คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 188 คุณชายฟู่ก็เปิดเผยตัวตน บอสมาแล้ว

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 188 คุณชายฟู่ก็เปิดเผยตัวตน บอสมาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คราวนี้พนักงานเคานท์เตอร์อึ้งหนักเข้าไปใหญ่ หยั่งเชิงถาม “คุณนายน้อยหมายความว่าให้ไปเชิญคุณชายเจ็ดออกไปเหรอคะ”

“ใช่ ให้เขาออกไป” ซูหร่วนจับสร้อยเพชรเส้นหนึ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย ฟังดูเหมือนไม่ใส่ใจ “ฉันคิดว่าฉันน่าจะมีสิทธิ์ทำแบบนี้อยู่บ้าง”

เธอแต่งเข้าตระกูลฟู่ พูดให้เพราะหน่อยก็ เรียกว่าลดฐานะลงมาแต่งด้วย

อย่าว่าแต่ฟู่อวิ๋นเซินเลย ถ้าไม่ติดว่ามีสัญญาแต่งงานกันไว้แล้ว แม้แต่ฟู่อี้หันเธอก็ไม่แต่งด้วยหรอก

ตระกูลซูเป็นตระกูลเศรษฐีของตี้ตู เป็นตระกูลเก่าแก่ร้อยปีเช่นกัน

ถึงแม้ตระกูลฟู่จะเป็นหัวหน้าของสี่ตระกูลใหญ่ แต่ก็ยังห่างชั้นอยู่ไกล

ถ้าไม่ติดว่าปู่ของเธอดึงดันจะตอบรับคำขอของผู้เฒ่าฟู่ เธอไม่มีทางแต่งงานมาอยู่ฮู่เฉิง

ซูหร่วนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลซูในรุ่นนี้ เธอมีพี่ชายสี่คน โดนตามใจมาตั้งแต่เด็กจนโต

เธอคิดมาตลอดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่เธอต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ทั้งยังเคยจินตนาการถึงความรักโรแมนติกแบบในนิยาย

ปรากฏว่าสุดท้ายทุกอย่างดับสลาย

สัญญาแต่งงาน คนที่เธอต้องแต่งด้วยคือผู้ชายเสเพล

หลังจากเรื่องถูกกำหนดแน่นอนแล้วเธอก็ไม่ได้ไปหาผู้เฒ่าซู แต่ไปหาฟู่อี้หัน

ฟู่อวิ๋นเซินจะแต่งงานกับเธอก็ต้องวัดกันที่เขามีคุณสมบัติหรือไม่

เธอยอมแต่งกับฟู่อี้หันดีกว่าแต่งกับฟู่อวิ๋นเซินให้กลายเป็นเรื่องตลกของเมืองฮู่เฉิง กลายเป็นเรื่องที่คนหยิบยกขึ้นมาคุยหลังกินข้าว

นี่ก็คือสิ่งที่ต้องแลก

แต่สองปีนี้ที่แต่งงานกันมาซูหร่วนก็เห็นความดีของฟู่อี้หัน นานวันเข้าก็ก่อเกิดเป็นความรัก

ตอนที่รู้ว่าผู้เฒ่าฟู่ลำเอียงไปทางคนเสเพลนั่น เธอก็ไม่เคยคิดจะให้เกียรติฟู่อวิ๋นเซินจริงๆ

ใครบ้างไม่คิดว่าผู้เฒ่าฟู่ตาบอด

ซูหร่วนหันหน้า เชิดคางเบาๆ “ยังไม่ไปอีก”

พนักงานเคานท์เตอร์ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้วตัดสินใจ

ฟู่อวิ๋นเซินเป็นหนุ่มเสเพลอันดับหนึ่งของฮู่เฉิง เป็นคนโปรดของผู้เฒ่าฟู่ แต่ในความเป็นจริงไม่มีอำนาจอะไรแม้แต่น้อย

แต่ฟู่อี้หันไม่เหมือนกัน

ฟู่อี้หันเป็นหลานชายคนโตของตระกูลฟู่ ว่าที่ผู้สืบทอดฟู่ซื่อกรุ๊ป

นอกจากนี้เขาก็มีความสามารถในตัวเอง ไม่อาศัยอิทธิพลของตระกูลฟู่ก็มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจของตี้ตูแล้ว

“คุณนายน้อยรอสักครู่นะคะ” พนักงานยิ้ม “คุณเป็นลูกค้าวีไอพีของเรา พวกเราจะให้คุณออกไปได้ยังไง”

ซูหร่วนถึงพอใจ ก้มหน้าเริ่มลองสร้อย

พนักงานรีบเดินไปที่ทางเข้าห้าง พูดด้วยสีหน้าเชิงขอโทษ “ขอโทษด้วยค่ะคุณชายเจ็ด คุณนายน้อยอยู่ข้างใน เธอไม่อยากเห็นคุณ รบกวนรีบออกไปโดยเร็วด้วยนะคะ”

ประโยคเดียวทำให้ลูกค้าคนอื่นๆ ของห้างก็หันมามอง

สายตามีทั้งแปลกใจ ทั้งพิจารณา

หน้าตาของฟู่อวิ๋นเซินสะดุดตาเกินไป ไม่มีใครในแวดวงไฮโซของฮู่เฉิงไม่รู้จักเขา

คนที่เข้ามาในห้างเซ็นจูรี่ได้ก็มีแต่คนรวยทั้งนั้น

อิ๋งจื่อจินก็ได้ยิน ดวงตาขยับ จะเงยหน้าขึ้น

“ไม่เป็นไรเยาเยา พักไปก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินจับศีรษะของเธอ ท่าทางอ่อนโยน

เขาไม่มองพนักงานคนนั้น อุ้มอิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปในห้าง

พนักงานทั้งกระอักกระอ่วนทั้งหน้าเสีย “คุณนายน้อย คือ…”

ซูหร่วนหน้านิ่ว พูดเสียงเย็นชา “ฟู่อวิ๋นเซิน ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ กรุณาออกไปด้วย”

“คุณน่าจะรู้นะว่าคุณกับฉันปรากฏตัวในที่เดียวพร้อมกัน คนข้างนอกจะเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายขนาดไหน”

คำพูดนี้ในที่สุดก็ทำให้ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเดิน

เขาหันหน้ามา ดวงตาดอกท้อโค้งมน กำลังยิ้ม แต่น้ำเสียงกลับเย็นชา ชวนให้ตัวสั่น “หืม? วิจารณ์อะไร”

ซูหร่วนชักหงุดหงิด “อะไรน่ะเหรอ ในใจคุณน่าจะรู้ดี”

ก็คงหนีไม่พ้นฟู่อวิ๋นเซินยังตัดใจจากเธอไม่ได้เรื่องที่ถูกถอนหมั้น สะกดรอยตามเธอเข้ามาถึงในห้าง

ฟู่อวิ๋นเซินใช้มือซ้ายหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

แขนของเขาแข็งแรงมาก ถึงแม้จะใช้มือเดียวเขาก็ยังอุ้มเด็กสาวไว้ได้อย่างมั่นคง

“ฟู่อี้หัน” ฟู่อวิ๋นเซินมองนาฬิกาบนกำแพง “มาที่ห้างเซ็นจูรี่สาขาถนนคนเดินเดี๋ยวนี้ภายในห้านาที ฉันรู้ว่านายอยู่ที่บริษัท”

ซูหร่วนอึ้งก่อน จากนั้นก็โมโหจนแสยะยิ้ม “คุณชายเจ็ด คุยกับพี่ใหญ่ของตัวเองด้วยท่าทางแบบไหนกันน่ะ ไม่รู้เหรอว่าความเคารพคืออะไร”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจเธอ เขาเหลือบตาขึ้น พูดกับพนักงานเคานท์เตอร์อีกคน “ไปทำน้ำต้มน้ำตาลทรายแดง”

พนักงานคนนั้นไม่พูดอะไร รีบไปเตรียมทันที

เขาก้มตัว วางอิ๋งจื่อจินลงบนโซฟาแล้วนั่งอีกด้านหนึ่ง

“ฉันดีขึ้นแล้ว” ลมหายใจของอิ๋งจื่อจินเริ่มสม่ำเสมอ สักพักเธอก็พูดเสียงเบา “ปวดแค่นิดหน่อยจริงๆ”

มิน่าขนาดซิวอวี่ที่ปกติแข็งแกร่งใจนักเลงขนาดนั้น แต่พอประจำเดือนมาทีก็หงอเลยทีเดียว

ทั้งๆ ที่ไม่ได้สาหัสแบบแผลถูกยิง แต่กลับปวดเข้ากระดูก

ก็น่าแปลก

อิ๋งจื่อจินหันหน้าไปก็เห็นซูหร่วนที่ยืนหน้าเขียวอยู่ “พี่สะใภ้ใหญ่เหรอ”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อดีตคู่หมั้นที่คุณปู่เคยหาให้พี่ชาย ถือเป็นการเจอกันครั้งแรก”

ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ที่ฮู่เฉิง และก็ให้ความสนใจแค่อาการของผู้เฒ่าฟู่

อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา สายตาเรียบเฉย แต่น้ำเสียงกลับเย็นชา “เธอเคยรังแกคุณเหรอ”

มือของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก แววตาวูบไหวเล็กน้อย

“เด็กน้อย คำพูดนี้มันไม่ถูกนะ” เขาขมวดคิ้ว งอนิ้วเขกหน้าผากอิ๋งจื่อจิน พูดเสียงเนือย “นอกจากเธอแล้วยังจะมีใครรังแกพี่ชายได้อีก”

อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของซูหร่วนแย่ลงเรื่อยๆ

นี่อยู่ต่อหน้าเธอก็เริ่มหยอกล้อกับผู้หญิงเลยเหรอ

แล้วถ้าอยู่เป็นการส่วนตัวไม่ยิ่งกว่านี้เหรอ

พ่อแม่เดียวกัน ทำไมฟู่อวิ๋นเซินกับฟู่อี้หันถึงได้ต่างกันมากขนาดนี้

เธอโชคดีจริงๆ ที่ตอนนั้นเลือกถูกแล้ว

ซูหร่วนไม่กล้าจินตนาการเลยว่า ถ้าตอนนั้นเธอแต่งกับฟู่อวิ๋นเซินจริง ต่อไปจะมีพวกสาวไฮโซเยาะเย้ยเธอขนาดไหน

“คุณชายเจ็ดช่างหน้าหนาเสียจริง” ซูหร่วนแสยะยิ้ม “ก็จริง ฉันไม่ได้เป็นเจ้าของห้างนี้ คุณดึงดันจะอยู่ที่นี่ ฉันก็ไล่ไม่ได้อยู่แล้ว”

ฟู่อวิ๋นเซินยังคงไม่สนใจ เขารับน้ำต้มน้ำตาลทรายแดงมาจากพนักงาน

และเวลานี้เองประตูอัตโนมัติได้เปิดออก

ชายหนุ่มในชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน หน้าผากมีเหงื่อผุด

นี่คือลูกชายคนโตของฟู่หมิงเฉิง หลานชายคนโตตระกูลฟู่ ฟู่อี้หัน

ปีนี้อายุยี่สิบเก้าปี แต่งงานกับซูหร่วนเมื่อสองปีก่อน

“มาแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินไม่เงยหน้า เขากำลังป้อนอิ๋งจื่อจินให้ดื่มน้ำต้มน้ำตาลทรายแดง “พาผู้หญิงของนายไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”

พอคำพูดนี้ออกมา ฟู่อี้หันกับซูหร่วนก็สีหน้าเปลี่ยน

คราวนี้ซูหร่วนทนไม่ไหว พูดประชด “ฟู่อวิ๋นเซิน พูดจาอะไรน่ะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่นี่หรือไง แล้วก็ นี่เป็นพี่ใหญ่ของคุณ ไม่ใช่คนรับใช้ที่คิดจะสั่งก็สั่ง”

แต่พอเธอพูดจบฟู่อี้หันก็ดึงแขนของเธอ “เสี่ยวหร่วน ไปเถอะ”

ซูหร่วนไม่อยากจะเชื่อ

“อวิ๋นเซิน เธอไม่รู้เรื่อง ฉันขอโทษแทนเธอด้วย” ฟู่อี้หันไม่พูดอะไรมาก “วันมะรืนมีงานเลี้ยงที่บ้าน ถ้านายว่างก็มานะ”

ต่อให้ซูหร่วนจะไม่ยอมอย่างไรก็ถูกฟู่อี้หันลากออกไปแล้ว

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินดื่มน้ำต้มน้ำตาลทรายแดงหมดก็ไปเข้าห้องน้ำ

ปวดท้องมาสักพัก เธอเองก็เหนื่อยแล้ว จึงค่อยๆ ผล็อยหลับไป

ฟู่อวิ๋นเซินอุ้มเธอไปด้านใน

ถึงแม้ที่นี่จะเป็นสาขาย่อย แต่เขาก็มีห้องพักผ่อนที่นี่ ไม่ได้ด้อยไปกว่าห้องชุดประธานาธิบดีของโรงแรมห้าดาว

หลังจากห่มผ้าให้เธอเสร็จเขาก็เดินออกไปโทรศัพท์

“อืม เตรียมป้ายไว้อันหนึ่ง” ฟู่อวิ๋นเซินทำหน้าเนือย “ใช่ ถูกต้อง เขียนแบบนั้น”

วันต่อมาฮู่เฉิงก็เกิดเรื่องใหญ่

ห้างเซ็นจูรี่ห้างแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสาขาใหญ่หรือสาขาย่อยต่างมีป้ายแขวนอยู่ด้านนอก

เขียนไว้ว่า…

[ซูหร่วนกับสุนัขห้ามเข้า]

ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้ว่าซูหร่วนเป็นใคร แต่พวกคุณหนูคุณชายไม่มีทางไม่รู้

ห้างเซ็นจูรี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาไปบ่อย แถมยังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้

ข่าวนี้แพร่ไปในแวดวงไฮโซอย่างรวดเร็ว

ในตระกูลฟู่ก็ย่อมไม่มีข้อยกเว้น

“พวกลูกไปทำอะไรมา” ฟู่หมิงเฉิงหน้าขรึม “อ่านข่าวดูสิ ข่าวลือแพร่ไปทั่ว ตระกูลฟู่ขายหน้าหมดแล้ว!”

ซูหร่วนกัดริมฝีปาก ขอบตาแดงก่ำ ไม่กล้าพูด

“คุณพ่อ ใจเย็นๆ นะครับ” ฟู่อี้หันเห็นภรรยาเป็นแบบนี้ก็จำต้องพูด “เสี่ยวหร่วนไม่ได้ตั้งใจครับ”

“โง่เง่า!” ฟู่หมิงเฉิงโมโหตบโต๊ะ พวกลูกไม่รู้เหรอว่าห้างเซ็นจูรี่ไม่ใช่ที่ที่จะไปวางอำนาจทำอะไรก็ได้ ถูกไล่ออกจากที่นั่น คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของเหรอ!”

ผูกขาดการค้าสินค้าแบรนด์เนมได้ ที่มาที่ไปของห้างเซ็นจูรี่ย่อมไม่ธรรมดา

แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคนรู้ว่าเจ้าของห้างเซ็นจูรี่เป็นใคร

ต่อให้เป็นตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีสิทธิพิเศษในห้างเซ็นจูรี่

ฟู่หมิงเฉิงโมโหจนแสยะยิ้ม “คราวนี้ได้เรื่อง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ลูกจะเข้าไปซื้อของในห้างเซ็นจูรี่ได้หรือเปล่า แต่เขาเปรียบลูกเป็นหมาไปแล้ว!”

น้ำตาของซูหร่วนไหลพรากทันที

เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าห้างเซ็นจูรี่จะแคร์เรื่องเล็กๆ แบบนี้

จะโยงเข้าความขัดแย้งของตระกูลใหญ่ให้ยุ่งยากทำไม

“ออกไปๆ” ฟู่หมิงเฉิงโบกมือไล่ด้วยความหงุดหงิด “อย่ามาเกะกะตรงนี้”

ซูหร่วนวิ่งร้องไห้ออกไปแล้ว

“คุณพ่อ” ฟู่อี้หันจนปัญญา “คุณพ่อจะเอาเรื่องสะใภ้ของคุณพ่อทำไมกันครับ ครอบครัวเดียวกัน อย่าโมโหไปเลยครับ ผมขอไปดูคุณปู่ก่อน”

สีหน้าของฟู่หมิงเฉิงถึงได้ผ่อนคลายลง “ไปเถอะ ไปอยู่คุยเป็นเพื่อนคุณปู่ให้มากหน่อย”

ตอนเย็น

ผู้เฒ่าจงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารพลางฮัมเพลงเล่นเวยปั๋ว รอหลานสาวสายนอกของตัวเองมาหา

เขาเองก็รู้เรื่องที่อิ๋งจื่อจินตัดขาดกับตระกูลอิ๋งแล้ว จึงไม่ให้จงมั่นหวามา

ก่อนหน้านี้จงจือหว่านคุกเข่าอยู่ที่ห้องใต้หลังคาถึงสามวันเต็มๆ เดี๋ยวนี้เวลาเห็นผู้เฒ่าจงก็กลัวถึงขั้นไม่กล้าพูดอะไร

มู่เฉินโจวก็อยู่ด้วย

เพราะเรื่องที่จงจือหว่านเคยเล่าให้ฟัง มู่เฉินโจวจึงมีความคิดในแง่ลบกับอิ๋งจื่อจิน ผิดหวังอย่างสิ้นเชิง

หลังจากได้ยินว่าอิ๋งจื่อจินกำลังจะมาถึงเขาก็ลุกขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมไม่เจอหน้านะครับ ไม่จำเป็น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 188 คุณชายฟู่ก็เปิดเผยตัวตน บอสมาแล้ว

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 188 คุณชายฟู่ก็เปิดเผยตัวตน บอสมาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คราวนี้พนักงานเคานท์เตอร์อึ้งหนักเข้าไปใหญ่ หยั่งเชิงถาม “คุณนายน้อยหมายความว่าให้ไปเชิญคุณชายเจ็ดออกไปเหรอคะ”

“ใช่ ให้เขาออกไป” ซูหร่วนจับสร้อยเพชรเส้นหนึ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย ฟังดูเหมือนไม่ใส่ใจ “ฉันคิดว่าฉันน่าจะมีสิทธิ์ทำแบบนี้อยู่บ้าง”

เธอแต่งเข้าตระกูลฟู่ พูดให้เพราะหน่อยก็ เรียกว่าลดฐานะลงมาแต่งด้วย

อย่าว่าแต่ฟู่อวิ๋นเซินเลย ถ้าไม่ติดว่ามีสัญญาแต่งงานกันไว้แล้ว แม้แต่ฟู่อี้หันเธอก็ไม่แต่งด้วยหรอก

ตระกูลซูเป็นตระกูลเศรษฐีของตี้ตู เป็นตระกูลเก่าแก่ร้อยปีเช่นกัน

ถึงแม้ตระกูลฟู่จะเป็นหัวหน้าของสี่ตระกูลใหญ่ แต่ก็ยังห่างชั้นอยู่ไกล

ถ้าไม่ติดว่าปู่ของเธอดึงดันจะตอบรับคำขอของผู้เฒ่าฟู่ เธอไม่มีทางแต่งงานมาอยู่ฮู่เฉิง

ซูหร่วนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลซูในรุ่นนี้ เธอมีพี่ชายสี่คน โดนตามใจมาตั้งแต่เด็กจนโต

เธอคิดมาตลอดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่เธอต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ทั้งยังเคยจินตนาการถึงความรักโรแมนติกแบบในนิยาย

ปรากฏว่าสุดท้ายทุกอย่างดับสลาย

สัญญาแต่งงาน คนที่เธอต้องแต่งด้วยคือผู้ชายเสเพล

หลังจากเรื่องถูกกำหนดแน่นอนแล้วเธอก็ไม่ได้ไปหาผู้เฒ่าซู แต่ไปหาฟู่อี้หัน

ฟู่อวิ๋นเซินจะแต่งงานกับเธอก็ต้องวัดกันที่เขามีคุณสมบัติหรือไม่

เธอยอมแต่งกับฟู่อี้หันดีกว่าแต่งกับฟู่อวิ๋นเซินให้กลายเป็นเรื่องตลกของเมืองฮู่เฉิง กลายเป็นเรื่องที่คนหยิบยกขึ้นมาคุยหลังกินข้าว

นี่ก็คือสิ่งที่ต้องแลก

แต่สองปีนี้ที่แต่งงานกันมาซูหร่วนก็เห็นความดีของฟู่อี้หัน นานวันเข้าก็ก่อเกิดเป็นความรัก

ตอนที่รู้ว่าผู้เฒ่าฟู่ลำเอียงไปทางคนเสเพลนั่น เธอก็ไม่เคยคิดจะให้เกียรติฟู่อวิ๋นเซินจริงๆ

ใครบ้างไม่คิดว่าผู้เฒ่าฟู่ตาบอด

ซูหร่วนหันหน้า เชิดคางเบาๆ “ยังไม่ไปอีก”

พนักงานเคานท์เตอร์ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้วตัดสินใจ

ฟู่อวิ๋นเซินเป็นหนุ่มเสเพลอันดับหนึ่งของฮู่เฉิง เป็นคนโปรดของผู้เฒ่าฟู่ แต่ในความเป็นจริงไม่มีอำนาจอะไรแม้แต่น้อย

แต่ฟู่อี้หันไม่เหมือนกัน

ฟู่อี้หันเป็นหลานชายคนโตของตระกูลฟู่ ว่าที่ผู้สืบทอดฟู่ซื่อกรุ๊ป

นอกจากนี้เขาก็มีความสามารถในตัวเอง ไม่อาศัยอิทธิพลของตระกูลฟู่ก็มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจของตี้ตูแล้ว

“คุณนายน้อยรอสักครู่นะคะ” พนักงานยิ้ม “คุณเป็นลูกค้าวีไอพีของเรา พวกเราจะให้คุณออกไปได้ยังไง”

ซูหร่วนถึงพอใจ ก้มหน้าเริ่มลองสร้อย

พนักงานรีบเดินไปที่ทางเข้าห้าง พูดด้วยสีหน้าเชิงขอโทษ “ขอโทษด้วยค่ะคุณชายเจ็ด คุณนายน้อยอยู่ข้างใน เธอไม่อยากเห็นคุณ รบกวนรีบออกไปโดยเร็วด้วยนะคะ”

ประโยคเดียวทำให้ลูกค้าคนอื่นๆ ของห้างก็หันมามอง

สายตามีทั้งแปลกใจ ทั้งพิจารณา

หน้าตาของฟู่อวิ๋นเซินสะดุดตาเกินไป ไม่มีใครในแวดวงไฮโซของฮู่เฉิงไม่รู้จักเขา

คนที่เข้ามาในห้างเซ็นจูรี่ได้ก็มีแต่คนรวยทั้งนั้น

อิ๋งจื่อจินก็ได้ยิน ดวงตาขยับ จะเงยหน้าขึ้น

“ไม่เป็นไรเยาเยา พักไปก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินจับศีรษะของเธอ ท่าทางอ่อนโยน

เขาไม่มองพนักงานคนนั้น อุ้มอิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปในห้าง

พนักงานทั้งกระอักกระอ่วนทั้งหน้าเสีย “คุณนายน้อย คือ…”

ซูหร่วนหน้านิ่ว พูดเสียงเย็นชา “ฟู่อวิ๋นเซิน ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ กรุณาออกไปด้วย”

“คุณน่าจะรู้นะว่าคุณกับฉันปรากฏตัวในที่เดียวพร้อมกัน คนข้างนอกจะเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายขนาดไหน”

คำพูดนี้ในที่สุดก็ทำให้ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเดิน

เขาหันหน้ามา ดวงตาดอกท้อโค้งมน กำลังยิ้ม แต่น้ำเสียงกลับเย็นชา ชวนให้ตัวสั่น “หืม? วิจารณ์อะไร”

ซูหร่วนชักหงุดหงิด “อะไรน่ะเหรอ ในใจคุณน่าจะรู้ดี”

ก็คงหนีไม่พ้นฟู่อวิ๋นเซินยังตัดใจจากเธอไม่ได้เรื่องที่ถูกถอนหมั้น สะกดรอยตามเธอเข้ามาถึงในห้าง

ฟู่อวิ๋นเซินใช้มือซ้ายหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

แขนของเขาแข็งแรงมาก ถึงแม้จะใช้มือเดียวเขาก็ยังอุ้มเด็กสาวไว้ได้อย่างมั่นคง

“ฟู่อี้หัน” ฟู่อวิ๋นเซินมองนาฬิกาบนกำแพง “มาที่ห้างเซ็นจูรี่สาขาถนนคนเดินเดี๋ยวนี้ภายในห้านาที ฉันรู้ว่านายอยู่ที่บริษัท”

ซูหร่วนอึ้งก่อน จากนั้นก็โมโหจนแสยะยิ้ม “คุณชายเจ็ด คุยกับพี่ใหญ่ของตัวเองด้วยท่าทางแบบไหนกันน่ะ ไม่รู้เหรอว่าความเคารพคืออะไร”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจเธอ เขาเหลือบตาขึ้น พูดกับพนักงานเคานท์เตอร์อีกคน “ไปทำน้ำต้มน้ำตาลทรายแดง”

พนักงานคนนั้นไม่พูดอะไร รีบไปเตรียมทันที

เขาก้มตัว วางอิ๋งจื่อจินลงบนโซฟาแล้วนั่งอีกด้านหนึ่ง

“ฉันดีขึ้นแล้ว” ลมหายใจของอิ๋งจื่อจินเริ่มสม่ำเสมอ สักพักเธอก็พูดเสียงเบา “ปวดแค่นิดหน่อยจริงๆ”

มิน่าขนาดซิวอวี่ที่ปกติแข็งแกร่งใจนักเลงขนาดนั้น แต่พอประจำเดือนมาทีก็หงอเลยทีเดียว

ทั้งๆ ที่ไม่ได้สาหัสแบบแผลถูกยิง แต่กลับปวดเข้ากระดูก

ก็น่าแปลก

อิ๋งจื่อจินหันหน้าไปก็เห็นซูหร่วนที่ยืนหน้าเขียวอยู่ “พี่สะใภ้ใหญ่เหรอ”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อดีตคู่หมั้นที่คุณปู่เคยหาให้พี่ชาย ถือเป็นการเจอกันครั้งแรก”

ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ที่ฮู่เฉิง และก็ให้ความสนใจแค่อาการของผู้เฒ่าฟู่

อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา สายตาเรียบเฉย แต่น้ำเสียงกลับเย็นชา “เธอเคยรังแกคุณเหรอ”

มือของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก แววตาวูบไหวเล็กน้อย

“เด็กน้อย คำพูดนี้มันไม่ถูกนะ” เขาขมวดคิ้ว งอนิ้วเขกหน้าผากอิ๋งจื่อจิน พูดเสียงเนือย “นอกจากเธอแล้วยังจะมีใครรังแกพี่ชายได้อีก”

อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของซูหร่วนแย่ลงเรื่อยๆ

นี่อยู่ต่อหน้าเธอก็เริ่มหยอกล้อกับผู้หญิงเลยเหรอ

แล้วถ้าอยู่เป็นการส่วนตัวไม่ยิ่งกว่านี้เหรอ

พ่อแม่เดียวกัน ทำไมฟู่อวิ๋นเซินกับฟู่อี้หันถึงได้ต่างกันมากขนาดนี้

เธอโชคดีจริงๆ ที่ตอนนั้นเลือกถูกแล้ว

ซูหร่วนไม่กล้าจินตนาการเลยว่า ถ้าตอนนั้นเธอแต่งกับฟู่อวิ๋นเซินจริง ต่อไปจะมีพวกสาวไฮโซเยาะเย้ยเธอขนาดไหน

“คุณชายเจ็ดช่างหน้าหนาเสียจริง” ซูหร่วนแสยะยิ้ม “ก็จริง ฉันไม่ได้เป็นเจ้าของห้างนี้ คุณดึงดันจะอยู่ที่นี่ ฉันก็ไล่ไม่ได้อยู่แล้ว”

ฟู่อวิ๋นเซินยังคงไม่สนใจ เขารับน้ำต้มน้ำตาลทรายแดงมาจากพนักงาน

และเวลานี้เองประตูอัตโนมัติได้เปิดออก

ชายหนุ่มในชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน หน้าผากมีเหงื่อผุด

นี่คือลูกชายคนโตของฟู่หมิงเฉิง หลานชายคนโตตระกูลฟู่ ฟู่อี้หัน

ปีนี้อายุยี่สิบเก้าปี แต่งงานกับซูหร่วนเมื่อสองปีก่อน

“มาแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินไม่เงยหน้า เขากำลังป้อนอิ๋งจื่อจินให้ดื่มน้ำต้มน้ำตาลทรายแดง “พาผู้หญิงของนายไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”

พอคำพูดนี้ออกมา ฟู่อี้หันกับซูหร่วนก็สีหน้าเปลี่ยน

คราวนี้ซูหร่วนทนไม่ไหว พูดประชด “ฟู่อวิ๋นเซิน พูดจาอะไรน่ะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่นี่หรือไง แล้วก็ นี่เป็นพี่ใหญ่ของคุณ ไม่ใช่คนรับใช้ที่คิดจะสั่งก็สั่ง”

แต่พอเธอพูดจบฟู่อี้หันก็ดึงแขนของเธอ “เสี่ยวหร่วน ไปเถอะ”

ซูหร่วนไม่อยากจะเชื่อ

“อวิ๋นเซิน เธอไม่รู้เรื่อง ฉันขอโทษแทนเธอด้วย” ฟู่อี้หันไม่พูดอะไรมาก “วันมะรืนมีงานเลี้ยงที่บ้าน ถ้านายว่างก็มานะ”

ต่อให้ซูหร่วนจะไม่ยอมอย่างไรก็ถูกฟู่อี้หันลากออกไปแล้ว

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินดื่มน้ำต้มน้ำตาลทรายแดงหมดก็ไปเข้าห้องน้ำ

ปวดท้องมาสักพัก เธอเองก็เหนื่อยแล้ว จึงค่อยๆ ผล็อยหลับไป

ฟู่อวิ๋นเซินอุ้มเธอไปด้านใน

ถึงแม้ที่นี่จะเป็นสาขาย่อย แต่เขาก็มีห้องพักผ่อนที่นี่ ไม่ได้ด้อยไปกว่าห้องชุดประธานาธิบดีของโรงแรมห้าดาว

หลังจากห่มผ้าให้เธอเสร็จเขาก็เดินออกไปโทรศัพท์

“อืม เตรียมป้ายไว้อันหนึ่ง” ฟู่อวิ๋นเซินทำหน้าเนือย “ใช่ ถูกต้อง เขียนแบบนั้น”

วันต่อมาฮู่เฉิงก็เกิดเรื่องใหญ่

ห้างเซ็นจูรี่ห้างแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสาขาใหญ่หรือสาขาย่อยต่างมีป้ายแขวนอยู่ด้านนอก

เขียนไว้ว่า…

[ซูหร่วนกับสุนัขห้ามเข้า]

ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้ว่าซูหร่วนเป็นใคร แต่พวกคุณหนูคุณชายไม่มีทางไม่รู้

ห้างเซ็นจูรี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาไปบ่อย แถมยังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้

ข่าวนี้แพร่ไปในแวดวงไฮโซอย่างรวดเร็ว

ในตระกูลฟู่ก็ย่อมไม่มีข้อยกเว้น

“พวกลูกไปทำอะไรมา” ฟู่หมิงเฉิงหน้าขรึม “อ่านข่าวดูสิ ข่าวลือแพร่ไปทั่ว ตระกูลฟู่ขายหน้าหมดแล้ว!”

ซูหร่วนกัดริมฝีปาก ขอบตาแดงก่ำ ไม่กล้าพูด

“คุณพ่อ ใจเย็นๆ นะครับ” ฟู่อี้หันเห็นภรรยาเป็นแบบนี้ก็จำต้องพูด “เสี่ยวหร่วนไม่ได้ตั้งใจครับ”

“โง่เง่า!” ฟู่หมิงเฉิงโมโหตบโต๊ะ พวกลูกไม่รู้เหรอว่าห้างเซ็นจูรี่ไม่ใช่ที่ที่จะไปวางอำนาจทำอะไรก็ได้ ถูกไล่ออกจากที่นั่น คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของเหรอ!”

ผูกขาดการค้าสินค้าแบรนด์เนมได้ ที่มาที่ไปของห้างเซ็นจูรี่ย่อมไม่ธรรมดา

แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคนรู้ว่าเจ้าของห้างเซ็นจูรี่เป็นใคร

ต่อให้เป็นตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีสิทธิพิเศษในห้างเซ็นจูรี่

ฟู่หมิงเฉิงโมโหจนแสยะยิ้ม “คราวนี้ได้เรื่อง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ลูกจะเข้าไปซื้อของในห้างเซ็นจูรี่ได้หรือเปล่า แต่เขาเปรียบลูกเป็นหมาไปแล้ว!”

น้ำตาของซูหร่วนไหลพรากทันที

เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าห้างเซ็นจูรี่จะแคร์เรื่องเล็กๆ แบบนี้

จะโยงเข้าความขัดแย้งของตระกูลใหญ่ให้ยุ่งยากทำไม

“ออกไปๆ” ฟู่หมิงเฉิงโบกมือไล่ด้วยความหงุดหงิด “อย่ามาเกะกะตรงนี้”

ซูหร่วนวิ่งร้องไห้ออกไปแล้ว

“คุณพ่อ” ฟู่อี้หันจนปัญญา “คุณพ่อจะเอาเรื่องสะใภ้ของคุณพ่อทำไมกันครับ ครอบครัวเดียวกัน อย่าโมโหไปเลยครับ ผมขอไปดูคุณปู่ก่อน”

สีหน้าของฟู่หมิงเฉิงถึงได้ผ่อนคลายลง “ไปเถอะ ไปอยู่คุยเป็นเพื่อนคุณปู่ให้มากหน่อย”

ตอนเย็น

ผู้เฒ่าจงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารพลางฮัมเพลงเล่นเวยปั๋ว รอหลานสาวสายนอกของตัวเองมาหา

เขาเองก็รู้เรื่องที่อิ๋งจื่อจินตัดขาดกับตระกูลอิ๋งแล้ว จึงไม่ให้จงมั่นหวามา

ก่อนหน้านี้จงจือหว่านคุกเข่าอยู่ที่ห้องใต้หลังคาถึงสามวันเต็มๆ เดี๋ยวนี้เวลาเห็นผู้เฒ่าจงก็กลัวถึงขั้นไม่กล้าพูดอะไร

มู่เฉินโจวก็อยู่ด้วย

เพราะเรื่องที่จงจือหว่านเคยเล่าให้ฟัง มู่เฉินโจวจึงมีความคิดในแง่ลบกับอิ๋งจื่อจิน ผิดหวังอย่างสิ้นเชิง

หลังจากได้ยินว่าอิ๋งจื่อจินกำลังจะมาถึงเขาก็ลุกขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมไม่เจอหน้านะครับ ไม่จำเป็น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+