บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 108 วิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 108 วิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์
แก่นเหล็กทมิฬแพงเกินไป ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ซื้อไม่ไหว
เสิ่นเทียนพูดตรงมาก ไม่ไว้หน้าฉินอวิ๋นตี๋แม้แต่น้อย ถือเป็นการแก้แค้นที่เจ้าเด็กฉินอวิ๋นตี๋ขายตนต่อหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย เหมือนขบคิดบางอย่าง
ก็ใช่ แก่นเหล็กทมิฬเป็นหนึ่งในวัสดุหลักของการหลอมสมบัติวิเศษระดับสูงสุดของผู้บำเพ็ญเซียน แก่นเหล็กทมิฬขนาดเท่านิ้วโป้งก็ขายได้ราคาสูงถึงสามพันศิลาวิญญาณ เรียกได้ว่าแพงอย่างยิ่ง
มองจากขนาดปืนหยินหยางพิฆาตอสูรในมือฉินอวิ๋นตี๋แล้ว ถ้าจะหลอมขึ้นด้วยแก่นเหล็กทมิฬทั้งหมดจริงๆ เกรงว่าถ้าไม่มีหลายแสนกระทั่งหนึ่งล้านศิลาวิญญาณ ก็อย่าหวังจะสร้างมันขึ้นมาได้เลย
แน่นอน ถ้าศึกษาปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬออกมาได้จริงๆ หลังจากนี้ก็สบายแล้ว
ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางยิงปืนครั้งเดียวแล้วพัง เอามาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ
เดิมทีมีอานุภาพกระจายและเปราะบาง เจ้าใช้อัสนีเทพหยินหยางเจาะเกราะสิบกว่าลูกหรือปืนพิฆาตอสูรครึ่งระดับสิบกว่ากระบอกก็สร้างอำนาจคุกคามให้ระดับแก่นพลังทองไม่ได้
แต่ถ้าเป็นปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬหลังปรับแก้ ยัดยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางสามถึงห้าแผ่น ยัดกระสุนเหล็กทมิฬทองคำอีกลูก
ต้นทุนก็จะประมาณร้อยแปดสิบศิลาวิญญาณ แต่กลับทะลวงปราการกฎแก่นพลังทองได้ ทำให้ผู้จริงแท้หนาวสั่น
สมบัติวิเศษชนิดนี้ไม่เหมาะจะให้ใช้ทั่วกัน แต่จัดสรรให้ศิษย์ฝ่ายในบางส่วนยืมใช้ได้
ถ้าแบบนั้น ในแดนลับพิเศษที่จำกัดขั้นพลังบางแห่ง ศิษย์เทพสวรรค์จะมีข้อได้เปรียบเหนือข้อพิพาทใดๆ ในการได้โชควาสนา
ถึงตอนนั้นจัดสรรปืนพิฆาตอสูรที่ลดทอนกำลังลงมาให้ศิษย์ฝ่ายนอก ศิษย์ฝ่ายในได้ปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬกับอัสนีเจาะเกราะ
กวาดล้างแดนลับใหญ่ต่างๆ โชควาสนาและทรัพย์สินที่ได้มาเช่นนี้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
เทียบกันแล้ว ศิลาวิญญาณล้านก้อนต่อหนึ่งกระบอกไม่ต้องเอ่ยถึงเลย
…….
นึกถึงตรงนี้แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “ไม่มีเงินไม่เป็นไร ฝ่ายเรามีศิลาวิญญาณ”
นักพรตชราที่อยู่ข้างๆ มุมปากกระตุกเล็กน้อย
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำเป็นไม่รู้สึกถึงความคับอกคับใจของนักพรตชรา “เทียนเอ๋อร์ พวกเจ้าวางมือไปจัดการได้เลย ขอแค่พวกเจ้าสร้างอัสนีหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรที่มีคุณภาพดีพอ ฝ่ายเราจะรับซื้อไว้ทั้งหมด
เรื่องราคาก็อย่าให้พวกเจ้าขาดทุนแล้วกัน แน่นอน พวกเจ้าต้องระวังว่าห้ามขายให้ฝ่ายศัตรูเราเด็ดขาด”
ต้องบอกว่าแม้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะตัดเจ็ดความรู้สึกหกความปรารถนาแล้ว แต่เวลาจัดการงานก็ยังค่อนข้างยุติธรรม
เมื่อเสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดังขึ้นกลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เสิ่นเทียนยังอดทำหน้าแปลกใจมิได้ เขาคิดว่าอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะให้เขามอบกรรมสิทธิ์เลย จากนั้นก็ไว้หน้าขอบคุณ!
ไม่นึกเลยว่าอาจารย์จะยึดมั่นในคุณธรรมเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะทำธุรกิจร่วมกับข้า
แน่นอน เสิ่นเทียนไม่สังเกตเห็นว่านักพรตชราที่อยู่อีกด้านของวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์เพียงใด
ถ้าเขาสังเกตเห็นละก็ บางทีเขาอาจจะเข้าใจอีกเจตนาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ตัดสินใจเช่นนี้
แน่นอน เสิ่นเทียนก็ไม่ใช่คนโง่ที่คนอื่นทำดีกับเขาแล้วจะไม่รู้จักดีชั่วเหยียบจมูกขึ้นหน้าอีกฝ่าย
ต้องรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนควบคุมทุกแห่งหนในแดนศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเจ้าผลิตยันต์อัสนีขายให้ฝ่ายเรา อาจารย์ก็จะไม่เอาผลประโยชน์อะไรเลย เจ้าเชื่อรึ
เหอะๆ อาจารย์ อย่ามามีคุณธรรมอาจารย์อะไรเลย ท่านไม่ให้ก็ถือว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย!
ตอนนี้ข้ายังเขียวไม่พอ ยังแกร่งไม่พอ ต้องพึ่งอาจารย์ทั้งหมด
ตอนนี้มีเงินเยอะกว่านี้ก็พึ่งพาได้รึ
รอดวงชะตาไร้พ่ายเมื่อไร จะเอาเงินเท่าไรก็ได้ไม่ใช่หรือ
……..
คิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพูดอย่างถูกต้องชอบธรรม “อาจารย์กล่าวเช่นนี้ไม่ถูกต้อง!”
น้ำเสียงเขาแน่วแน่ แลดูมีพลังโน้มน้าว นักพรตชรากับฉินอวิ๋นตี๋ได้ยินแล้วยังอึ้ง
แม้แต่สายฟ้าประกายเซียนที่คลุมเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังเหมือนตกใจจนสั่นไหว
เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูด “อาจารย์ ข้ากับอวิ๋นตี๋ศึกษายันต์ระเบิดอัสนีไม่ใช่เพื่อเงินทอง แต่เพื่อศิลปะการระเบิด เพื่อความฝันที่ให้แดนศักดิ์สิทธิ์รุ่งเรืองยิ่งขึ้น รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น”
ฉินอวิ๋นตี๋ข้างหลังพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ใช่ ศิษย์พี่พูดถูกเลย! เพื่อศิลปะ เพื่อความฝัน!
เสิ่นเทียนกล่าวต่อ “ดังคำกล่าวว่าแดนศักดิ์สิทธิ์คือบ้านข้า การพัฒนาต้องอาศัยทุกคน ข้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ข้ารักแดนศักดิ์สิทธิ์
ข้าภูมิใจ เพราะข้าคือคนเทพสวรรค์ ข้ากับศิษย์น้องไม่สนใจเงินทอง หวังแค่ได้ศึกษาวิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นหลังจากข้ากับศิษย์น้องหารือกันแล้ว จึงตัดสินใจมอบอัสนีหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรให้แดนศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ขอรับสิ่งใด หวังแค่แดนศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา พวกข้ายอมมอบวัยหนุ่มสาวให้เพื่อการนี้!”
ฉินอวิ๋นตี๋ได้ยินดังนั้นก็เลือดร้อนขึ้นมา ดวงตาตี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ข้าก็เช่นกัน!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สัมผัสได้ถึงความซื่อตรงจริงใจในคำพูดของเสิ่นเทียนกับฉินอวิ๋นตี๋ จนถึงกับตกตะลึงไปเลย
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเขาเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนกำลังกู่ร้องกับอารมณ์บางอย่าง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ชำเลืองตามองนักพรตชราช้างๆ แวบหนึ่งก่อนจะมองคนหนุ่มอีกสองคน “ดี ดีมาก ไม่นึกเลยว่าแม้เทียนเอ๋อร์กับอวิ๋นตี๋จะมีพลังบำเพ็ญไม่สูง แต่กลับมีปณิธานอุดมการณ์สูงส่งเช่นนี้
น่าซาบซึ้งใจ ข้าไม่ได้ซึ้งใจเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว พวกเจ้าทำดีมาก!”
เสิ่นเทียนกระแอมเบาๆ “เพียงแต่การวิจัยต้องใช้ศิลาวิญญาณจำนวนมาก คือว่า~”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์โบกมือกว้าง ก่อนจะพูดด้วยความองอาจ “พวกเจ้ามีใจซื่อสัตย์ต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์จะทำให้พวกเจ้าผิดหวังได้อย่างไรกัน
นับจากวันนี้ไปต้นทุนในการวิจัยอัสนีเทพหยินหยางของพวกเจ้า แดนศักดิ์สิทธิ์จะเป็นคนแบกรับเอาไว้ทั้งหมดเอง ส่วนอัสนีเทพหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรแบบลดกำลังลงที่พวกเจ้าผลิตมาจะเอามาขายให้ศิษย์ฝ่ายเราในนามแดนศักดิ์สิทธิ์ กำไรทั้งหมดหลังหักต้นทุนแล้วจะให้แดนศักดิ์สิทธิ์สามส่วน ที่เหลือเป็นของพวกเจ้า”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยจบ นักพรตชราที่อยู่ด้านข้างปากเบี้ยวแล้ว
เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ นี่ถือว่าสร้างทรัพย์สินจำนวนมากได้ทุกนาทีเลย
ศิษย์น้องรองซื่อบื้อขนาดนั้น ตัดเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนาแล้วไม่สนใจเงินทองอยู่แล้ว
ทว่าเขาฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง ไม่มีเงินก็อยู่ไม่ได้จริงๆ!
เหตุใดเจ้าหนูนี่ถึงร่ำรวยชั่วข้ามคืนเลยล่ะ!
เห็นๆ อยู่ว่าเขาก็ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงเช่นกัน!
เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์รับปาก เสิ่นเทียนก็พูดอย่างแน่วแน่ “อาจารย์ เรารับค่าต้นทุนวิจัยไว้ได้ แต่ไม่เอาส่วนแบ่งจริงๆ”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้าเด็กโง่ แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้เดียว แต่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์ทุกคน พวกเจ้าสร้างคุณูปการให้แดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ประกาศยกย่องต่อใต้หล้า นั่นจะไม่ทำให้ศิษย์ที่มีใจรักในแดนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ผิดหวังรึ เจ้าโง่!”
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก ได้ ข้าไม่เอาผลประโยชน์ก็ยังผิดหรือ
เขาพูดด้วยความจนปัญญา “ทว่าเจ็ดส่วนมันมากเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นให้ส่วนเดียวเถอะ!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างเฉยชา “หนึ่งส่วนไม่มีทาง แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เอาเปรียบเช่นนี้ อย่างน้อยต้องหกส่วน!”
“ถ้าไม่อย่างนั้นสองส่วนล่ะ?”
“ห้าส่วน นี่คือเส้นตาย!”
ร่างคนกลางสายฟ้าประกายเซียนสูงใหญ่และทรงพลัง
เสียงเขามีความน่าเกรงขามอย่างไม่ให้ใครมาสงสัย “นอกจากนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์จะส่งผู้อาวุโสที่ชำนาญการหลอมสร้างที่สุดมาช่วยพวกเจ้าศึกษาวิจัย ขณะเดียวกันจะได้ปกป้องความปลอดภัยให้พวกเจ้าด้วย”
เอ่ยจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลันแผ่จิตสัมผัสข้ามไปไกลหมื่นจั้ง พุ่งตรงไปยังยอดเขาวิญญาณสีทองทั้งลูก
“ศิษย์น้องหญิงจินเหลียน มาวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ด่วน”
……………………………………….……..
Comments
บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 108 วิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 108 วิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์
แก่นเหล็กทมิฬแพงเกินไป ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ซื้อไม่ไหว
เสิ่นเทียนพูดตรงมาก ไม่ไว้หน้าฉินอวิ๋นตี๋แม้แต่น้อย ถือเป็นการแก้แค้นที่เจ้าเด็กฉินอวิ๋นตี๋ขายตนต่อหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย เหมือนขบคิดบางอย่าง
ก็ใช่ แก่นเหล็กทมิฬเป็นหนึ่งในวัสดุหลักของการหลอมสมบัติวิเศษระดับสูงสุดของผู้บำเพ็ญเซียน แก่นเหล็กทมิฬขนาดเท่านิ้วโป้งก็ขายได้ราคาสูงถึงสามพันศิลาวิญญาณ เรียกได้ว่าแพงอย่างยิ่ง
มองจากขนาดปืนหยินหยางพิฆาตอสูรในมือฉินอวิ๋นตี๋แล้ว ถ้าจะหลอมขึ้นด้วยแก่นเหล็กทมิฬทั้งหมดจริงๆ เกรงว่าถ้าไม่มีหลายแสนกระทั่งหนึ่งล้านศิลาวิญญาณ ก็อย่าหวังจะสร้างมันขึ้นมาได้เลย
แน่นอน ถ้าศึกษาปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬออกมาได้จริงๆ หลังจากนี้ก็สบายแล้ว
ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางยิงปืนครั้งเดียวแล้วพัง เอามาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ
เดิมทีมีอานุภาพกระจายและเปราะบาง เจ้าใช้อัสนีเทพหยินหยางเจาะเกราะสิบกว่าลูกหรือปืนพิฆาตอสูรครึ่งระดับสิบกว่ากระบอกก็สร้างอำนาจคุกคามให้ระดับแก่นพลังทองไม่ได้
แต่ถ้าเป็นปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬหลังปรับแก้ ยัดยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางสามถึงห้าแผ่น ยัดกระสุนเหล็กทมิฬทองคำอีกลูก
ต้นทุนก็จะประมาณร้อยแปดสิบศิลาวิญญาณ แต่กลับทะลวงปราการกฎแก่นพลังทองได้ ทำให้ผู้จริงแท้หนาวสั่น
สมบัติวิเศษชนิดนี้ไม่เหมาะจะให้ใช้ทั่วกัน แต่จัดสรรให้ศิษย์ฝ่ายในบางส่วนยืมใช้ได้
ถ้าแบบนั้น ในแดนลับพิเศษที่จำกัดขั้นพลังบางแห่ง ศิษย์เทพสวรรค์จะมีข้อได้เปรียบเหนือข้อพิพาทใดๆ ในการได้โชควาสนา
ถึงตอนนั้นจัดสรรปืนพิฆาตอสูรที่ลดทอนกำลังลงมาให้ศิษย์ฝ่ายนอก ศิษย์ฝ่ายในได้ปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬกับอัสนีเจาะเกราะ
กวาดล้างแดนลับใหญ่ต่างๆ โชควาสนาและทรัพย์สินที่ได้มาเช่นนี้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
เทียบกันแล้ว ศิลาวิญญาณล้านก้อนต่อหนึ่งกระบอกไม่ต้องเอ่ยถึงเลย
…….
นึกถึงตรงนี้แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “ไม่มีเงินไม่เป็นไร ฝ่ายเรามีศิลาวิญญาณ”
นักพรตชราที่อยู่ข้างๆ มุมปากกระตุกเล็กน้อย
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำเป็นไม่รู้สึกถึงความคับอกคับใจของนักพรตชรา “เทียนเอ๋อร์ พวกเจ้าวางมือไปจัดการได้เลย ขอแค่พวกเจ้าสร้างอัสนีหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรที่มีคุณภาพดีพอ ฝ่ายเราจะรับซื้อไว้ทั้งหมด
เรื่องราคาก็อย่าให้พวกเจ้าขาดทุนแล้วกัน แน่นอน พวกเจ้าต้องระวังว่าห้ามขายให้ฝ่ายศัตรูเราเด็ดขาด”
ต้องบอกว่าแม้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะตัดเจ็ดความรู้สึกหกความปรารถนาแล้ว แต่เวลาจัดการงานก็ยังค่อนข้างยุติธรรม
เมื่อเสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดังขึ้นกลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เสิ่นเทียนยังอดทำหน้าแปลกใจมิได้ เขาคิดว่าอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะให้เขามอบกรรมสิทธิ์เลย จากนั้นก็ไว้หน้าขอบคุณ!
ไม่นึกเลยว่าอาจารย์จะยึดมั่นในคุณธรรมเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะทำธุรกิจร่วมกับข้า
แน่นอน เสิ่นเทียนไม่สังเกตเห็นว่านักพรตชราที่อยู่อีกด้านของวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์เพียงใด
ถ้าเขาสังเกตเห็นละก็ บางทีเขาอาจจะเข้าใจอีกเจตนาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ตัดสินใจเช่นนี้
แน่นอน เสิ่นเทียนก็ไม่ใช่คนโง่ที่คนอื่นทำดีกับเขาแล้วจะไม่รู้จักดีชั่วเหยียบจมูกขึ้นหน้าอีกฝ่าย
ต้องรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนควบคุมทุกแห่งหนในแดนศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเจ้าผลิตยันต์อัสนีขายให้ฝ่ายเรา อาจารย์ก็จะไม่เอาผลประโยชน์อะไรเลย เจ้าเชื่อรึ
เหอะๆ อาจารย์ อย่ามามีคุณธรรมอาจารย์อะไรเลย ท่านไม่ให้ก็ถือว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย!
ตอนนี้ข้ายังเขียวไม่พอ ยังแกร่งไม่พอ ต้องพึ่งอาจารย์ทั้งหมด
ตอนนี้มีเงินเยอะกว่านี้ก็พึ่งพาได้รึ
รอดวงชะตาไร้พ่ายเมื่อไร จะเอาเงินเท่าไรก็ได้ไม่ใช่หรือ
……..
คิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพูดอย่างถูกต้องชอบธรรม “อาจารย์กล่าวเช่นนี้ไม่ถูกต้อง!”
น้ำเสียงเขาแน่วแน่ แลดูมีพลังโน้มน้าว นักพรตชรากับฉินอวิ๋นตี๋ได้ยินแล้วยังอึ้ง
แม้แต่สายฟ้าประกายเซียนที่คลุมเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังเหมือนตกใจจนสั่นไหว
เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูด “อาจารย์ ข้ากับอวิ๋นตี๋ศึกษายันต์ระเบิดอัสนีไม่ใช่เพื่อเงินทอง แต่เพื่อศิลปะการระเบิด เพื่อความฝันที่ให้แดนศักดิ์สิทธิ์รุ่งเรืองยิ่งขึ้น รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น”
ฉินอวิ๋นตี๋ข้างหลังพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ใช่ ศิษย์พี่พูดถูกเลย! เพื่อศิลปะ เพื่อความฝัน!
เสิ่นเทียนกล่าวต่อ “ดังคำกล่าวว่าแดนศักดิ์สิทธิ์คือบ้านข้า การพัฒนาต้องอาศัยทุกคน ข้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ข้ารักแดนศักดิ์สิทธิ์
ข้าภูมิใจ เพราะข้าคือคนเทพสวรรค์ ข้ากับศิษย์น้องไม่สนใจเงินทอง หวังแค่ได้ศึกษาวิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นหลังจากข้ากับศิษย์น้องหารือกันแล้ว จึงตัดสินใจมอบอัสนีหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรให้แดนศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ขอรับสิ่งใด หวังแค่แดนศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา พวกข้ายอมมอบวัยหนุ่มสาวให้เพื่อการนี้!”
ฉินอวิ๋นตี๋ได้ยินดังนั้นก็เลือดร้อนขึ้นมา ดวงตาตี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ข้าก็เช่นกัน!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สัมผัสได้ถึงความซื่อตรงจริงใจในคำพูดของเสิ่นเทียนกับฉินอวิ๋นตี๋ จนถึงกับตกตะลึงไปเลย
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเขาเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนกำลังกู่ร้องกับอารมณ์บางอย่าง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ชำเลืองตามองนักพรตชราช้างๆ แวบหนึ่งก่อนจะมองคนหนุ่มอีกสองคน “ดี ดีมาก ไม่นึกเลยว่าแม้เทียนเอ๋อร์กับอวิ๋นตี๋จะมีพลังบำเพ็ญไม่สูง แต่กลับมีปณิธานอุดมการณ์สูงส่งเช่นนี้
น่าซาบซึ้งใจ ข้าไม่ได้ซึ้งใจเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว พวกเจ้าทำดีมาก!”
เสิ่นเทียนกระแอมเบาๆ “เพียงแต่การวิจัยต้องใช้ศิลาวิญญาณจำนวนมาก คือว่า~”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์โบกมือกว้าง ก่อนจะพูดด้วยความองอาจ “พวกเจ้ามีใจซื่อสัตย์ต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์จะทำให้พวกเจ้าผิดหวังได้อย่างไรกัน
นับจากวันนี้ไปต้นทุนในการวิจัยอัสนีเทพหยินหยางของพวกเจ้า แดนศักดิ์สิทธิ์จะเป็นคนแบกรับเอาไว้ทั้งหมดเอง ส่วนอัสนีเทพหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรแบบลดกำลังลงที่พวกเจ้าผลิตมาจะเอามาขายให้ศิษย์ฝ่ายเราในนามแดนศักดิ์สิทธิ์ กำไรทั้งหมดหลังหักต้นทุนแล้วจะให้แดนศักดิ์สิทธิ์สามส่วน ที่เหลือเป็นของพวกเจ้า”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยจบ นักพรตชราที่อยู่ด้านข้างปากเบี้ยวแล้ว
เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ นี่ถือว่าสร้างทรัพย์สินจำนวนมากได้ทุกนาทีเลย
ศิษย์น้องรองซื่อบื้อขนาดนั้น ตัดเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนาแล้วไม่สนใจเงินทองอยู่แล้ว
ทว่าเขาฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง ไม่มีเงินก็อยู่ไม่ได้จริงๆ!
เหตุใดเจ้าหนูนี่ถึงร่ำรวยชั่วข้ามคืนเลยล่ะ!
เห็นๆ อยู่ว่าเขาก็ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงเช่นกัน!
เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์รับปาก เสิ่นเทียนก็พูดอย่างแน่วแน่ “อาจารย์ เรารับค่าต้นทุนวิจัยไว้ได้ แต่ไม่เอาส่วนแบ่งจริงๆ”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้าเด็กโง่ แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้เดียว แต่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์ทุกคน พวกเจ้าสร้างคุณูปการให้แดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ประกาศยกย่องต่อใต้หล้า นั่นจะไม่ทำให้ศิษย์ที่มีใจรักในแดนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ผิดหวังรึ เจ้าโง่!”
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก ได้ ข้าไม่เอาผลประโยชน์ก็ยังผิดหรือ
เขาพูดด้วยความจนปัญญา “ทว่าเจ็ดส่วนมันมากเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นให้ส่วนเดียวเถอะ!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างเฉยชา “หนึ่งส่วนไม่มีทาง แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เอาเปรียบเช่นนี้ อย่างน้อยต้องหกส่วน!”
“ถ้าไม่อย่างนั้นสองส่วนล่ะ?”
“ห้าส่วน นี่คือเส้นตาย!”
ร่างคนกลางสายฟ้าประกายเซียนสูงใหญ่และทรงพลัง
เสียงเขามีความน่าเกรงขามอย่างไม่ให้ใครมาสงสัย “นอกจากนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์จะส่งผู้อาวุโสที่ชำนาญการหลอมสร้างที่สุดมาช่วยพวกเจ้าศึกษาวิจัย ขณะเดียวกันจะได้ปกป้องความปลอดภัยให้พวกเจ้าด้วย”
เอ่ยจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลันแผ่จิตสัมผัสข้ามไปไกลหมื่นจั้ง พุ่งตรงไปยังยอดเขาวิญญาณสีทองทั้งลูก
“ศิษย์น้องหญิงจินเหลียน มาวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ด่วน”
……………………………………….……..
Comments
บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 108 วิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 108 วิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์
แก่นเหล็กทมิฬแพงเกินไป ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ซื้อไม่ไหว
เสิ่นเทียนพูดตรงมาก ไม่ไว้หน้าฉินอวิ๋นตี๋แม้แต่น้อย ถือเป็นการแก้แค้นที่เจ้าเด็กฉินอวิ๋นตี๋ขายตนต่อหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย เหมือนขบคิดบางอย่าง
ก็ใช่ แก่นเหล็กทมิฬเป็นหนึ่งในวัสดุหลักของการหลอมสมบัติวิเศษระดับสูงสุดของผู้บำเพ็ญเซียน แก่นเหล็กทมิฬขนาดเท่านิ้วโป้งก็ขายได้ราคาสูงถึงสามพันศิลาวิญญาณ เรียกได้ว่าแพงอย่างยิ่ง
มองจากขนาดปืนหยินหยางพิฆาตอสูรในมือฉินอวิ๋นตี๋แล้ว ถ้าจะหลอมขึ้นด้วยแก่นเหล็กทมิฬทั้งหมดจริงๆ เกรงว่าถ้าไม่มีหลายแสนกระทั่งหนึ่งล้านศิลาวิญญาณ ก็อย่าหวังจะสร้างมันขึ้นมาได้เลย
แน่นอน ถ้าศึกษาปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬออกมาได้จริงๆ หลังจากนี้ก็สบายแล้ว
ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางยิงปืนครั้งเดียวแล้วพัง เอามาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ
เดิมทีมีอานุภาพกระจายและเปราะบาง เจ้าใช้อัสนีเทพหยินหยางเจาะเกราะสิบกว่าลูกหรือปืนพิฆาตอสูรครึ่งระดับสิบกว่ากระบอกก็สร้างอำนาจคุกคามให้ระดับแก่นพลังทองไม่ได้
แต่ถ้าเป็นปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬหลังปรับแก้ ยัดยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางสามถึงห้าแผ่น ยัดกระสุนเหล็กทมิฬทองคำอีกลูก
ต้นทุนก็จะประมาณร้อยแปดสิบศิลาวิญญาณ แต่กลับทะลวงปราการกฎแก่นพลังทองได้ ทำให้ผู้จริงแท้หนาวสั่น
สมบัติวิเศษชนิดนี้ไม่เหมาะจะให้ใช้ทั่วกัน แต่จัดสรรให้ศิษย์ฝ่ายในบางส่วนยืมใช้ได้
ถ้าแบบนั้น ในแดนลับพิเศษที่จำกัดขั้นพลังบางแห่ง ศิษย์เทพสวรรค์จะมีข้อได้เปรียบเหนือข้อพิพาทใดๆ ในการได้โชควาสนา
ถึงตอนนั้นจัดสรรปืนพิฆาตอสูรที่ลดทอนกำลังลงมาให้ศิษย์ฝ่ายนอก ศิษย์ฝ่ายในได้ปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬกับอัสนีเจาะเกราะ
กวาดล้างแดนลับใหญ่ต่างๆ โชควาสนาและทรัพย์สินที่ได้มาเช่นนี้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
เทียบกันแล้ว ศิลาวิญญาณล้านก้อนต่อหนึ่งกระบอกไม่ต้องเอ่ยถึงเลย
…….
นึกถึงตรงนี้แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “ไม่มีเงินไม่เป็นไร ฝ่ายเรามีศิลาวิญญาณ”
นักพรตชราที่อยู่ข้างๆ มุมปากกระตุกเล็กน้อย
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำเป็นไม่รู้สึกถึงความคับอกคับใจของนักพรตชรา “เทียนเอ๋อร์ พวกเจ้าวางมือไปจัดการได้เลย ขอแค่พวกเจ้าสร้างอัสนีหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรที่มีคุณภาพดีพอ ฝ่ายเราจะรับซื้อไว้ทั้งหมด
เรื่องราคาก็อย่าให้พวกเจ้าขาดทุนแล้วกัน แน่นอน พวกเจ้าต้องระวังว่าห้ามขายให้ฝ่ายศัตรูเราเด็ดขาด”
ต้องบอกว่าแม้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะตัดเจ็ดความรู้สึกหกความปรารถนาแล้ว แต่เวลาจัดการงานก็ยังค่อนข้างยุติธรรม
เมื่อเสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดังขึ้นกลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เสิ่นเทียนยังอดทำหน้าแปลกใจมิได้ เขาคิดว่าอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะให้เขามอบกรรมสิทธิ์เลย จากนั้นก็ไว้หน้าขอบคุณ!
ไม่นึกเลยว่าอาจารย์จะยึดมั่นในคุณธรรมเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะทำธุรกิจร่วมกับข้า
แน่นอน เสิ่นเทียนไม่สังเกตเห็นว่านักพรตชราที่อยู่อีกด้านของวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์เพียงใด
ถ้าเขาสังเกตเห็นละก็ บางทีเขาอาจจะเข้าใจอีกเจตนาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ตัดสินใจเช่นนี้
แน่นอน เสิ่นเทียนก็ไม่ใช่คนโง่ที่คนอื่นทำดีกับเขาแล้วจะไม่รู้จักดีชั่วเหยียบจมูกขึ้นหน้าอีกฝ่าย
ต้องรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนควบคุมทุกแห่งหนในแดนศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเจ้าผลิตยันต์อัสนีขายให้ฝ่ายเรา อาจารย์ก็จะไม่เอาผลประโยชน์อะไรเลย เจ้าเชื่อรึ
เหอะๆ อาจารย์ อย่ามามีคุณธรรมอาจารย์อะไรเลย ท่านไม่ให้ก็ถือว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย!
ตอนนี้ข้ายังเขียวไม่พอ ยังแกร่งไม่พอ ต้องพึ่งอาจารย์ทั้งหมด
ตอนนี้มีเงินเยอะกว่านี้ก็พึ่งพาได้รึ
รอดวงชะตาไร้พ่ายเมื่อไร จะเอาเงินเท่าไรก็ได้ไม่ใช่หรือ
……..
คิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพูดอย่างถูกต้องชอบธรรม “อาจารย์กล่าวเช่นนี้ไม่ถูกต้อง!”
น้ำเสียงเขาแน่วแน่ แลดูมีพลังโน้มน้าว นักพรตชรากับฉินอวิ๋นตี๋ได้ยินแล้วยังอึ้ง
แม้แต่สายฟ้าประกายเซียนที่คลุมเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังเหมือนตกใจจนสั่นไหว
เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูด “อาจารย์ ข้ากับอวิ๋นตี๋ศึกษายันต์ระเบิดอัสนีไม่ใช่เพื่อเงินทอง แต่เพื่อศิลปะการระเบิด เพื่อความฝันที่ให้แดนศักดิ์สิทธิ์รุ่งเรืองยิ่งขึ้น รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น”
ฉินอวิ๋นตี๋ข้างหลังพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ใช่ ศิษย์พี่พูดถูกเลย! เพื่อศิลปะ เพื่อความฝัน!
เสิ่นเทียนกล่าวต่อ “ดังคำกล่าวว่าแดนศักดิ์สิทธิ์คือบ้านข้า การพัฒนาต้องอาศัยทุกคน ข้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ข้ารักแดนศักดิ์สิทธิ์
ข้าภูมิใจ เพราะข้าคือคนเทพสวรรค์ ข้ากับศิษย์น้องไม่สนใจเงินทอง หวังแค่ได้ศึกษาวิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นหลังจากข้ากับศิษย์น้องหารือกันแล้ว จึงตัดสินใจมอบอัสนีหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรให้แดนศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ขอรับสิ่งใด หวังแค่แดนศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา พวกข้ายอมมอบวัยหนุ่มสาวให้เพื่อการนี้!”
ฉินอวิ๋นตี๋ได้ยินดังนั้นก็เลือดร้อนขึ้นมา ดวงตาตี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ข้าก็เช่นกัน!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สัมผัสได้ถึงความซื่อตรงจริงใจในคำพูดของเสิ่นเทียนกับฉินอวิ๋นตี๋ จนถึงกับตกตะลึงไปเลย
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเขาเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนกำลังกู่ร้องกับอารมณ์บางอย่าง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ชำเลืองตามองนักพรตชราช้างๆ แวบหนึ่งก่อนจะมองคนหนุ่มอีกสองคน “ดี ดีมาก ไม่นึกเลยว่าแม้เทียนเอ๋อร์กับอวิ๋นตี๋จะมีพลังบำเพ็ญไม่สูง แต่กลับมีปณิธานอุดมการณ์สูงส่งเช่นนี้
น่าซาบซึ้งใจ ข้าไม่ได้ซึ้งใจเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว พวกเจ้าทำดีมาก!”
เสิ่นเทียนกระแอมเบาๆ “เพียงแต่การวิจัยต้องใช้ศิลาวิญญาณจำนวนมาก คือว่า~”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์โบกมือกว้าง ก่อนจะพูดด้วยความองอาจ “พวกเจ้ามีใจซื่อสัตย์ต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์จะทำให้พวกเจ้าผิดหวังได้อย่างไรกัน
นับจากวันนี้ไปต้นทุนในการวิจัยอัสนีเทพหยินหยางของพวกเจ้า แดนศักดิ์สิทธิ์จะเป็นคนแบกรับเอาไว้ทั้งหมดเอง ส่วนอัสนีเทพหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรแบบลดกำลังลงที่พวกเจ้าผลิตมาจะเอามาขายให้ศิษย์ฝ่ายเราในนามแดนศักดิ์สิทธิ์ กำไรทั้งหมดหลังหักต้นทุนแล้วจะให้แดนศักดิ์สิทธิ์สามส่วน ที่เหลือเป็นของพวกเจ้า”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยจบ นักพรตชราที่อยู่ด้านข้างปากเบี้ยวแล้ว
เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ นี่ถือว่าสร้างทรัพย์สินจำนวนมากได้ทุกนาทีเลย
ศิษย์น้องรองซื่อบื้อขนาดนั้น ตัดเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนาแล้วไม่สนใจเงินทองอยู่แล้ว
ทว่าเขาฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง ไม่มีเงินก็อยู่ไม่ได้จริงๆ!
เหตุใดเจ้าหนูนี่ถึงร่ำรวยชั่วข้ามคืนเลยล่ะ!
เห็นๆ อยู่ว่าเขาก็ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงเช่นกัน!
เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์รับปาก เสิ่นเทียนก็พูดอย่างแน่วแน่ “อาจารย์ เรารับค่าต้นทุนวิจัยไว้ได้ แต่ไม่เอาส่วนแบ่งจริงๆ”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้าเด็กโง่ แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้เดียว แต่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์ทุกคน พวกเจ้าสร้างคุณูปการให้แดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ประกาศยกย่องต่อใต้หล้า นั่นจะไม่ทำให้ศิษย์ที่มีใจรักในแดนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ผิดหวังรึ เจ้าโง่!”
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก ได้ ข้าไม่เอาผลประโยชน์ก็ยังผิดหรือ
เขาพูดด้วยความจนปัญญา “ทว่าเจ็ดส่วนมันมากเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นให้ส่วนเดียวเถอะ!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างเฉยชา “หนึ่งส่วนไม่มีทาง แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เอาเปรียบเช่นนี้ อย่างน้อยต้องหกส่วน!”
“ถ้าไม่อย่างนั้นสองส่วนล่ะ?”
“ห้าส่วน นี่คือเส้นตาย!”
ร่างคนกลางสายฟ้าประกายเซียนสูงใหญ่และทรงพลัง
เสียงเขามีความน่าเกรงขามอย่างไม่ให้ใครมาสงสัย “นอกจากนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์จะส่งผู้อาวุโสที่ชำนาญการหลอมสร้างที่สุดมาช่วยพวกเจ้าศึกษาวิจัย ขณะเดียวกันจะได้ปกป้องความปลอดภัยให้พวกเจ้าด้วย”
เอ่ยจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลันแผ่จิตสัมผัสข้ามไปไกลหมื่นจั้ง พุ่งตรงไปยังยอดเขาวิญญาณสีทองทั้งลูก
“ศิษย์น้องหญิงจินเหลียน มาวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ด่วน”
……………………………………….……..
Comments
บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 108 วิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 108 วิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์
แก่นเหล็กทมิฬแพงเกินไป ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ซื้อไม่ไหว
เสิ่นเทียนพูดตรงมาก ไม่ไว้หน้าฉินอวิ๋นตี๋แม้แต่น้อย ถือเป็นการแก้แค้นที่เจ้าเด็กฉินอวิ๋นตี๋ขายตนต่อหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย เหมือนขบคิดบางอย่าง
ก็ใช่ แก่นเหล็กทมิฬเป็นหนึ่งในวัสดุหลักของการหลอมสมบัติวิเศษระดับสูงสุดของผู้บำเพ็ญเซียน แก่นเหล็กทมิฬขนาดเท่านิ้วโป้งก็ขายได้ราคาสูงถึงสามพันศิลาวิญญาณ เรียกได้ว่าแพงอย่างยิ่ง
มองจากขนาดปืนหยินหยางพิฆาตอสูรในมือฉินอวิ๋นตี๋แล้ว ถ้าจะหลอมขึ้นด้วยแก่นเหล็กทมิฬทั้งหมดจริงๆ เกรงว่าถ้าไม่มีหลายแสนกระทั่งหนึ่งล้านศิลาวิญญาณ ก็อย่าหวังจะสร้างมันขึ้นมาได้เลย
แน่นอน ถ้าศึกษาปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬออกมาได้จริงๆ หลังจากนี้ก็สบายแล้ว
ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางยิงปืนครั้งเดียวแล้วพัง เอามาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ
เดิมทีมีอานุภาพกระจายและเปราะบาง เจ้าใช้อัสนีเทพหยินหยางเจาะเกราะสิบกว่าลูกหรือปืนพิฆาตอสูรครึ่งระดับสิบกว่ากระบอกก็สร้างอำนาจคุกคามให้ระดับแก่นพลังทองไม่ได้
แต่ถ้าเป็นปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬหลังปรับแก้ ยัดยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางสามถึงห้าแผ่น ยัดกระสุนเหล็กทมิฬทองคำอีกลูก
ต้นทุนก็จะประมาณร้อยแปดสิบศิลาวิญญาณ แต่กลับทะลวงปราการกฎแก่นพลังทองได้ ทำให้ผู้จริงแท้หนาวสั่น
สมบัติวิเศษชนิดนี้ไม่เหมาะจะให้ใช้ทั่วกัน แต่จัดสรรให้ศิษย์ฝ่ายในบางส่วนยืมใช้ได้
ถ้าแบบนั้น ในแดนลับพิเศษที่จำกัดขั้นพลังบางแห่ง ศิษย์เทพสวรรค์จะมีข้อได้เปรียบเหนือข้อพิพาทใดๆ ในการได้โชควาสนา
ถึงตอนนั้นจัดสรรปืนพิฆาตอสูรที่ลดทอนกำลังลงมาให้ศิษย์ฝ่ายนอก ศิษย์ฝ่ายในได้ปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬกับอัสนีเจาะเกราะ
กวาดล้างแดนลับใหญ่ต่างๆ โชควาสนาและทรัพย์สินที่ได้มาเช่นนี้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
เทียบกันแล้ว ศิลาวิญญาณล้านก้อนต่อหนึ่งกระบอกไม่ต้องเอ่ยถึงเลย
…….
นึกถึงตรงนี้แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “ไม่มีเงินไม่เป็นไร ฝ่ายเรามีศิลาวิญญาณ”
นักพรตชราที่อยู่ข้างๆ มุมปากกระตุกเล็กน้อย
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำเป็นไม่รู้สึกถึงความคับอกคับใจของนักพรตชรา “เทียนเอ๋อร์ พวกเจ้าวางมือไปจัดการได้เลย ขอแค่พวกเจ้าสร้างอัสนีหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรที่มีคุณภาพดีพอ ฝ่ายเราจะรับซื้อไว้ทั้งหมด
เรื่องราคาก็อย่าให้พวกเจ้าขาดทุนแล้วกัน แน่นอน พวกเจ้าต้องระวังว่าห้ามขายให้ฝ่ายศัตรูเราเด็ดขาด”
ต้องบอกว่าแม้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะตัดเจ็ดความรู้สึกหกความปรารถนาแล้ว แต่เวลาจัดการงานก็ยังค่อนข้างยุติธรรม
เมื่อเสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดังขึ้นกลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เสิ่นเทียนยังอดทำหน้าแปลกใจมิได้ เขาคิดว่าอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะให้เขามอบกรรมสิทธิ์เลย จากนั้นก็ไว้หน้าขอบคุณ!
ไม่นึกเลยว่าอาจารย์จะยึดมั่นในคุณธรรมเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะทำธุรกิจร่วมกับข้า
แน่นอน เสิ่นเทียนไม่สังเกตเห็นว่านักพรตชราที่อยู่อีกด้านของวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์เพียงใด
ถ้าเขาสังเกตเห็นละก็ บางทีเขาอาจจะเข้าใจอีกเจตนาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ตัดสินใจเช่นนี้
แน่นอน เสิ่นเทียนก็ไม่ใช่คนโง่ที่คนอื่นทำดีกับเขาแล้วจะไม่รู้จักดีชั่วเหยียบจมูกขึ้นหน้าอีกฝ่าย
ต้องรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนควบคุมทุกแห่งหนในแดนศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเจ้าผลิตยันต์อัสนีขายให้ฝ่ายเรา อาจารย์ก็จะไม่เอาผลประโยชน์อะไรเลย เจ้าเชื่อรึ
เหอะๆ อาจารย์ อย่ามามีคุณธรรมอาจารย์อะไรเลย ท่านไม่ให้ก็ถือว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย!
ตอนนี้ข้ายังเขียวไม่พอ ยังแกร่งไม่พอ ต้องพึ่งอาจารย์ทั้งหมด
ตอนนี้มีเงินเยอะกว่านี้ก็พึ่งพาได้รึ
รอดวงชะตาไร้พ่ายเมื่อไร จะเอาเงินเท่าไรก็ได้ไม่ใช่หรือ
……..
คิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพูดอย่างถูกต้องชอบธรรม “อาจารย์กล่าวเช่นนี้ไม่ถูกต้อง!”
น้ำเสียงเขาแน่วแน่ แลดูมีพลังโน้มน้าว นักพรตชรากับฉินอวิ๋นตี๋ได้ยินแล้วยังอึ้ง
แม้แต่สายฟ้าประกายเซียนที่คลุมเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังเหมือนตกใจจนสั่นไหว
เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูด “อาจารย์ ข้ากับอวิ๋นตี๋ศึกษายันต์ระเบิดอัสนีไม่ใช่เพื่อเงินทอง แต่เพื่อศิลปะการระเบิด เพื่อความฝันที่ให้แดนศักดิ์สิทธิ์รุ่งเรืองยิ่งขึ้น รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น”
ฉินอวิ๋นตี๋ข้างหลังพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ใช่ ศิษย์พี่พูดถูกเลย! เพื่อศิลปะ เพื่อความฝัน!
เสิ่นเทียนกล่าวต่อ “ดังคำกล่าวว่าแดนศักดิ์สิทธิ์คือบ้านข้า การพัฒนาต้องอาศัยทุกคน ข้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ข้ารักแดนศักดิ์สิทธิ์
ข้าภูมิใจ เพราะข้าคือคนเทพสวรรค์ ข้ากับศิษย์น้องไม่สนใจเงินทอง หวังแค่ได้ศึกษาวิจัยเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นหลังจากข้ากับศิษย์น้องหารือกันแล้ว จึงตัดสินใจมอบอัสนีหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรให้แดนศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ขอรับสิ่งใด หวังแค่แดนศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา พวกข้ายอมมอบวัยหนุ่มสาวให้เพื่อการนี้!”
ฉินอวิ๋นตี๋ได้ยินดังนั้นก็เลือดร้อนขึ้นมา ดวงตาตี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ข้าก็เช่นกัน!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สัมผัสได้ถึงความซื่อตรงจริงใจในคำพูดของเสิ่นเทียนกับฉินอวิ๋นตี๋ จนถึงกับตกตะลึงไปเลย
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเขาเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนกำลังกู่ร้องกับอารมณ์บางอย่าง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ชำเลืองตามองนักพรตชราช้างๆ แวบหนึ่งก่อนจะมองคนหนุ่มอีกสองคน “ดี ดีมาก ไม่นึกเลยว่าแม้เทียนเอ๋อร์กับอวิ๋นตี๋จะมีพลังบำเพ็ญไม่สูง แต่กลับมีปณิธานอุดมการณ์สูงส่งเช่นนี้
น่าซาบซึ้งใจ ข้าไม่ได้ซึ้งใจเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว พวกเจ้าทำดีมาก!”
เสิ่นเทียนกระแอมเบาๆ “เพียงแต่การวิจัยต้องใช้ศิลาวิญญาณจำนวนมาก คือว่า~”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์โบกมือกว้าง ก่อนจะพูดด้วยความองอาจ “พวกเจ้ามีใจซื่อสัตย์ต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์จะทำให้พวกเจ้าผิดหวังได้อย่างไรกัน
นับจากวันนี้ไปต้นทุนในการวิจัยอัสนีเทพหยินหยางของพวกเจ้า แดนศักดิ์สิทธิ์จะเป็นคนแบกรับเอาไว้ทั้งหมดเอง ส่วนอัสนีเทพหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรแบบลดกำลังลงที่พวกเจ้าผลิตมาจะเอามาขายให้ศิษย์ฝ่ายเราในนามแดนศักดิ์สิทธิ์ กำไรทั้งหมดหลังหักต้นทุนแล้วจะให้แดนศักดิ์สิทธิ์สามส่วน ที่เหลือเป็นของพวกเจ้า”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยจบ นักพรตชราที่อยู่ด้านข้างปากเบี้ยวแล้ว
เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ นี่ถือว่าสร้างทรัพย์สินจำนวนมากได้ทุกนาทีเลย
ศิษย์น้องรองซื่อบื้อขนาดนั้น ตัดเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนาแล้วไม่สนใจเงินทองอยู่แล้ว
ทว่าเขาฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง ไม่มีเงินก็อยู่ไม่ได้จริงๆ!
เหตุใดเจ้าหนูนี่ถึงร่ำรวยชั่วข้ามคืนเลยล่ะ!
เห็นๆ อยู่ว่าเขาก็ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงเช่นกัน!
เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์รับปาก เสิ่นเทียนก็พูดอย่างแน่วแน่ “อาจารย์ เรารับค่าต้นทุนวิจัยไว้ได้ แต่ไม่เอาส่วนแบ่งจริงๆ”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้าเด็กโง่ แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้เดียว แต่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์ทุกคน พวกเจ้าสร้างคุณูปการให้แดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ประกาศยกย่องต่อใต้หล้า นั่นจะไม่ทำให้ศิษย์ที่มีใจรักในแดนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ผิดหวังรึ เจ้าโง่!”
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก ได้ ข้าไม่เอาผลประโยชน์ก็ยังผิดหรือ
เขาพูดด้วยความจนปัญญา “ทว่าเจ็ดส่วนมันมากเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นให้ส่วนเดียวเถอะ!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างเฉยชา “หนึ่งส่วนไม่มีทาง แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เอาเปรียบเช่นนี้ อย่างน้อยต้องหกส่วน!”
“ถ้าไม่อย่างนั้นสองส่วนล่ะ?”
“ห้าส่วน นี่คือเส้นตาย!”
ร่างคนกลางสายฟ้าประกายเซียนสูงใหญ่และทรงพลัง
เสียงเขามีความน่าเกรงขามอย่างไม่ให้ใครมาสงสัย “นอกจากนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์จะส่งผู้อาวุโสที่ชำนาญการหลอมสร้างที่สุดมาช่วยพวกเจ้าศึกษาวิจัย ขณะเดียวกันจะได้ปกป้องความปลอดภัยให้พวกเจ้าด้วย”
เอ่ยจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลันแผ่จิตสัมผัสข้ามไปไกลหมื่นจั้ง พุ่งตรงไปยังยอดเขาวิญญาณสีทองทั้งลูก
“ศิษย์น้องหญิงจินเหลียน มาวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ด่วน”
……………………………………….……..
Comments
Pengaturan Membaca
The quick brown fox jumps over the lazy dog
Background :
Font :
Size :