ถึงระดับ ดี ไม่ได้ต่างจากวิชาของมหาวิทยาลัยอื่น นักศึกษาชุดนี้จะรับมาโดยพวกอาจารย์ที่อยู่ข้างล่าง ค่อนข้างวุ่นวาย เก่งกับไม่เก่งปนกันไปหมด”

“กว่าผมจะได้ไปตรวจสอบก็พบว่าหลายคนที่ไม่ได้มาตรฐานถูกรับเข้ามาแล้ว ครั้นแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อนผมถึงได้กำหนดการสอบวัดผล หากสอบวัดผลไม่ผ่านก็จะถูกยึดใบจบการศึกษา”

รองอธิการบดีชูสองมือ “ผมสาบานเลยว่าไม่ใช่เป็นเพราะมหาวิทยาลัยเรามาตรฐานต่ำลง ยังไงซะนักศึกษาชุดนี้ก็ไม่มีทางได้สัมผัสกับหัวใจสำคัญของมหาวิทยาลัย”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “งั้นอันดับหนึ่งของโลกล่ะ”

“คือ…” รองอธิการบดีเกาหัว ผายมือออก “น่าจะเป็นเพราะท่านอธิการเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา คุณก็รู้ว่าสมองของคนที่เล่นแร่แปรธาตุมันไม่ปกติอยู่แล้ว”

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ

ก็จริงนะ

สิบกว่านาทีต่อมาขบวนรถไฟใต้ดินก็หยุดลง

ประตูเปิดออก อิ๋งจื่อจินลงไป เธอเงยหน้าขึ้น

ภาพที่เข้ามาในดวงตาเป็นเกาะขนาดมหึมา โอบล้อมด้วยน้ำ โออ่ายิ่งใหญ่ กว้างสุดลูกหูลูกตา

ตึกสูงเรียงรายภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี แสงไฟสว่างไสว

หอนาฬิกาที่อยู่ตรงกลางสุดเกิดเสียง ดังไกลและยาวนาน

นี่คือมหาวิทยาลัยนอร์ตัน

รถไฟใต้ดินวิ่งจากใต้เมืองนอร์ตันข้ามมหาสมุทรมาจนถึงภายในมหาวิทยาลัย

อีกทั้งบริเวณโดยรอบของเกาะแห่งนี้มีระบบคุ้มกันที่หนาแน่นเป็นพิเศษ

หลังจากเข้ามาสัญญาณต่างๆ ของโลกภายนอกจะถูกตัดโดยอัตโนมัติ ปลอดภัยขั้นสุด

“พื้นที่ของมหาวิทยาลัยใหญ่กว่าตอนที่เพิ่งก่อตั้งมากทีเดียวครับ” รองอธิการบดีกระโดดลงจากรถไฟใต้ดิน ดูเวลา “วันนี้ก็ดึกมากแล้ว เชิญไปพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้ผมจะพาชมรอบๆ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ไปเถอะ”

รองอธิการบดีพาอิ๋งจื่อจินไปยังใจกลางสำคัญของมหาวิทยาลัย จำเป็นต้องใช้รอยนิ้วมือ สแกนใบหน้า รูดบัตร รวมถึงคำสั่งลับเดินสามก้าว

ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันคนอย่างนักแปลงโฉมเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย

นอกจากตระกูลลอเรนท์แล้ว มหาวิทยาลัยนอร์ตันเป็นสถานที่ที่นักล่าติดชาร์ตเอ็นโอเคต่างหมายปองที่สุด มีงานล่ารางวัลจำนวนไม่น้อยที่ตั้งโจทย์ขอภาพถ่ายใจกลางสำคัญของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน เพียงแต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จสักครั้งเดียว

“ทางนั้นเป็นหอพักของนักศึกษาคณะที่ต่ำกว่าระดับ เอส ลงมา” รองอธิการบดีชี้ “ช่วงนี้กำลังสอบวัดผลพวกเขา ยังไงซะทางมหาวิทยาลัยก็ให้โอกาสแล้ว ผ่านไม่ได้ก็ต้องออกไป”

ช่วงไม่กี่ปีมานี้โดยเฉพาะคณะระดับ ดี มีคนผ่านการสอบวัดผลอยู่ไม่กี่คน

แต่ใครก็ตามที่ผ่านได้ล้วนเป็นหัวกะทิของวงการต่างๆ

ทั้งสองคนเดินผ่านเขตหอพักไปยังเกาะใน

ตลอดทางไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ

นอกจากพวกศาสตราจารย์ที่รับนักศึกษา คนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยไม่มีใครเคยเห็นรองอธิการบดี

อาจารย์ของเฮ่อสวินก็เช่นกัน

ตอนที่เขาเห็นเฮ่อสวินเอาแต่มองฝั่งตรงข้ามอย่างอึ้งๆ จึงเตือนเขาทันที “เฮ่อ นายพักที่นี่ไปก่อนนะ ด้านนั้นเป็นของคณะระดับ เอส”

เฮ่อสวินหันกลับมาทันที เหงื่อออกเต็มแผ่นหลัง “ผมทราบครับอาจารย์”

ชะงักเล็กน้อยแล้วถามต่อ “อาจารย์ครับ มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่ไปเรียนมัธยมปลายข้างนอกไหมครับ”

“จะเป็นไปได้ยังไง” อาจารย์ตกใจ ยิ้มออกมา “เข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้ไม่มีทางไปเรียนมอปลายแน่นอน”

เฮ่อสวินเองก็รู้สึกว่าความคิดของเขาเหลวไหลเกินไป

เขาต้องมองผิดไปแน่นอน

อิ๋งจื่อจินไม่มีทางมาอยู่ที่นี่

“จริงสิเฮ่อ” อาจารย์พูดไปเดินไป “เมื่อกี้ผมเพิ่งได้รับแจ้งจากเบื้องบนมาว่า การสอบวัดผลของพวกคุณจะมีกรรมการสัมภาษณ์คนใหม่มา”

สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “กรรมการสัมภาษณ์คนนี้เป็นประธานมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ผมเองก็ไม่เคยเจอ แต่เข้มงวดกว่าเมื่อก่อนแน่นอน นาย…เฮ้อ”

เอาเป็นว่าในสายตาของเขาเฮ่อสวินไม่มีทางผ่าน

เฮ่อสวินเม้มริมฝีปาก “ทราบแล้วครับอาจารย์”

สองวันต่อมา

เฮ่อสวินพานักเรียนสามคนไปที่สนามสอบสัมภาษณ์แต่เช้า

คนที่มาสอบสัมภาษณ์วันนี้ยังมีมาจากที่อื่นอีก แบ่งเป็นหลายสนามสอบ

เฮ่อสวินดูเวลา หันไปพูดกับนักเรียนชาย “เข้าไปเถอะ”

นักเรียนชายพยักหน้า เปิดประตูเข้าไปด้วยความมั่นใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+