คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 218 รนหาที่ตาย! พ่ออิ๋งโมโหแล้ว

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 218 รนหาที่ตาย! พ่ออิ๋งโมโหแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อิ๋งจื่อจินละสายตา หันหน้ากลับมาถาม “พ่อคะ เสี่ยวหลานล่ะ ยังไม่กลับมาเหรอคะ”

หลังจากที่เวินทิงหลานเรียนจบมอหกเขาก็มีวันหยุดยาว

วันเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยนอร์ตันไม่เหมือนกับทางประเทศจีน เปิดเรียนเดือนตุลาคม ปิดเทอมเดือนกุมภาพันธ์

ระหว่างนั้นพักสองเดือน เริ่มเปิดภาคเรียนที่สองในเดือนพฤษภาคม ปิดเทอมเดือนสิงหาคม

ในหนึ่งปีมีวันหยุดสี่เดือน

ด้วยเหตุนี้อิ๋งจื่อจินจึงวางแผนไว้ว่าจะส่งเวินทิงหลานไปตอนเดือนกันยายน

อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยเดินทางไกล และไม่เคยแยกจากเวินเฟิงเหมียน อาจไม่ชิน

เธอย้อนดูเรื่องที่เกิดขึ้นในหนึ่งวันนี้ เห็นเพียงเวินทิงหลานออกจากบ้านไป

“เช้าวันนี้เพื่อนของอวี้อวี้มาหา” เวินเฟิงเหมียนพยักหน้า “เห็นบอกว่าเพื่อนๆ นัดรวมกัน จะกลับมาเย็นๆ”

“พ่อคิดว่าสภาพจิตใจของเขาอุตส่าห์ฟื้นกลับมาทั้งที หมอเองก็บอกว่าให้เขาหัดเข้าสังคม ก็เลยให้เขาไป”

แววตาของอิ๋งจื่อจินขรึมลง “เพื่อนที่ไหนคะ”

เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนคลาสอัจฉริยะไปที่มหาวิทยาลัยตี้ตูแล้ว แถมยังต้องเข้าคลาสทดลอง

ส่วนนักเรียนสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็ถูกมหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างประเทศรับเข้าเรียนหมด

คลาสทดลองของมหาวิทยาลัยตี้ตู ไม่ว่าอยู่คณะไหนก็จะมีภาคเรียนเล็กมาตลอด

ดังนั้นเวลานี้นักเรียนที่ต้องเข้าคลาสทดลองต่างไปที่มหาวิทยาลัยตี้ตูหมดแล้ว

เวินทิงหลานเพิ่งมาอยู่ฮู่เฉิงได้แค่เทอมเดียว เนื่องจากบุคลิกผิดปกติ ทำให้การเข้าสังคมมีปัญหา เขายังจะรู้จักใครได้อีกนอกจากเด็กคลาสอัจฉริยะ

“ก็เพื่อนโรงเรียนเดียวกับเยาเยา แถมยังรุ่นเดียวกับลูกด้วยนะ” เวินเฟิงเหมียนนึก “อวี้อวี้บอกพ่อว่า ก่อนเขาไปจากโรงเรียน เขาเอาสมุดโน้ตให้นักเรียนมอห้ายืมไป”

“เพื่อนคนนั้นคงเอาสมุดมาคืน ส่วนรายละเอียดพ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เรื่องนี้อิ๋งจื่อจินก็รู้

อันที่จริงเวินทิงหลานไม่ค่อยชอบเขียน แม้แต่หนังสือเรียนยังว่างเปล่า

เครื่องมือของเขาก็คือสมอง

อ่านปราดเดียวก็จำได้แม่น

แต่เนื่องจากนักเรียนคลาสอัจฉริยะต่างช่วยเขาดูแลสภาพจิตใจ เวินทิงหลานก็เลยช่วยสรุปเนื้อหาให้ รวมถึงความเข้าใจในแต่ละวิชา

ด้วยเหตุนี้คลาสอัจฉริยะปีนี้จึงทำผลสอบได้ดีกว่าปีก่อนๆ

คะแนนน่ากลัวถึงขั้นที่ไม่มีใครได้ต่ำกว่าเจ็ดร้อยคะแนน!

ห้าสิบอันดับแรกของฮู่เฉิงเป็นเด็กคลาสอัจฉริยะของชิงจื้อทั้งหมด

เรื่องแบบนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน

เมื่อเดือนที่แล้วนักเรียนห้องสิบเก้าหลายคนยังมาถามอยู่ว่าขอซื้อสมุดโน้ตของเวินทิงหลานได้ไหม

“เยาเยา ไม่ต้องกังวลเกินไป” เวินเฟิงเหมียนไอเล็กน้อย “เพื่อนกันทั้งนั้น ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นหรอก”

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “หนูไปดูที่โรงเรียนหน่อยนะคะ”

เธอหันไปพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาลง “พี่ชาย ช่วยฉันดูแลพ่อหน่อย ห้ามไปไหนจนกว่าฉันจะกลับมา”

สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก ใช่ว่าจะไม่ยินดี เพราะคำเรียกแบบนี้เลยยอม

เขาพบว่า ตอนแรกเริ่มเขาไม่ควรแกล้งเด็กน้อยเลยจริงๆ

มาตอนนี้ถูกเรียกแบบนี้ คนที่รับกรรมไปก็คือตัวเขาเอง

“ไปเถอะ” ฟู่อวิ๋นเซินวางถุงในมือลง “พี่ชายจะดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนคุณอา”

มือของอิ๋งจื่อจินจับประตูอยู่หลายวินาทีถึงออกไป

สีหน้าของเวินเฟิงเหมียนเริ่มเคร่งเครียด “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลงเล็กน้อย แต่เขากลับยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกครับ เข้าไปข้างในกันครับ”

เขากับเด็กน้อยก็รู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว แต่ไหนแต่ไรมาไม่ค่อยเห็นอารมณ์ของเธอเปลี่ยนแปลงสักเท่าไร

ถ้าไม่เย็นชาก็ราวกับไม่มีเรื่องไหนทำอะไรเธอได้

แต่เมื่อครู่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศรอบตัวเธอเปลี่ยนไป

เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเวินทิงหลานแล้วจริงๆ

ส่วนการที่เธอให้เขาอยู่ที่นี่ก็น่าจะเพราะชีวิตของเวินเฟิงเหมียนก็ตกอยู่ในอันตรายเหมือนกัน

ฟู่อวิ๋นเซินหรี่ตาเล็กน้อย นึกถึงโทรศัพท์สายหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน

เขาหันหน้าไป “คุณอาครับ ช่วงนี้มีคนมาที่บ้านบ้างหรือเปล่า”

“ก็เยอะอยู่นะ” เวินเฟิงเหมียนตอบ “อวี้อวี้ไม่ได้เลือกมหาวิทยาลัยใช่ไหมล่ะ ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูก็เลยส่งคนมาหลายคณะเลยล่ะ”

ตอนแรกที่เวินเฟิงเหมียนได้ยินว่าเวินทิงหลานถูกมหาวิทยาลัยนอร์ตันรับเข้าเรียน เวินเฟิงเหมียนก็อึ้งไม่ได้สติอยู่นาน

หลายวันต่อมาเขาถึงยอมรับได้

อย่างไรเสียมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็เป็นมหาวิทยาลัยที่หลายคนใฝ่ฝัน

มหาวิทยาลัยตี้ตูอย่างน้อยก็จับต้องได้ แต่มหาวิทยาลัยนอร์ตันแทบจะได้แค่จินตนาการ

นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเหมือนปริศนา ชวนให้โลกภายนอกคาดเดาไม่ถูก

พอฟังจบนิ้วของฟู่อวิ๋นเซินก็เคาะโซฟาเบาๆ

จากนั้นเขาก็ก้มหน้ากดส่งข้อความ

[ไปสืบดูว่าทางบ้านตระกูลจงเกิดเรื่องอะไรขึ้น]

โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ

คลาสเด็กอัจฉริยะกับคลาสทดลองวิทยาศาสตร์ทบทวนเนื้อหาของมอปลายจบแล้วตั้งแต่เรียนเสริมรอบแรก

คลาสทั่วไปจะเรียนช้ากว่าหน่อย ฟิสิกส์ยังอยู่ที่เล่มสามเล่มสี่

ดังนั้นการเรียนเสริมในรอบสองคือการเก็บตกเนื้อหา

ให้พวกนักเรียนทำโจทย์ จากนั้นอาจารย์จะมาสรุปโดยรวมอีกที

ปกติอย่างมากก็เรียนวันละสองคาบ เวลาที่เหลือให้นักเรียนจัดสรรกันเอง ซึ่งก็ค่อนข้างสบายๆ

พออิ๋งจื่อจินมาถึงโรงเรียนก็หลับตาลง

ภาพเหตุการณ์ในอดีตปรากฏเบื้องหน้า

ในดวงตาของเธอมีหยาดน้ำค้างเกาะทีละนิด

เธอตรงไปที่อาคารเรียนของชั้นมอหก

หลังจากที่เวินทิงหลานเรียนจบ รุ่นเธอก็ย้ายไปอยู่อาคารเรียนของมอหก

“เทพอิ๋ง!”

มีคนเรียกเธอ

อิ๋งจื่อจินหันไป

เป็นนักเรียนหญิงคนหนึ่ง

พอเห็นเธอก็โบกมือให้ด้วยความตื่นเต้น วิ่งมาหาท่าทางดีใจ “เทพอิ๋ง ไม่เจอกันนาน มาเรียนเสริมเหรอ”

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันมาตามหาคน”

เธอจำนักเรียนหญิงคนนี้ได้

ที่หนึ่งของคลาสทดลองวิทยาศาสตร์

เคยมาที่ห้องสิบเก้าหลายครั้ง มาถามโจทย์เธอ

“อ๋อๆ งั้นไปเถอะ” นักเรียนหญิงรีบพูด “ไว้เธอหายยุ่งแล้วฉันค่อยมาขอคำชี้แนะ”

เธอก็ว่าอยู่ เทพอิ๋งขี้เกียจจะตาย มีเหรอจะตั้งใจมาเรียนเสริม

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วขึ้นชั้นบน

เวลานี้นักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะกำลังจำลองการสอบ

ข้อสอบออกโดยโรงเรียนมัธยมในสังกัดของมหาวิทยาลัยตี้ตู ระดับความยากสูงมากทีเดียว

โรงเรียนมัธยมในสังกัดของมหาวิทยาลัยตี้ตูเป็นหนึ่งในสามโรงเรียนที่เก่งที่สุดเหมือนโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ แข่งขันกันในโอลิมปิกนานาชาติอยู่หลายครั้ง

ในขณะที่พวกนักเรียนกำลังทำข้อสอบอย่างเงียบเชียบอยู่นั้น ทันใดนั้นประตูก็ถูกถีบออก

นักเรียนที่นั่งอยู่ใกล้ประตูสะดุ้งตกใจ มือสั่นปากกากระเด็น

ถูกรบกวนกะทันหัน พวกนักเรียนพากันไม่พอใจ

แต่พอเงยหน้าขึ้นพวกเขาก็พูดไม่ออก

อิ๋งเย่ว์เซวียนตกใจเล็กน้อย “น้องจื่อจิน?”

เธอกลับมาเดือนกว่าแล้วยังไม่เคยเจออิ๋งจื่อจินเลยสักครั้ง

ทำไมอยู่ๆ อิ๋งจื่อจินก็โผล่มาที่คลาสเด็กอัจฉริยะตอนนี้ล่ะ

“น้องจื่อจิน พวกเรากำลังสอบอยู่” อิ๋งเย่ว์เซวียนยืนขึ้น “พี่จะพาออกไปก่อน มีเรื่องอะไรไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันได้ไหม”

อิ๋งจื่อจินไม่มองอิ๋งเย่ว์เซวียน เธอเดินตรงไปที่แถวสองนับจากด้านหลัง

ตรงนั้นมีนักเรียนชายนั่งอยู่คนหนึ่ง หลังจากเห็นเธอ เขาก็เริ่มหลบสายตา

รีบก้มหน้า แสร้งทำเป็นอ่านโจทย์

ทว่าวินาทีถัดมาเขาก็ถูกกระชากคอเสื้อ

พลั่ก นักเรียนชายคนนั้นถูกกดเข้าหากำแพง

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้นักเรียนคนอื่นๆ ถึงกับเบิกตาโพลง

อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งกว่า

ครั้งล่าสุดที่เธอเจออิ๋งจื่อจินเป็นตอนที่อิ๋งจื่อจินถูกพากลับมาที่บ้านตระกูลอิ๋ง

ตอนนั้นอิ๋งจื่อจินไม่กล้าแม้แต่จะพูดสักคำ ทำไมตอนนี้กลายเป็นแบบนี้แล้ว

ด้านหลังมีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด นักเรียนชายคนนั้นตะโกนด้วยความโกรธ “อิ๋งจื่อจิน เธอจะทำอะไร!”

“เธอไปจากห้องพวกเราแล้วยังมาหาเรื่องอีกเหรอ”

อิ๋งจื่อจินไม่ปล่อยมือ กลับออกแรงมากกว่าเดิม “น้องชายฉันล่ะ”

หลังจากมาฮู่เฉิงเธอก็จ้างบอดี้การ์ดมาคอยคุ้มกันเวินเฟิงเหมียนกับเวินทิงหลาน

เพื่อป้องกันตระกูลอิ๋งทำอะไรตอนที่เธอไม่อยู่หรือเวลาเธอประมาท

แต่ต่อให้คุ้มกันอย่างรัดกุมแค่ไหนก็ยังพลาดได้

สีหน้าของนักเรียนชายแข็งทื่อ ลนลานในชั่วขณะ

แต่เขาก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว พูดประชด “ล้อเล่นอะไร น้องชายเธอเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย น้องชายเธอไปเรียนมหา’ลัยแล้วไม่ใช่หรือไง”

“ที่หนึ่งของชั้นมอหก อันดับหนึ่งของประเทศ วิทยาศาสตร์คะแนนเต็ม เก่งมากไม่ใช่เหรอ”

นักเรียนคนอื่นไม่เข้าใจ ยังคงอึ้งอยู่

จากนั้นพวกเขาก็เห็นอิ๋งจื่อจินใช้มือข้างเดียวยกตัวนักเรียนชายคนนั้นขึ้น

“ฉันจะถามอีกครั้ง น้องชายฉันอยู่ที่ไหน”

พวกนักเรียนพากันตะลึงงัน

ถึงพวกเขาจะเคยเห็นอิ๋งจื่อจินถีบอิงเฟยเฟยลงถังขยะอย่างไร แต่ก็ยังไม่เคยเห็นทำแบบนี้

“น้องจื่อจิน หยุดนะ!” อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่มีเวลาตกใจ เธอรีบเข้าไปห้าม “อย่ากระชากคอเขา มีอะไรก็คุยกันดีๆ เขาจะสลบแล้ว”

คำพูดนี้ทำให้ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็หันหน้ามามองอิ๋งเย่ว์เซวียน

ร่างกายของอิ๋งเย่ว์เซวียนหยุดนิ่ง ไม่ได้ขยับอีก

นักเรียนหญิงที่อยู่ข้างๆ จับเธอไว้ “เย่ว์เซวียน อย่าไปยุ่ง ปกติอิ๋งจื่อจินไม่อาละวาดใส่ใคร จะต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน”

“ถ้าเธอเข้าไปยุ่ง เธอจะโดนลูกหลงนะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนมือสั่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เชื่อ “น้องจื่อจินเป็นแบบนี้เหรอ”

“เฮ้อ เป็นเพราะตอนนั้นในห้องมีคนทำเกินไป” นักเรียนหญิงส่ายหน้า “คำโบราณถึงได้บอกว่ากระต่ายเข้าตาจนก็กัดคนได้”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก

เธอพอจะรู้แล้วว่าทำไมจงมั่นหวาก็ยังคงไม่ชอบอิ๋งจื่อจิน

“ฉันจะไปหาครู” อิ๋งเย่ว์เซวียนสงบสติอารมณ์ “ไม่ว่ายังไงก็มีเรื่องกันไม่ได้”

พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องเรียน

นักเรียนหญิงอยากเรียกแต่ก็ไม่ได้เรียก

“ไม่รู้ว่านายรู้หรือเปล่าว่ามีการลงโทษแบบหนึ่ง” สายตาของอิ๋งจื่อจินกลับมาที่นักเรียนชายคู่กรณีอีกครั้ง สายตาของเธอแน่นิ่ง “หักกระดูกแต่ละท่อนก่อน รวมถึงนิ้วก้อย”

“จากนั้นก็เอาโซ่ร้อยเข้ากระดูกสะบัก สันหลัง แล้วไปที่ข้อเท้า”

“สุดท้าย…”

พูดถึงตรงนี้เธอก็หยุด แสยะยิ้มเล็กน้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 218 รนหาที่ตาย! พ่ออิ๋งโมโหแล้ว

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 218 รนหาที่ตาย! พ่ออิ๋งโมโหแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อิ๋งจื่อจินละสายตา หันหน้ากลับมาถาม “พ่อคะ เสี่ยวหลานล่ะ ยังไม่กลับมาเหรอคะ”

หลังจากที่เวินทิงหลานเรียนจบมอหกเขาก็มีวันหยุดยาว

วันเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยนอร์ตันไม่เหมือนกับทางประเทศจีน เปิดเรียนเดือนตุลาคม ปิดเทอมเดือนกุมภาพันธ์

ระหว่างนั้นพักสองเดือน เริ่มเปิดภาคเรียนที่สองในเดือนพฤษภาคม ปิดเทอมเดือนสิงหาคม

ในหนึ่งปีมีวันหยุดสี่เดือน

ด้วยเหตุนี้อิ๋งจื่อจินจึงวางแผนไว้ว่าจะส่งเวินทิงหลานไปตอนเดือนกันยายน

อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยเดินทางไกล และไม่เคยแยกจากเวินเฟิงเหมียน อาจไม่ชิน

เธอย้อนดูเรื่องที่เกิดขึ้นในหนึ่งวันนี้ เห็นเพียงเวินทิงหลานออกจากบ้านไป

“เช้าวันนี้เพื่อนของอวี้อวี้มาหา” เวินเฟิงเหมียนพยักหน้า “เห็นบอกว่าเพื่อนๆ นัดรวมกัน จะกลับมาเย็นๆ”

“พ่อคิดว่าสภาพจิตใจของเขาอุตส่าห์ฟื้นกลับมาทั้งที หมอเองก็บอกว่าให้เขาหัดเข้าสังคม ก็เลยให้เขาไป”

แววตาของอิ๋งจื่อจินขรึมลง “เพื่อนที่ไหนคะ”

เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนคลาสอัจฉริยะไปที่มหาวิทยาลัยตี้ตูแล้ว แถมยังต้องเข้าคลาสทดลอง

ส่วนนักเรียนสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็ถูกมหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างประเทศรับเข้าเรียนหมด

คลาสทดลองของมหาวิทยาลัยตี้ตู ไม่ว่าอยู่คณะไหนก็จะมีภาคเรียนเล็กมาตลอด

ดังนั้นเวลานี้นักเรียนที่ต้องเข้าคลาสทดลองต่างไปที่มหาวิทยาลัยตี้ตูหมดแล้ว

เวินทิงหลานเพิ่งมาอยู่ฮู่เฉิงได้แค่เทอมเดียว เนื่องจากบุคลิกผิดปกติ ทำให้การเข้าสังคมมีปัญหา เขายังจะรู้จักใครได้อีกนอกจากเด็กคลาสอัจฉริยะ

“ก็เพื่อนโรงเรียนเดียวกับเยาเยา แถมยังรุ่นเดียวกับลูกด้วยนะ” เวินเฟิงเหมียนนึก “อวี้อวี้บอกพ่อว่า ก่อนเขาไปจากโรงเรียน เขาเอาสมุดโน้ตให้นักเรียนมอห้ายืมไป”

“เพื่อนคนนั้นคงเอาสมุดมาคืน ส่วนรายละเอียดพ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เรื่องนี้อิ๋งจื่อจินก็รู้

อันที่จริงเวินทิงหลานไม่ค่อยชอบเขียน แม้แต่หนังสือเรียนยังว่างเปล่า

เครื่องมือของเขาก็คือสมอง

อ่านปราดเดียวก็จำได้แม่น

แต่เนื่องจากนักเรียนคลาสอัจฉริยะต่างช่วยเขาดูแลสภาพจิตใจ เวินทิงหลานก็เลยช่วยสรุปเนื้อหาให้ รวมถึงความเข้าใจในแต่ละวิชา

ด้วยเหตุนี้คลาสอัจฉริยะปีนี้จึงทำผลสอบได้ดีกว่าปีก่อนๆ

คะแนนน่ากลัวถึงขั้นที่ไม่มีใครได้ต่ำกว่าเจ็ดร้อยคะแนน!

ห้าสิบอันดับแรกของฮู่เฉิงเป็นเด็กคลาสอัจฉริยะของชิงจื้อทั้งหมด

เรื่องแบบนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน

เมื่อเดือนที่แล้วนักเรียนห้องสิบเก้าหลายคนยังมาถามอยู่ว่าขอซื้อสมุดโน้ตของเวินทิงหลานได้ไหม

“เยาเยา ไม่ต้องกังวลเกินไป” เวินเฟิงเหมียนไอเล็กน้อย “เพื่อนกันทั้งนั้น ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นหรอก”

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “หนูไปดูที่โรงเรียนหน่อยนะคะ”

เธอหันไปพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาลง “พี่ชาย ช่วยฉันดูแลพ่อหน่อย ห้ามไปไหนจนกว่าฉันจะกลับมา”

สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก ใช่ว่าจะไม่ยินดี เพราะคำเรียกแบบนี้เลยยอม

เขาพบว่า ตอนแรกเริ่มเขาไม่ควรแกล้งเด็กน้อยเลยจริงๆ

มาตอนนี้ถูกเรียกแบบนี้ คนที่รับกรรมไปก็คือตัวเขาเอง

“ไปเถอะ” ฟู่อวิ๋นเซินวางถุงในมือลง “พี่ชายจะดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนคุณอา”

มือของอิ๋งจื่อจินจับประตูอยู่หลายวินาทีถึงออกไป

สีหน้าของเวินเฟิงเหมียนเริ่มเคร่งเครียด “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลงเล็กน้อย แต่เขากลับยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกครับ เข้าไปข้างในกันครับ”

เขากับเด็กน้อยก็รู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว แต่ไหนแต่ไรมาไม่ค่อยเห็นอารมณ์ของเธอเปลี่ยนแปลงสักเท่าไร

ถ้าไม่เย็นชาก็ราวกับไม่มีเรื่องไหนทำอะไรเธอได้

แต่เมื่อครู่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศรอบตัวเธอเปลี่ยนไป

เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเวินทิงหลานแล้วจริงๆ

ส่วนการที่เธอให้เขาอยู่ที่นี่ก็น่าจะเพราะชีวิตของเวินเฟิงเหมียนก็ตกอยู่ในอันตรายเหมือนกัน

ฟู่อวิ๋นเซินหรี่ตาเล็กน้อย นึกถึงโทรศัพท์สายหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน

เขาหันหน้าไป “คุณอาครับ ช่วงนี้มีคนมาที่บ้านบ้างหรือเปล่า”

“ก็เยอะอยู่นะ” เวินเฟิงเหมียนตอบ “อวี้อวี้ไม่ได้เลือกมหาวิทยาลัยใช่ไหมล่ะ ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูก็เลยส่งคนมาหลายคณะเลยล่ะ”

ตอนแรกที่เวินเฟิงเหมียนได้ยินว่าเวินทิงหลานถูกมหาวิทยาลัยนอร์ตันรับเข้าเรียน เวินเฟิงเหมียนก็อึ้งไม่ได้สติอยู่นาน

หลายวันต่อมาเขาถึงยอมรับได้

อย่างไรเสียมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็เป็นมหาวิทยาลัยที่หลายคนใฝ่ฝัน

มหาวิทยาลัยตี้ตูอย่างน้อยก็จับต้องได้ แต่มหาวิทยาลัยนอร์ตันแทบจะได้แค่จินตนาการ

นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเหมือนปริศนา ชวนให้โลกภายนอกคาดเดาไม่ถูก

พอฟังจบนิ้วของฟู่อวิ๋นเซินก็เคาะโซฟาเบาๆ

จากนั้นเขาก็ก้มหน้ากดส่งข้อความ

[ไปสืบดูว่าทางบ้านตระกูลจงเกิดเรื่องอะไรขึ้น]

โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ

คลาสเด็กอัจฉริยะกับคลาสทดลองวิทยาศาสตร์ทบทวนเนื้อหาของมอปลายจบแล้วตั้งแต่เรียนเสริมรอบแรก

คลาสทั่วไปจะเรียนช้ากว่าหน่อย ฟิสิกส์ยังอยู่ที่เล่มสามเล่มสี่

ดังนั้นการเรียนเสริมในรอบสองคือการเก็บตกเนื้อหา

ให้พวกนักเรียนทำโจทย์ จากนั้นอาจารย์จะมาสรุปโดยรวมอีกที

ปกติอย่างมากก็เรียนวันละสองคาบ เวลาที่เหลือให้นักเรียนจัดสรรกันเอง ซึ่งก็ค่อนข้างสบายๆ

พออิ๋งจื่อจินมาถึงโรงเรียนก็หลับตาลง

ภาพเหตุการณ์ในอดีตปรากฏเบื้องหน้า

ในดวงตาของเธอมีหยาดน้ำค้างเกาะทีละนิด

เธอตรงไปที่อาคารเรียนของชั้นมอหก

หลังจากที่เวินทิงหลานเรียนจบ รุ่นเธอก็ย้ายไปอยู่อาคารเรียนของมอหก

“เทพอิ๋ง!”

มีคนเรียกเธอ

อิ๋งจื่อจินหันไป

เป็นนักเรียนหญิงคนหนึ่ง

พอเห็นเธอก็โบกมือให้ด้วยความตื่นเต้น วิ่งมาหาท่าทางดีใจ “เทพอิ๋ง ไม่เจอกันนาน มาเรียนเสริมเหรอ”

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันมาตามหาคน”

เธอจำนักเรียนหญิงคนนี้ได้

ที่หนึ่งของคลาสทดลองวิทยาศาสตร์

เคยมาที่ห้องสิบเก้าหลายครั้ง มาถามโจทย์เธอ

“อ๋อๆ งั้นไปเถอะ” นักเรียนหญิงรีบพูด “ไว้เธอหายยุ่งแล้วฉันค่อยมาขอคำชี้แนะ”

เธอก็ว่าอยู่ เทพอิ๋งขี้เกียจจะตาย มีเหรอจะตั้งใจมาเรียนเสริม

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วขึ้นชั้นบน

เวลานี้นักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะกำลังจำลองการสอบ

ข้อสอบออกโดยโรงเรียนมัธยมในสังกัดของมหาวิทยาลัยตี้ตู ระดับความยากสูงมากทีเดียว

โรงเรียนมัธยมในสังกัดของมหาวิทยาลัยตี้ตูเป็นหนึ่งในสามโรงเรียนที่เก่งที่สุดเหมือนโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ แข่งขันกันในโอลิมปิกนานาชาติอยู่หลายครั้ง

ในขณะที่พวกนักเรียนกำลังทำข้อสอบอย่างเงียบเชียบอยู่นั้น ทันใดนั้นประตูก็ถูกถีบออก

นักเรียนที่นั่งอยู่ใกล้ประตูสะดุ้งตกใจ มือสั่นปากกากระเด็น

ถูกรบกวนกะทันหัน พวกนักเรียนพากันไม่พอใจ

แต่พอเงยหน้าขึ้นพวกเขาก็พูดไม่ออก

อิ๋งเย่ว์เซวียนตกใจเล็กน้อย “น้องจื่อจิน?”

เธอกลับมาเดือนกว่าแล้วยังไม่เคยเจออิ๋งจื่อจินเลยสักครั้ง

ทำไมอยู่ๆ อิ๋งจื่อจินก็โผล่มาที่คลาสเด็กอัจฉริยะตอนนี้ล่ะ

“น้องจื่อจิน พวกเรากำลังสอบอยู่” อิ๋งเย่ว์เซวียนยืนขึ้น “พี่จะพาออกไปก่อน มีเรื่องอะไรไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันได้ไหม”

อิ๋งจื่อจินไม่มองอิ๋งเย่ว์เซวียน เธอเดินตรงไปที่แถวสองนับจากด้านหลัง

ตรงนั้นมีนักเรียนชายนั่งอยู่คนหนึ่ง หลังจากเห็นเธอ เขาก็เริ่มหลบสายตา

รีบก้มหน้า แสร้งทำเป็นอ่านโจทย์

ทว่าวินาทีถัดมาเขาก็ถูกกระชากคอเสื้อ

พลั่ก นักเรียนชายคนนั้นถูกกดเข้าหากำแพง

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้นักเรียนคนอื่นๆ ถึงกับเบิกตาโพลง

อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งกว่า

ครั้งล่าสุดที่เธอเจออิ๋งจื่อจินเป็นตอนที่อิ๋งจื่อจินถูกพากลับมาที่บ้านตระกูลอิ๋ง

ตอนนั้นอิ๋งจื่อจินไม่กล้าแม้แต่จะพูดสักคำ ทำไมตอนนี้กลายเป็นแบบนี้แล้ว

ด้านหลังมีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด นักเรียนชายคนนั้นตะโกนด้วยความโกรธ “อิ๋งจื่อจิน เธอจะทำอะไร!”

“เธอไปจากห้องพวกเราแล้วยังมาหาเรื่องอีกเหรอ”

อิ๋งจื่อจินไม่ปล่อยมือ กลับออกแรงมากกว่าเดิม “น้องชายฉันล่ะ”

หลังจากมาฮู่เฉิงเธอก็จ้างบอดี้การ์ดมาคอยคุ้มกันเวินเฟิงเหมียนกับเวินทิงหลาน

เพื่อป้องกันตระกูลอิ๋งทำอะไรตอนที่เธอไม่อยู่หรือเวลาเธอประมาท

แต่ต่อให้คุ้มกันอย่างรัดกุมแค่ไหนก็ยังพลาดได้

สีหน้าของนักเรียนชายแข็งทื่อ ลนลานในชั่วขณะ

แต่เขาก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว พูดประชด “ล้อเล่นอะไร น้องชายเธอเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย น้องชายเธอไปเรียนมหา’ลัยแล้วไม่ใช่หรือไง”

“ที่หนึ่งของชั้นมอหก อันดับหนึ่งของประเทศ วิทยาศาสตร์คะแนนเต็ม เก่งมากไม่ใช่เหรอ”

นักเรียนคนอื่นไม่เข้าใจ ยังคงอึ้งอยู่

จากนั้นพวกเขาก็เห็นอิ๋งจื่อจินใช้มือข้างเดียวยกตัวนักเรียนชายคนนั้นขึ้น

“ฉันจะถามอีกครั้ง น้องชายฉันอยู่ที่ไหน”

พวกนักเรียนพากันตะลึงงัน

ถึงพวกเขาจะเคยเห็นอิ๋งจื่อจินถีบอิงเฟยเฟยลงถังขยะอย่างไร แต่ก็ยังไม่เคยเห็นทำแบบนี้

“น้องจื่อจิน หยุดนะ!” อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่มีเวลาตกใจ เธอรีบเข้าไปห้าม “อย่ากระชากคอเขา มีอะไรก็คุยกันดีๆ เขาจะสลบแล้ว”

คำพูดนี้ทำให้ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็หันหน้ามามองอิ๋งเย่ว์เซวียน

ร่างกายของอิ๋งเย่ว์เซวียนหยุดนิ่ง ไม่ได้ขยับอีก

นักเรียนหญิงที่อยู่ข้างๆ จับเธอไว้ “เย่ว์เซวียน อย่าไปยุ่ง ปกติอิ๋งจื่อจินไม่อาละวาดใส่ใคร จะต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน”

“ถ้าเธอเข้าไปยุ่ง เธอจะโดนลูกหลงนะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนมือสั่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เชื่อ “น้องจื่อจินเป็นแบบนี้เหรอ”

“เฮ้อ เป็นเพราะตอนนั้นในห้องมีคนทำเกินไป” นักเรียนหญิงส่ายหน้า “คำโบราณถึงได้บอกว่ากระต่ายเข้าตาจนก็กัดคนได้”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก

เธอพอจะรู้แล้วว่าทำไมจงมั่นหวาก็ยังคงไม่ชอบอิ๋งจื่อจิน

“ฉันจะไปหาครู” อิ๋งเย่ว์เซวียนสงบสติอารมณ์ “ไม่ว่ายังไงก็มีเรื่องกันไม่ได้”

พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องเรียน

นักเรียนหญิงอยากเรียกแต่ก็ไม่ได้เรียก

“ไม่รู้ว่านายรู้หรือเปล่าว่ามีการลงโทษแบบหนึ่ง” สายตาของอิ๋งจื่อจินกลับมาที่นักเรียนชายคู่กรณีอีกครั้ง สายตาของเธอแน่นิ่ง “หักกระดูกแต่ละท่อนก่อน รวมถึงนิ้วก้อย”

“จากนั้นก็เอาโซ่ร้อยเข้ากระดูกสะบัก สันหลัง แล้วไปที่ข้อเท้า”

“สุดท้าย…”

พูดถึงตรงนี้เธอก็หยุด แสยะยิ้มเล็กน้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+