องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ 57 ของบางอย่างในรถม้า

Now you are reading องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ Chapter 57 ของบางอย่างในรถม้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 57 ของบางอย่างในรถม้า
ไห่กงกงรีบลุกขึ้นจากพื้น และรีบมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น เมื่อเห็นคนตรงหน้า เขาก็รีบโค้งคำนับอย่างเร่งรีบ:“พระองค์เสด็จมาแล้ว กระหม่อมคารวะท่านอ๋องเย่”

“กงกงโปรดลุกขึ้นเถอะ!” หนานกงเย่ก้มลงไปอุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมา และเดินเข้าไปในตำหนักเฉาเฟิ่ง

ไห่กงกงรีบโบกมือ เพื่อบอกใบ้ให้รีบตามไป

หลังจากที่เข้าไปในตำหนักเฉาเฟิ่งแล้ว หนานกงเย่ก็เรียกนาง:“ลุกขึ้นมา?ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”

ไห่กงกงมองดูอย่างระมัดระวัง ที่แท้ข่าวลือจากภายนอกก็เป็นความจริง ท่านอ๋องเย่ไม่ชื่นชอบพระชายาเย่ ช่วงความเป็นความตาย ยังจะเรียกให้คนลุกขึ้นมา เช่นนั้นหากตายไปจะทำอย่างไร จะมองดูอยู่อย่างนี้หรือ!

ไห่กงกงดูเป็นกังวล หนานกงเย่ยังคงไม่ทุกข์ร้อน:“ข้าถามเจ้า เจ้าทำร้ายพระชาตวนใช่หรือไม่?”

“นี่มันเวลาไหนกันแล้ว คนกำลังจะตาย ยังจะถามอยุ่อีก?” ฮองเฮาทนเห็นสิ่งนี้ไม่ได้ นางสวมชุดคลุมฟีนิกซ์และเดินเข้ามาทีละก้าว สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นบนใบหน้าที่สง่างามและเย็นชา หนานกงเย่เงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าของเขาดีขึ้นเล็กน้อย

“ลูกคารวะเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”

หนานกงเย่โค้งคำนับ พระพันปีเหลือบมองมาอย่างไม่พอใจ:“เอาล่ะ วางคนลงเถอะ เจ้าไม่หวงแหน แต่ข้าหวงแหน!”

ในขณะที่พูด พระพันปีก็เดินลงมา นางมองไปที่ซีดขาวและเหงื่อที่ท่วมไปทั้งตัวของฉีเฟยอวิ๋น นางส่ายหัว:“ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารจริง ๆ อาไห่ เจ้ารีบไปเรียกหมอหลวงมาเร็วเข้า!”

“กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ไห่กงกงรีบไปจัดการในทันที หนานกงเย่วางคนลง พระพันปีนั่งลงและลูบคลำ จึงพบว่ามีบางอย่างออกมาจากต้นขาของฉีเฟยอวิ๋น

และเปิดเสื้อคลุมออกอย่างระมัดระวัง ข้างบนมีเลือดเต็มไปหมด พระพันปีมองไปที่หนานกงเย่ที่อยู่ข้าง ๆ

หนานกงเย่ก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาตกตะลึง เลือดเยอะมาก!

“ออกไปให้หมด” พระพันปีให้เหล่าขันทีถอยออกไป และเหลือเพียงนางกำนัลสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ และเปิดกระโปรงของฉีเฟยอวิ๋นทีละชั้น ต้นขาด้านในมีเข็มเงินทิ่มอยู่ เลือดไหลออกมาจากตรงนั้นเยอะมาก

“ไอ๊หยา เจ้าเด็กคนนี้!”

และปล่อยชายกระโปรงลง พระพันปีจับมือของฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมาดู ในมือของนางก็มีรอยเข็มทิ่มเช่นกัน และมีเลือดไหลออกมา

พระพันปีปล่อยมือ นางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ นำกะละมังใส่น้ำที่เตรียมไว้มาวางไว้ตรงหน้า พระพันปีทรงล้างมือ และมีคนนำผ้าเช็ดหน้ามือมาเช็ดให้ พระพันปีมองไปที่หนานกงเย่:“หากแม่บอกว่า แม่ชอบคนคนนี้ เย่เอ๋อร์จะผ่อนปรนได้หรือไม่ แล้วปล่อยนางไป?”

สีหน้าของหนานกงเย่ดูไม่น่ามอง:“หม่อมฉันไม่ได้ต้องการจะทำร้ายนางนะพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่เห็นนางแล้วรู้สึกไม่เจริญตาเจริญตา เมื่อครู่……”

เมื่อนึกถึงจวินฉูฉู่ที่ถูกทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนั้น แต่เขาไม่กล้าพูดว่านางทำ เขาจึงได้แต่โมโห

นี่มันเมื่อไหร่แล้ว ยังจะไปหาเรื่องจวินฉูฉู่อยู่อีก

เพียงแต่ไม่คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นจะกลายเป็นเช่นนี้

“พูดไม่ออกหรือ?แม่เคยผ่านมาก่อน แม้ว่าการกระทำของเด็กคนนี้จะไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่แค่มองตาของนาง แม่ก็รู้แล้วว่านางไม่มีจิตใจที่คิดร้ายกับผู้อื่น แต่มีบางคน เจ้าดูไม่ออกใช่หรือไม่?”

พระพันปีทรงลุกขึ้นเดินไปข้าง ๆ และหมอหลวงก็เดินเข้ามาจากด้านนอก และคลานเข่ามาถวยบังคมพระพันปี

“เอาล่ะ ไปดูพระชายาเย่เถอะ ช่างน่าสงสารเสียจริง!”

พระพันปีไม่รอให้คนด้านล่างได้พูดอะไร นางก็โบกมือให้พวกเขาไปดูฉีเฟยอวิ๋น

เหล่าหมอหลวงไม่กล้าละเลย และรีบตามไห่กงกงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วางกล่องยาลงและตรวจดูอาการของฉีเฟยอวิ๋น

“กราบทูลพระพันปีพ่ะย่ะค่ะ ยังตรวจได้ไม่แน่ชัด แต่จากอาการของพระชายาเย่ ดูเหมือนว่าพระองค์จะถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงคุกเข่าลงและรายงาน

“ไร้สาระ ข้ากับพระชายาออกมาพร้อมกัน ข้าไม่เป็นอะไร แล้วพระชายาจะถูกพิษได้อย่างไร?” หนานกงเย่คิดว่าต่อให้จะถูกพิษ ก็ไม่น่าจะร้ายแรงได้ขนาดนี้

ในร่างกายของฉีเฟยอวิ๋นสามารถขับพิษได้ตัวเอง และนางยังสามารถฟื้นคืนชีวิตได้ พิษจะทำอะไรนางได้อย่างไร?

“เพียงแต่การคาดการณ์ของกระหม่อม เป็นเช่นนั้นจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน หรือว่าท่านอ๋องเย่ต้องการจะฆ่าพระชายาเย่จริง ๆ แม้แต่ถูกพิษก็ไม่ทรงพูดออกมา

“เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะพานางกลับไป ดึกมากแล้ว จึงไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของเสด็จแม่” หนานกงเย่ก้มลงอุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมาและกำลังจะจากไป ไห่กงกงเป็นกังวลมาก และรีบมองไปที่พระพันปี หากออกไปเช่นนี้ คงต้องตายแน่ ๆ และท่านอ๋องเย่ก็โหดเหี้ยมเกินไป

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย พระชายาเย่เป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้!

“เจ้ากลับไปสืบเรื่องพิษเสียก่อน เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ข้าเชื่อที่หมอหลวงกล่าว หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปสืบมาให้ข้าดู ข้าเห็นว่าเจ้ากลับมาเป็นปกติแล้วคงยังไม่มีเรื่องอะไรต้องทำ ไปเถอะ”

พระพันปีประคองแขนเสื้อ หนานกงเย่ไม่สามารถฝ่าฝืนได้ เขาเหลือบฉีเฟยอวิ๋นที่อยู่ในอ้อมแขนและวางนางลง

ในเมื่อตายแล้วฟื้นคืนชีพได้ ในตอนนี้ก็คงจะไม่เป็นไร

หลังจากวางนางลงแล้ว หนานกงเย่ก็คำนับและกล่าวว่า:“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

พูดจบแล้วเขาก็หันหลังจากไปโดยไม่ไยดี

ไห่กงกงเดินไปดู เมื่อเห็นว่าคนเดินไปไกลแล้ว จึงกล้าเดินกลับมา และพูดกับพระพันปีว่า:“ตอนที่กระหม่อมไป กระหม่อมเห็นแสงสะท้อนจากมีด จนเกือบจะทำให้ความกล้าหาญของกระหม่อมหมดไป”

พระพันปีถลึงตามอง:“เจ้า?”

“ไม่ใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ?” ไห่กงกงรีบพูด

พระพันปีไม่สนใจเขา และมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“ดูกันให้ดีล่ะ ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว”

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”

พระพันปีทรงลุกขึ้นและกลับไปบรรทม ไห่กงกงรีบเข้าไปช่วยประคอง:“พระพันปี เดินช้า ๆ พ่ะย่ะค่ะ……”

และพาพระพันปีกลับไปส่งที่ห้องบรรทม และไห่กงกงก็กลับมาเฝ้า หมอหลวงรักษาตามอาการและให้ฉีเฟยอวิ๋นกินยาถอนพิษก่อน ส่วนจะได้ผลหรือไม่นั้น พวกเขาก็ไม่รู้

ก่อนหน้านี้คิดมาโดยตลอดว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่เป็นที่โปรดปราน แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าถ้านางตายไป พวกเขาทั้งหมดก็จะต้องถูกฝังไปด้วย พวกเขาจึงเป็นกังวล

“กงกง ข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องแล้วแต่บุญวาสนาของพระชายาเย่” หมอหลวงก็จนปัญญาเช่นกัน

ไห่กงกงกล่าวว่า:“ลำบากพวกท่านแล้ว ข้าว่าหมอหลวงทุกท่านไปพักก่อนเถอะ หากมีอะไรข้าจะไปตามพวกท่าน”

“เชิญกงกง”

เหล่าหมอหลวงกลับไปพักผ่อน ไห่กงกงก็เดินไปรอบ ๆ ตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋นอย่างร้อนใจ ทำไมยังไม่ได้ขึ้นอีก!

ตอนที่ฮองเฮาออกมา หนานกงเย่ก็ขึ้นไปบนรถม้า และคนขับรถม้าก็ขับรถกลับไป หนานกงเย่พิงรถม้าแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ทำไมถึงอ่านไม่รู้เรื่องเลย เขาจึงโยนมันทิ้งไป หนังสือทับตะเกียงแล้วตะเกียงก็ดับ และมีของบางอย่างสีดำออกมาจากตะเกียง หนานกงเย่เลิกคิ้วขึ้นและมองดูสิ่งนั้น เขาหยิบไส้ตะเกียงขึ้นมาเพื่อให้สว่าง และมีคราบเลอะเล็กน้อย สิ่งนั้นยังคงดิ้นอยู่

หนานกงเย่ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าของเขาก็มืดมน!

เขาโยนมันทิ้งไป และที่ตั้งตะเกียงก็ติดมือออกไปด้วย

และหล่นลงไปที่พื้นดังปัง ด้วยหน้ารถม้ามีตะเกียงน้ำมันห้อยอยู่สองอัน คนขับมองดูตะเกียงน้ำมันที่พื้น แล้วกำแส้ในมือแน่น

ไม่พูดอะไรมาตลอดทาง เมื่อรถม้ามาถึงหน้าประตูจวนอ๋องเย่ หนานกงเย่ก็ลงจากรถม้าและเดินเข้าไปข้างใน

คนขับรถม้าเดินตามมาข้างหลัง และพ่อบ้านก็ออกมาต้อนรับ แต่เมื่อไม่เห็นฉีเฟยอวิ๋นก็ประหลาดใจ:“ท่านอ๋อง พระชายาล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

หนานกงเย่หยุด และหันไปมองคนที่เดินตามเข้ามา

อาซิวคุกเข่าลง:“ท่านอ๋อง อาซิวมารับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”

พ่อบ้านงุนงง และอะไรบางอย่าง หัวใจของเขาสั่นสะท้าน

“ไปเรียกอาอวี่มา” สีหน้าของหนานกงเย่เย็นชา และน้ำเสียงก็เย็นยะเยือก

พ่อบ้านใจคอไม่ดี จึงแอบส่งคนให้ไปตามทังเหอมา

อาอวี่ออกมาจากหลังตำหนัก และเห็นอาซิวที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาเดินมาแล้วคุกเข่าลงอย่างไม่พูดไม่จา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ 57 ของบางอย่างในรถม้า

Now you are reading องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ Chapter 57 ของบางอย่างในรถม้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 57 ของบางอย่างในรถม้า
ไห่กงกงรีบลุกขึ้นจากพื้น และรีบมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น เมื่อเห็นคนตรงหน้า เขาก็รีบโค้งคำนับอย่างเร่งรีบ:“พระองค์เสด็จมาแล้ว กระหม่อมคารวะท่านอ๋องเย่”

“กงกงโปรดลุกขึ้นเถอะ!” หนานกงเย่ก้มลงไปอุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมา และเดินเข้าไปในตำหนักเฉาเฟิ่ง

ไห่กงกงรีบโบกมือ เพื่อบอกใบ้ให้รีบตามไป

หลังจากที่เข้าไปในตำหนักเฉาเฟิ่งแล้ว หนานกงเย่ก็เรียกนาง:“ลุกขึ้นมา?ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”

ไห่กงกงมองดูอย่างระมัดระวัง ที่แท้ข่าวลือจากภายนอกก็เป็นความจริง ท่านอ๋องเย่ไม่ชื่นชอบพระชายาเย่ ช่วงความเป็นความตาย ยังจะเรียกให้คนลุกขึ้นมา เช่นนั้นหากตายไปจะทำอย่างไร จะมองดูอยู่อย่างนี้หรือ!

ไห่กงกงดูเป็นกังวล หนานกงเย่ยังคงไม่ทุกข์ร้อน:“ข้าถามเจ้า เจ้าทำร้ายพระชาตวนใช่หรือไม่?”

“นี่มันเวลาไหนกันแล้ว คนกำลังจะตาย ยังจะถามอยุ่อีก?” ฮองเฮาทนเห็นสิ่งนี้ไม่ได้ นางสวมชุดคลุมฟีนิกซ์และเดินเข้ามาทีละก้าว สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นบนใบหน้าที่สง่างามและเย็นชา หนานกงเย่เงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าของเขาดีขึ้นเล็กน้อย

“ลูกคารวะเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”

หนานกงเย่โค้งคำนับ พระพันปีเหลือบมองมาอย่างไม่พอใจ:“เอาล่ะ วางคนลงเถอะ เจ้าไม่หวงแหน แต่ข้าหวงแหน!”

ในขณะที่พูด พระพันปีก็เดินลงมา นางมองไปที่ซีดขาวและเหงื่อที่ท่วมไปทั้งตัวของฉีเฟยอวิ๋น นางส่ายหัว:“ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารจริง ๆ อาไห่ เจ้ารีบไปเรียกหมอหลวงมาเร็วเข้า!”

“กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ไห่กงกงรีบไปจัดการในทันที หนานกงเย่วางคนลง พระพันปีนั่งลงและลูบคลำ จึงพบว่ามีบางอย่างออกมาจากต้นขาของฉีเฟยอวิ๋น

และเปิดเสื้อคลุมออกอย่างระมัดระวัง ข้างบนมีเลือดเต็มไปหมด พระพันปีมองไปที่หนานกงเย่ที่อยู่ข้าง ๆ

หนานกงเย่ก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาตกตะลึง เลือดเยอะมาก!

“ออกไปให้หมด” พระพันปีให้เหล่าขันทีถอยออกไป และเหลือเพียงนางกำนัลสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ และเปิดกระโปรงของฉีเฟยอวิ๋นทีละชั้น ต้นขาด้านในมีเข็มเงินทิ่มอยู่ เลือดไหลออกมาจากตรงนั้นเยอะมาก

“ไอ๊หยา เจ้าเด็กคนนี้!”

และปล่อยชายกระโปรงลง พระพันปีจับมือของฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมาดู ในมือของนางก็มีรอยเข็มทิ่มเช่นกัน และมีเลือดไหลออกมา

พระพันปีปล่อยมือ นางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ นำกะละมังใส่น้ำที่เตรียมไว้มาวางไว้ตรงหน้า พระพันปีทรงล้างมือ และมีคนนำผ้าเช็ดหน้ามือมาเช็ดให้ พระพันปีมองไปที่หนานกงเย่:“หากแม่บอกว่า แม่ชอบคนคนนี้ เย่เอ๋อร์จะผ่อนปรนได้หรือไม่ แล้วปล่อยนางไป?”

สีหน้าของหนานกงเย่ดูไม่น่ามอง:“หม่อมฉันไม่ได้ต้องการจะทำร้ายนางนะพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่เห็นนางแล้วรู้สึกไม่เจริญตาเจริญตา เมื่อครู่……”

เมื่อนึกถึงจวินฉูฉู่ที่ถูกทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนั้น แต่เขาไม่กล้าพูดว่านางทำ เขาจึงได้แต่โมโห

นี่มันเมื่อไหร่แล้ว ยังจะไปหาเรื่องจวินฉูฉู่อยู่อีก

เพียงแต่ไม่คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นจะกลายเป็นเช่นนี้

“พูดไม่ออกหรือ?แม่เคยผ่านมาก่อน แม้ว่าการกระทำของเด็กคนนี้จะไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่แค่มองตาของนาง แม่ก็รู้แล้วว่านางไม่มีจิตใจที่คิดร้ายกับผู้อื่น แต่มีบางคน เจ้าดูไม่ออกใช่หรือไม่?”

พระพันปีทรงลุกขึ้นเดินไปข้าง ๆ และหมอหลวงก็เดินเข้ามาจากด้านนอก และคลานเข่ามาถวยบังคมพระพันปี

“เอาล่ะ ไปดูพระชายาเย่เถอะ ช่างน่าสงสารเสียจริง!”

พระพันปีไม่รอให้คนด้านล่างได้พูดอะไร นางก็โบกมือให้พวกเขาไปดูฉีเฟยอวิ๋น

เหล่าหมอหลวงไม่กล้าละเลย และรีบตามไห่กงกงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วางกล่องยาลงและตรวจดูอาการของฉีเฟยอวิ๋น

“กราบทูลพระพันปีพ่ะย่ะค่ะ ยังตรวจได้ไม่แน่ชัด แต่จากอาการของพระชายาเย่ ดูเหมือนว่าพระองค์จะถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงคุกเข่าลงและรายงาน

“ไร้สาระ ข้ากับพระชายาออกมาพร้อมกัน ข้าไม่เป็นอะไร แล้วพระชายาจะถูกพิษได้อย่างไร?” หนานกงเย่คิดว่าต่อให้จะถูกพิษ ก็ไม่น่าจะร้ายแรงได้ขนาดนี้

ในร่างกายของฉีเฟยอวิ๋นสามารถขับพิษได้ตัวเอง และนางยังสามารถฟื้นคืนชีวิตได้ พิษจะทำอะไรนางได้อย่างไร?

“เพียงแต่การคาดการณ์ของกระหม่อม เป็นเช่นนั้นจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน หรือว่าท่านอ๋องเย่ต้องการจะฆ่าพระชายาเย่จริง ๆ แม้แต่ถูกพิษก็ไม่ทรงพูดออกมา

“เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะพานางกลับไป ดึกมากแล้ว จึงไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของเสด็จแม่” หนานกงเย่ก้มลงอุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมาและกำลังจะจากไป ไห่กงกงเป็นกังวลมาก และรีบมองไปที่พระพันปี หากออกไปเช่นนี้ คงต้องตายแน่ ๆ และท่านอ๋องเย่ก็โหดเหี้ยมเกินไป

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย พระชายาเย่เป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้!

“เจ้ากลับไปสืบเรื่องพิษเสียก่อน เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ข้าเชื่อที่หมอหลวงกล่าว หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปสืบมาให้ข้าดู ข้าเห็นว่าเจ้ากลับมาเป็นปกติแล้วคงยังไม่มีเรื่องอะไรต้องทำ ไปเถอะ”

พระพันปีประคองแขนเสื้อ หนานกงเย่ไม่สามารถฝ่าฝืนได้ เขาเหลือบฉีเฟยอวิ๋นที่อยู่ในอ้อมแขนและวางนางลง

ในเมื่อตายแล้วฟื้นคืนชีพได้ ในตอนนี้ก็คงจะไม่เป็นไร

หลังจากวางนางลงแล้ว หนานกงเย่ก็คำนับและกล่าวว่า:“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

พูดจบแล้วเขาก็หันหลังจากไปโดยไม่ไยดี

ไห่กงกงเดินไปดู เมื่อเห็นว่าคนเดินไปไกลแล้ว จึงกล้าเดินกลับมา และพูดกับพระพันปีว่า:“ตอนที่กระหม่อมไป กระหม่อมเห็นแสงสะท้อนจากมีด จนเกือบจะทำให้ความกล้าหาญของกระหม่อมหมดไป”

พระพันปีถลึงตามอง:“เจ้า?”

“ไม่ใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ?” ไห่กงกงรีบพูด

พระพันปีไม่สนใจเขา และมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“ดูกันให้ดีล่ะ ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว”

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”

พระพันปีทรงลุกขึ้นและกลับไปบรรทม ไห่กงกงรีบเข้าไปช่วยประคอง:“พระพันปี เดินช้า ๆ พ่ะย่ะค่ะ……”

และพาพระพันปีกลับไปส่งที่ห้องบรรทม และไห่กงกงก็กลับมาเฝ้า หมอหลวงรักษาตามอาการและให้ฉีเฟยอวิ๋นกินยาถอนพิษก่อน ส่วนจะได้ผลหรือไม่นั้น พวกเขาก็ไม่รู้

ก่อนหน้านี้คิดมาโดยตลอดว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่เป็นที่โปรดปราน แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าถ้านางตายไป พวกเขาทั้งหมดก็จะต้องถูกฝังไปด้วย พวกเขาจึงเป็นกังวล

“กงกง ข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องแล้วแต่บุญวาสนาของพระชายาเย่” หมอหลวงก็จนปัญญาเช่นกัน

ไห่กงกงกล่าวว่า:“ลำบากพวกท่านแล้ว ข้าว่าหมอหลวงทุกท่านไปพักก่อนเถอะ หากมีอะไรข้าจะไปตามพวกท่าน”

“เชิญกงกง”

เหล่าหมอหลวงกลับไปพักผ่อน ไห่กงกงก็เดินไปรอบ ๆ ตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋นอย่างร้อนใจ ทำไมยังไม่ได้ขึ้นอีก!

ตอนที่ฮองเฮาออกมา หนานกงเย่ก็ขึ้นไปบนรถม้า และคนขับรถม้าก็ขับรถกลับไป หนานกงเย่พิงรถม้าแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ทำไมถึงอ่านไม่รู้เรื่องเลย เขาจึงโยนมันทิ้งไป หนังสือทับตะเกียงแล้วตะเกียงก็ดับ และมีของบางอย่างสีดำออกมาจากตะเกียง หนานกงเย่เลิกคิ้วขึ้นและมองดูสิ่งนั้น เขาหยิบไส้ตะเกียงขึ้นมาเพื่อให้สว่าง และมีคราบเลอะเล็กน้อย สิ่งนั้นยังคงดิ้นอยู่

หนานกงเย่ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าของเขาก็มืดมน!

เขาโยนมันทิ้งไป และที่ตั้งตะเกียงก็ติดมือออกไปด้วย

และหล่นลงไปที่พื้นดังปัง ด้วยหน้ารถม้ามีตะเกียงน้ำมันห้อยอยู่สองอัน คนขับมองดูตะเกียงน้ำมันที่พื้น แล้วกำแส้ในมือแน่น

ไม่พูดอะไรมาตลอดทาง เมื่อรถม้ามาถึงหน้าประตูจวนอ๋องเย่ หนานกงเย่ก็ลงจากรถม้าและเดินเข้าไปข้างใน

คนขับรถม้าเดินตามมาข้างหลัง และพ่อบ้านก็ออกมาต้อนรับ แต่เมื่อไม่เห็นฉีเฟยอวิ๋นก็ประหลาดใจ:“ท่านอ๋อง พระชายาล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

หนานกงเย่หยุด และหันไปมองคนที่เดินตามเข้ามา

อาซิวคุกเข่าลง:“ท่านอ๋อง อาซิวมารับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”

พ่อบ้านงุนงง และอะไรบางอย่าง หัวใจของเขาสั่นสะท้าน

“ไปเรียกอาอวี่มา” สีหน้าของหนานกงเย่เย็นชา และน้ำเสียงก็เย็นยะเยือก

พ่อบ้านใจคอไม่ดี จึงแอบส่งคนให้ไปตามทังเหอมา

อาอวี่ออกมาจากหลังตำหนัก และเห็นอาซิวที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาเดินมาแล้วคุกเข่าลงอย่างไม่พูดไม่จา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+