นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) 115
“ครูครับ” ชิ่งเฉินเดินพลางถามพลางว่า “เมื่อกี้ตอนที่ฉินเฉิงกับชาวป่าจางถงต้านแลกเปลี่ยนกัน ทำไมยาสี่ขวดแทบจะเกิดความขัดแย้งกันแล้วล่ะครับ ผมเห็นจางถงต้านนั่นแทบจะเหนี่ยวไกปืนเลย ที่นี่ปฏิบัติต่อหุ้นส่วนของตัวเองดุร้ายอย่างนี้เลยเหรอครับ”
“แน่สิ” หลี่ซูถงตอบ “ชาวป่าเอาชีวิตรอดขัดขืนสวรรค์ เงื่อนไขการมีชีวิตของพวกเขาเทียบกับที่เธอจินตนาการไว้ยังยากเข็นยิ่งกว่า ดังนั้นเมื่อเผชิญกับสิ่งของที่สามารถช่วยชีวิตก็จะเอาชีวิตเข้าสู้ ย่อมจะดูดุร้ายสักหน่อย แต่ว่าฉินเฉิงคนนั้นก็ไม่ได้วางแผนจะเอายาไปจริง ๆ หรอก เขาแค่อยากให้จางถงต้านติดค้างน้ำใจเขาเท่านั้น”
ชิ่งเฉินสีหน้าครุ่นคิด
หลี่ซูถงกล่าวว่า “เสี่ยวเฉิน ทุกคนบนโลกมนุษย์ล้วนประสบกับความทุกข์ยาก พวกคนตัวเล็ก ๆ เรียนรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับโลกใบนี้ยังไงแต่แรกแล้ว ทุก ๆ คนล้วนมีเส้นทางชีวิตของทุก ๆ คน ทริปนี้ดูเยอะ ๆ ฟังเยอะ ๆ ครูก็ไม่สามารถอยู่ข้างตัวเธอไปได้ตลอด หลังจากเป็นเพื่อนเธอเดินไประยะทางหนึ่ง เส้นทางในภายหลังยังต้องให้เธอเดินเอง”
ชิ่งเฉินตระหนักในทันทีว่าในคำพูดของครูตนเองคนนี้มีความหมายแฝง
ทั้งสองคนมาถึงข้างแม่น้ำตื้น ๆ น้ำในแม่น้ำที่นี่เทียบกับแม่น้ำสายใด ๆ ของโลกภายนอกล้วนใสสะอาดกว่า ก้นแม่น้ำที่กว้างไม่กี่เมตรคลุมเต็มไปด้วยก้อนหิน ถึงจะเป็นส่วนที่ลึกสองเมตรก็สามารถมองเห็นถึงก้นแม่น้ำได้ในแวบเดียว
อย่างอื่นไม่พูด การปกป้องสภาพแวดล้อมของโลกภายในดีกว่าโลกภายนอกมากมายเหลือเกิน
“ปลาเยอะขนาดนี้” ชิ่งเฉินมองลงไป ถึงกับเห็นว่าในแม่น้ำมีปลาหลายร้อยตัวว่ายน้ำช้า ๆ “ครูครับ ผมลงไปจับปลาตรง ๆ เลยนะครับ”
ปลาพวกนี้ขนาดค่อนข้างใหญ่ ดูแล้วหนึ่งตัวหนักสามถึงห้าจิน
หลี่ซูถงมองเขาแวบหนึ่งกล่าวว่า “ลงแม่น้ำจับปลาเหรอ เธอรอก่อนแปบหนึ่งนะ”
ว่าแล้ว เขาหยิบสายเบ็ดตกปลาหนึ่งม้วนออกมาจากเป้ปีนเขา ปลายด้านหนึ่งมัดกับมือ ปลายอีกด้านแขวนเบ็ดตกปลา
หลี่ซูถงหักแท่งโปรตีนชิ้นเล็กออกมาหนึ่งชิ้น โยนเบ็ดตกปลาลงไปในน้ำ “ดูให้ชัด ๆ นะ”
พูดไม่ทันขาดคำ กลับเห็นผิวแม่น้ำนั้นคล้ายจะเดือดพล่านขึ้นมา ปลาตัวใหญ่ที่อยู่ในบริเวณไม่กี่สิบเมตรรอบเบ็ดตกปลาจู่ ๆ เบียดกันว่ายมากัดเบ็ด
ท่ามกลางความปั่นป่วนของแม่น้ำ ปลาใหญ่ตัวหนึ่งกัดไปบนเบ็ด เบ็ดอันแหลมคมทิ่มแทงปากของมัน
กลิ่นคาวเลือดที่ไหลออกจากปากแผลทำให้เหล่าปลาใหญ่บ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง พวกมันไม่ได้ถูกแท่งโปรตีนดึงดูดแล้ว ทว่าปากแต่ละปากกัดลงไปบนตัวปลาที่ติดเบ็ดตัวนั้น!
เพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วินาที ตัวของปลาที่ติดเบ็ดตัวนั้นสามารถมองเห็นก้างปลาที่ทั้งหนาทั้งแข็งได้แล้ว
หลี่ซูถงกะจังหวะ ดึงสายเบ็ดอย่างกะทันหัน ปลาใหญ่หลายตัวที่คลายปากไม่ทันท่วงทีถูกโยนขึ้นฝั่งพร้อม ๆ กัน!
ชิ่งเฉิินมองดูฉากเหตุการณ์นี้เงียบ ๆ ในใจตกตะลึงไร้ที่เปรียบ “ครูครับ พวกนี้เป็นปลากินคนหมดเลยเหรอครับ”
“ถ้าจะพูดให้แม่น ๆ ก็ไม่ใช่เลย” หลี่ซูถงส่ายหน้า “ในบันทึกประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติยุคใหม่ ปลาแต่ก่อนนี้ยังไม่ได้กลายพันธุ์โดยสิ้นเชิงจนกลายเป็นอย่างนี้ น่าจะมีปลาใหญ่สายพันธุ์ล้ำฟ้าตายอยู่ในลุ่มน้ำสักแห่ง เป็นเหตุให้แม่น้ำเริ่มกลายสภาพ ก็เหมือนกับวาฬใหญ่ตัวนั้นของทะเลต้องห้ามนั่นล่ะ”
ชิ่งเฉินเดินไปดูปลาใหญ่ที่ยังดิ้นกระแด่วพวกนั้นใกล้ ๆ ค้นพบอย่างชัดเจนว่าในปากปลาล้วนมีฟันแหลมคมงอกออกมา แม่น้ำน้ำจืดทั่วไปน้อยมากจะปรากฏสถานการณ์ประเภทนี้
หลี่ซูถงมองเขาแวบหนึ่งกล่าวว่า “จำไว้นะ แม่น้ำสายใด ๆ ก็ตามของโลกนี้ล้วนอันตราย เธอเพิ่งจะพูดว่าอยากลงแม่น้ำไปจับปลา…… นั่นไม่ได้เรียกจับปลา น่าจะเรียกว่าอ่อยเหยื่อ”
หลี่ซูถงคีบใบไม้ไม่กี่ใบไว้ที่ปลายนิ้ว ดีดออกไปเบา ๆ
ในสายตาของชิ่งเฉิน ใบไม้ที่เดิมทีอ่อนปวกเปียกไม่กี่ใบนั้นจู่ ๆ เหยียดตรงเสมือนใบมีด ก็ไม่เห็นว่าพวกมันจะบินเร็วสักเท่าไหร่ แต่แทงเข้าไปในหัวของปลาใหญ่อย่างดุดัน
“เป็นไง” หลี่ซูถงหัวเราะหึ ๆ ถาม
“คุณครูร้ายกาจ” ชิ่งเฉินกล่าวอย่างจริงใจ
พูดจบ หลี่ซูถงยิ้มหนักกว่าเดิม ค่อนข้างมีความรู้สึกแกล้งโอ้อวดต่อหน้านักเรียน
“นี่ก็คือฟังก์ชั่นของปราณก้อนนั้นในร่างกายเธอ” หลี่ซูถงกล่าว “พูดตามหลักเหตุผล มีแค่แรงก์ C ถึงจะปรากฏขึ้นในร่างกาย ที่แรงก์ B แสดงพลังขั้นต้น ที่แรงก์ S สามารถคลุมทั้งตัวจนไปถึงระดับสมบูรณ์แบบ แต่เธอค่อนข้างพิเศษหน่อย ถึงกับยังไม่ผ่านด่านแรกก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว”
ชิ่งเฉินรับฟังอย่างจริงจัง
หลี่ซูถงกล่าวต่อว่า “นอกจากจับใบปาดอกแล้ว ปราณของทุก ๆ คนมีผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน ปราณของฉันสามารถทำให้คนเกิดความรู้สึกเผาไหม้ ก็อย่างตอนนั้นที่ฉันประมือกับกัวหู่ฉาน ถึงฉันจะยั้งแรง เขาก็จำเป็นต้องนั่งขัดสมาธิอดทน ปรับลมหายใจ ปราณของอาจารย์ลุงเธอสามารถทำให้คนเกิดความรู้สึกคลื่นไส้ ก็ไม่รู้ว่าของเธอเป็นอะไร”
ชิ่งเฉินคิดแล้วถามว่า “นอกจากจับใบปาดอก ปราณสัมผัสโดนคนไม่ได้เกิดการบาดเจ็บแท้จริงเลย แต่ตอนประมือจะทำให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกไม่สบายสักอย่างเหรอครับ””
“ใช่แล้ว” หลี่ซูถงพยักหน้า
ชิ่งเฉินคิดในใจว่านี่ไม่ใช่ buff ผลลบเหรอ?!
สายตาเขามองไปทางครูตัวเอง หลี่ซูถงยิ้มแล้ว “ปราณนิดเดียวนั่นของเธอจะไม่มีผลกระทบใด ๆ กับฉันเลย แถมไม่แน่ว่าจะมีผลต่อคนทั่วไป ยังไงรอให้ปราณก้อนนั้นขยายใหญ่แล้วค่อยหาคนอื่นทดลองเถอะ”
“โถ่”
……
ตอนที่ทั้งสองคนกลับไปถึงแคมป์กองไฟก็ลุกโชนแล้ว
หลี่ซูถงยื่นปลาห้าตัวในมือให้ฉินถง “ตกปลากลับมาห้าตัว คืนนี้เพิ่มกับข้าวได้แล้ว”
พูดจบ เขานั่งข้างกองไฟอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีความตั้งใจจะพาชิ่งเฉินไปก่อไฟอีกด้านหนึ่งโดยสิ้นเชิง แถมยังกล่าวกับชิ่งเฉินว่า “มา เธอก็นั่งสิ”
“บ้านเขยเอ๊ย…… ไม่ใช่ ขอบังอาจถามอาจารย์ท่านนี้ว่าควรเรียกขานอย่างไรครับ” ฉินเฉิงถาม
ฉินอี่อี่ได้ยินคำพูดหลุดปากของพ่อ ลุกขึ้นมาอย่างเขินอายทันที เธอดึงเป้ปีนเขาของชิ่งเฉินลงมา ลดเสียงเอ่ยว่า “ฉันไปช่วยคุณตั้งเต้นท์นะ”
พูดจบก็ล้วงเต้นท์ออกจากในเป้แล้วเผ่นแน่บ
“ผมแซ่มู่ ที่อยู่ข้าง ๆ เป็นนักเรียนผม เรียกเขาว่าเสี่ยวถู่ได้” หลี่ซูถงยิ้มกล่าว
ชิ่งเฉิน “……”
ดังนั้น “เฉิน (尘)” ตัวอักษรที่ให้ความรู้สึกสง่างาม ฉีกออกกลายเป็น “เสี่ยวถู่ (小土)” ชื่อบ้าน ๆ อย่างนี้เลย?
“อาจารย์มู่” ฉินเฉิงกล่าว “ผมก็รู้ว่าคุณเป็นยอดฝีมือ มีเรื่องอยากจะปรึกษากับท่านหน่อยครับ”
หลี่ซูถงยิ้ม “คิดยังไงก็พูดมาเถอะ”
“ครั้งนี้โดรนที่พวกเราเอามาพังไปหมดแล้ว ดังนั้นพลังในการป้องกันตัวไม่ได้เพียงพอขนาดนั้น” ฉินเฉิงครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “เอาอย่างนี้ ถ้าเผื่อพวกเราเจอกับอันตรายบนถนน ขอเชิญอาจารย์ลงมือช่วยเหลือหน่อยนะครับ หลังจากนี้จะไม่เก็บค่าเดินทางพวกคุณแล้ว”
อันที่จริงจากในความเห็นฉินเฉิง ก่อนจะไปถึงสถานที่ต้องห้ามก็น่าจะไม่มีอันตรายใหญ่เกินไป เขาเพียงอยากจะอ้างเรื่องนี้ยกเลิกค่าเดินทาง ผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกันสักหน่อย
…………………………………….
คำว่าอ่อยเหยื่อเป็นศัพท์ของนักตกปลา คือการโปรยเหยื่อลงไปในจุดตกปลาให้ปลามาชุมนุมกัน จะได้ตกปลาขึ้นได้ง่ายขึ้น
เฉิน (尘) แปลว่าฝุ่น เสี่ยวถู่ (小土) แปลว่าดินน้อย
แซ่มู่ (木) ที่หลี่ซูถงอ้างตัดมาจากแซ่หลี่ (李) ของตัวเองค่ะ
ตอนที่ 116 – โจมตีแคมป์
Comments
นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) 115
“ครูครับ” ชิ่งเฉินเดินพลางถามพลางว่า “เมื่อกี้ตอนที่ฉินเฉิงกับชาวป่าจางถงต้านแลกเปลี่ยนกัน ทำไมยาสี่ขวดแทบจะเกิดความขัดแย้งกันแล้วล่ะครับ ผมเห็นจางถงต้านนั่นแทบจะเหนี่ยวไกปืนเลย ที่นี่ปฏิบัติต่อหุ้นส่วนของตัวเองดุร้ายอย่างนี้เลยเหรอครับ”
“แน่สิ” หลี่ซูถงตอบ “ชาวป่าเอาชีวิตรอดขัดขืนสวรรค์ เงื่อนไขการมีชีวิตของพวกเขาเทียบกับที่เธอจินตนาการไว้ยังยากเข็นยิ่งกว่า ดังนั้นเมื่อเผชิญกับสิ่งของที่สามารถช่วยชีวิตก็จะเอาชีวิตเข้าสู้ ย่อมจะดูดุร้ายสักหน่อย แต่ว่าฉินเฉิงคนนั้นก็ไม่ได้วางแผนจะเอายาไปจริง ๆ หรอก เขาแค่อยากให้จางถงต้านติดค้างน้ำใจเขาเท่านั้น”
ชิ่งเฉินสีหน้าครุ่นคิด
หลี่ซูถงกล่าวว่า “เสี่ยวเฉิน ทุกคนบนโลกมนุษย์ล้วนประสบกับความทุกข์ยาก พวกคนตัวเล็ก ๆ เรียนรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับโลกใบนี้ยังไงแต่แรกแล้ว ทุก ๆ คนล้วนมีเส้นทางชีวิตของทุก ๆ คน ทริปนี้ดูเยอะ ๆ ฟังเยอะ ๆ ครูก็ไม่สามารถอยู่ข้างตัวเธอไปได้ตลอด หลังจากเป็นเพื่อนเธอเดินไประยะทางหนึ่ง เส้นทางในภายหลังยังต้องให้เธอเดินเอง”
ชิ่งเฉินตระหนักในทันทีว่าในคำพูดของครูตนเองคนนี้มีความหมายแฝง
ทั้งสองคนมาถึงข้างแม่น้ำตื้น ๆ น้ำในแม่น้ำที่นี่เทียบกับแม่น้ำสายใด ๆ ของโลกภายนอกล้วนใสสะอาดกว่า ก้นแม่น้ำที่กว้างไม่กี่เมตรคลุมเต็มไปด้วยก้อนหิน ถึงจะเป็นส่วนที่ลึกสองเมตรก็สามารถมองเห็นถึงก้นแม่น้ำได้ในแวบเดียว
อย่างอื่นไม่พูด การปกป้องสภาพแวดล้อมของโลกภายในดีกว่าโลกภายนอกมากมายเหลือเกิน
“ปลาเยอะขนาดนี้” ชิ่งเฉินมองลงไป ถึงกับเห็นว่าในแม่น้ำมีปลาหลายร้อยตัวว่ายน้ำช้า ๆ “ครูครับ ผมลงไปจับปลาตรง ๆ เลยนะครับ”
ปลาพวกนี้ขนาดค่อนข้างใหญ่ ดูแล้วหนึ่งตัวหนักสามถึงห้าจิน
หลี่ซูถงมองเขาแวบหนึ่งกล่าวว่า “ลงแม่น้ำจับปลาเหรอ เธอรอก่อนแปบหนึ่งนะ”
ว่าแล้ว เขาหยิบสายเบ็ดตกปลาหนึ่งม้วนออกมาจากเป้ปีนเขา ปลายด้านหนึ่งมัดกับมือ ปลายอีกด้านแขวนเบ็ดตกปลา
หลี่ซูถงหักแท่งโปรตีนชิ้นเล็กออกมาหนึ่งชิ้น โยนเบ็ดตกปลาลงไปในน้ำ “ดูให้ชัด ๆ นะ”
พูดไม่ทันขาดคำ กลับเห็นผิวแม่น้ำนั้นคล้ายจะเดือดพล่านขึ้นมา ปลาตัวใหญ่ที่อยู่ในบริเวณไม่กี่สิบเมตรรอบเบ็ดตกปลาจู่ ๆ เบียดกันว่ายมากัดเบ็ด
ท่ามกลางความปั่นป่วนของแม่น้ำ ปลาใหญ่ตัวหนึ่งกัดไปบนเบ็ด เบ็ดอันแหลมคมทิ่มแทงปากของมัน
กลิ่นคาวเลือดที่ไหลออกจากปากแผลทำให้เหล่าปลาใหญ่บ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง พวกมันไม่ได้ถูกแท่งโปรตีนดึงดูดแล้ว ทว่าปากแต่ละปากกัดลงไปบนตัวปลาที่ติดเบ็ดตัวนั้น!
เพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วินาที ตัวของปลาที่ติดเบ็ดตัวนั้นสามารถมองเห็นก้างปลาที่ทั้งหนาทั้งแข็งได้แล้ว
หลี่ซูถงกะจังหวะ ดึงสายเบ็ดอย่างกะทันหัน ปลาใหญ่หลายตัวที่คลายปากไม่ทันท่วงทีถูกโยนขึ้นฝั่งพร้อม ๆ กัน!
ชิ่งเฉิินมองดูฉากเหตุการณ์นี้เงียบ ๆ ในใจตกตะลึงไร้ที่เปรียบ “ครูครับ พวกนี้เป็นปลากินคนหมดเลยเหรอครับ”
“ถ้าจะพูดให้แม่น ๆ ก็ไม่ใช่เลย” หลี่ซูถงส่ายหน้า “ในบันทึกประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติยุคใหม่ ปลาแต่ก่อนนี้ยังไม่ได้กลายพันธุ์โดยสิ้นเชิงจนกลายเป็นอย่างนี้ น่าจะมีปลาใหญ่สายพันธุ์ล้ำฟ้าตายอยู่ในลุ่มน้ำสักแห่ง เป็นเหตุให้แม่น้ำเริ่มกลายสภาพ ก็เหมือนกับวาฬใหญ่ตัวนั้นของทะเลต้องห้ามนั่นล่ะ”
ชิ่งเฉินเดินไปดูปลาใหญ่ที่ยังดิ้นกระแด่วพวกนั้นใกล้ ๆ ค้นพบอย่างชัดเจนว่าในปากปลาล้วนมีฟันแหลมคมงอกออกมา แม่น้ำน้ำจืดทั่วไปน้อยมากจะปรากฏสถานการณ์ประเภทนี้
หลี่ซูถงมองเขาแวบหนึ่งกล่าวว่า “จำไว้นะ แม่น้ำสายใด ๆ ก็ตามของโลกนี้ล้วนอันตราย เธอเพิ่งจะพูดว่าอยากลงแม่น้ำไปจับปลา…… นั่นไม่ได้เรียกจับปลา น่าจะเรียกว่าอ่อยเหยื่อ”
หลี่ซูถงคีบใบไม้ไม่กี่ใบไว้ที่ปลายนิ้ว ดีดออกไปเบา ๆ
ในสายตาของชิ่งเฉิน ใบไม้ที่เดิมทีอ่อนปวกเปียกไม่กี่ใบนั้นจู่ ๆ เหยียดตรงเสมือนใบมีด ก็ไม่เห็นว่าพวกมันจะบินเร็วสักเท่าไหร่ แต่แทงเข้าไปในหัวของปลาใหญ่อย่างดุดัน
“เป็นไง” หลี่ซูถงหัวเราะหึ ๆ ถาม
“คุณครูร้ายกาจ” ชิ่งเฉินกล่าวอย่างจริงใจ
พูดจบ หลี่ซูถงยิ้มหนักกว่าเดิม ค่อนข้างมีความรู้สึกแกล้งโอ้อวดต่อหน้านักเรียน
“นี่ก็คือฟังก์ชั่นของปราณก้อนนั้นในร่างกายเธอ” หลี่ซูถงกล่าว “พูดตามหลักเหตุผล มีแค่แรงก์ C ถึงจะปรากฏขึ้นในร่างกาย ที่แรงก์ B แสดงพลังขั้นต้น ที่แรงก์ S สามารถคลุมทั้งตัวจนไปถึงระดับสมบูรณ์แบบ แต่เธอค่อนข้างพิเศษหน่อย ถึงกับยังไม่ผ่านด่านแรกก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว”
ชิ่งเฉินรับฟังอย่างจริงจัง
หลี่ซูถงกล่าวต่อว่า “นอกจากจับใบปาดอกแล้ว ปราณของทุก ๆ คนมีผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน ปราณของฉันสามารถทำให้คนเกิดความรู้สึกเผาไหม้ ก็อย่างตอนนั้นที่ฉันประมือกับกัวหู่ฉาน ถึงฉันจะยั้งแรง เขาก็จำเป็นต้องนั่งขัดสมาธิอดทน ปรับลมหายใจ ปราณของอาจารย์ลุงเธอสามารถทำให้คนเกิดความรู้สึกคลื่นไส้ ก็ไม่รู้ว่าของเธอเป็นอะไร”
ชิ่งเฉินคิดแล้วถามว่า “นอกจากจับใบปาดอก ปราณสัมผัสโดนคนไม่ได้เกิดการบาดเจ็บแท้จริงเลย แต่ตอนประมือจะทำให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกไม่สบายสักอย่างเหรอครับ””
“ใช่แล้ว” หลี่ซูถงพยักหน้า
ชิ่งเฉินคิดในใจว่านี่ไม่ใช่ buff ผลลบเหรอ?!
สายตาเขามองไปทางครูตัวเอง หลี่ซูถงยิ้มแล้ว “ปราณนิดเดียวนั่นของเธอจะไม่มีผลกระทบใด ๆ กับฉันเลย แถมไม่แน่ว่าจะมีผลต่อคนทั่วไป ยังไงรอให้ปราณก้อนนั้นขยายใหญ่แล้วค่อยหาคนอื่นทดลองเถอะ”
“โถ่”
……
ตอนที่ทั้งสองคนกลับไปถึงแคมป์กองไฟก็ลุกโชนแล้ว
หลี่ซูถงยื่นปลาห้าตัวในมือให้ฉินถง “ตกปลากลับมาห้าตัว คืนนี้เพิ่มกับข้าวได้แล้ว”
พูดจบ เขานั่งข้างกองไฟอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีความตั้งใจจะพาชิ่งเฉินไปก่อไฟอีกด้านหนึ่งโดยสิ้นเชิง แถมยังกล่าวกับชิ่งเฉินว่า “มา เธอก็นั่งสิ”
“บ้านเขยเอ๊ย…… ไม่ใช่ ขอบังอาจถามอาจารย์ท่านนี้ว่าควรเรียกขานอย่างไรครับ” ฉินเฉิงถาม
ฉินอี่อี่ได้ยินคำพูดหลุดปากของพ่อ ลุกขึ้นมาอย่างเขินอายทันที เธอดึงเป้ปีนเขาของชิ่งเฉินลงมา ลดเสียงเอ่ยว่า “ฉันไปช่วยคุณตั้งเต้นท์นะ”
พูดจบก็ล้วงเต้นท์ออกจากในเป้แล้วเผ่นแน่บ
“ผมแซ่มู่ ที่อยู่ข้าง ๆ เป็นนักเรียนผม เรียกเขาว่าเสี่ยวถู่ได้” หลี่ซูถงยิ้มกล่าว
ชิ่งเฉิน “……”
ดังนั้น “เฉิน (尘)” ตัวอักษรที่ให้ความรู้สึกสง่างาม ฉีกออกกลายเป็น “เสี่ยวถู่ (小土)” ชื่อบ้าน ๆ อย่างนี้เลย?
“อาจารย์มู่” ฉินเฉิงกล่าว “ผมก็รู้ว่าคุณเป็นยอดฝีมือ มีเรื่องอยากจะปรึกษากับท่านหน่อยครับ”
หลี่ซูถงยิ้ม “คิดยังไงก็พูดมาเถอะ”
“ครั้งนี้โดรนที่พวกเราเอามาพังไปหมดแล้ว ดังนั้นพลังในการป้องกันตัวไม่ได้เพียงพอขนาดนั้น” ฉินเฉิงครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “เอาอย่างนี้ ถ้าเผื่อพวกเราเจอกับอันตรายบนถนน ขอเชิญอาจารย์ลงมือช่วยเหลือหน่อยนะครับ หลังจากนี้จะไม่เก็บค่าเดินทางพวกคุณแล้ว”
อันที่จริงจากในความเห็นฉินเฉิง ก่อนจะไปถึงสถานที่ต้องห้ามก็น่าจะไม่มีอันตรายใหญ่เกินไป เขาเพียงอยากจะอ้างเรื่องนี้ยกเลิกค่าเดินทาง ผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกันสักหน่อย
…………………………………….
คำว่าอ่อยเหยื่อเป็นศัพท์ของนักตกปลา คือการโปรยเหยื่อลงไปในจุดตกปลาให้ปลามาชุมนุมกัน จะได้ตกปลาขึ้นได้ง่ายขึ้น
เฉิน (尘) แปลว่าฝุ่น เสี่ยวถู่ (小土) แปลว่าดินน้อย
แซ่มู่ (木) ที่หลี่ซูถงอ้างตัดมาจากแซ่หลี่ (李) ของตัวเองค่ะ
ตอนที่ 116 – โจมตีแคมป์
Comments