คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 210 ต้องการประกาศว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 210 ต้องการประกาศว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงสนทนาภายในห้องนอนยังคงดำเนินต่อ

“จะสู้หนูไม่ได้สักเรื่องได้ยังไงคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนพูด “ฝีมือด้านศิลปะของหนูยังสู้น้องไม่ได้ด้วยซ้ำ แม้แต่สมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนหนูก็ยังก้าวเข้าไปไม่ได้”

จงมั่นหวาไม่รู้สึกได้รับการปลอบใจ

น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยเชิงตำหนิ “นอกจากเรื่องนี้ล่ะ ยังมีอะไรอีก ใช่ ยังมีเรื่องเปียโน ในคอนเสิร์ตครั้งนั้นดีมากก็จริง เล่นเพลงของวีร่า โฮลท์ซ”

“แต่นั่นเป็นความสามารถที่คุณหนูไฮโซควรทำได้ทั้งนั้น จื่อจินทำได้ก็ไม่บอกแม่สักคำ ลองบอกให้ไปเรียนด้านวิจัยวิทยาศาสตร์แบบลูกสิ น้องทำได้เหรอ น้องเคยเชื่อฟังแม่ด้วยเหรอ”

ถ้าเป็นยามปกติ อิ๋งจื่อจินมีความสามารถพวกนี้ เธอคงดีใจจนเป็นบ้า สร้างหน้าสร้างตาให้เธอได้มาก

แต่เธอยังไม่ทันได้ดื่มด่ำกับเกียรติเหล่านั้น อิ๋งจื่อจินก็มาบอกว่าจะตัดขาดกับพวกเธอ แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ตอนแรกสุดไม่ว่าจะจงมั่นหวาหรืออิ๋งเจิ้นถิงต่างคิดว่าอิ๋งจื่อจินแค่งอนเอาแต่ใจเท่านั้น เดี๋ยวไม่นานก็ต้องร้องไห้กลับมา

แต่นี่ผ่านไปสองเดือนแล้ว พวกเขายังไม่เห็นแม้แต่เงาของอิ๋งจื่อจิน

จงมั่นหวาอยากให้ผู้เฒ่าจงช่วย แต่ผู้เฒ่าจงก็ปฏิเสธเธอทันที

สายตาที่พี่น้องคนอื่นๆ ในตระกูลจงมองเธอก็ทำให้เธอรู้สึกแย่มาก

อิ๋งเย่ว์เซวียนได้ฟังก็อึ้ง “คอนเสิร์ตเหรอคะ”

ชื่อวีร่า โฮลท์ซ ไม่ว่าใครก็ตามที่คลุกคลีกับดนตรีไม่มีทางไม่รู้จัก

ถ้าอิ๋งจื่อจินเล่นเพลงของวีร่า โฮลท์ซ วงการดนตรีคงแทบแตกไปนานแล้ว ในเน็ตก็คงแชร์คลิปกันอย่างบ้าคลั่ง

แต่เธออยู่เมืองนอกกลับไม่เคยได้ยินข่าวในด้านนี้

น่าแปลก

“แม่คะ คนเราถนัดไม่เหมือนกัน” อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ได้ถามอะไรมาก เธอข่มความอดทนครั้งสุดท้าย “น้องถนัดด้านศิลปะ แม่ควรพอใจแล้ว หนูลืมการบ้านไว้ที่โรงเรียนวิชาหนึ่ง หนูจะกลับไปเอาค่ะ”

จงมั่นหวาเป็นห่วงการเรียนของอิ๋งเย่ว์เซวียนมากกว่าจึงยืนขึ้น “งั้นเดี๋ยวแม่ไปส่งนะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนหลบยังจะไม่ทัน “ถ้าแม่ปวดหัวก็นอนพักให้มากๆ ดีกว่านะคะ”

เธอลุกขึ้นเดินออกไป พอปิดประตูถึงรู้สึกโล่งอก

แต่พอเงยหน้าก็เห็นอิ๋งเทียนลี่ว์ที่ยืนพิงกำแพงอยู่

พอเห็นเธอออกมาเขาก็หันหน้ามอง

ชั่วขณะนั้นหัวใจของอิ๋งเย่ว์เซวียนแทบหยุดเต้น

“พี่?”

ถึงแม้เธอจะรู้ว่าความคิดนี้ไม่ถูก

แต่ความคิดแรกที่แวบขึ้นมาคือ อิ๋งเทียนลี่ว์ได้ยินเรื่องที่เธอเพิ่งคุยกับจงมั่นหวาหรือเปล่า

ถ้าได้ยิน…

สีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์เรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง

เย็นชาหน้านิ่งเหมือนยามปกติ

เขาใช้คางชี้ “สภาพจิตใจของคุณแม่ไม่ปกติอีกแล้วเหรอ”

เมื่อสิบหกปีก่อนหลังจากที่ทารกน้อยหายไป จงมั่นหวาก็สะเทือนใจอย่างรุนแรง

ช่วงหลายปีมานี้เคยไปพบจิตแพทย์มาหลายครั้ง กินยามากมาย แต่ก็ยังรักษาไม่หายอย่างสิ้นเชิง

หมอบอกว่าบาดแผลใหญ่มาก มารักษาไม่ทันเวลา

“นิดหน่อย” อิ๋งเย่ว์เซวียนก้มหน้า “คุณแม่ไร้เหตุผลจริงๆ”

ในขณะเดียวกันเธอก็โล่งอกขึ้นมาบ้าง

ดูท่าอิ๋งเทียนลี่ว์จะไม่ได้ยิน ถ้าได้ยินไม่มีทางใจเย็นขนาดนี้

“อืม” อิ๋งเทียนลี่ว์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ “ช่วงสองสามวันนี้พี่มีธุระ จะไม่กลับบ้าน ถ้าเธอทนแม่ไม่ไหวก็นอนที่โรงเรียนไปก่อนนะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนลังเล “ให้ฉันไปพักที่พี่ไม่ได้เหรอ”

อิ๋งเทียนลี่ว์ก็มีคอนโดอยู่ใจกลางเมืองเหมือนกัน

เมื่อก่อนเธอก็เคยพักที่นั่น

“เธอโตเป็นสาวแล้ว ถึงพวกเราจะเป็นพี่น้องกันก็ต้องมีระยะห่าง” อิ๋งเทียนลี่ว์ยิ้ม น้ำเสียงเรียบเฉย “แล้วเพื่อนพี่ก็จะมาหาด้วย ไม่สะดวกน่ะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนแอบเศร้า แต่ก็ไม่พูดอะไร “งั้นพี่ไปทำธุระเถอะ”

อิ๋งเทียนลี่ว์พยักหน้า ไม่ได้เข้าไปทักทายจงมั่นหวา

เขาลงไปชั้นล่างหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกจากบ้าน

แต่เขายังไม่ได้ขับออกไป

เขานั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ จุดบุหรี่สูบ

หากสังเกตให้ดีมือของเขากำลังสั่น

เมื่อสิบหกปีก่อนเขาอายุแค่ห้าขวบ ยังจำความได้ไม่มากนัก

จำได้เพียงว่าตอนนั้นน้องสาวหายไป ทั้งบ้านวุ่นวายกันยกใหญ่

ผ่านไปสิบกว่าวันน้องสาวของเขาก็ถูกพากลับมา

แต่ดูจากตอนนี้เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่น้องสาวของเขา

น้องสาวแท้ๆ ของเขาถูกทิ้งไว้ข้างนอกสิบหกปี

อุตส่าห์ได้กลับมาอยู่บ้านแต่กลับพบว่าตัวเองถูกแทนที่ไปแล้ว

ชื่อจริง ชื่อเล่น วันเกิด ตัวตน ไม่เหลือเลยสักอย่าง

อีกทั้งยังต้องเป็นคลังเลือดมีชีวิตให้อาแท้ๆ ของตัวเอง

อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาอิ๋งจื่อจินอดทนมาได้อย่างไร

ตอนแรกเขาคิดจริงว่าจงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงรับเลี้ยงอิ๋งจื่อจินเพราะหน้าตาคล้ายกัน วาสนาต้องกัน

แต่นี่คือน้องสาวแท้ๆ ของเขา พอถึงเวลาไม่เพียงแต่จะไม่ถูกยอมรับ ยังถูกกำหนดให้เป็นแค่ลูกบุญธรรม

วันนี้เขาได้ยินบทสนทนาของอิ๋งเย่ว์เซวียนกับจงมั่นหวา ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนรู้เรื่องทั้งหมด

อย่างน้อยก็รู้เร็วกว่าเขา

แต่เธอกลับไม่พูดอะไรเลย

ถึงแม้อิ๋งเทียนลี่ว์จะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของอิ๋งเย่ว์เซวียน ตอนนั้นเธอยังเด็ก เขาโทษเธอไม่ได้

แต่ตราบใดที่เขานึกถึง ของที่เดิมทีเป็นของอิ๋งจื่อจินได้ถูกอิ๋งเย่ว์เซวียนครอบครอง เขาก็รู้สึกรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

อายุเท่ากัน อิ๋งจื่อจินลำบากอยู่ที่ชนบท แม้แต่เสื้อผ้าดีๆ สักตัวก็ไม่ได้ใส่

ส่วนอิ๋งเย่ว์เซวียน โตมาท่ามกลางความรักของทุกคนที่มีให้ กินดีอยู่ดี ทั้งยังได้ทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจ

เอาสองคนนี้เทียบกันยิ่งน่าสะเทือนใจเข้าไปใหญ่

อิ๋งเทียนลี่ว์สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามข่มอารมณ์ที่แปรปรวนภายในจิตใจ

จากนั้นเขาก็หมุนพวงมาลัยรถแล้วเหยียบคันเร่ง

สี่สิบนาทีต่อมา

ณ คฤหาสน์ตระกูลจง

อิ๋งเทียนลี่ว์ลงจากรถก็เห็นคนเดินออกมาจากบ้านพอดี

เขามองไปก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย “ลุงไห่เหยียน?”

“เทียนลี่ว์” จงไห่เหยียนก็ประหลาดใจ “เราก็กลับมาด้วยเหรอ”

“ครับ เพิ่งกลับมาไม่นาน” อิ๋งเทียนลี่ว์พยักหน้า “ลุงมาทำอะไรครับ”

จงไห่เหยียนทำงานอยู่ที่อื่นมาตลอด จะกลับมาที่บ้านตระกูลจงแค่ตอนช่วงตรุษจีนเท่านั้น

“ก็ไม่มีอะไรหรอก” จงไห่เหยียนชูทะเบียนสมรสในมือ “มาจัดการเรื่องหย่าน่ะ”

“หย่าเหรอครับ” อิ๋งเทียนลี่ว์อึ้ง “ลุงจะหย่ากับป้าสะใภ้เหรอครับ”

“ไม่ใช่ป้าสะใภ้ของหลานแล้ว” พอพูดถึงคุณนายจง สีหน้าของจงไห่เหยียนก็เย็นชาลงไปไม่น้อย “เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อน ไว้ลุงจะเล่าให้ฟังนะ”

อิ๋งเทียนลี่ว์ก็มีเรื่องด่วน จึงไม่ถามต่อ

เขาเข้าไปในบ้านแล้วตรงไปหาผู้เฒ่าจงที่ห้องทำงาน

“คุณตา” อิ๋งเทียนลี่ว์เข้าประเด็น “คุณตารู้นานแล้วใช่ไหมครับว่าจื่อจินต่างหากที่เป็นน้องสาวของผม”

ผู้เฒ่าจงกำลังอ่านเอกสาร พอได้ยินแบบนี้ก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบเฉย “รู้แล้วเหรอ”

อิ๋งเทียนลี่ว์จับศีรษะ โมโหจนหัวเราะ “ผมเผลอไปได้ยินเข้า ทำไมคุณตาไม่บอกผม”

“บอกเราแล้วมีประโยชน์อะไร” ผู้เฒ่าจงไม่โกรธ “จื่อจินออกจากตระกูลอิ๋งไปแล้ว ไม่สำคัญแล้วว่าจะเป็นน้องสาวของเราหรือเปล่า”

“สำคัญสิครับ” สองมือของอิ๋งเทียนลี่ว์วางบนโต๊ะทำงาน “เธอต่างหากที่เป็นน้องสาวของผม จะเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมได้ยังไง จำเป็นต้องประกาศสถานะของเธอให้ภายนอกรับรู้”

เรื่องสถานะเป็นสิ่งสำคัญมากในแวดวงคนมีฐานะ

อย่าว่าแต่ลูกเลี้ยงเลย ลูกลับก็ไม่มีทางได้ขึ้นในผังตระกูล

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมทั้งๆ ที่อิ๋งจื่อจินต่างหากที่เป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริง แต่จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงกลับทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน ไม่แม้แต่จะพูดถึง

“จื่อจินบอกเองว่าไม่ต้องการ” ผู้เฒ่าจงถอนหายใจแล้วส่ายหน้า “ที่ตาไม่อยากบอกเราเพราะไม่แน่ใจท่าทีของเรา เกิดเราคิดเหมือนพ่อแม่ งั้นไม่สู้ไม่พูดดีกว่า”

อิ๋งเทียนลี่ว์เงียบไปชั่วขณะ “คุณตา มีท่าทียังไงกับ…เสี่ยวเซวียนเหรอครับ”

ไม่ว่าจะชื่อจริงอย่างอิ๋งเย่ว์เซวียน หรือชื่อเล่นวานวาน หรือแม้กระทั่งวันเกิดบนหน้าบัตรประชาชน แท้จริงแล้วเป็นของอิ๋งจื่อจินทั้งหมด

นี่คือการแทนที่อย่างแท้จริง

“ไม่ทำตัวใกล้ชิด แต่ก็ไม่ทำตัวห่างเหิน” ผู้เฒ่าจงรู้สึกสับสน “ไม่ว่ายังไงก็เห็นมาตั้งแต่เล็กๆ เธอเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไร”

อิ๋งเทียนลี่ว์ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ “แต่ทำไมเธอรู้เรื่องที่ตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่กลับไม่บอกผม”

“เธอรู้เหรอ” ผู้เฒ่าจงได้ฟังก็สีหน้าเปลี่ยน “เธอรู้เรื่องนี้เหรอ”

“ครับ เธอรู้” อิ๋งเทียนลี่ว์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมคิดอยู่สักพัก เธอน่าจะรู้ตั้งแต่จื่อจินกลับมาแล้ว เธอก็เลยไปยุโรป”

ผู้เฒ่าจงก็เงียบลง

อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้ล่วงหน้าหนึ่งปีแต่ไม่บอกเขา และก็ไม่ได้บอกอิ๋งเทียนลี่ว์

ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้ไปจากตระกูลอิ๋งจริงๆ

เธอใช้ชีวิตแทนคนอื่นมาสิบเจ็ดปี กินดีอยู่ดี

ถ้าอิ๋งเย่ว์เซวียนดึงดันจะไปจากตระกูลอิ๋ง จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงก็ไม่มีทางห้ามได้

จากไปก็ไม่ได้หมายความว่าไร้เยื่อใยต่อกันแล้ว

ผู้เฒ่าจงสับสนยิ่งกว่าเดิม

“นิสัยของมนุษย์ก็แบบนี้ กลัวการสูญเสีย” อิ๋งเทียนลี่ว์คิดอยู่นาน ถอนหายใจเบาๆ “ท่าทีของผมก็เหมือนคุณตา ตราบใดที่เธอไม่ทำอะไร ผมก็จะทำกับเธอเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง”

“แต่ของของจื่อจินก็ต้องเป็นของจื่อจิน ห้ามให้ใครมาครอบครองแล้ว”

“คุณตาครับ หาเวลาจัดงานเลี้ยงสักครั้ง ประกาศให้คนรับรู้สถานะของเธอเถอะครับ”

บนมหาสมุทรแปซิฟิก

อิ๋งจื่อจินยังไม่ได้ไปจากเกาะแห่งนี้ ระหว่างนั้นมีโทรรายงานตัวกับฟู่อวิ๋นเซินครั้งหนึ่ง

ขณะที่กำลังเดินอยู่โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

อิ๋งจื่อจินมองเบอร์

ยังคงเป็นเบอร์ของผู้เฒ่าจง แต่เธอรู้ว่าคนที่โทรมาน่าจะเป็นอิ๋งเทียนลี่ว์

เธอกดตัดสาย

ถึงแม้จะหาเกาะนี้บนแผนที่ไม่เจอ แต่ก็ถือว่าเธออยู่ต่างประเทศ

เปลืองเงินรับสายที่ไม่สำคัญ เธอไม่มีนิสัยแบบนั้น

เธอไม่เคยคลุกคลีกับอิ๋งเทียนลี่ว์ และก็ไม่ได้อยากยุ่งด้วย

บนเกาะนี้นอกจากศูนย์กลางกับโซนล่ารางวัลสองโซนใหญ่ๆ นี้แล้วก็ยังมีอีกโซนหนึ่งคือ โซนนักล่า

รอยยิ้มในดวงตาของตี้อู่เย่ว์ที่อยู่ด้านหลังหายไป น้ำเสียงก็จริงจังขึ้น เธอชี้ไปด้านบน “พี่สาว ดูนั่นสิ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 210 ต้องการประกาศว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 210 ต้องการประกาศว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงสนทนาภายในห้องนอนยังคงดำเนินต่อ

“จะสู้หนูไม่ได้สักเรื่องได้ยังไงคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนพูด “ฝีมือด้านศิลปะของหนูยังสู้น้องไม่ได้ด้วยซ้ำ แม้แต่สมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนหนูก็ยังก้าวเข้าไปไม่ได้”

จงมั่นหวาไม่รู้สึกได้รับการปลอบใจ

น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยเชิงตำหนิ “นอกจากเรื่องนี้ล่ะ ยังมีอะไรอีก ใช่ ยังมีเรื่องเปียโน ในคอนเสิร์ตครั้งนั้นดีมากก็จริง เล่นเพลงของวีร่า โฮลท์ซ”

“แต่นั่นเป็นความสามารถที่คุณหนูไฮโซควรทำได้ทั้งนั้น จื่อจินทำได้ก็ไม่บอกแม่สักคำ ลองบอกให้ไปเรียนด้านวิจัยวิทยาศาสตร์แบบลูกสิ น้องทำได้เหรอ น้องเคยเชื่อฟังแม่ด้วยเหรอ”

ถ้าเป็นยามปกติ อิ๋งจื่อจินมีความสามารถพวกนี้ เธอคงดีใจจนเป็นบ้า สร้างหน้าสร้างตาให้เธอได้มาก

แต่เธอยังไม่ทันได้ดื่มด่ำกับเกียรติเหล่านั้น อิ๋งจื่อจินก็มาบอกว่าจะตัดขาดกับพวกเธอ แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ตอนแรกสุดไม่ว่าจะจงมั่นหวาหรืออิ๋งเจิ้นถิงต่างคิดว่าอิ๋งจื่อจินแค่งอนเอาแต่ใจเท่านั้น เดี๋ยวไม่นานก็ต้องร้องไห้กลับมา

แต่นี่ผ่านไปสองเดือนแล้ว พวกเขายังไม่เห็นแม้แต่เงาของอิ๋งจื่อจิน

จงมั่นหวาอยากให้ผู้เฒ่าจงช่วย แต่ผู้เฒ่าจงก็ปฏิเสธเธอทันที

สายตาที่พี่น้องคนอื่นๆ ในตระกูลจงมองเธอก็ทำให้เธอรู้สึกแย่มาก

อิ๋งเย่ว์เซวียนได้ฟังก็อึ้ง “คอนเสิร์ตเหรอคะ”

ชื่อวีร่า โฮลท์ซ ไม่ว่าใครก็ตามที่คลุกคลีกับดนตรีไม่มีทางไม่รู้จัก

ถ้าอิ๋งจื่อจินเล่นเพลงของวีร่า โฮลท์ซ วงการดนตรีคงแทบแตกไปนานแล้ว ในเน็ตก็คงแชร์คลิปกันอย่างบ้าคลั่ง

แต่เธออยู่เมืองนอกกลับไม่เคยได้ยินข่าวในด้านนี้

น่าแปลก

“แม่คะ คนเราถนัดไม่เหมือนกัน” อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ได้ถามอะไรมาก เธอข่มความอดทนครั้งสุดท้าย “น้องถนัดด้านศิลปะ แม่ควรพอใจแล้ว หนูลืมการบ้านไว้ที่โรงเรียนวิชาหนึ่ง หนูจะกลับไปเอาค่ะ”

จงมั่นหวาเป็นห่วงการเรียนของอิ๋งเย่ว์เซวียนมากกว่าจึงยืนขึ้น “งั้นเดี๋ยวแม่ไปส่งนะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนหลบยังจะไม่ทัน “ถ้าแม่ปวดหัวก็นอนพักให้มากๆ ดีกว่านะคะ”

เธอลุกขึ้นเดินออกไป พอปิดประตูถึงรู้สึกโล่งอก

แต่พอเงยหน้าก็เห็นอิ๋งเทียนลี่ว์ที่ยืนพิงกำแพงอยู่

พอเห็นเธอออกมาเขาก็หันหน้ามอง

ชั่วขณะนั้นหัวใจของอิ๋งเย่ว์เซวียนแทบหยุดเต้น

“พี่?”

ถึงแม้เธอจะรู้ว่าความคิดนี้ไม่ถูก

แต่ความคิดแรกที่แวบขึ้นมาคือ อิ๋งเทียนลี่ว์ได้ยินเรื่องที่เธอเพิ่งคุยกับจงมั่นหวาหรือเปล่า

ถ้าได้ยิน…

สีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์เรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง

เย็นชาหน้านิ่งเหมือนยามปกติ

เขาใช้คางชี้ “สภาพจิตใจของคุณแม่ไม่ปกติอีกแล้วเหรอ”

เมื่อสิบหกปีก่อนหลังจากที่ทารกน้อยหายไป จงมั่นหวาก็สะเทือนใจอย่างรุนแรง

ช่วงหลายปีมานี้เคยไปพบจิตแพทย์มาหลายครั้ง กินยามากมาย แต่ก็ยังรักษาไม่หายอย่างสิ้นเชิง

หมอบอกว่าบาดแผลใหญ่มาก มารักษาไม่ทันเวลา

“นิดหน่อย” อิ๋งเย่ว์เซวียนก้มหน้า “คุณแม่ไร้เหตุผลจริงๆ”

ในขณะเดียวกันเธอก็โล่งอกขึ้นมาบ้าง

ดูท่าอิ๋งเทียนลี่ว์จะไม่ได้ยิน ถ้าได้ยินไม่มีทางใจเย็นขนาดนี้

“อืม” อิ๋งเทียนลี่ว์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ “ช่วงสองสามวันนี้พี่มีธุระ จะไม่กลับบ้าน ถ้าเธอทนแม่ไม่ไหวก็นอนที่โรงเรียนไปก่อนนะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนลังเล “ให้ฉันไปพักที่พี่ไม่ได้เหรอ”

อิ๋งเทียนลี่ว์ก็มีคอนโดอยู่ใจกลางเมืองเหมือนกัน

เมื่อก่อนเธอก็เคยพักที่นั่น

“เธอโตเป็นสาวแล้ว ถึงพวกเราจะเป็นพี่น้องกันก็ต้องมีระยะห่าง” อิ๋งเทียนลี่ว์ยิ้ม น้ำเสียงเรียบเฉย “แล้วเพื่อนพี่ก็จะมาหาด้วย ไม่สะดวกน่ะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนแอบเศร้า แต่ก็ไม่พูดอะไร “งั้นพี่ไปทำธุระเถอะ”

อิ๋งเทียนลี่ว์พยักหน้า ไม่ได้เข้าไปทักทายจงมั่นหวา

เขาลงไปชั้นล่างหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกจากบ้าน

แต่เขายังไม่ได้ขับออกไป

เขานั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ จุดบุหรี่สูบ

หากสังเกตให้ดีมือของเขากำลังสั่น

เมื่อสิบหกปีก่อนเขาอายุแค่ห้าขวบ ยังจำความได้ไม่มากนัก

จำได้เพียงว่าตอนนั้นน้องสาวหายไป ทั้งบ้านวุ่นวายกันยกใหญ่

ผ่านไปสิบกว่าวันน้องสาวของเขาก็ถูกพากลับมา

แต่ดูจากตอนนี้เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่น้องสาวของเขา

น้องสาวแท้ๆ ของเขาถูกทิ้งไว้ข้างนอกสิบหกปี

อุตส่าห์ได้กลับมาอยู่บ้านแต่กลับพบว่าตัวเองถูกแทนที่ไปแล้ว

ชื่อจริง ชื่อเล่น วันเกิด ตัวตน ไม่เหลือเลยสักอย่าง

อีกทั้งยังต้องเป็นคลังเลือดมีชีวิตให้อาแท้ๆ ของตัวเอง

อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาอิ๋งจื่อจินอดทนมาได้อย่างไร

ตอนแรกเขาคิดจริงว่าจงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงรับเลี้ยงอิ๋งจื่อจินเพราะหน้าตาคล้ายกัน วาสนาต้องกัน

แต่นี่คือน้องสาวแท้ๆ ของเขา พอถึงเวลาไม่เพียงแต่จะไม่ถูกยอมรับ ยังถูกกำหนดให้เป็นแค่ลูกบุญธรรม

วันนี้เขาได้ยินบทสนทนาของอิ๋งเย่ว์เซวียนกับจงมั่นหวา ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนรู้เรื่องทั้งหมด

อย่างน้อยก็รู้เร็วกว่าเขา

แต่เธอกลับไม่พูดอะไรเลย

ถึงแม้อิ๋งเทียนลี่ว์จะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของอิ๋งเย่ว์เซวียน ตอนนั้นเธอยังเด็ก เขาโทษเธอไม่ได้

แต่ตราบใดที่เขานึกถึง ของที่เดิมทีเป็นของอิ๋งจื่อจินได้ถูกอิ๋งเย่ว์เซวียนครอบครอง เขาก็รู้สึกรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

อายุเท่ากัน อิ๋งจื่อจินลำบากอยู่ที่ชนบท แม้แต่เสื้อผ้าดีๆ สักตัวก็ไม่ได้ใส่

ส่วนอิ๋งเย่ว์เซวียน โตมาท่ามกลางความรักของทุกคนที่มีให้ กินดีอยู่ดี ทั้งยังได้ทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจ

เอาสองคนนี้เทียบกันยิ่งน่าสะเทือนใจเข้าไปใหญ่

อิ๋งเทียนลี่ว์สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามข่มอารมณ์ที่แปรปรวนภายในจิตใจ

จากนั้นเขาก็หมุนพวงมาลัยรถแล้วเหยียบคันเร่ง

สี่สิบนาทีต่อมา

ณ คฤหาสน์ตระกูลจง

อิ๋งเทียนลี่ว์ลงจากรถก็เห็นคนเดินออกมาจากบ้านพอดี

เขามองไปก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย “ลุงไห่เหยียน?”

“เทียนลี่ว์” จงไห่เหยียนก็ประหลาดใจ “เราก็กลับมาด้วยเหรอ”

“ครับ เพิ่งกลับมาไม่นาน” อิ๋งเทียนลี่ว์พยักหน้า “ลุงมาทำอะไรครับ”

จงไห่เหยียนทำงานอยู่ที่อื่นมาตลอด จะกลับมาที่บ้านตระกูลจงแค่ตอนช่วงตรุษจีนเท่านั้น

“ก็ไม่มีอะไรหรอก” จงไห่เหยียนชูทะเบียนสมรสในมือ “มาจัดการเรื่องหย่าน่ะ”

“หย่าเหรอครับ” อิ๋งเทียนลี่ว์อึ้ง “ลุงจะหย่ากับป้าสะใภ้เหรอครับ”

“ไม่ใช่ป้าสะใภ้ของหลานแล้ว” พอพูดถึงคุณนายจง สีหน้าของจงไห่เหยียนก็เย็นชาลงไปไม่น้อย “เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อน ไว้ลุงจะเล่าให้ฟังนะ”

อิ๋งเทียนลี่ว์ก็มีเรื่องด่วน จึงไม่ถามต่อ

เขาเข้าไปในบ้านแล้วตรงไปหาผู้เฒ่าจงที่ห้องทำงาน

“คุณตา” อิ๋งเทียนลี่ว์เข้าประเด็น “คุณตารู้นานแล้วใช่ไหมครับว่าจื่อจินต่างหากที่เป็นน้องสาวของผม”

ผู้เฒ่าจงกำลังอ่านเอกสาร พอได้ยินแบบนี้ก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบเฉย “รู้แล้วเหรอ”

อิ๋งเทียนลี่ว์จับศีรษะ โมโหจนหัวเราะ “ผมเผลอไปได้ยินเข้า ทำไมคุณตาไม่บอกผม”

“บอกเราแล้วมีประโยชน์อะไร” ผู้เฒ่าจงไม่โกรธ “จื่อจินออกจากตระกูลอิ๋งไปแล้ว ไม่สำคัญแล้วว่าจะเป็นน้องสาวของเราหรือเปล่า”

“สำคัญสิครับ” สองมือของอิ๋งเทียนลี่ว์วางบนโต๊ะทำงาน “เธอต่างหากที่เป็นน้องสาวของผม จะเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมได้ยังไง จำเป็นต้องประกาศสถานะของเธอให้ภายนอกรับรู้”

เรื่องสถานะเป็นสิ่งสำคัญมากในแวดวงคนมีฐานะ

อย่าว่าแต่ลูกเลี้ยงเลย ลูกลับก็ไม่มีทางได้ขึ้นในผังตระกูล

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมทั้งๆ ที่อิ๋งจื่อจินต่างหากที่เป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริง แต่จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงกลับทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน ไม่แม้แต่จะพูดถึง

“จื่อจินบอกเองว่าไม่ต้องการ” ผู้เฒ่าจงถอนหายใจแล้วส่ายหน้า “ที่ตาไม่อยากบอกเราเพราะไม่แน่ใจท่าทีของเรา เกิดเราคิดเหมือนพ่อแม่ งั้นไม่สู้ไม่พูดดีกว่า”

อิ๋งเทียนลี่ว์เงียบไปชั่วขณะ “คุณตา มีท่าทียังไงกับ…เสี่ยวเซวียนเหรอครับ”

ไม่ว่าจะชื่อจริงอย่างอิ๋งเย่ว์เซวียน หรือชื่อเล่นวานวาน หรือแม้กระทั่งวันเกิดบนหน้าบัตรประชาชน แท้จริงแล้วเป็นของอิ๋งจื่อจินทั้งหมด

นี่คือการแทนที่อย่างแท้จริง

“ไม่ทำตัวใกล้ชิด แต่ก็ไม่ทำตัวห่างเหิน” ผู้เฒ่าจงรู้สึกสับสน “ไม่ว่ายังไงก็เห็นมาตั้งแต่เล็กๆ เธอเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไร”

อิ๋งเทียนลี่ว์ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ “แต่ทำไมเธอรู้เรื่องที่ตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่กลับไม่บอกผม”

“เธอรู้เหรอ” ผู้เฒ่าจงได้ฟังก็สีหน้าเปลี่ยน “เธอรู้เรื่องนี้เหรอ”

“ครับ เธอรู้” อิ๋งเทียนลี่ว์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมคิดอยู่สักพัก เธอน่าจะรู้ตั้งแต่จื่อจินกลับมาแล้ว เธอก็เลยไปยุโรป”

ผู้เฒ่าจงก็เงียบลง

อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้ล่วงหน้าหนึ่งปีแต่ไม่บอกเขา และก็ไม่ได้บอกอิ๋งเทียนลี่ว์

ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้ไปจากตระกูลอิ๋งจริงๆ

เธอใช้ชีวิตแทนคนอื่นมาสิบเจ็ดปี กินดีอยู่ดี

ถ้าอิ๋งเย่ว์เซวียนดึงดันจะไปจากตระกูลอิ๋ง จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงก็ไม่มีทางห้ามได้

จากไปก็ไม่ได้หมายความว่าไร้เยื่อใยต่อกันแล้ว

ผู้เฒ่าจงสับสนยิ่งกว่าเดิม

“นิสัยของมนุษย์ก็แบบนี้ กลัวการสูญเสีย” อิ๋งเทียนลี่ว์คิดอยู่นาน ถอนหายใจเบาๆ “ท่าทีของผมก็เหมือนคุณตา ตราบใดที่เธอไม่ทำอะไร ผมก็จะทำกับเธอเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง”

“แต่ของของจื่อจินก็ต้องเป็นของจื่อจิน ห้ามให้ใครมาครอบครองแล้ว”

“คุณตาครับ หาเวลาจัดงานเลี้ยงสักครั้ง ประกาศให้คนรับรู้สถานะของเธอเถอะครับ”

บนมหาสมุทรแปซิฟิก

อิ๋งจื่อจินยังไม่ได้ไปจากเกาะแห่งนี้ ระหว่างนั้นมีโทรรายงานตัวกับฟู่อวิ๋นเซินครั้งหนึ่ง

ขณะที่กำลังเดินอยู่โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

อิ๋งจื่อจินมองเบอร์

ยังคงเป็นเบอร์ของผู้เฒ่าจง แต่เธอรู้ว่าคนที่โทรมาน่าจะเป็นอิ๋งเทียนลี่ว์

เธอกดตัดสาย

ถึงแม้จะหาเกาะนี้บนแผนที่ไม่เจอ แต่ก็ถือว่าเธออยู่ต่างประเทศ

เปลืองเงินรับสายที่ไม่สำคัญ เธอไม่มีนิสัยแบบนั้น

เธอไม่เคยคลุกคลีกับอิ๋งเทียนลี่ว์ และก็ไม่ได้อยากยุ่งด้วย

บนเกาะนี้นอกจากศูนย์กลางกับโซนล่ารางวัลสองโซนใหญ่ๆ นี้แล้วก็ยังมีอีกโซนหนึ่งคือ โซนนักล่า

รอยยิ้มในดวงตาของตี้อู่เย่ว์ที่อยู่ด้านหลังหายไป น้ำเสียงก็จริงจังขึ้น เธอชี้ไปด้านบน “พี่สาว ดูนั่นสิ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+