คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 213 อันดับหนึ่งก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่ไง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 213 อันดับหนึ่งก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่ไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก แต่กลับไม่มีท่าทีตอบสนองเป็นพิเศษ

เธอหันไปมองบนหน้าจออีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งหรือ”

“ใช่ๆ ตามหามาสิบกว่าปีได้แล้วมั้ง แต่ก็ยังไม่เจอ”

ขณะพูดเธอก็ผายมือออก “ก็ไม่รู้ว่าตระกูลเบวินดันทุรังแบบนี้ไปเพื่ออะไร นักปรุงยาพิษโหดเหี้ยมที่สุดแล้วในบรรดานักล่า ฆาตกรแนบเนียนที่แท้จริง”

นักปรุงยาพิษสามารถโจมตีระยะไกลได้ ระยะใกล้ก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีความสามารถในการหลบซ่อนสูง ถ้าเป็นนักแม่นปืน อย่างน้อยก็สามารถวิเคราะห์ตำแหน่งที่ซ่อนตัวออกมาได้หลังเกิดเรื่อง

แต่กับนักปรุงยาพิษไม่มีทางเป็นไปได้

นักปรุงยาพิษลงมือได้แม้ในชั่วขณะที่แค่เดินผ่านกัน กว่ายาพิษจะออกฤทธิ์ก็ผ่านไปหลายวันแล้วหรือแม้กระทั่งหนึ่งปีให้หลัง คนที่ถูกวางยาไม่แม้แต่จะสังเกตเห็น

“ฉันเคยเจอนักปรุงยาพิษอันดับที่สิบเจ็ด เป็นตาแก่ หน้าตาน่ากลัวมากเลยล่ะ” ตี้อู่เย่ว์พูดต่อ “ฉันเลยเดาว่านักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งก็น่าจะเป็นตาแก่เหมือนกัน อย่างไงซะนักปรุงยาพิษพวกนี้ก็อายุยืน”

ถึงแม้นักปรุงยาพิษกับนักเล่นแร่แปรธาตุ รวมถึงแพทย์แผนโบราณจะค้นคว้าเรื่องยา แต่โดยแก่นแท้ก็มีความแตกต่าง

วิชาเล่นแร่แปรธาตุมีต้นกำเนิดในยุคกลางของยุโรป ในช่วงเวลาสองร้อยปีตั้งแต่ศตวรรษที่สิบหกถึงศตวรรษที่สิบแปดก็มีตำราเกี่ยวกับวิชาเล่นแร่แปรธาตุจำนวนไม่น้อย

ตอนแรกสุดที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ศึกษาวิชาเล่นแร่แปรธาตุเป็นการศึกษาว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้ก้อนหินรวมถึงโลหะทั่วไปแปรเปลี่ยนเป็นทองได้

ซึ่งเรื่องนี้ได้เกี่ยวพันถึงหลักการทางเคมีอยู่มาก

ด้วยเหตุนี้วิชาเล่นแร่แปรธาตุจึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาด้านเคมีวิทยา

แต่การปรากฏของเคมีวิทยาในยุคใกล้กลับย้อนแย้งกับวิชาเล่นแร่แปรธาตุเสียด้วยซ้ำ ซึ่งในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น

วิชาเล่นแร่แปรธาตุที่แท้จริงแค่ไม่ได้ปรากฏต่อหน้าคนทั่วไป

สิ่งที่นักเล่นแร่แปรธาตุค้นคว้าไม่ใช่แค่การเปลี่ยนหินให้เป็นทอง แต่เป็นยาครอบจักรวาล หรือจะเรียกอีกอย่างได้ว่ายาอมตะ

ซึ่งก็คล้ายคลึงกับยาอายุวัฒนะที่เล่าลือกันในยุคสมัยที่มีจักรพรรดิปกครอง

เพียงแต่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ต่อให้วงการเล่นแร่แปรธาตุผนึกกำลังกับวงการแพทย์แผนโบราณก็ยังไม่สามารถทำให้คนเป็นอมตะอย่างแท้จริงได้

อย่างมากก็แค่ขุดศักยภาพในร่างกายมนุษย์ออกมาพัฒนาให้ถึงขั้นสุด ช่วยยืดอายุขัย

แต่นักปรุงยาพิษกลับเก่งกว่าบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุ และแพทย์แผนโบราณ

เพราะนักปรุงยาพิษรักษาคนได้ และก็ฆ่าคนได้ด้วยเช่นกัน

พิษของนักปรุงยาพิษ ใช่ว่านักเล่นแร่แปรธาตุกับแพทย์แผนโบราณจะถอนได้

แต่นักปรุงยาพิษคนไหนก็ตามที่ติดชาร์ต ต่อให้อยู่อันดับที่หนึ่งร้อย ต่างก็ถูกบรรดาอิทธิพลใหญ่บนโลกเรียกหาตัว

ชาร์ตนักปรุงยาพิษมีมูลค่ามากกว่าชาร์ตนักแม่นปืนเยอะมาก

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ฉีกกระดาษห่อช็อคโกแลตออกอย่างไม่รีบร้อน น้อยครั้งที่เธอจะคัดค้าน

“นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งไม่ใช่ตาแก่”

เธอหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “หน้าตาดี แต่ช่วงนี้นิสัยไม่ค่อยดีแล้ว”

ตี้อู่เย่ว์ “?”

“เป็นไปไม่ได้มั้ง” ตี้อู่เย่ว์งงหนัก “นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่สมัยปู่ของฉันแล้ว ไม่มีชื่อ ไม่มีฉายา นี่มันผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว ยังจะดูดีได้สักแค่ไหนกัน”

เนื่องจากนักปรุงยาพิษจะใช้ร่างกายตัวเองทดลองยา ทำให้ส่วนใหญ่จะดูเป็นคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง

ตาแก่คนนั้นที่เธอเคยเจอ ใบหน้าซีกขวาตายไปแล้ว

ปรากฏว่าเขาก็ไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเท่าไร ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้สนใจว่าจะทำให้เด็กตกใจกลัวไหม ไม่ได้ทำหน้ากากมาใส่

ตอนที่เธอเจอถึงกับรับไม่ได้เป็นลมหมดสติไป

พอฟื้นมายังอ้วกไปอีกสามรอบ

“อืม” อิ๋งจื่อจินตอบ “มันผ่านมาหลายปีแล้ว”

หลังจากก่อตั้งสมาพันธ์ลับ ชาร์ตนักปรุงยาพิษเป็นชาร์ตแรก

เธอก็แค่อยากเล่นสนุก ไม่ได้บอกคนอื่นอีกสามคน จากนั้นไม่ทันระวังก็เผลอติดชาร์ต

แต่เธอก็แค่ไปจากโลกนี้ไม่ได้ตาย…

ดังนั้นตราบใดที่ไม่มีคนทำยาพิษที่ร้ายกาจยิ่งกว่าออกมาได้ หรือถอนพิษของเธอได้ อันดับหนึ่งของชาร์ตก็ไม่มีทางเปลี่ยน

อิ๋งจื่อจินจับศีรษะ

ถ้าไม่พูดขึ้นมาเธอก็เกือบลืมไปแล้วว่ายังมีเรื่องนี้อยู่

แต่เรื่องที่เธอเป็นนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่ง เมื่อไม่มีใครรู้ซึ่งก็ลดความยุ่งยากไปได้พอสมควร

“เฮ้อ ช่างเถอะ” ตี้อู่เย่ว์เลิกสนใจ “อันดับหนึ่งจะเป็นหญิงหรือชาย แก่เด็ก ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉัน ขนาดฉันยังไม่มีเงินจะกินข้าว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเจอบอสใหญ่อันดับหนึ่งเลย”

พูดจบเธอก็เอาตั๋วสามใบในมือยื่นให้พนักงานตรวจตั๋วที่อยู่ตรงทางเข้าตึก

การประลองของเหล่านักแม่นปืนจะอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของตึก

เพื่อป้องกันบรรดานักแม่นปืนเหล่านี้ยิงศัตรูเพลินจนทำลายข้าวของ

แต่ก็ไม่มีนักแม่นปืนคนไหนที่กล้าทำตัวเอาใหญ่ที่นี่จริงๆ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีนักล่าคนไหนที่มองอำนาจกองกำลังของสมาพันธ์ลับอย่างแท้จริงออก

อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปด้านในพลางกดรับสายของผู้เฒ่าจงที่โทรมาทางวีแชท

“จื่อจิน ตามีเรื่องคุยด้วย” น้ำเสียงของผู้เฒ่าจงเคร่งขรึม “เทียนลี่ว์..รู้ตัวตนของหลานแล้ว แต่เขาไม่เหมือนสองคนนั้น เขาอยากชดเชยให้หลานจริงๆ”

“บอกว่ารอหลานกลับจากเที่ยวก็จะจัดงานเลี้ยงที่ฮู่เฉิง เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของหลาน”

เดิมทีเขาอยากทำแบบนี้ตั้งแต่ที่รู้ว่าอิ๋งจื่อจินต่างหากที่เป็นหลานสาวแท้ๆ ของเขา

แต่ตระกูลอิ๋งไม่ยอม

ไม่ยอมให้ตรวจดีเอ็นเอ และก็ไม่ยอมรับอย่างสิ้นเชิง

ทางตระกูลจงก็มีหลายคนที่จ้องเล่นงาน เขามีความตั้งใจแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง

แต่ถ้ามีอิ๋งเทียนลี่ว์ก็แตกต่างออกไป สามารถพิสูจน์ได้อย่างสิ้นเชิง

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณตา หนูไม่ต้องการ” อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “แต่ก็ฝากขอบคุณเขาด้วยนะคะ”

ณ คฤหาสน์ตระกูลจง

ผู้เฒ่าจงเปิดลำโพงของโทรศัพท์ อิ๋งเทียนลี่ว์อยู่ข้างๆ ย่อมได้ยินแล้ว

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรสายก็ตัดไปแล้ว

อิ๋งเทียนลี่ว์มองโต๊ะอย่างอึ้งๆ

ผ่านไปสักพักเขาถึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประชด “สายไปแล้ว”

เขามาช้าเกินไป ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ชดเชยไม่ได้ เขาแค่โกรธที่ตอนนั้นตัวเองเป็นเพียงเด็กน้อยทำอะไรไม่ได้ ถ้าเป็นเขา เขาจะไม่มีทางล้มเลิกการตามหาอิ๋งจื่อจินเป็นอันขาด ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางปล่อยให้เธอถูกแทนที่ด้วยอีกคน

แต่พอถึงเวลาที่เขามีความสามารถ เรื่องราวกลับเลยเถิดไปไกลแล้ว

“เทียนลี่ว์ จื่อจินรับรู้ความหวังดีของหลานแล้ว”

ผู้เฒ่าจงถอนหายใจ พูดปลอบเขา

“จื่อจินบอกขอบคุณ เป็นพี่น้องไม่ได้ ก็ไม่มีทางเป็นศัตรูต่อกัน”

อิ๋งเทียนลี่ว์นวดหว่างคิ้ว นั่งพิงโซฟาเงยหน้าขึ้น “คุณตา ช่วงนี้ผมขอพักอยู่ที่นี่ระยะหนึ่งได้ไหมครับ”

เขาทำใจให้สงบไม่ได้ เขาไม่อยากเจอใครในตระกูลอิ๋งทั้งนั้น

ถ้าเขากลับไปที่คอนโดส่วนตัว ไม่แน่อิ๋งเย่ว์เซวียนอาจไปหาเขา

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำใจให้ความสนิทสนมกับเธอได้อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นคืออยากหลบหน้า

“เอาสิ” ผู้เฒ่าจงก็รู้ว่าเขาคงยังทำใจไม่ได้ พยักหน้าพลางพูด “มีเรื่องอะไรก็สั่งคนรับใช้ได้”

อิ๋งเทียนลี่ว์มองเพดานอยู่สักพัก นึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปถาม “คุณตามีรูปของจื่อจินไหมครับ”

“มีสิ ทำไมเหรอ”

“ส่งให้ผมหน่อยครับ ผมจะปริ๊นท์ออกมาทำวอลเปเปอร์”

“ฝันไปเถอะ”

สีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์ชะงัก เขาขมวดคิ้วรู้สึกไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “คุณตาว่าไงนะครับ”

“ตาบอกว่าฝันไปเถอะ” ผู้เฒ่าจงพูดเสียงเย็นชา “รูปที่ตาตั้งใจตกแต่ง ทำไมต้องเอาให้แกไปทำวอลเปเปอร์ด้วย”

“…”

อิ๋งเทียนลี่ว์ถึงนึกขึ้นมาได้ว่าผู้เฒ่าจงเป็นบล็อคเกอร์ที่ชอบตัดต่อลงคลิปเอง

ฝีมือในการตัดต่อเรียกได้ว่าขั้นเทพ สามารถเอาคนที่อยู่ในสองคลิปมารวมกันได้

“ครับ” เพื่อให้ได้รูปของน้องสาวตัวเอง อิ๋งเทียนลี่ว์ถึงขั้นยอมจำนนต่ออำนาจมืด “คุณตาว่ามาได้เลยครับผมต้องทำยังไง”

“ติดไว้ก่อน ไว้ค่อยว่ากัน” ผู้เฒ่าจงส่ายมือ รวบรวมรูปภาพแล้วส่งไปให้

รูปถ่ายเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นตอนงานคอนเสิร์ต และส่วนหนึ่งเป็นรูปตอนใช้ชีวิตปกติ

อิ๋งจื่อจินหน้าสดริมฝีปากระเรื่อ แววตาดุจหิมะ

แค่ใบหน้าด้านข้างก็งดงามชวนสะกดใจ

อิ๋งเทียนลี่ว์มองๆ อยู่หางตาก็เริ่มแดงทีละนิด ลำคอแห้งผาดรู้สึกแย่

เขาอดทนต่อความขมขื่นภายในจิตใจ ยิ้มพลางพูด “น้องสาวผมสวยจริงๆ ครับ”

ผู้เฒ่าจงพูดขัดจังหวะอย่างไม่ใยดี “นั่นหลานสาวของฉัน”

“…”

อิ๋งเทียนลี่ว์กดปิดโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเรียบเฉย หยิบเสื้อสูทสีดำของตัวเองแล้วเดินขึ้นชั้นบน

ตอนเด็กๆ เขาก็เคยมาอยู่ที่นี่ บ้านเก่าหลังนี้มีห้องว่างหลายห้องจึงเก็บห้องของเขาไว้ตลอดมา เพื่อที่เขาสามารถมาพักได้ทุกเมื่อ ข้าวของภายในห้องไม่มีความเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน

อิ๋งเทียนลี่ว์เอามือข้างหนึ่งจับชั้นหนังสือ หยิบบัตรธนาคารที่ผู้เฒ่าจงให้ออกมาดู จากนั้นก็เปิดแอปธนาคารในโทรศัพท์ ทำการโอนเงินเก็บทั้งหมดในช่วงหลายปีมานี้ให้อิ๋งจื่อจินโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร

เสียงดัง “ติ๊ง”

มีเงินสามสิบล้านเข้าบัญชี

อิ๋งจื่อจินอ่านข้อความที่แนบมาพร้อมกัน สายตาขยับเล็กน้อย

[น้องสาวของพี่ บางทีพี่อาจไม่คู่ควรเรียกเธอแบบนี้แต่ก็ยังอยากเรียกดู ขอโทษด้วยที่พี่ไม่ได้อยู่ปกป้องเธอในช่วงที่เธอลำบากที่สุด ตอนนี้พี่ไม่รู้ว่าตัวเองพอจะทำอะไรได้บ้าง มีเพียงสิ่งนี้ได้โปรดอย่าคืนมันกลับมาเลยนะ] ลงชื่อข้างท้ายว่า อิ๋งเทียนลี่ว์

ผ่านไปสักพักอิ๋งจื่อจินก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

ตี้อู่เย่ว์ได้ยินเสียงจึงหันมาถาม “พี่สาวเป็นอะไรไปคะ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินปิดข้อความ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“มีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย แต่ก็ช่างเถอะ”

เธอกับอิ๋งเทียนลี่ว์มีเวรกรรมต่อกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋งอีก

“เรื่องอะไรหรือ” ตี้อู่เย่ว์เกาหัว “ฉันช่วยอะไรได้ไหม”

“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น “เข้าไปดูการประลองก่อนเถอะ”

ทั้งสามคนเดินเข้าลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้า

ภายในลิฟท์ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง อิ๋งจื่อจินไม่ชอบอยู่ใกล้คนแปลกหน้าจึงยืนเข้ามุมลิฟท์ แต่หูของเธอดีมากอีกทั้งระยะห่างก็ไม่ได้ไกลได้ยินคำพูดนี้

“คุณหนูครับ นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งรับปากจะเจอพวกเรา แต่คุณหนูต้องไปพบเธอพร้อมดอกหนิงเสินครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 213 อันดับหนึ่งก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่ไง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 213 อันดับหนึ่งก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่ไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก แต่กลับไม่มีท่าทีตอบสนองเป็นพิเศษ

เธอหันไปมองบนหน้าจออีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งหรือ”

“ใช่ๆ ตามหามาสิบกว่าปีได้แล้วมั้ง แต่ก็ยังไม่เจอ”

ขณะพูดเธอก็ผายมือออก “ก็ไม่รู้ว่าตระกูลเบวินดันทุรังแบบนี้ไปเพื่ออะไร นักปรุงยาพิษโหดเหี้ยมที่สุดแล้วในบรรดานักล่า ฆาตกรแนบเนียนที่แท้จริง”

นักปรุงยาพิษสามารถโจมตีระยะไกลได้ ระยะใกล้ก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีความสามารถในการหลบซ่อนสูง ถ้าเป็นนักแม่นปืน อย่างน้อยก็สามารถวิเคราะห์ตำแหน่งที่ซ่อนตัวออกมาได้หลังเกิดเรื่อง

แต่กับนักปรุงยาพิษไม่มีทางเป็นไปได้

นักปรุงยาพิษลงมือได้แม้ในชั่วขณะที่แค่เดินผ่านกัน กว่ายาพิษจะออกฤทธิ์ก็ผ่านไปหลายวันแล้วหรือแม้กระทั่งหนึ่งปีให้หลัง คนที่ถูกวางยาไม่แม้แต่จะสังเกตเห็น

“ฉันเคยเจอนักปรุงยาพิษอันดับที่สิบเจ็ด เป็นตาแก่ หน้าตาน่ากลัวมากเลยล่ะ” ตี้อู่เย่ว์พูดต่อ “ฉันเลยเดาว่านักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งก็น่าจะเป็นตาแก่เหมือนกัน อย่างไงซะนักปรุงยาพิษพวกนี้ก็อายุยืน”

ถึงแม้นักปรุงยาพิษกับนักเล่นแร่แปรธาตุ รวมถึงแพทย์แผนโบราณจะค้นคว้าเรื่องยา แต่โดยแก่นแท้ก็มีความแตกต่าง

วิชาเล่นแร่แปรธาตุมีต้นกำเนิดในยุคกลางของยุโรป ในช่วงเวลาสองร้อยปีตั้งแต่ศตวรรษที่สิบหกถึงศตวรรษที่สิบแปดก็มีตำราเกี่ยวกับวิชาเล่นแร่แปรธาตุจำนวนไม่น้อย

ตอนแรกสุดที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ศึกษาวิชาเล่นแร่แปรธาตุเป็นการศึกษาว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้ก้อนหินรวมถึงโลหะทั่วไปแปรเปลี่ยนเป็นทองได้

ซึ่งเรื่องนี้ได้เกี่ยวพันถึงหลักการทางเคมีอยู่มาก

ด้วยเหตุนี้วิชาเล่นแร่แปรธาตุจึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาด้านเคมีวิทยา

แต่การปรากฏของเคมีวิทยาในยุคใกล้กลับย้อนแย้งกับวิชาเล่นแร่แปรธาตุเสียด้วยซ้ำ ซึ่งในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น

วิชาเล่นแร่แปรธาตุที่แท้จริงแค่ไม่ได้ปรากฏต่อหน้าคนทั่วไป

สิ่งที่นักเล่นแร่แปรธาตุค้นคว้าไม่ใช่แค่การเปลี่ยนหินให้เป็นทอง แต่เป็นยาครอบจักรวาล หรือจะเรียกอีกอย่างได้ว่ายาอมตะ

ซึ่งก็คล้ายคลึงกับยาอายุวัฒนะที่เล่าลือกันในยุคสมัยที่มีจักรพรรดิปกครอง

เพียงแต่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ต่อให้วงการเล่นแร่แปรธาตุผนึกกำลังกับวงการแพทย์แผนโบราณก็ยังไม่สามารถทำให้คนเป็นอมตะอย่างแท้จริงได้

อย่างมากก็แค่ขุดศักยภาพในร่างกายมนุษย์ออกมาพัฒนาให้ถึงขั้นสุด ช่วยยืดอายุขัย

แต่นักปรุงยาพิษกลับเก่งกว่าบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุ และแพทย์แผนโบราณ

เพราะนักปรุงยาพิษรักษาคนได้ และก็ฆ่าคนได้ด้วยเช่นกัน

พิษของนักปรุงยาพิษ ใช่ว่านักเล่นแร่แปรธาตุกับแพทย์แผนโบราณจะถอนได้

แต่นักปรุงยาพิษคนไหนก็ตามที่ติดชาร์ต ต่อให้อยู่อันดับที่หนึ่งร้อย ต่างก็ถูกบรรดาอิทธิพลใหญ่บนโลกเรียกหาตัว

ชาร์ตนักปรุงยาพิษมีมูลค่ามากกว่าชาร์ตนักแม่นปืนเยอะมาก

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ฉีกกระดาษห่อช็อคโกแลตออกอย่างไม่รีบร้อน น้อยครั้งที่เธอจะคัดค้าน

“นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งไม่ใช่ตาแก่”

เธอหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “หน้าตาดี แต่ช่วงนี้นิสัยไม่ค่อยดีแล้ว”

ตี้อู่เย่ว์ “?”

“เป็นไปไม่ได้มั้ง” ตี้อู่เย่ว์งงหนัก “นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่สมัยปู่ของฉันแล้ว ไม่มีชื่อ ไม่มีฉายา นี่มันผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว ยังจะดูดีได้สักแค่ไหนกัน”

เนื่องจากนักปรุงยาพิษจะใช้ร่างกายตัวเองทดลองยา ทำให้ส่วนใหญ่จะดูเป็นคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง

ตาแก่คนนั้นที่เธอเคยเจอ ใบหน้าซีกขวาตายไปแล้ว

ปรากฏว่าเขาก็ไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเท่าไร ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้สนใจว่าจะทำให้เด็กตกใจกลัวไหม ไม่ได้ทำหน้ากากมาใส่

ตอนที่เธอเจอถึงกับรับไม่ได้เป็นลมหมดสติไป

พอฟื้นมายังอ้วกไปอีกสามรอบ

“อืม” อิ๋งจื่อจินตอบ “มันผ่านมาหลายปีแล้ว”

หลังจากก่อตั้งสมาพันธ์ลับ ชาร์ตนักปรุงยาพิษเป็นชาร์ตแรก

เธอก็แค่อยากเล่นสนุก ไม่ได้บอกคนอื่นอีกสามคน จากนั้นไม่ทันระวังก็เผลอติดชาร์ต

แต่เธอก็แค่ไปจากโลกนี้ไม่ได้ตาย…

ดังนั้นตราบใดที่ไม่มีคนทำยาพิษที่ร้ายกาจยิ่งกว่าออกมาได้ หรือถอนพิษของเธอได้ อันดับหนึ่งของชาร์ตก็ไม่มีทางเปลี่ยน

อิ๋งจื่อจินจับศีรษะ

ถ้าไม่พูดขึ้นมาเธอก็เกือบลืมไปแล้วว่ายังมีเรื่องนี้อยู่

แต่เรื่องที่เธอเป็นนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่ง เมื่อไม่มีใครรู้ซึ่งก็ลดความยุ่งยากไปได้พอสมควร

“เฮ้อ ช่างเถอะ” ตี้อู่เย่ว์เลิกสนใจ “อันดับหนึ่งจะเป็นหญิงหรือชาย แก่เด็ก ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉัน ขนาดฉันยังไม่มีเงินจะกินข้าว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเจอบอสใหญ่อันดับหนึ่งเลย”

พูดจบเธอก็เอาตั๋วสามใบในมือยื่นให้พนักงานตรวจตั๋วที่อยู่ตรงทางเข้าตึก

การประลองของเหล่านักแม่นปืนจะอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของตึก

เพื่อป้องกันบรรดานักแม่นปืนเหล่านี้ยิงศัตรูเพลินจนทำลายข้าวของ

แต่ก็ไม่มีนักแม่นปืนคนไหนที่กล้าทำตัวเอาใหญ่ที่นี่จริงๆ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีนักล่าคนไหนที่มองอำนาจกองกำลังของสมาพันธ์ลับอย่างแท้จริงออก

อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปด้านในพลางกดรับสายของผู้เฒ่าจงที่โทรมาทางวีแชท

“จื่อจิน ตามีเรื่องคุยด้วย” น้ำเสียงของผู้เฒ่าจงเคร่งขรึม “เทียนลี่ว์..รู้ตัวตนของหลานแล้ว แต่เขาไม่เหมือนสองคนนั้น เขาอยากชดเชยให้หลานจริงๆ”

“บอกว่ารอหลานกลับจากเที่ยวก็จะจัดงานเลี้ยงที่ฮู่เฉิง เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของหลาน”

เดิมทีเขาอยากทำแบบนี้ตั้งแต่ที่รู้ว่าอิ๋งจื่อจินต่างหากที่เป็นหลานสาวแท้ๆ ของเขา

แต่ตระกูลอิ๋งไม่ยอม

ไม่ยอมให้ตรวจดีเอ็นเอ และก็ไม่ยอมรับอย่างสิ้นเชิง

ทางตระกูลจงก็มีหลายคนที่จ้องเล่นงาน เขามีความตั้งใจแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง

แต่ถ้ามีอิ๋งเทียนลี่ว์ก็แตกต่างออกไป สามารถพิสูจน์ได้อย่างสิ้นเชิง

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณตา หนูไม่ต้องการ” อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “แต่ก็ฝากขอบคุณเขาด้วยนะคะ”

ณ คฤหาสน์ตระกูลจง

ผู้เฒ่าจงเปิดลำโพงของโทรศัพท์ อิ๋งเทียนลี่ว์อยู่ข้างๆ ย่อมได้ยินแล้ว

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรสายก็ตัดไปแล้ว

อิ๋งเทียนลี่ว์มองโต๊ะอย่างอึ้งๆ

ผ่านไปสักพักเขาถึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประชด “สายไปแล้ว”

เขามาช้าเกินไป ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ชดเชยไม่ได้ เขาแค่โกรธที่ตอนนั้นตัวเองเป็นเพียงเด็กน้อยทำอะไรไม่ได้ ถ้าเป็นเขา เขาจะไม่มีทางล้มเลิกการตามหาอิ๋งจื่อจินเป็นอันขาด ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางปล่อยให้เธอถูกแทนที่ด้วยอีกคน

แต่พอถึงเวลาที่เขามีความสามารถ เรื่องราวกลับเลยเถิดไปไกลแล้ว

“เทียนลี่ว์ จื่อจินรับรู้ความหวังดีของหลานแล้ว”

ผู้เฒ่าจงถอนหายใจ พูดปลอบเขา

“จื่อจินบอกขอบคุณ เป็นพี่น้องไม่ได้ ก็ไม่มีทางเป็นศัตรูต่อกัน”

อิ๋งเทียนลี่ว์นวดหว่างคิ้ว นั่งพิงโซฟาเงยหน้าขึ้น “คุณตา ช่วงนี้ผมขอพักอยู่ที่นี่ระยะหนึ่งได้ไหมครับ”

เขาทำใจให้สงบไม่ได้ เขาไม่อยากเจอใครในตระกูลอิ๋งทั้งนั้น

ถ้าเขากลับไปที่คอนโดส่วนตัว ไม่แน่อิ๋งเย่ว์เซวียนอาจไปหาเขา

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำใจให้ความสนิทสนมกับเธอได้อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นคืออยากหลบหน้า

“เอาสิ” ผู้เฒ่าจงก็รู้ว่าเขาคงยังทำใจไม่ได้ พยักหน้าพลางพูด “มีเรื่องอะไรก็สั่งคนรับใช้ได้”

อิ๋งเทียนลี่ว์มองเพดานอยู่สักพัก นึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปถาม “คุณตามีรูปของจื่อจินไหมครับ”

“มีสิ ทำไมเหรอ”

“ส่งให้ผมหน่อยครับ ผมจะปริ๊นท์ออกมาทำวอลเปเปอร์”

“ฝันไปเถอะ”

สีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์ชะงัก เขาขมวดคิ้วรู้สึกไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “คุณตาว่าไงนะครับ”

“ตาบอกว่าฝันไปเถอะ” ผู้เฒ่าจงพูดเสียงเย็นชา “รูปที่ตาตั้งใจตกแต่ง ทำไมต้องเอาให้แกไปทำวอลเปเปอร์ด้วย”

“…”

อิ๋งเทียนลี่ว์ถึงนึกขึ้นมาได้ว่าผู้เฒ่าจงเป็นบล็อคเกอร์ที่ชอบตัดต่อลงคลิปเอง

ฝีมือในการตัดต่อเรียกได้ว่าขั้นเทพ สามารถเอาคนที่อยู่ในสองคลิปมารวมกันได้

“ครับ” เพื่อให้ได้รูปของน้องสาวตัวเอง อิ๋งเทียนลี่ว์ถึงขั้นยอมจำนนต่ออำนาจมืด “คุณตาว่ามาได้เลยครับผมต้องทำยังไง”

“ติดไว้ก่อน ไว้ค่อยว่ากัน” ผู้เฒ่าจงส่ายมือ รวบรวมรูปภาพแล้วส่งไปให้

รูปถ่ายเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นตอนงานคอนเสิร์ต และส่วนหนึ่งเป็นรูปตอนใช้ชีวิตปกติ

อิ๋งจื่อจินหน้าสดริมฝีปากระเรื่อ แววตาดุจหิมะ

แค่ใบหน้าด้านข้างก็งดงามชวนสะกดใจ

อิ๋งเทียนลี่ว์มองๆ อยู่หางตาก็เริ่มแดงทีละนิด ลำคอแห้งผาดรู้สึกแย่

เขาอดทนต่อความขมขื่นภายในจิตใจ ยิ้มพลางพูด “น้องสาวผมสวยจริงๆ ครับ”

ผู้เฒ่าจงพูดขัดจังหวะอย่างไม่ใยดี “นั่นหลานสาวของฉัน”

“…”

อิ๋งเทียนลี่ว์กดปิดโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเรียบเฉย หยิบเสื้อสูทสีดำของตัวเองแล้วเดินขึ้นชั้นบน

ตอนเด็กๆ เขาก็เคยมาอยู่ที่นี่ บ้านเก่าหลังนี้มีห้องว่างหลายห้องจึงเก็บห้องของเขาไว้ตลอดมา เพื่อที่เขาสามารถมาพักได้ทุกเมื่อ ข้าวของภายในห้องไม่มีความเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน

อิ๋งเทียนลี่ว์เอามือข้างหนึ่งจับชั้นหนังสือ หยิบบัตรธนาคารที่ผู้เฒ่าจงให้ออกมาดู จากนั้นก็เปิดแอปธนาคารในโทรศัพท์ ทำการโอนเงินเก็บทั้งหมดในช่วงหลายปีมานี้ให้อิ๋งจื่อจินโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร

เสียงดัง “ติ๊ง”

มีเงินสามสิบล้านเข้าบัญชี

อิ๋งจื่อจินอ่านข้อความที่แนบมาพร้อมกัน สายตาขยับเล็กน้อย

[น้องสาวของพี่ บางทีพี่อาจไม่คู่ควรเรียกเธอแบบนี้แต่ก็ยังอยากเรียกดู ขอโทษด้วยที่พี่ไม่ได้อยู่ปกป้องเธอในช่วงที่เธอลำบากที่สุด ตอนนี้พี่ไม่รู้ว่าตัวเองพอจะทำอะไรได้บ้าง มีเพียงสิ่งนี้ได้โปรดอย่าคืนมันกลับมาเลยนะ] ลงชื่อข้างท้ายว่า อิ๋งเทียนลี่ว์

ผ่านไปสักพักอิ๋งจื่อจินก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

ตี้อู่เย่ว์ได้ยินเสียงจึงหันมาถาม “พี่สาวเป็นอะไรไปคะ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินปิดข้อความ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“มีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย แต่ก็ช่างเถอะ”

เธอกับอิ๋งเทียนลี่ว์มีเวรกรรมต่อกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋งอีก

“เรื่องอะไรหรือ” ตี้อู่เย่ว์เกาหัว “ฉันช่วยอะไรได้ไหม”

“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น “เข้าไปดูการประลองก่อนเถอะ”

ทั้งสามคนเดินเข้าลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้า

ภายในลิฟท์ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง อิ๋งจื่อจินไม่ชอบอยู่ใกล้คนแปลกหน้าจึงยืนเข้ามุมลิฟท์ แต่หูของเธอดีมากอีกทั้งระยะห่างก็ไม่ได้ไกลได้ยินคำพูดนี้

“คุณหนูครับ นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งรับปากจะเจอพวกเรา แต่คุณหนูต้องไปพบเธอพร้อมดอกหนิงเสินครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+