คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 242 ตื่นเต้นจนเปิดเผยตัวตน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 242 ตื่นเต้นจนเปิดเผยตัวตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง ยังไม่เข้าใจว่าอาจารย์ฝ่ายวิชาการจะให้เธอดูอะไร

จนกระทั่งเธอเดินเข้าไป สายตามองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

วินาทีถัดมาดวงตาของอิ๋งเย่ว์เซวียนหรี่ลง จากนั้นก็เบิกโพลง

สองมือของเธอจับโต๊ะไว้อย่างอดไม่ได้ รู้สึกเหลือเชื่อ

ข้อมูลส่วนตัวกับผลการเรียนบรรทัดแรกจงใจทำสีแดงไว้

ด้านหลังสุดยังมีวงเล็บระบุเป็นพิเศษว่า ‘ข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะ ไม่ผ่านการคูณคะแนน’

ทำข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ แต่ผลสอบของอิ๋งจื่อจินกลับยังสามารถข่มพวกเด็กหัวกะทิคลาสทดลองวิทยาศาสตร์ได้

อิ๋งเย่ว์เซวียนหายใจเร็วขึ้น

ข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ มีคนได้คะแนนเต็มวิชาคณิตศาสตร์กับวิชาฟิสิกส์ด้วยเหรอ!

อิ๋งเย่ว์เซวียนย่อมรู้ว่าข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะยากขนาดไหน

ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยตี้ตูเป็นคนออก

โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ ถึงขั้นเชิญนักภาษาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของเมืองนอกออกข้อสอบให้

ต่อให้เธองัดศักยภาพในตัวทั้งหมดออกมาก็ไม่มีทางทำได้คะแนนเต็ม

เธอเคยประเมินคร่าวๆ ว่าถ้าเธอตั้งใจทำ คะแนนวิทยาศาสตร์น่าจะได้สูงสุดที่ 270 คะแนน

แต่ 270 กับ 300 คะแนนมันต่างกันราวฟ้ากับดิน

ส่วนภาษาอังกฤษ โจทย์บางข้อยากถึงขั้นแม้แต่คนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ก็ยังทำไม่ได้

หลังจากที่เธอไปเรียนยุโรปยังได้ตั้งใจเอาข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะไปด้วย เพื่อขอให้นักเรียนโรงเรียนเอลานลองทำ

แน่นอนว่าเธอไม่มีทางได้ผูกสัมพันธ์กับพวกนักเรียนหัวกะทิแถวหน้า คนที่เธอรู้จักเป็นนักเรียนหญิงที่อยู่อันดับสิบของชั้นปี

โรงเรียนเอลานได้โควตาลงแข่งรอบตัดสินของไอเอสซีถึงสิบคน นักเรียนหญิงคนนี้ก็ย่อมถูกเลือก

ส่วนข้อสอบคณิตศาสตร์ของคลาสเด็กอัจฉริยะ นักเรียนหญิงคนนี้ทำได้ 138 คะแนน

ดังนั้นอิ๋งเย่ว์เซวียนจึงประมาณเอาคร่าวๆ ว่าที่หนึ่งของสายชั้นโรงเรียนเอลานน่าจะได้ 145 คะแนนขึ้นไป

จงจือหว่านยังได้แค่ 120 คะแนนต้นๆ

เดิมทีโรงเรียนเอลานก็อยู่เหนือกว่าโรงเรียนมัธยมชิงจื้อกับอีกสองโรงเรียนมัธยมปลายที่อยู่ตี้ตูในด้านการศึกษาอยู่แล้ว

ถ้าเกิดต้องเจอทั้งสองโรงเรียนในงานแข่งของไอเอสซี ก็เรียกได้ว่าชิงจื้อไม่มีทางสู้ได้แม้แต่น้อย

โรงเรียนเอลานก็เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่แต่ละปีส่งนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันมากที่สุด มีชื่อเสียงโด่งดังมากในระดับนานาชาติ

ที่เธอไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่โรงเรียนเอลานไม่ใช่เพียงเพื่อหลีกทางให้อิ๋งจื่อจิน

ยังเป็นเพราะเดิมทีโรงเรียนเอลานสามารถทำให้เธอพัฒนาตัวเองได้มากยิ่งขึ้น

แต่ตอนนี้ ชิงจื้อ…ไม่สิ ประเทศจีน มีคนที่ทำคะแนนอยู่เหนือนักเรียนโรงเรียนเอลานได้!

อิ๋งเย่ว์เซวียนเริ่มรู้สึกคอแห้ง

“เห็นแล้วใช่ไหม” อาจารย์ฝ่ายวิชาการเห็นเธอเหมือนอึ้งไปจึงชี้ที่บรรทัดแรกแล้วพูด “ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้โอกาสเธอ แต่ความแตกต่างมันมากเหลือเกิน”

เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ควรตอกย้ำแบบนี้ จึงพูดให้กำลังใจ “แต่ว่านะนักเรียนอิ๋งเย่ว์เซวียน เธอเองก็ยอดเยี่ยมมากเหมือนกัน เธอเอาเวลาเตรียมตัวแข่งไอเอสซี ไปเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีกว่า ไม่แน่ปีหน้าโรงเรียนของเราอาจได้อันดับหนึ่งถึงสองคน”

อันดับหนึ่งสองคน อีกคนไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร

“ขอโทษค่ะอาจารย์” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย หลุบตาลง “หนูไม่รู้จริงๆ หนูไม่คัดค้านที่จะยกโควตานี้ให้น้องสาวหนูแล้วค่ะ”

“แต่เธอ…” อาจารย์ฝ่ายวิชาการชะงัก เปลี่ยนใช้คำพูดที่เหมาะสม “ยังเอาพวกเอกสารการเรียนจากเมืองนอกไปให้อิ๋งจื่อจินที่ห้องสิบเก้าด้วยไม่ใช่เหรอ”

อีกทั้งเขายังเห็นพวกเด็กเพี้ยนห้องคลาสทดลองวิทยาศาสตร์กำลังซื้อรูปถ่ายของอิ๋งจื่อจิน เห็นบอกว่าจะเอาไปติดบูชาที่กำแพง

ในโรงเรียนแทบจะไม่มีใครไม่รู้เรื่องที่อิ๋งจื่อจินเป็นเทพการเรียน

เป็นครั้งแรกที่อิ๋งเย่ว์เซวียนฝืนยิ้ม พูดเสียงเบามาก “ขอโทษค่ะอาจารย์ หนูไม่เคยสนใจเลย”

ตอนนี้ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนคนอื่นๆ ในคลาสเด็กอัจฉริยะถึงมีท่าทีอึกอักเหมือนอยากพูดอะไรอยู่บ่อยๆ

อาจารย์ฝ่ายวิชาการไม่พูดอะไร เขาพยักหน้า “ถ้าเธออยากลงแข่งไอเอสซีจริง เริ่มจากรอบคัดเลือกได้นะ เริ่มรับสมัครแล้ว”

“ประเด็นคือทางโรงเรียนได้โควตามาคนเดียว ถ้าเยอะกว่านี้คงให้เธอไปแล้ว”

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่พูดอะไร

คนที่ผ่านรอบคัดเลือกไม่มีทางเทียบได้กับคนที่ได้โควตาลงแข่งระดับนานาชาติทันที

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่รู้ว่าตัวเองเลิกเรียนแล้วกลับบ้านมาอย่างไร

พอกลับถึงบ้านเธอยังคงไม่เห็นอิ๋งเทียนลี่ว์

อิ๋งเย่ว์เซวียนนั่งเหม่ออยู่ที่โซฟา

เธอรู้สึกว่าพอเธอกลับมาอะไรๆ ก็เปลี่ยนไปหมด

ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือที่โรงเรียน สายตาของคนอื่นไม่ได้ให้ความสนใจเธอเท่าไรแล้ว

เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของผู้เฒ่าจงกับอิ๋งเทียนลี่ว์

พวกเขาทำดีกับอิ๋งจื่อจินมากขึ้น กลับดูหลบหน้าเธอเสียด้วยซ้ำ

เพราะเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ อย่างนั้นเหรอ

อิ๋งเย่ว์เซวียนบอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน

ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้น กลับเข้าห้องแล้วเริ่มเก็บข้าวของ

ตอนที่ลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านก็เจอจงมั่นหวาที่เพิ่งกลับมาจากช็อปปิ้งพอดี

รอยยิ้มบนใบหน้าจงมั่นหวาหายไป ทั้งยังดูกระวนกระวายมาก

เธอไม่มีเวลาสนใจถุงช็อปปิ้งที่ถืออยู่ รีบแย่งกระเป๋าเดินทางมาจากมือของอิ๋งเย่ว์เซวียน “เสี่ยวเซวียน ทำอะไรน่ะลูก พี่ใหญ่ของลูกดื้อออกจากบ้านไปคนแล้ว ลูกยังจะทำแม่เสียใจอีกเหรอ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนตัวเกร็ง “เปล่านะคะแม่ หนูก็แค่อยากนอนที่โรงเรียน เพราะหนูจะลงสมัครแข่งงานวิชาการนานาชาติ อยู่โรงเรียนสะดวกกว่า”

จงมั่นหวาถึงได้โล่งอก “นอนโรงเรียนอะไรกัน มันจะสบายเท่าบ้านเหรอ มีคนขับรถไปส่งลูกทุกวัน อย่านอนโรงเรียนเลยนะ”

ขณะพูดจงมั่นหวาก็เอากระเป๋าเดินทางให้พ่อบ้าน จากนั้นก็กวักมือเรียก “แม่ซื้อชุดใหม่มาให้ลูก รีบมาลองเร็วเข้า”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ค่อยๆ พูดขึ้น “ค่ะ ขอบคุณค่ะแม่”

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่อาจารย์ฝ่ายวิชาการส่งชื่ออิ๋งจื่อจินเสร็จก็ส่งเอกสารของไอเอสซีให้เธอ

เอกสารเป็นไฟล์พีดีเอฟ ไฟล์ใหญ่ถึง 100MB

อิ๋งจื่อจินเปิดอ่านหนึ่งรอบ

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ารับปากผู้อำนวยการเร็วเกินไป

งานแข่งขันครั้งนี้ค่อนข้างยุ่งยากมากทีเดียว

เมื่อนับรวมรอบคัดเลือก รอบสอง รอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติ จัดทั้งหมดนี้ใช้เวลาถึงแปดเดือน

รอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติแบ่งย่อยเป็นอีกสามรอบ ระยะเวลาก็เพิ่มไปอีกหนึ่งเดือน แถมยังไม่ได้จัดในประเทศจีนอีก

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดแล้วก็รู้สึกว่าผมบนหัวผู้อำนวยการเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว สงสารแกหน่อยแล้วกัน อย่าไปทำแกเสียใจเลย

การแข่งขันรอบสุดท้ายจัดเป็นทีมละหกคน แต่ละคนรับผิดชอบแยกกันไปเป็นหมวดๆ ตรงนี้เธอยังพอแอบอู้ได้

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างเมาส์ก็ดังขึ้น

อิ๋งจื่อจินกดรับ “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”

คนที่โทรมาเป็นศาสตราจารย์สาขาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยตี้ตูที่เคยมาชิงจื้อด้วยตัวเอง ชื่อจั่วหลี

“นักเรียนอิ๋ง รู้เรื่องไอเอสซีไหม”

“ค่ะ เพิ่งอ่านรายละเอียดเสร็จ”

“อาจารย์รู้อยู่แล้วว่าคนที่ชิงจื้อส่งไปจะต้องเป็นเธอแน่นอน” จั่วหลี่ดีใจ “แต่ต่อให้ไม่ส่งเธอ ด้วยความสามารถระดับเธอก็เข้ารอบชิงชนะเลิศได้สบายๆ อยู่แล้ว”

“ก็ไม่แน่หรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินไร้เยื่อใย “ระยะเวลาการแข่งยาวนานเกินไป เหนื่อยค่ะ”

“…”

จั่วหลีจุก เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า

“เธอรู้ไหมว่าทำไมถึงมีไอเอสซี” เขาทำเสียงน่าตื่นเต้น “เป็นเพราะบุคคลในประวัติศาสตร์คนหนึ่ง เธอน่าจะเคยได้ยินชื่อไซมอน แบรนด์ใช่ไหม”

“เคยค่ะ” อิ๋งจื่อจินเปิดเอกสารต่อ “นักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังมากคนหนึ่ง”

“ใช่ เขาคือปาฏิหาริย์ของวงการวิทยาศาสตร์! อัจฉริยะ!” จั่วหลีตื่นเต้น “เขาเก่งทุกอย่างในด้านวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์เคมีก็ได้หมด”

“อีกทั้งเขายังเป็นนักดาราศาสตร์ด้วย เป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่พูดถึงแนวคิดยานอวกาศ คนรุ่นหลังค้นพบแบบยานอวกาศที่เขาวาดขึ้นในสมุดบันทึกของเขา”

“แนวคิดของเขาล้ำหน้ามาก ความคิดบางอย่างสอดคล้องกับนักวิทยาศาสตร์ยุคหลังๆ อย่างบังเอิญ ถึงขนาดที่ยังได้บันทึกที่มาของบิกแบงกับเทคโนโลยีกระโดดในอวกาศ ในสมัยนั้นยังไม่มีการบัญญัติคำพวกนี้เลยด้วยซ้ำ”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “สรุปว่าไอเอสซีถูกจัดขึ้นเพราะเขาเหรอคะ”

“แน่นอน มีสาเหตุมาจากเขา แต่ก็ยังมีอีกสาเหตุที่สำคัญที่สุด” จั่วหลียิ่งพูดก็ยิ่งสนุก “ในสมุดบันทึกของเขายังได้บันทึกชื่อของนักเรียนคนหนึ่งของเขาเอาไว้ด้วย ชื่อเกว็น บราวน์”

มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก

“เขาบอกว่าอีกหน่อยนักเรียนของเขาคนนี้จะต้องประสบความสำเร็จยิ่งกว่าเขาแน่นอน ทฤษฎีมากมายล้วนมาจากการสืบค้นวิเคราะห์ร่วมกันของพวกลูกศิษย์” จั่วหลีเล่าต่อ “เพียงแต่เกว็น บราวน์ คนนี้ไม่มีใจอยากอยู่ในวงการวิชาการแล้ว ต่อมาเธอก็ซ่อนตัว ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเท่าไร”

“ดังนั้นพวกเราเลยคิดว่า ขนาดไม่กี่ศตวรรษก่อนยังมีอัจฉริยะแบบนี้ มนุษย์เรามีพัฒนาการ ยุคนี้ก็ต้องมีได้แน่นอน ไอเอสซีมีไว้ก็เพื่อค้นหาอัจฉริยะเหล่านี้แล้วมอบทรัพยากรที่ดีที่สุดให้พวกเขา”

อิ๋งจื่อจินจับศีรษะ ไม่พูดอะไร

“เอ๊ะ นักเรียนอิ๋ง ทำไมไม่พูดล่ะ” จั่วหลีตกใจ “เธอเองก็กำลังคิดใช่ไหมว่าลูกศิษย์กับอาจารย์คู่นี้เก่งมาก”

“ไม่ใช่ค่ะ” อิ๋งจื่อจินมีสีหน้าเรียบเฉย “หนูกำลังคิดว่า ถ้าหนูย้อนเวลาได้ หนูจะไปเผาสมุดบันทึกของไซมอนแน่นอน”

ไหนตกลงกันแล้วว่าจะไม่เขียนชื่อของเธอ

ตาแก่พูดจาไม่น่าเชื่อถือ

จั่วหลี “?”

สุดท้ายก็จบการสนทนาทั้งที่เขายังงงอยู่

อิ๋งจื่อจินลุกไปรินน้ำ

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้

ปังๆๆ!

ถ้าจะให้เรียกว่าเคาะ ไม่สู้เรียกทุบ

ป่าเถื่อนรุนแรงมาก

ภายในเวลาสองวินาทีก็มีเสียงดังตึง ประตูกันขโมยที่หนักมากล้มลง

อิ๋งจื่อจินหันไป

จากนั้นเธอก็ถอดยางรัดผมจากข้อมือมา เริ่มรวบผม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 242 ตื่นเต้นจนเปิดเผยตัวตน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 242 ตื่นเต้นจนเปิดเผยตัวตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง ยังไม่เข้าใจว่าอาจารย์ฝ่ายวิชาการจะให้เธอดูอะไร

จนกระทั่งเธอเดินเข้าไป สายตามองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

วินาทีถัดมาดวงตาของอิ๋งเย่ว์เซวียนหรี่ลง จากนั้นก็เบิกโพลง

สองมือของเธอจับโต๊ะไว้อย่างอดไม่ได้ รู้สึกเหลือเชื่อ

ข้อมูลส่วนตัวกับผลการเรียนบรรทัดแรกจงใจทำสีแดงไว้

ด้านหลังสุดยังมีวงเล็บระบุเป็นพิเศษว่า ‘ข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะ ไม่ผ่านการคูณคะแนน’

ทำข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ แต่ผลสอบของอิ๋งจื่อจินกลับยังสามารถข่มพวกเด็กหัวกะทิคลาสทดลองวิทยาศาสตร์ได้

อิ๋งเย่ว์เซวียนหายใจเร็วขึ้น

ข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ มีคนได้คะแนนเต็มวิชาคณิตศาสตร์กับวิชาฟิสิกส์ด้วยเหรอ!

อิ๋งเย่ว์เซวียนย่อมรู้ว่าข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะยากขนาดไหน

ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยตี้ตูเป็นคนออก

โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ ถึงขั้นเชิญนักภาษาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของเมืองนอกออกข้อสอบให้

ต่อให้เธองัดศักยภาพในตัวทั้งหมดออกมาก็ไม่มีทางทำได้คะแนนเต็ม

เธอเคยประเมินคร่าวๆ ว่าถ้าเธอตั้งใจทำ คะแนนวิทยาศาสตร์น่าจะได้สูงสุดที่ 270 คะแนน

แต่ 270 กับ 300 คะแนนมันต่างกันราวฟ้ากับดิน

ส่วนภาษาอังกฤษ โจทย์บางข้อยากถึงขั้นแม้แต่คนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ก็ยังทำไม่ได้

หลังจากที่เธอไปเรียนยุโรปยังได้ตั้งใจเอาข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะไปด้วย เพื่อขอให้นักเรียนโรงเรียนเอลานลองทำ

แน่นอนว่าเธอไม่มีทางได้ผูกสัมพันธ์กับพวกนักเรียนหัวกะทิแถวหน้า คนที่เธอรู้จักเป็นนักเรียนหญิงที่อยู่อันดับสิบของชั้นปี

โรงเรียนเอลานได้โควตาลงแข่งรอบตัดสินของไอเอสซีถึงสิบคน นักเรียนหญิงคนนี้ก็ย่อมถูกเลือก

ส่วนข้อสอบคณิตศาสตร์ของคลาสเด็กอัจฉริยะ นักเรียนหญิงคนนี้ทำได้ 138 คะแนน

ดังนั้นอิ๋งเย่ว์เซวียนจึงประมาณเอาคร่าวๆ ว่าที่หนึ่งของสายชั้นโรงเรียนเอลานน่าจะได้ 145 คะแนนขึ้นไป

จงจือหว่านยังได้แค่ 120 คะแนนต้นๆ

เดิมทีโรงเรียนเอลานก็อยู่เหนือกว่าโรงเรียนมัธยมชิงจื้อกับอีกสองโรงเรียนมัธยมปลายที่อยู่ตี้ตูในด้านการศึกษาอยู่แล้ว

ถ้าเกิดต้องเจอทั้งสองโรงเรียนในงานแข่งของไอเอสซี ก็เรียกได้ว่าชิงจื้อไม่มีทางสู้ได้แม้แต่น้อย

โรงเรียนเอลานก็เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่แต่ละปีส่งนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันมากที่สุด มีชื่อเสียงโด่งดังมากในระดับนานาชาติ

ที่เธอไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่โรงเรียนเอลานไม่ใช่เพียงเพื่อหลีกทางให้อิ๋งจื่อจิน

ยังเป็นเพราะเดิมทีโรงเรียนเอลานสามารถทำให้เธอพัฒนาตัวเองได้มากยิ่งขึ้น

แต่ตอนนี้ ชิงจื้อ…ไม่สิ ประเทศจีน มีคนที่ทำคะแนนอยู่เหนือนักเรียนโรงเรียนเอลานได้!

อิ๋งเย่ว์เซวียนเริ่มรู้สึกคอแห้ง

“เห็นแล้วใช่ไหม” อาจารย์ฝ่ายวิชาการเห็นเธอเหมือนอึ้งไปจึงชี้ที่บรรทัดแรกแล้วพูด “ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้โอกาสเธอ แต่ความแตกต่างมันมากเหลือเกิน”

เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ควรตอกย้ำแบบนี้ จึงพูดให้กำลังใจ “แต่ว่านะนักเรียนอิ๋งเย่ว์เซวียน เธอเองก็ยอดเยี่ยมมากเหมือนกัน เธอเอาเวลาเตรียมตัวแข่งไอเอสซี ไปเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีกว่า ไม่แน่ปีหน้าโรงเรียนของเราอาจได้อันดับหนึ่งถึงสองคน”

อันดับหนึ่งสองคน อีกคนไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร

“ขอโทษค่ะอาจารย์” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย หลุบตาลง “หนูไม่รู้จริงๆ หนูไม่คัดค้านที่จะยกโควตานี้ให้น้องสาวหนูแล้วค่ะ”

“แต่เธอ…” อาจารย์ฝ่ายวิชาการชะงัก เปลี่ยนใช้คำพูดที่เหมาะสม “ยังเอาพวกเอกสารการเรียนจากเมืองนอกไปให้อิ๋งจื่อจินที่ห้องสิบเก้าด้วยไม่ใช่เหรอ”

อีกทั้งเขายังเห็นพวกเด็กเพี้ยนห้องคลาสทดลองวิทยาศาสตร์กำลังซื้อรูปถ่ายของอิ๋งจื่อจิน เห็นบอกว่าจะเอาไปติดบูชาที่กำแพง

ในโรงเรียนแทบจะไม่มีใครไม่รู้เรื่องที่อิ๋งจื่อจินเป็นเทพการเรียน

เป็นครั้งแรกที่อิ๋งเย่ว์เซวียนฝืนยิ้ม พูดเสียงเบามาก “ขอโทษค่ะอาจารย์ หนูไม่เคยสนใจเลย”

ตอนนี้ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนคนอื่นๆ ในคลาสเด็กอัจฉริยะถึงมีท่าทีอึกอักเหมือนอยากพูดอะไรอยู่บ่อยๆ

อาจารย์ฝ่ายวิชาการไม่พูดอะไร เขาพยักหน้า “ถ้าเธออยากลงแข่งไอเอสซีจริง เริ่มจากรอบคัดเลือกได้นะ เริ่มรับสมัครแล้ว”

“ประเด็นคือทางโรงเรียนได้โควตามาคนเดียว ถ้าเยอะกว่านี้คงให้เธอไปแล้ว”

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่พูดอะไร

คนที่ผ่านรอบคัดเลือกไม่มีทางเทียบได้กับคนที่ได้โควตาลงแข่งระดับนานาชาติทันที

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่รู้ว่าตัวเองเลิกเรียนแล้วกลับบ้านมาอย่างไร

พอกลับถึงบ้านเธอยังคงไม่เห็นอิ๋งเทียนลี่ว์

อิ๋งเย่ว์เซวียนนั่งเหม่ออยู่ที่โซฟา

เธอรู้สึกว่าพอเธอกลับมาอะไรๆ ก็เปลี่ยนไปหมด

ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือที่โรงเรียน สายตาของคนอื่นไม่ได้ให้ความสนใจเธอเท่าไรแล้ว

เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของผู้เฒ่าจงกับอิ๋งเทียนลี่ว์

พวกเขาทำดีกับอิ๋งจื่อจินมากขึ้น กลับดูหลบหน้าเธอเสียด้วยซ้ำ

เพราะเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ อย่างนั้นเหรอ

อิ๋งเย่ว์เซวียนบอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน

ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้น กลับเข้าห้องแล้วเริ่มเก็บข้าวของ

ตอนที่ลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านก็เจอจงมั่นหวาที่เพิ่งกลับมาจากช็อปปิ้งพอดี

รอยยิ้มบนใบหน้าจงมั่นหวาหายไป ทั้งยังดูกระวนกระวายมาก

เธอไม่มีเวลาสนใจถุงช็อปปิ้งที่ถืออยู่ รีบแย่งกระเป๋าเดินทางมาจากมือของอิ๋งเย่ว์เซวียน “เสี่ยวเซวียน ทำอะไรน่ะลูก พี่ใหญ่ของลูกดื้อออกจากบ้านไปคนแล้ว ลูกยังจะทำแม่เสียใจอีกเหรอ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนตัวเกร็ง “เปล่านะคะแม่ หนูก็แค่อยากนอนที่โรงเรียน เพราะหนูจะลงสมัครแข่งงานวิชาการนานาชาติ อยู่โรงเรียนสะดวกกว่า”

จงมั่นหวาถึงได้โล่งอก “นอนโรงเรียนอะไรกัน มันจะสบายเท่าบ้านเหรอ มีคนขับรถไปส่งลูกทุกวัน อย่านอนโรงเรียนเลยนะ”

ขณะพูดจงมั่นหวาก็เอากระเป๋าเดินทางให้พ่อบ้าน จากนั้นก็กวักมือเรียก “แม่ซื้อชุดใหม่มาให้ลูก รีบมาลองเร็วเข้า”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ค่อยๆ พูดขึ้น “ค่ะ ขอบคุณค่ะแม่”

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่อาจารย์ฝ่ายวิชาการส่งชื่ออิ๋งจื่อจินเสร็จก็ส่งเอกสารของไอเอสซีให้เธอ

เอกสารเป็นไฟล์พีดีเอฟ ไฟล์ใหญ่ถึง 100MB

อิ๋งจื่อจินเปิดอ่านหนึ่งรอบ

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ารับปากผู้อำนวยการเร็วเกินไป

งานแข่งขันครั้งนี้ค่อนข้างยุ่งยากมากทีเดียว

เมื่อนับรวมรอบคัดเลือก รอบสอง รอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติ จัดทั้งหมดนี้ใช้เวลาถึงแปดเดือน

รอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติแบ่งย่อยเป็นอีกสามรอบ ระยะเวลาก็เพิ่มไปอีกหนึ่งเดือน แถมยังไม่ได้จัดในประเทศจีนอีก

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดแล้วก็รู้สึกว่าผมบนหัวผู้อำนวยการเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว สงสารแกหน่อยแล้วกัน อย่าไปทำแกเสียใจเลย

การแข่งขันรอบสุดท้ายจัดเป็นทีมละหกคน แต่ละคนรับผิดชอบแยกกันไปเป็นหมวดๆ ตรงนี้เธอยังพอแอบอู้ได้

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างเมาส์ก็ดังขึ้น

อิ๋งจื่อจินกดรับ “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”

คนที่โทรมาเป็นศาสตราจารย์สาขาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยตี้ตูที่เคยมาชิงจื้อด้วยตัวเอง ชื่อจั่วหลี

“นักเรียนอิ๋ง รู้เรื่องไอเอสซีไหม”

“ค่ะ เพิ่งอ่านรายละเอียดเสร็จ”

“อาจารย์รู้อยู่แล้วว่าคนที่ชิงจื้อส่งไปจะต้องเป็นเธอแน่นอน” จั่วหลี่ดีใจ “แต่ต่อให้ไม่ส่งเธอ ด้วยความสามารถระดับเธอก็เข้ารอบชิงชนะเลิศได้สบายๆ อยู่แล้ว”

“ก็ไม่แน่หรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินไร้เยื่อใย “ระยะเวลาการแข่งยาวนานเกินไป เหนื่อยค่ะ”

“…”

จั่วหลีจุก เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า

“เธอรู้ไหมว่าทำไมถึงมีไอเอสซี” เขาทำเสียงน่าตื่นเต้น “เป็นเพราะบุคคลในประวัติศาสตร์คนหนึ่ง เธอน่าจะเคยได้ยินชื่อไซมอน แบรนด์ใช่ไหม”

“เคยค่ะ” อิ๋งจื่อจินเปิดเอกสารต่อ “นักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังมากคนหนึ่ง”

“ใช่ เขาคือปาฏิหาริย์ของวงการวิทยาศาสตร์! อัจฉริยะ!” จั่วหลีตื่นเต้น “เขาเก่งทุกอย่างในด้านวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์เคมีก็ได้หมด”

“อีกทั้งเขายังเป็นนักดาราศาสตร์ด้วย เป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่พูดถึงแนวคิดยานอวกาศ คนรุ่นหลังค้นพบแบบยานอวกาศที่เขาวาดขึ้นในสมุดบันทึกของเขา”

“แนวคิดของเขาล้ำหน้ามาก ความคิดบางอย่างสอดคล้องกับนักวิทยาศาสตร์ยุคหลังๆ อย่างบังเอิญ ถึงขนาดที่ยังได้บันทึกที่มาของบิกแบงกับเทคโนโลยีกระโดดในอวกาศ ในสมัยนั้นยังไม่มีการบัญญัติคำพวกนี้เลยด้วยซ้ำ”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “สรุปว่าไอเอสซีถูกจัดขึ้นเพราะเขาเหรอคะ”

“แน่นอน มีสาเหตุมาจากเขา แต่ก็ยังมีอีกสาเหตุที่สำคัญที่สุด” จั่วหลียิ่งพูดก็ยิ่งสนุก “ในสมุดบันทึกของเขายังได้บันทึกชื่อของนักเรียนคนหนึ่งของเขาเอาไว้ด้วย ชื่อเกว็น บราวน์”

มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก

“เขาบอกว่าอีกหน่อยนักเรียนของเขาคนนี้จะต้องประสบความสำเร็จยิ่งกว่าเขาแน่นอน ทฤษฎีมากมายล้วนมาจากการสืบค้นวิเคราะห์ร่วมกันของพวกลูกศิษย์” จั่วหลีเล่าต่อ “เพียงแต่เกว็น บราวน์ คนนี้ไม่มีใจอยากอยู่ในวงการวิชาการแล้ว ต่อมาเธอก็ซ่อนตัว ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเท่าไร”

“ดังนั้นพวกเราเลยคิดว่า ขนาดไม่กี่ศตวรรษก่อนยังมีอัจฉริยะแบบนี้ มนุษย์เรามีพัฒนาการ ยุคนี้ก็ต้องมีได้แน่นอน ไอเอสซีมีไว้ก็เพื่อค้นหาอัจฉริยะเหล่านี้แล้วมอบทรัพยากรที่ดีที่สุดให้พวกเขา”

อิ๋งจื่อจินจับศีรษะ ไม่พูดอะไร

“เอ๊ะ นักเรียนอิ๋ง ทำไมไม่พูดล่ะ” จั่วหลีตกใจ “เธอเองก็กำลังคิดใช่ไหมว่าลูกศิษย์กับอาจารย์คู่นี้เก่งมาก”

“ไม่ใช่ค่ะ” อิ๋งจื่อจินมีสีหน้าเรียบเฉย “หนูกำลังคิดว่า ถ้าหนูย้อนเวลาได้ หนูจะไปเผาสมุดบันทึกของไซมอนแน่นอน”

ไหนตกลงกันแล้วว่าจะไม่เขียนชื่อของเธอ

ตาแก่พูดจาไม่น่าเชื่อถือ

จั่วหลี “?”

สุดท้ายก็จบการสนทนาทั้งที่เขายังงงอยู่

อิ๋งจื่อจินลุกไปรินน้ำ

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้

ปังๆๆ!

ถ้าจะให้เรียกว่าเคาะ ไม่สู้เรียกทุบ

ป่าเถื่อนรุนแรงมาก

ภายในเวลาสองวินาทีก็มีเสียงดังตึง ประตูกันขโมยที่หนักมากล้มลง

อิ๋งจื่อจินหันไป

จากนั้นเธอก็ถอดยางรัดผมจากข้อมือมา เริ่มรวบผม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+