คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 287 ไลฟ์สด เปิดเผยความลับเอง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 287 ไลฟ์สด เปิดเผยความลับเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอนักเรียนหญิงพูดแบบนี้ออกมา สายตาของคนในห้องก็ไปรวมอยู่ที่จุดเดียว

เจือไปด้วยความสงสัยและอยากรู้

ช่วงหนึ่งเดือนกว่าที่ขึ้นมอหกอย่างเป็นทางการมานี้ พวกเขาจำลองการสอบไปสามครั้งแล้ว ผลคะแนนของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็โดดเด่นจริงๆ

ต่อให้จงจือหว่านยังอยู่ก็สู้อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ได้

ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจิน ตำแหน่งที่หนึ่งของชั้นปีคงมีแค่อิ๋งเย่ว์เซวียนเท่านั้น

เพียงแต่ไปเรียนที่ยุโรปมาแค่หนึ่งปี ผลการเรียนของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็พัฒนาขึ้นมากขนาดนี้ พวกนักเรียนในคลาสเด็กอัจฉริยะต่างคาดไม่ถึง

“จะเป็นไปได้อย่างไร” อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง เม้มริมฝีปากพลางส่ายหน้า “ฉันจะเป็นที่หนึ่งได้อย่างถึงฉันจะซ่อนชื่อผู้ใช้งาน แต่ตอนนี้ฉันอยู่แค่อันดับที่ร้อยสิบสองของชาร์ตรวม”

ขณะพูดเธอก็โชว์หน้าจอให้ดูอย่างใจกว้าง

เพื่อนในห้องต่างเข้ามามุงดู แล้วก็พบว่าเป็นแบบนั้นจริง

อันดับที่ หนึ่งร้อยสิบสอง : ชื่อผู้ใช้งานถูกซ่อน จีน สี่ร้อยเจ็ดสิบแปด คะแนน

คะแนนรอบคัดเลือกของไอเอสซีขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ยี่สิบอันดับแรกคะแนนเกินสองพันไปแล้ว แต่อันดับที่ยี่สิบเอ็ดกลับมีแค่หนึ่งพันห้าร้อยแปดคะแนน

อันดับหนึ่งร้อยได้เก้าร้อยเก้าสิบหกคะแนน

อิ๋งเย่ว์เซวียนห่างกับอันดับที่หนึ่งร้อยอยู่สี่ร้อยกว่าคะแนน

ความยากของไอเอสซีไม่ได้อยู่ที่ความพิสดารของโจทย์

ไม่ว่าจะเป็นโจทย์ปกติหรือโจทย์เสริม สำหรับเด็กคลาสอัจฉริยะแล้วยังยากไม่เท่าการจำลองการสอบหนึ่งครั้ง

แต่ขอบเขตเนื้อหาของไอเอสซีกว้างเกินไป แถมโจทย์เสริมยังจำกัดเวลา

พอเนื้อหาอยู่นอกเหนือจากเก้าวิชาที่เรียนในมัธยมปลาย บรรดาผู้เข้าร่วมก็จนปัญญา

หลังจากที่เห็นอันดับของอิ๋งเย่ว์เซวียน กรรมการนักเรียนก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไรแล้ว แต่ก็ยังคงเอ่ยชม

“เย่ว์เซวียน เธอก็เก่งเหมือนกัน ชาร์ตรวมเราอยู่แค่อันดับสี่ร้อยแปดเอง ดูท่าในชิงจื้ออันดับของเธอจะสูงที่สุดแล้ว”

อย่างไรเสียคนที่เข้าร่วมก็เป็นนักเรียนมัธยมปลายจากทั่วโลก ชิงจื้ออยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศจีนก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีศักยภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติเท่าไรนัก

“ดูเหมือนรอบตัดสินระดับนานาชาติจะเอาทั้งหมดหกร้อยคนนะ” นักเรียนหญิงร่วมโต๊ะพูดขึ้น

“เสี่ยวเซวียน เธอเข้ารอบสุดท้ายแน่นอนแล้วนะไม่แน่พอถึงตอนนั้นอาจถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกับอิ๋งจื่อจิน สร้างชื่อให้ชิงจื้อของพวกเรา”

พอได้ยินชื่อนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เธอจับโทรศัพท์มือถือแน่น ก้มหน้าทำโจทย์ต่อ

“จะว่าไปอิ๋งจื่อจินกลับมาจากตี้ตูแล้วนะ” กรรมการนักเรียนพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ห้องสิบเก้าเหมือนบ้าไปแล้วเลย ทำไมตอนนั้นพวกเราถึงไม่สังเกตเห็นเลยนะว่าเธอเรียนเก่งขนาดนี้”

คำพูดนี้ทำให้หลายคนที่อยู่ในห้องเงียบลงทันที

นับตั้งแต่มีการตั้งคลาสเด็กอัจฉริยะในชิงจื้อเป็นต้นมา ที่หนึ่งของชั้นปีก็เป็นนักเรียนในคลาสเด็กอัจฉริยะมาตลอด

แต่รุ่นของพวกเขาเป็นเพียงรุ่นเดียวที่ยกเว้น

ตอนที่อิ๋งจื่อจินยังอยู่คลาสเด็กอัจฉริยะ คนส่วนใหญ่มีท่าทีเย็นชากับเธอ

ลู่ฟั่งกับอิงเฟยเฟยคอยพูดเสียดสีอยู่ตลอด ทั้งยังวางแผนกลั่นแกล้ง

ไม่ว่าจะเป็นในด้านคำพูดหรือการกระทำ พวกเขาล้วนเป็นหนึ่งในคนที่ใช้ความรุนแรงกับอิ๋งจื่อจินภายในโรงเรียน

แต่พออิ๋งจื่อจินย้ายไปอยู่ห้องสิบเก้าทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

โดยเฉพาะพวกนักเรียนชายที่เคยพูดจาเหน็บแนมมาตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังแทบเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี

ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยนึกเสียใจ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว

อิ๋งเย่ว์เซวียนยิ่งฟัง ความหงุดหงิดภายในใจก็ยิ่งก่อตัว

สายตาที่เดิมทีมารวมอยู่ที่ตัวเธอหมดได้เบนไปหาอิ๋งจื่อจินโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้ไม่ว่าเธออยู่ที่ไหนก็จะได้ยินคนพูดว่าอิ๋งจื่อจินเรียนเก่งอย่างนั้น ศิลปะก็เก่งอย่างนี้

ไม่มีที่ให้แทรก

อิ๋งเย่ว์เซวียนค่อยๆ สูดลมหายใจเข้า ลุกขึ้นเดินออกจากที่นั่ง

“เสี่ยวเซวียน?” นักเรียนหญิงร่วมโต๊ะเห็นเธอเดินออกไปก็เลยถาม “จะไปไหนเหรอ”

“ฉันมีโจทย์ภาษาอังกฤษที่สงสัย” อิ๋งเย่ว์เซวียนตอบ “จะไปถามอาจารย์เติ้งหน่อย”

เวลานี้ภายในห้องพักครูหมวดภาษาอังกฤษ

อาจารย์เติ้งเรียกอิ๋งจื่อจินมา เธอดีใจมาก ถามเรื่องสุขภาพก่อน

อาจารย์เติ้งอดถอนหายใจไม่ได้ “ตอนนั้นอาจารย์เห็นแววเธอ นึกไม่ถึงว่าความสำเร็จของเธอในตอนนี้จะน่าตกใจขนาดนี้

ใครจะไปคิดว่านักเรียนที่เคยเป็นฐานให้คลาสเด็กอัจฉริยะ ตอนนี้จะเป็นตัวแทนประเทศจีนออกไปแข่งขันแล้ว

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “อาจารย์ก็ช่วยหนูไว้เยอะค่ะ”

“มันเป็นสิ่งที่อาจารย์ควรทำอยู่แล้ว” อาจารย์เติ้งส่ายหน้า “เธอมีความสามารถอยู่แล้วต่างหาก”

เธอเป็นอาจารย์ สิ่งที่ทำได้ก็แค่ไม่ทอดทิ้งนักเรียนทุกคน เว้นเสียแต่จะหมดทางเยียวยาจริงๆ

เธอไม่เห็นด้วยมาตลอดที่อาจารย์บางคนเลือกปฏิบัติต่อนักเรียนโดยดูจากผลการเรียน ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะมีพรสวรรค์ด้านการเรียน

ขณะที่อาจารย์เติ้งพูดก็เปิดเอกสารฉบับหนึ่งในคอมพิวเตอร์ “จื่อจิน อาจารย์มีเรื่องขอความช่วยเหลือจากเธอ”

อิ๋งจื่อจินก้มมอง

“เดือนหน้าจะมีตัวแทนคณะวิจัยจากยุโรปเดินทางมา” อาจารย์เติ้งพูด “ศาสตราจารย์ที่นำทีมเป็นเชื้อพระวงศ์อังกฤษ แต่ตอนนี้ออกจากราชวงศ์แล้วอาจารย์เลยอยากขอให้เธอไปช่วยต้อนรับด้วยกันหน่อย”

เธอยังจำภาษาอังกฤษที่อิ๋งจื่อจินพูดได้ นั่นเป็นสำเนียงควีนอิงลิชแบบแท้ๆ

“เดือนหน้าเหรอคะ” อิ๋งจื่อจินคิด “ได้ค่ะ”

“กลัวเธอไม่มีเวลาก็เลยบอกล่วงหน้าก่อน” อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ถ้ามีเรื่องลำบากอะไรในโรงเรียนก็บอกอาจารย์ได้ตลอดเวลานะ”

พูดกับอาจารย์เติ้งอีกเล็กน้อย จากนั้นอิ๋งจื่อจินก็ออกจากห้องพักครู

หลังจากเธอไปแล้ว อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เลี้ยวมาจากบันได

เมื่อครู่เธอมาถึงแล้ว ทั้งยังได้ยินบทสนทนาระหว่างอิ๋งจื่อจินกับอาจารย์เติ้งที่หน้าประตู

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก อยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไป

อาจารย์เติ้งเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษของคลาสเด็กอัจฉริยะ มีเรื่องดีๆ แบบนี้แต่กลับบอกอิ๋งจื่อจินเป็นคนแรก ไม่พิจารณาคนอื่นเลย

สุดท้ายอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ไม่ได้เข้าไปหาอาจารย์เติ้ง เธอเข้าใจแล้ว

ใช่ อิ๋งจื่อจินเก่งมาก ขนาดข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะยังได้คะแนนเต็ม

ความแตกต่างระหว่างเธอกับอิ๋งจื่อจินมีเยอะมาก แต่คนที่เก่งกว่าอิ๋งจื่อจินใช่ว่าจะไม่มี

แต่อิ๋งจื่อจินจะเทียบกับอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมไอเอสซีได้เหรอ

คณะกรรมการไอเอสซีได้ทำการประเมินผู้เข้าร่วมรอบคัดเลือกแล้ว ความสามารถของอันดับหนึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าไอริน่าที่โรงเรียนเอลานรับเข้าเป็นกรณีพิเศษ

อิ๋งจื่อจินยังห่างชั้นกับสองคนนี้อีกเยอะ

พอนึกถึงตรงนี้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็สงบลง

เธอกำข้อสอบแล้วเดินกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองอีกครั้ง

ตอนเย็น บ้านตระกูลจง

ผู้เฒ่าจงพาอิ๋งจื่อจินไปที่ห้องทำงาน เดินไปพูดไป “ปู่ฟู่หลับไปอีกรอบแล้ว เมื่อกี้ยังเล่นเดินหมากกับตาอยู่เลย เขานั่งเล่นอยู่ดีๆ ก็กรนเฉย”

“หลานลองตรวจดูนะว่าเขาป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินวางกระเป๋าหนังสือลง จับบ่าของผู้เฒ่าฟู่เบาๆ จากนั้นก็ลองจับชีพจรของเขา

“ไม่ได้ป่วยค่ะ” พอตรวจเสร็จอิ๋งจื่อจินก็เงียบเล็กน้อย “แต่ก็ไม่ปกติจริงๆ”

โดยปกติยิ่งแก่ก็จะยิ่งนอนน้อย

“นั่นสิ” ผู้เฒ่าจงถอนหายใจ “ตาถามปู่ฟู่ หลานเดาดูสิว่าเขาตอบว่าอะไร”

“เขาบอกว่าเมื่อก่อนเหนื่อยมากนอนน้อยเกินไป ตอนนี้เลยจะนอนชดเชย”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “พรุ่งนี้หนูจะไปเอายาที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนมาให้แล้วกันค่ะ”

“ไม่ต้องไปหรอก ให้คนไปเอาแทน” ผู้เฒ่าจงสวมแว่นสายตายาว “หลานเขียนใบสั่งยามาก็พอ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วเขียนชื่อสมุนไพรห้าชนิด

ผู้เฒ่าจงพับกระดาษเก็บไว้เรียบร้อย “วันนี้ค้างที่นี่ไหม”

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินหาวออกมา “นานแล้วที่ไม่ได้อยู่กับคุณตา”

“ดีๆ” ผู้เฒ่าจงดีใจมาก “ห้องของหลานปัดกวาดเช็ดถูทุกวัน ขาดเหลืออะไรก็บอกตานะ”

อิ๋งจื่อจินออกจากห้องทำงานเดินขึ้นชั้นบน หยิบคอมพิวเตอร์ออกมาจากกระเป๋าหนังสือแล้วเปิด

กล่องข้อความของโปรแกรมคิวคิวมีจดหมายเด้งขึ้นมาหนึ่งฉบับ

[ช็อกโกแลตมูสที่รัก เธอไม่ได้เข้าแอปฉลามไลฟ์มา หนึ่งร้อยเก้าวันแล้ว ทุกคนคิดถึงเธอมากนะ อืม ถ้าว่างเมื่อไรก็มาเอ็นดูพวกลูกฉลามหน่อยนะ]

อิ๋งจื่อจินลบทิ้งอย่างไร้ความปรานี

แต่จดหมายฉบับนี้ก็ได้เตือนความจำเธอขึ้นมาว่านานแล้วที่เธอไม่ได้เข้าไปไลฟ์สด

อิ๋งจื่อจินเปิดแอปฉลามไลฟ์สดเวอร์ชันคอมพิวเตอร์ ทำการล็อกอิน

พอเปิดขึ้นมาก็มีคนเข้ามาทันที ขณะเดียวกันก็กดส่งจรวดให้สิบอัน”

[ดีใจแทบบ้า ในที่สุดท่านเทพก็ลงมาโปรดพวกลูกสมุนอย่างพวกเราแล้ว]

[คิดถึงเขาจัง หนึ่งร้อยเก้าวันแล้วที่ท่านเทพไม่อยู่]

[คอมเมนต์บน ทำไมใช้เขา ท่านเทพบอกเหรอว่าตัวเองเป็นผู้ชาย]

อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนเสียงตอนไลฟ์ โทนเสียงกลางๆ แยกไม่ออกว่าชายหรือหญิง

ถึงแม้จะโผล่ให้เห็นแค่มือเดียว แต่สมัยนี้มือของผู้ชายบางคนก็ไม่ต่างกับผู้หญิง

ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่เปิดไลฟ์ คนจำนวนหนึ่งจะตั้งข้อสันนิษฐานเรื่องเพศของเธอ

อิ๋งจื่อจินหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น เตรียมอธิบายโจทย์เหมือนตามปกติ

ทันใดนั้นก็มีข้อความสีแดงสะดุดตาของวีไอพีลอยผ่าน

[ท่านเทพๆ! ผมจำได้ท่านเทพเคยบอกว่ายังต้องสอบกลางภาค ท่านเทพเป็นเด็กมอปลายใช่ไหม งั้นท่านเทพลงแข่งไอเอสซีหรือเปล่า อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลกใช่ท่านเทพไหม]

อิ๋งจื่อจินอ่านดูแล้วตอบไปตามตรง “อืม ฉันเอง”

ภายในห้องไลฟ์เงียบไปครึ่งนาที จากนั้นก็แทบระเบิด

[โอ้โห! กะแล้วเชียวเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากท่านเทพ]

[พอเลยๆ รู้หรือเปล่าว่าอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลกหมายถึงอะไร เจ้าของไลฟ์ที่มาเรียกความนิยมเนี่ยนะ ขำเป็นบ้า]

[โม้ ขี้โม้ เธอน่ะเหรออันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลก งั้นฉันก็เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้วล่ะ]

[แน่จริงก็โชว์หน้าจอให้ดูหน่อย ถ้าไม่มีก็อยู่เงียบๆ ไปดีกว่า ขอบคุณ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 287 ไลฟ์สด เปิดเผยความลับเอง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 287 ไลฟ์สด เปิดเผยความลับเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอนักเรียนหญิงพูดแบบนี้ออกมา สายตาของคนในห้องก็ไปรวมอยู่ที่จุดเดียว

เจือไปด้วยความสงสัยและอยากรู้

ช่วงหนึ่งเดือนกว่าที่ขึ้นมอหกอย่างเป็นทางการมานี้ พวกเขาจำลองการสอบไปสามครั้งแล้ว ผลคะแนนของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็โดดเด่นจริงๆ

ต่อให้จงจือหว่านยังอยู่ก็สู้อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ได้

ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจิน ตำแหน่งที่หนึ่งของชั้นปีคงมีแค่อิ๋งเย่ว์เซวียนเท่านั้น

เพียงแต่ไปเรียนที่ยุโรปมาแค่หนึ่งปี ผลการเรียนของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็พัฒนาขึ้นมากขนาดนี้ พวกนักเรียนในคลาสเด็กอัจฉริยะต่างคาดไม่ถึง

“จะเป็นไปได้อย่างไร” อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง เม้มริมฝีปากพลางส่ายหน้า “ฉันจะเป็นที่หนึ่งได้อย่างถึงฉันจะซ่อนชื่อผู้ใช้งาน แต่ตอนนี้ฉันอยู่แค่อันดับที่ร้อยสิบสองของชาร์ตรวม”

ขณะพูดเธอก็โชว์หน้าจอให้ดูอย่างใจกว้าง

เพื่อนในห้องต่างเข้ามามุงดู แล้วก็พบว่าเป็นแบบนั้นจริง

อันดับที่ หนึ่งร้อยสิบสอง : ชื่อผู้ใช้งานถูกซ่อน จีน สี่ร้อยเจ็ดสิบแปด คะแนน

คะแนนรอบคัดเลือกของไอเอสซีขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ยี่สิบอันดับแรกคะแนนเกินสองพันไปแล้ว แต่อันดับที่ยี่สิบเอ็ดกลับมีแค่หนึ่งพันห้าร้อยแปดคะแนน

อันดับหนึ่งร้อยได้เก้าร้อยเก้าสิบหกคะแนน

อิ๋งเย่ว์เซวียนห่างกับอันดับที่หนึ่งร้อยอยู่สี่ร้อยกว่าคะแนน

ความยากของไอเอสซีไม่ได้อยู่ที่ความพิสดารของโจทย์

ไม่ว่าจะเป็นโจทย์ปกติหรือโจทย์เสริม สำหรับเด็กคลาสอัจฉริยะแล้วยังยากไม่เท่าการจำลองการสอบหนึ่งครั้ง

แต่ขอบเขตเนื้อหาของไอเอสซีกว้างเกินไป แถมโจทย์เสริมยังจำกัดเวลา

พอเนื้อหาอยู่นอกเหนือจากเก้าวิชาที่เรียนในมัธยมปลาย บรรดาผู้เข้าร่วมก็จนปัญญา

หลังจากที่เห็นอันดับของอิ๋งเย่ว์เซวียน กรรมการนักเรียนก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไรแล้ว แต่ก็ยังคงเอ่ยชม

“เย่ว์เซวียน เธอก็เก่งเหมือนกัน ชาร์ตรวมเราอยู่แค่อันดับสี่ร้อยแปดเอง ดูท่าในชิงจื้ออันดับของเธอจะสูงที่สุดแล้ว”

อย่างไรเสียคนที่เข้าร่วมก็เป็นนักเรียนมัธยมปลายจากทั่วโลก ชิงจื้ออยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศจีนก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีศักยภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติเท่าไรนัก

“ดูเหมือนรอบตัดสินระดับนานาชาติจะเอาทั้งหมดหกร้อยคนนะ” นักเรียนหญิงร่วมโต๊ะพูดขึ้น

“เสี่ยวเซวียน เธอเข้ารอบสุดท้ายแน่นอนแล้วนะไม่แน่พอถึงตอนนั้นอาจถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกับอิ๋งจื่อจิน สร้างชื่อให้ชิงจื้อของพวกเรา”

พอได้ยินชื่อนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เธอจับโทรศัพท์มือถือแน่น ก้มหน้าทำโจทย์ต่อ

“จะว่าไปอิ๋งจื่อจินกลับมาจากตี้ตูแล้วนะ” กรรมการนักเรียนพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ห้องสิบเก้าเหมือนบ้าไปแล้วเลย ทำไมตอนนั้นพวกเราถึงไม่สังเกตเห็นเลยนะว่าเธอเรียนเก่งขนาดนี้”

คำพูดนี้ทำให้หลายคนที่อยู่ในห้องเงียบลงทันที

นับตั้งแต่มีการตั้งคลาสเด็กอัจฉริยะในชิงจื้อเป็นต้นมา ที่หนึ่งของชั้นปีก็เป็นนักเรียนในคลาสเด็กอัจฉริยะมาตลอด

แต่รุ่นของพวกเขาเป็นเพียงรุ่นเดียวที่ยกเว้น

ตอนที่อิ๋งจื่อจินยังอยู่คลาสเด็กอัจฉริยะ คนส่วนใหญ่มีท่าทีเย็นชากับเธอ

ลู่ฟั่งกับอิงเฟยเฟยคอยพูดเสียดสีอยู่ตลอด ทั้งยังวางแผนกลั่นแกล้ง

ไม่ว่าจะเป็นในด้านคำพูดหรือการกระทำ พวกเขาล้วนเป็นหนึ่งในคนที่ใช้ความรุนแรงกับอิ๋งจื่อจินภายในโรงเรียน

แต่พออิ๋งจื่อจินย้ายไปอยู่ห้องสิบเก้าทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

โดยเฉพาะพวกนักเรียนชายที่เคยพูดจาเหน็บแนมมาตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังแทบเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี

ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยนึกเสียใจ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว

อิ๋งเย่ว์เซวียนยิ่งฟัง ความหงุดหงิดภายในใจก็ยิ่งก่อตัว

สายตาที่เดิมทีมารวมอยู่ที่ตัวเธอหมดได้เบนไปหาอิ๋งจื่อจินโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้ไม่ว่าเธออยู่ที่ไหนก็จะได้ยินคนพูดว่าอิ๋งจื่อจินเรียนเก่งอย่างนั้น ศิลปะก็เก่งอย่างนี้

ไม่มีที่ให้แทรก

อิ๋งเย่ว์เซวียนค่อยๆ สูดลมหายใจเข้า ลุกขึ้นเดินออกจากที่นั่ง

“เสี่ยวเซวียน?” นักเรียนหญิงร่วมโต๊ะเห็นเธอเดินออกไปก็เลยถาม “จะไปไหนเหรอ”

“ฉันมีโจทย์ภาษาอังกฤษที่สงสัย” อิ๋งเย่ว์เซวียนตอบ “จะไปถามอาจารย์เติ้งหน่อย”

เวลานี้ภายในห้องพักครูหมวดภาษาอังกฤษ

อาจารย์เติ้งเรียกอิ๋งจื่อจินมา เธอดีใจมาก ถามเรื่องสุขภาพก่อน

อาจารย์เติ้งอดถอนหายใจไม่ได้ “ตอนนั้นอาจารย์เห็นแววเธอ นึกไม่ถึงว่าความสำเร็จของเธอในตอนนี้จะน่าตกใจขนาดนี้

ใครจะไปคิดว่านักเรียนที่เคยเป็นฐานให้คลาสเด็กอัจฉริยะ ตอนนี้จะเป็นตัวแทนประเทศจีนออกไปแข่งขันแล้ว

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “อาจารย์ก็ช่วยหนูไว้เยอะค่ะ”

“มันเป็นสิ่งที่อาจารย์ควรทำอยู่แล้ว” อาจารย์เติ้งส่ายหน้า “เธอมีความสามารถอยู่แล้วต่างหาก”

เธอเป็นอาจารย์ สิ่งที่ทำได้ก็แค่ไม่ทอดทิ้งนักเรียนทุกคน เว้นเสียแต่จะหมดทางเยียวยาจริงๆ

เธอไม่เห็นด้วยมาตลอดที่อาจารย์บางคนเลือกปฏิบัติต่อนักเรียนโดยดูจากผลการเรียน ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะมีพรสวรรค์ด้านการเรียน

ขณะที่อาจารย์เติ้งพูดก็เปิดเอกสารฉบับหนึ่งในคอมพิวเตอร์ “จื่อจิน อาจารย์มีเรื่องขอความช่วยเหลือจากเธอ”

อิ๋งจื่อจินก้มมอง

“เดือนหน้าจะมีตัวแทนคณะวิจัยจากยุโรปเดินทางมา” อาจารย์เติ้งพูด “ศาสตราจารย์ที่นำทีมเป็นเชื้อพระวงศ์อังกฤษ แต่ตอนนี้ออกจากราชวงศ์แล้วอาจารย์เลยอยากขอให้เธอไปช่วยต้อนรับด้วยกันหน่อย”

เธอยังจำภาษาอังกฤษที่อิ๋งจื่อจินพูดได้ นั่นเป็นสำเนียงควีนอิงลิชแบบแท้ๆ

“เดือนหน้าเหรอคะ” อิ๋งจื่อจินคิด “ได้ค่ะ”

“กลัวเธอไม่มีเวลาก็เลยบอกล่วงหน้าก่อน” อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ถ้ามีเรื่องลำบากอะไรในโรงเรียนก็บอกอาจารย์ได้ตลอดเวลานะ”

พูดกับอาจารย์เติ้งอีกเล็กน้อย จากนั้นอิ๋งจื่อจินก็ออกจากห้องพักครู

หลังจากเธอไปแล้ว อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เลี้ยวมาจากบันได

เมื่อครู่เธอมาถึงแล้ว ทั้งยังได้ยินบทสนทนาระหว่างอิ๋งจื่อจินกับอาจารย์เติ้งที่หน้าประตู

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก อยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไป

อาจารย์เติ้งเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษของคลาสเด็กอัจฉริยะ มีเรื่องดีๆ แบบนี้แต่กลับบอกอิ๋งจื่อจินเป็นคนแรก ไม่พิจารณาคนอื่นเลย

สุดท้ายอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ไม่ได้เข้าไปหาอาจารย์เติ้ง เธอเข้าใจแล้ว

ใช่ อิ๋งจื่อจินเก่งมาก ขนาดข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะยังได้คะแนนเต็ม

ความแตกต่างระหว่างเธอกับอิ๋งจื่อจินมีเยอะมาก แต่คนที่เก่งกว่าอิ๋งจื่อจินใช่ว่าจะไม่มี

แต่อิ๋งจื่อจินจะเทียบกับอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมไอเอสซีได้เหรอ

คณะกรรมการไอเอสซีได้ทำการประเมินผู้เข้าร่วมรอบคัดเลือกแล้ว ความสามารถของอันดับหนึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าไอริน่าที่โรงเรียนเอลานรับเข้าเป็นกรณีพิเศษ

อิ๋งจื่อจินยังห่างชั้นกับสองคนนี้อีกเยอะ

พอนึกถึงตรงนี้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็สงบลง

เธอกำข้อสอบแล้วเดินกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองอีกครั้ง

ตอนเย็น บ้านตระกูลจง

ผู้เฒ่าจงพาอิ๋งจื่อจินไปที่ห้องทำงาน เดินไปพูดไป “ปู่ฟู่หลับไปอีกรอบแล้ว เมื่อกี้ยังเล่นเดินหมากกับตาอยู่เลย เขานั่งเล่นอยู่ดีๆ ก็กรนเฉย”

“หลานลองตรวจดูนะว่าเขาป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินวางกระเป๋าหนังสือลง จับบ่าของผู้เฒ่าฟู่เบาๆ จากนั้นก็ลองจับชีพจรของเขา

“ไม่ได้ป่วยค่ะ” พอตรวจเสร็จอิ๋งจื่อจินก็เงียบเล็กน้อย “แต่ก็ไม่ปกติจริงๆ”

โดยปกติยิ่งแก่ก็จะยิ่งนอนน้อย

“นั่นสิ” ผู้เฒ่าจงถอนหายใจ “ตาถามปู่ฟู่ หลานเดาดูสิว่าเขาตอบว่าอะไร”

“เขาบอกว่าเมื่อก่อนเหนื่อยมากนอนน้อยเกินไป ตอนนี้เลยจะนอนชดเชย”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “พรุ่งนี้หนูจะไปเอายาที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนมาให้แล้วกันค่ะ”

“ไม่ต้องไปหรอก ให้คนไปเอาแทน” ผู้เฒ่าจงสวมแว่นสายตายาว “หลานเขียนใบสั่งยามาก็พอ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วเขียนชื่อสมุนไพรห้าชนิด

ผู้เฒ่าจงพับกระดาษเก็บไว้เรียบร้อย “วันนี้ค้างที่นี่ไหม”

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินหาวออกมา “นานแล้วที่ไม่ได้อยู่กับคุณตา”

“ดีๆ” ผู้เฒ่าจงดีใจมาก “ห้องของหลานปัดกวาดเช็ดถูทุกวัน ขาดเหลืออะไรก็บอกตานะ”

อิ๋งจื่อจินออกจากห้องทำงานเดินขึ้นชั้นบน หยิบคอมพิวเตอร์ออกมาจากกระเป๋าหนังสือแล้วเปิด

กล่องข้อความของโปรแกรมคิวคิวมีจดหมายเด้งขึ้นมาหนึ่งฉบับ

[ช็อกโกแลตมูสที่รัก เธอไม่ได้เข้าแอปฉลามไลฟ์มา หนึ่งร้อยเก้าวันแล้ว ทุกคนคิดถึงเธอมากนะ อืม ถ้าว่างเมื่อไรก็มาเอ็นดูพวกลูกฉลามหน่อยนะ]

อิ๋งจื่อจินลบทิ้งอย่างไร้ความปรานี

แต่จดหมายฉบับนี้ก็ได้เตือนความจำเธอขึ้นมาว่านานแล้วที่เธอไม่ได้เข้าไปไลฟ์สด

อิ๋งจื่อจินเปิดแอปฉลามไลฟ์สดเวอร์ชันคอมพิวเตอร์ ทำการล็อกอิน

พอเปิดขึ้นมาก็มีคนเข้ามาทันที ขณะเดียวกันก็กดส่งจรวดให้สิบอัน”

[ดีใจแทบบ้า ในที่สุดท่านเทพก็ลงมาโปรดพวกลูกสมุนอย่างพวกเราแล้ว]

[คิดถึงเขาจัง หนึ่งร้อยเก้าวันแล้วที่ท่านเทพไม่อยู่]

[คอมเมนต์บน ทำไมใช้เขา ท่านเทพบอกเหรอว่าตัวเองเป็นผู้ชาย]

อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนเสียงตอนไลฟ์ โทนเสียงกลางๆ แยกไม่ออกว่าชายหรือหญิง

ถึงแม้จะโผล่ให้เห็นแค่มือเดียว แต่สมัยนี้มือของผู้ชายบางคนก็ไม่ต่างกับผู้หญิง

ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่เปิดไลฟ์ คนจำนวนหนึ่งจะตั้งข้อสันนิษฐานเรื่องเพศของเธอ

อิ๋งจื่อจินหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น เตรียมอธิบายโจทย์เหมือนตามปกติ

ทันใดนั้นก็มีข้อความสีแดงสะดุดตาของวีไอพีลอยผ่าน

[ท่านเทพๆ! ผมจำได้ท่านเทพเคยบอกว่ายังต้องสอบกลางภาค ท่านเทพเป็นเด็กมอปลายใช่ไหม งั้นท่านเทพลงแข่งไอเอสซีหรือเปล่า อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลกใช่ท่านเทพไหม]

อิ๋งจื่อจินอ่านดูแล้วตอบไปตามตรง “อืม ฉันเอง”

ภายในห้องไลฟ์เงียบไปครึ่งนาที จากนั้นก็แทบระเบิด

[โอ้โห! กะแล้วเชียวเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากท่านเทพ]

[พอเลยๆ รู้หรือเปล่าว่าอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลกหมายถึงอะไร เจ้าของไลฟ์ที่มาเรียกความนิยมเนี่ยนะ ขำเป็นบ้า]

[โม้ ขี้โม้ เธอน่ะเหรออันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลก งั้นฉันก็เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้วล่ะ]

[แน่จริงก็โชว์หน้าจอให้ดูหน่อย ถ้าไม่มีก็อยู่เงียบๆ ไปดีกว่า ขอบคุณ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 287 ไลฟ์สด เปิดเผยความลับเอง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 287 ไลฟ์สด เปิดเผยความลับเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอนักเรียนหญิงพูดแบบนี้ออกมา สายตาของคนในห้องก็ไปรวมอยู่ที่จุดเดียว

เจือไปด้วยความสงสัยและอยากรู้

ช่วงหนึ่งเดือนกว่าที่ขึ้นมอหกอย่างเป็นทางการมานี้ พวกเขาจำลองการสอบไปสามครั้งแล้ว ผลคะแนนของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็โดดเด่นจริงๆ

ต่อให้จงจือหว่านยังอยู่ก็สู้อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ได้

ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจิน ตำแหน่งที่หนึ่งของชั้นปีคงมีแค่อิ๋งเย่ว์เซวียนเท่านั้น

เพียงแต่ไปเรียนที่ยุโรปมาแค่หนึ่งปี ผลการเรียนของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็พัฒนาขึ้นมากขนาดนี้ พวกนักเรียนในคลาสเด็กอัจฉริยะต่างคาดไม่ถึง

“จะเป็นไปได้อย่างไร” อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง เม้มริมฝีปากพลางส่ายหน้า “ฉันจะเป็นที่หนึ่งได้อย่างถึงฉันจะซ่อนชื่อผู้ใช้งาน แต่ตอนนี้ฉันอยู่แค่อันดับที่ร้อยสิบสองของชาร์ตรวม”

ขณะพูดเธอก็โชว์หน้าจอให้ดูอย่างใจกว้าง

เพื่อนในห้องต่างเข้ามามุงดู แล้วก็พบว่าเป็นแบบนั้นจริง

อันดับที่ หนึ่งร้อยสิบสอง : ชื่อผู้ใช้งานถูกซ่อน จีน สี่ร้อยเจ็ดสิบแปด คะแนน

คะแนนรอบคัดเลือกของไอเอสซีขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ยี่สิบอันดับแรกคะแนนเกินสองพันไปแล้ว แต่อันดับที่ยี่สิบเอ็ดกลับมีแค่หนึ่งพันห้าร้อยแปดคะแนน

อันดับหนึ่งร้อยได้เก้าร้อยเก้าสิบหกคะแนน

อิ๋งเย่ว์เซวียนห่างกับอันดับที่หนึ่งร้อยอยู่สี่ร้อยกว่าคะแนน

ความยากของไอเอสซีไม่ได้อยู่ที่ความพิสดารของโจทย์

ไม่ว่าจะเป็นโจทย์ปกติหรือโจทย์เสริม สำหรับเด็กคลาสอัจฉริยะแล้วยังยากไม่เท่าการจำลองการสอบหนึ่งครั้ง

แต่ขอบเขตเนื้อหาของไอเอสซีกว้างเกินไป แถมโจทย์เสริมยังจำกัดเวลา

พอเนื้อหาอยู่นอกเหนือจากเก้าวิชาที่เรียนในมัธยมปลาย บรรดาผู้เข้าร่วมก็จนปัญญา

หลังจากที่เห็นอันดับของอิ๋งเย่ว์เซวียน กรรมการนักเรียนก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไรแล้ว แต่ก็ยังคงเอ่ยชม

“เย่ว์เซวียน เธอก็เก่งเหมือนกัน ชาร์ตรวมเราอยู่แค่อันดับสี่ร้อยแปดเอง ดูท่าในชิงจื้ออันดับของเธอจะสูงที่สุดแล้ว”

อย่างไรเสียคนที่เข้าร่วมก็เป็นนักเรียนมัธยมปลายจากทั่วโลก ชิงจื้ออยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศจีนก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีศักยภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติเท่าไรนัก

“ดูเหมือนรอบตัดสินระดับนานาชาติจะเอาทั้งหมดหกร้อยคนนะ” นักเรียนหญิงร่วมโต๊ะพูดขึ้น

“เสี่ยวเซวียน เธอเข้ารอบสุดท้ายแน่นอนแล้วนะไม่แน่พอถึงตอนนั้นอาจถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกับอิ๋งจื่อจิน สร้างชื่อให้ชิงจื้อของพวกเรา”

พอได้ยินชื่อนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เธอจับโทรศัพท์มือถือแน่น ก้มหน้าทำโจทย์ต่อ

“จะว่าไปอิ๋งจื่อจินกลับมาจากตี้ตูแล้วนะ” กรรมการนักเรียนพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ห้องสิบเก้าเหมือนบ้าไปแล้วเลย ทำไมตอนนั้นพวกเราถึงไม่สังเกตเห็นเลยนะว่าเธอเรียนเก่งขนาดนี้”

คำพูดนี้ทำให้หลายคนที่อยู่ในห้องเงียบลงทันที

นับตั้งแต่มีการตั้งคลาสเด็กอัจฉริยะในชิงจื้อเป็นต้นมา ที่หนึ่งของชั้นปีก็เป็นนักเรียนในคลาสเด็กอัจฉริยะมาตลอด

แต่รุ่นของพวกเขาเป็นเพียงรุ่นเดียวที่ยกเว้น

ตอนที่อิ๋งจื่อจินยังอยู่คลาสเด็กอัจฉริยะ คนส่วนใหญ่มีท่าทีเย็นชากับเธอ

ลู่ฟั่งกับอิงเฟยเฟยคอยพูดเสียดสีอยู่ตลอด ทั้งยังวางแผนกลั่นแกล้ง

ไม่ว่าจะเป็นในด้านคำพูดหรือการกระทำ พวกเขาล้วนเป็นหนึ่งในคนที่ใช้ความรุนแรงกับอิ๋งจื่อจินภายในโรงเรียน

แต่พออิ๋งจื่อจินย้ายไปอยู่ห้องสิบเก้าทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

โดยเฉพาะพวกนักเรียนชายที่เคยพูดจาเหน็บแนมมาตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังแทบเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี

ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยนึกเสียใจ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว

อิ๋งเย่ว์เซวียนยิ่งฟัง ความหงุดหงิดภายในใจก็ยิ่งก่อตัว

สายตาที่เดิมทีมารวมอยู่ที่ตัวเธอหมดได้เบนไปหาอิ๋งจื่อจินโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้ไม่ว่าเธออยู่ที่ไหนก็จะได้ยินคนพูดว่าอิ๋งจื่อจินเรียนเก่งอย่างนั้น ศิลปะก็เก่งอย่างนี้

ไม่มีที่ให้แทรก

อิ๋งเย่ว์เซวียนค่อยๆ สูดลมหายใจเข้า ลุกขึ้นเดินออกจากที่นั่ง

“เสี่ยวเซวียน?” นักเรียนหญิงร่วมโต๊ะเห็นเธอเดินออกไปก็เลยถาม “จะไปไหนเหรอ”

“ฉันมีโจทย์ภาษาอังกฤษที่สงสัย” อิ๋งเย่ว์เซวียนตอบ “จะไปถามอาจารย์เติ้งหน่อย”

เวลานี้ภายในห้องพักครูหมวดภาษาอังกฤษ

อาจารย์เติ้งเรียกอิ๋งจื่อจินมา เธอดีใจมาก ถามเรื่องสุขภาพก่อน

อาจารย์เติ้งอดถอนหายใจไม่ได้ “ตอนนั้นอาจารย์เห็นแววเธอ นึกไม่ถึงว่าความสำเร็จของเธอในตอนนี้จะน่าตกใจขนาดนี้

ใครจะไปคิดว่านักเรียนที่เคยเป็นฐานให้คลาสเด็กอัจฉริยะ ตอนนี้จะเป็นตัวแทนประเทศจีนออกไปแข่งขันแล้ว

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “อาจารย์ก็ช่วยหนูไว้เยอะค่ะ”

“มันเป็นสิ่งที่อาจารย์ควรทำอยู่แล้ว” อาจารย์เติ้งส่ายหน้า “เธอมีความสามารถอยู่แล้วต่างหาก”

เธอเป็นอาจารย์ สิ่งที่ทำได้ก็แค่ไม่ทอดทิ้งนักเรียนทุกคน เว้นเสียแต่จะหมดทางเยียวยาจริงๆ

เธอไม่เห็นด้วยมาตลอดที่อาจารย์บางคนเลือกปฏิบัติต่อนักเรียนโดยดูจากผลการเรียน ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะมีพรสวรรค์ด้านการเรียน

ขณะที่อาจารย์เติ้งพูดก็เปิดเอกสารฉบับหนึ่งในคอมพิวเตอร์ “จื่อจิน อาจารย์มีเรื่องขอความช่วยเหลือจากเธอ”

อิ๋งจื่อจินก้มมอง

“เดือนหน้าจะมีตัวแทนคณะวิจัยจากยุโรปเดินทางมา” อาจารย์เติ้งพูด “ศาสตราจารย์ที่นำทีมเป็นเชื้อพระวงศ์อังกฤษ แต่ตอนนี้ออกจากราชวงศ์แล้วอาจารย์เลยอยากขอให้เธอไปช่วยต้อนรับด้วยกันหน่อย”

เธอยังจำภาษาอังกฤษที่อิ๋งจื่อจินพูดได้ นั่นเป็นสำเนียงควีนอิงลิชแบบแท้ๆ

“เดือนหน้าเหรอคะ” อิ๋งจื่อจินคิด “ได้ค่ะ”

“กลัวเธอไม่มีเวลาก็เลยบอกล่วงหน้าก่อน” อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ถ้ามีเรื่องลำบากอะไรในโรงเรียนก็บอกอาจารย์ได้ตลอดเวลานะ”

พูดกับอาจารย์เติ้งอีกเล็กน้อย จากนั้นอิ๋งจื่อจินก็ออกจากห้องพักครู

หลังจากเธอไปแล้ว อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เลี้ยวมาจากบันได

เมื่อครู่เธอมาถึงแล้ว ทั้งยังได้ยินบทสนทนาระหว่างอิ๋งจื่อจินกับอาจารย์เติ้งที่หน้าประตู

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก อยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไป

อาจารย์เติ้งเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษของคลาสเด็กอัจฉริยะ มีเรื่องดีๆ แบบนี้แต่กลับบอกอิ๋งจื่อจินเป็นคนแรก ไม่พิจารณาคนอื่นเลย

สุดท้ายอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ไม่ได้เข้าไปหาอาจารย์เติ้ง เธอเข้าใจแล้ว

ใช่ อิ๋งจื่อจินเก่งมาก ขนาดข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะยังได้คะแนนเต็ม

ความแตกต่างระหว่างเธอกับอิ๋งจื่อจินมีเยอะมาก แต่คนที่เก่งกว่าอิ๋งจื่อจินใช่ว่าจะไม่มี

แต่อิ๋งจื่อจินจะเทียบกับอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมไอเอสซีได้เหรอ

คณะกรรมการไอเอสซีได้ทำการประเมินผู้เข้าร่วมรอบคัดเลือกแล้ว ความสามารถของอันดับหนึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าไอริน่าที่โรงเรียนเอลานรับเข้าเป็นกรณีพิเศษ

อิ๋งจื่อจินยังห่างชั้นกับสองคนนี้อีกเยอะ

พอนึกถึงตรงนี้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็สงบลง

เธอกำข้อสอบแล้วเดินกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองอีกครั้ง

ตอนเย็น บ้านตระกูลจง

ผู้เฒ่าจงพาอิ๋งจื่อจินไปที่ห้องทำงาน เดินไปพูดไป “ปู่ฟู่หลับไปอีกรอบแล้ว เมื่อกี้ยังเล่นเดินหมากกับตาอยู่เลย เขานั่งเล่นอยู่ดีๆ ก็กรนเฉย”

“หลานลองตรวจดูนะว่าเขาป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินวางกระเป๋าหนังสือลง จับบ่าของผู้เฒ่าฟู่เบาๆ จากนั้นก็ลองจับชีพจรของเขา

“ไม่ได้ป่วยค่ะ” พอตรวจเสร็จอิ๋งจื่อจินก็เงียบเล็กน้อย “แต่ก็ไม่ปกติจริงๆ”

โดยปกติยิ่งแก่ก็จะยิ่งนอนน้อย

“นั่นสิ” ผู้เฒ่าจงถอนหายใจ “ตาถามปู่ฟู่ หลานเดาดูสิว่าเขาตอบว่าอะไร”

“เขาบอกว่าเมื่อก่อนเหนื่อยมากนอนน้อยเกินไป ตอนนี้เลยจะนอนชดเชย”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “พรุ่งนี้หนูจะไปเอายาที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนมาให้แล้วกันค่ะ”

“ไม่ต้องไปหรอก ให้คนไปเอาแทน” ผู้เฒ่าจงสวมแว่นสายตายาว “หลานเขียนใบสั่งยามาก็พอ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วเขียนชื่อสมุนไพรห้าชนิด

ผู้เฒ่าจงพับกระดาษเก็บไว้เรียบร้อย “วันนี้ค้างที่นี่ไหม”

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินหาวออกมา “นานแล้วที่ไม่ได้อยู่กับคุณตา”

“ดีๆ” ผู้เฒ่าจงดีใจมาก “ห้องของหลานปัดกวาดเช็ดถูทุกวัน ขาดเหลืออะไรก็บอกตานะ”

อิ๋งจื่อจินออกจากห้องทำงานเดินขึ้นชั้นบน หยิบคอมพิวเตอร์ออกมาจากกระเป๋าหนังสือแล้วเปิด

กล่องข้อความของโปรแกรมคิวคิวมีจดหมายเด้งขึ้นมาหนึ่งฉบับ

[ช็อกโกแลตมูสที่รัก เธอไม่ได้เข้าแอปฉลามไลฟ์มา หนึ่งร้อยเก้าวันแล้ว ทุกคนคิดถึงเธอมากนะ อืม ถ้าว่างเมื่อไรก็มาเอ็นดูพวกลูกฉลามหน่อยนะ]

อิ๋งจื่อจินลบทิ้งอย่างไร้ความปรานี

แต่จดหมายฉบับนี้ก็ได้เตือนความจำเธอขึ้นมาว่านานแล้วที่เธอไม่ได้เข้าไปไลฟ์สด

อิ๋งจื่อจินเปิดแอปฉลามไลฟ์สดเวอร์ชันคอมพิวเตอร์ ทำการล็อกอิน

พอเปิดขึ้นมาก็มีคนเข้ามาทันที ขณะเดียวกันก็กดส่งจรวดให้สิบอัน”

[ดีใจแทบบ้า ในที่สุดท่านเทพก็ลงมาโปรดพวกลูกสมุนอย่างพวกเราแล้ว]

[คิดถึงเขาจัง หนึ่งร้อยเก้าวันแล้วที่ท่านเทพไม่อยู่]

[คอมเมนต์บน ทำไมใช้เขา ท่านเทพบอกเหรอว่าตัวเองเป็นผู้ชาย]

อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนเสียงตอนไลฟ์ โทนเสียงกลางๆ แยกไม่ออกว่าชายหรือหญิง

ถึงแม้จะโผล่ให้เห็นแค่มือเดียว แต่สมัยนี้มือของผู้ชายบางคนก็ไม่ต่างกับผู้หญิง

ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่เปิดไลฟ์ คนจำนวนหนึ่งจะตั้งข้อสันนิษฐานเรื่องเพศของเธอ

อิ๋งจื่อจินหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น เตรียมอธิบายโจทย์เหมือนตามปกติ

ทันใดนั้นก็มีข้อความสีแดงสะดุดตาของวีไอพีลอยผ่าน

[ท่านเทพๆ! ผมจำได้ท่านเทพเคยบอกว่ายังต้องสอบกลางภาค ท่านเทพเป็นเด็กมอปลายใช่ไหม งั้นท่านเทพลงแข่งไอเอสซีหรือเปล่า อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลกใช่ท่านเทพไหม]

อิ๋งจื่อจินอ่านดูแล้วตอบไปตามตรง “อืม ฉันเอง”

ภายในห้องไลฟ์เงียบไปครึ่งนาที จากนั้นก็แทบระเบิด

[โอ้โห! กะแล้วเชียวเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากท่านเทพ]

[พอเลยๆ รู้หรือเปล่าว่าอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลกหมายถึงอะไร เจ้าของไลฟ์ที่มาเรียกความนิยมเนี่ยนะ ขำเป็นบ้า]

[โม้ ขี้โม้ เธอน่ะเหรออันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลก งั้นฉันก็เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้วล่ะ]

[แน่จริงก็โชว์หน้าจอให้ดูหน่อย ถ้าไม่มีก็อยู่เงียบๆ ไปดีกว่า ขอบคุณ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 287 ไลฟ์สด เปิดเผยความลับเอง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 287 ไลฟ์สด เปิดเผยความลับเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอนักเรียนหญิงพูดแบบนี้ออกมา สายตาของคนในห้องก็ไปรวมอยู่ที่จุดเดียว

เจือไปด้วยความสงสัยและอยากรู้

ช่วงหนึ่งเดือนกว่าที่ขึ้นมอหกอย่างเป็นทางการมานี้ พวกเขาจำลองการสอบไปสามครั้งแล้ว ผลคะแนนของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็โดดเด่นจริงๆ

ต่อให้จงจือหว่านยังอยู่ก็สู้อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ได้

ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจิน ตำแหน่งที่หนึ่งของชั้นปีคงมีแค่อิ๋งเย่ว์เซวียนเท่านั้น

เพียงแต่ไปเรียนที่ยุโรปมาแค่หนึ่งปี ผลการเรียนของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็พัฒนาขึ้นมากขนาดนี้ พวกนักเรียนในคลาสเด็กอัจฉริยะต่างคาดไม่ถึง

“จะเป็นไปได้อย่างไร” อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง เม้มริมฝีปากพลางส่ายหน้า “ฉันจะเป็นที่หนึ่งได้อย่างถึงฉันจะซ่อนชื่อผู้ใช้งาน แต่ตอนนี้ฉันอยู่แค่อันดับที่ร้อยสิบสองของชาร์ตรวม”

ขณะพูดเธอก็โชว์หน้าจอให้ดูอย่างใจกว้าง

เพื่อนในห้องต่างเข้ามามุงดู แล้วก็พบว่าเป็นแบบนั้นจริง

อันดับที่ หนึ่งร้อยสิบสอง : ชื่อผู้ใช้งานถูกซ่อน จีน สี่ร้อยเจ็ดสิบแปด คะแนน

คะแนนรอบคัดเลือกของไอเอสซีขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ยี่สิบอันดับแรกคะแนนเกินสองพันไปแล้ว แต่อันดับที่ยี่สิบเอ็ดกลับมีแค่หนึ่งพันห้าร้อยแปดคะแนน

อันดับหนึ่งร้อยได้เก้าร้อยเก้าสิบหกคะแนน

อิ๋งเย่ว์เซวียนห่างกับอันดับที่หนึ่งร้อยอยู่สี่ร้อยกว่าคะแนน

ความยากของไอเอสซีไม่ได้อยู่ที่ความพิสดารของโจทย์

ไม่ว่าจะเป็นโจทย์ปกติหรือโจทย์เสริม สำหรับเด็กคลาสอัจฉริยะแล้วยังยากไม่เท่าการจำลองการสอบหนึ่งครั้ง

แต่ขอบเขตเนื้อหาของไอเอสซีกว้างเกินไป แถมโจทย์เสริมยังจำกัดเวลา

พอเนื้อหาอยู่นอกเหนือจากเก้าวิชาที่เรียนในมัธยมปลาย บรรดาผู้เข้าร่วมก็จนปัญญา

หลังจากที่เห็นอันดับของอิ๋งเย่ว์เซวียน กรรมการนักเรียนก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไรแล้ว แต่ก็ยังคงเอ่ยชม

“เย่ว์เซวียน เธอก็เก่งเหมือนกัน ชาร์ตรวมเราอยู่แค่อันดับสี่ร้อยแปดเอง ดูท่าในชิงจื้ออันดับของเธอจะสูงที่สุดแล้ว”

อย่างไรเสียคนที่เข้าร่วมก็เป็นนักเรียนมัธยมปลายจากทั่วโลก ชิงจื้ออยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศจีนก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีศักยภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติเท่าไรนัก

“ดูเหมือนรอบตัดสินระดับนานาชาติจะเอาทั้งหมดหกร้อยคนนะ” นักเรียนหญิงร่วมโต๊ะพูดขึ้น

“เสี่ยวเซวียน เธอเข้ารอบสุดท้ายแน่นอนแล้วนะไม่แน่พอถึงตอนนั้นอาจถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกับอิ๋งจื่อจิน สร้างชื่อให้ชิงจื้อของพวกเรา”

พอได้ยินชื่อนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เธอจับโทรศัพท์มือถือแน่น ก้มหน้าทำโจทย์ต่อ

“จะว่าไปอิ๋งจื่อจินกลับมาจากตี้ตูแล้วนะ” กรรมการนักเรียนพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ห้องสิบเก้าเหมือนบ้าไปแล้วเลย ทำไมตอนนั้นพวกเราถึงไม่สังเกตเห็นเลยนะว่าเธอเรียนเก่งขนาดนี้”

คำพูดนี้ทำให้หลายคนที่อยู่ในห้องเงียบลงทันที

นับตั้งแต่มีการตั้งคลาสเด็กอัจฉริยะในชิงจื้อเป็นต้นมา ที่หนึ่งของชั้นปีก็เป็นนักเรียนในคลาสเด็กอัจฉริยะมาตลอด

แต่รุ่นของพวกเขาเป็นเพียงรุ่นเดียวที่ยกเว้น

ตอนที่อิ๋งจื่อจินยังอยู่คลาสเด็กอัจฉริยะ คนส่วนใหญ่มีท่าทีเย็นชากับเธอ

ลู่ฟั่งกับอิงเฟยเฟยคอยพูดเสียดสีอยู่ตลอด ทั้งยังวางแผนกลั่นแกล้ง

ไม่ว่าจะเป็นในด้านคำพูดหรือการกระทำ พวกเขาล้วนเป็นหนึ่งในคนที่ใช้ความรุนแรงกับอิ๋งจื่อจินภายในโรงเรียน

แต่พออิ๋งจื่อจินย้ายไปอยู่ห้องสิบเก้าทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

โดยเฉพาะพวกนักเรียนชายที่เคยพูดจาเหน็บแนมมาตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังแทบเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี

ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยนึกเสียใจ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว

อิ๋งเย่ว์เซวียนยิ่งฟัง ความหงุดหงิดภายในใจก็ยิ่งก่อตัว

สายตาที่เดิมทีมารวมอยู่ที่ตัวเธอหมดได้เบนไปหาอิ๋งจื่อจินโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้ไม่ว่าเธออยู่ที่ไหนก็จะได้ยินคนพูดว่าอิ๋งจื่อจินเรียนเก่งอย่างนั้น ศิลปะก็เก่งอย่างนี้

ไม่มีที่ให้แทรก

อิ๋งเย่ว์เซวียนค่อยๆ สูดลมหายใจเข้า ลุกขึ้นเดินออกจากที่นั่ง

“เสี่ยวเซวียน?” นักเรียนหญิงร่วมโต๊ะเห็นเธอเดินออกไปก็เลยถาม “จะไปไหนเหรอ”

“ฉันมีโจทย์ภาษาอังกฤษที่สงสัย” อิ๋งเย่ว์เซวียนตอบ “จะไปถามอาจารย์เติ้งหน่อย”

เวลานี้ภายในห้องพักครูหมวดภาษาอังกฤษ

อาจารย์เติ้งเรียกอิ๋งจื่อจินมา เธอดีใจมาก ถามเรื่องสุขภาพก่อน

อาจารย์เติ้งอดถอนหายใจไม่ได้ “ตอนนั้นอาจารย์เห็นแววเธอ นึกไม่ถึงว่าความสำเร็จของเธอในตอนนี้จะน่าตกใจขนาดนี้

ใครจะไปคิดว่านักเรียนที่เคยเป็นฐานให้คลาสเด็กอัจฉริยะ ตอนนี้จะเป็นตัวแทนประเทศจีนออกไปแข่งขันแล้ว

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “อาจารย์ก็ช่วยหนูไว้เยอะค่ะ”

“มันเป็นสิ่งที่อาจารย์ควรทำอยู่แล้ว” อาจารย์เติ้งส่ายหน้า “เธอมีความสามารถอยู่แล้วต่างหาก”

เธอเป็นอาจารย์ สิ่งที่ทำได้ก็แค่ไม่ทอดทิ้งนักเรียนทุกคน เว้นเสียแต่จะหมดทางเยียวยาจริงๆ

เธอไม่เห็นด้วยมาตลอดที่อาจารย์บางคนเลือกปฏิบัติต่อนักเรียนโดยดูจากผลการเรียน ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะมีพรสวรรค์ด้านการเรียน

ขณะที่อาจารย์เติ้งพูดก็เปิดเอกสารฉบับหนึ่งในคอมพิวเตอร์ “จื่อจิน อาจารย์มีเรื่องขอความช่วยเหลือจากเธอ”

อิ๋งจื่อจินก้มมอง

“เดือนหน้าจะมีตัวแทนคณะวิจัยจากยุโรปเดินทางมา” อาจารย์เติ้งพูด “ศาสตราจารย์ที่นำทีมเป็นเชื้อพระวงศ์อังกฤษ แต่ตอนนี้ออกจากราชวงศ์แล้วอาจารย์เลยอยากขอให้เธอไปช่วยต้อนรับด้วยกันหน่อย”

เธอยังจำภาษาอังกฤษที่อิ๋งจื่อจินพูดได้ นั่นเป็นสำเนียงควีนอิงลิชแบบแท้ๆ

“เดือนหน้าเหรอคะ” อิ๋งจื่อจินคิด “ได้ค่ะ”

“กลัวเธอไม่มีเวลาก็เลยบอกล่วงหน้าก่อน” อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ถ้ามีเรื่องลำบากอะไรในโรงเรียนก็บอกอาจารย์ได้ตลอดเวลานะ”

พูดกับอาจารย์เติ้งอีกเล็กน้อย จากนั้นอิ๋งจื่อจินก็ออกจากห้องพักครู

หลังจากเธอไปแล้ว อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เลี้ยวมาจากบันได

เมื่อครู่เธอมาถึงแล้ว ทั้งยังได้ยินบทสนทนาระหว่างอิ๋งจื่อจินกับอาจารย์เติ้งที่หน้าประตู

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก อยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไป

อาจารย์เติ้งเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษของคลาสเด็กอัจฉริยะ มีเรื่องดีๆ แบบนี้แต่กลับบอกอิ๋งจื่อจินเป็นคนแรก ไม่พิจารณาคนอื่นเลย

สุดท้ายอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ไม่ได้เข้าไปหาอาจารย์เติ้ง เธอเข้าใจแล้ว

ใช่ อิ๋งจื่อจินเก่งมาก ขนาดข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะยังได้คะแนนเต็ม

ความแตกต่างระหว่างเธอกับอิ๋งจื่อจินมีเยอะมาก แต่คนที่เก่งกว่าอิ๋งจื่อจินใช่ว่าจะไม่มี

แต่อิ๋งจื่อจินจะเทียบกับอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมไอเอสซีได้เหรอ

คณะกรรมการไอเอสซีได้ทำการประเมินผู้เข้าร่วมรอบคัดเลือกแล้ว ความสามารถของอันดับหนึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าไอริน่าที่โรงเรียนเอลานรับเข้าเป็นกรณีพิเศษ

อิ๋งจื่อจินยังห่างชั้นกับสองคนนี้อีกเยอะ

พอนึกถึงตรงนี้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็สงบลง

เธอกำข้อสอบแล้วเดินกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองอีกครั้ง

ตอนเย็น บ้านตระกูลจง

ผู้เฒ่าจงพาอิ๋งจื่อจินไปที่ห้องทำงาน เดินไปพูดไป “ปู่ฟู่หลับไปอีกรอบแล้ว เมื่อกี้ยังเล่นเดินหมากกับตาอยู่เลย เขานั่งเล่นอยู่ดีๆ ก็กรนเฉย”

“หลานลองตรวจดูนะว่าเขาป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินวางกระเป๋าหนังสือลง จับบ่าของผู้เฒ่าฟู่เบาๆ จากนั้นก็ลองจับชีพจรของเขา

“ไม่ได้ป่วยค่ะ” พอตรวจเสร็จอิ๋งจื่อจินก็เงียบเล็กน้อย “แต่ก็ไม่ปกติจริงๆ”

โดยปกติยิ่งแก่ก็จะยิ่งนอนน้อย

“นั่นสิ” ผู้เฒ่าจงถอนหายใจ “ตาถามปู่ฟู่ หลานเดาดูสิว่าเขาตอบว่าอะไร”

“เขาบอกว่าเมื่อก่อนเหนื่อยมากนอนน้อยเกินไป ตอนนี้เลยจะนอนชดเชย”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “พรุ่งนี้หนูจะไปเอายาที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนมาให้แล้วกันค่ะ”

“ไม่ต้องไปหรอก ให้คนไปเอาแทน” ผู้เฒ่าจงสวมแว่นสายตายาว “หลานเขียนใบสั่งยามาก็พอ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วเขียนชื่อสมุนไพรห้าชนิด

ผู้เฒ่าจงพับกระดาษเก็บไว้เรียบร้อย “วันนี้ค้างที่นี่ไหม”

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินหาวออกมา “นานแล้วที่ไม่ได้อยู่กับคุณตา”

“ดีๆ” ผู้เฒ่าจงดีใจมาก “ห้องของหลานปัดกวาดเช็ดถูทุกวัน ขาดเหลืออะไรก็บอกตานะ”

อิ๋งจื่อจินออกจากห้องทำงานเดินขึ้นชั้นบน หยิบคอมพิวเตอร์ออกมาจากกระเป๋าหนังสือแล้วเปิด

กล่องข้อความของโปรแกรมคิวคิวมีจดหมายเด้งขึ้นมาหนึ่งฉบับ

[ช็อกโกแลตมูสที่รัก เธอไม่ได้เข้าแอปฉลามไลฟ์มา หนึ่งร้อยเก้าวันแล้ว ทุกคนคิดถึงเธอมากนะ อืม ถ้าว่างเมื่อไรก็มาเอ็นดูพวกลูกฉลามหน่อยนะ]

อิ๋งจื่อจินลบทิ้งอย่างไร้ความปรานี

แต่จดหมายฉบับนี้ก็ได้เตือนความจำเธอขึ้นมาว่านานแล้วที่เธอไม่ได้เข้าไปไลฟ์สด

อิ๋งจื่อจินเปิดแอปฉลามไลฟ์สดเวอร์ชันคอมพิวเตอร์ ทำการล็อกอิน

พอเปิดขึ้นมาก็มีคนเข้ามาทันที ขณะเดียวกันก็กดส่งจรวดให้สิบอัน”

[ดีใจแทบบ้า ในที่สุดท่านเทพก็ลงมาโปรดพวกลูกสมุนอย่างพวกเราแล้ว]

[คิดถึงเขาจัง หนึ่งร้อยเก้าวันแล้วที่ท่านเทพไม่อยู่]

[คอมเมนต์บน ทำไมใช้เขา ท่านเทพบอกเหรอว่าตัวเองเป็นผู้ชาย]

อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนเสียงตอนไลฟ์ โทนเสียงกลางๆ แยกไม่ออกว่าชายหรือหญิง

ถึงแม้จะโผล่ให้เห็นแค่มือเดียว แต่สมัยนี้มือของผู้ชายบางคนก็ไม่ต่างกับผู้หญิง

ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่เปิดไลฟ์ คนจำนวนหนึ่งจะตั้งข้อสันนิษฐานเรื่องเพศของเธอ

อิ๋งจื่อจินหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น เตรียมอธิบายโจทย์เหมือนตามปกติ

ทันใดนั้นก็มีข้อความสีแดงสะดุดตาของวีไอพีลอยผ่าน

[ท่านเทพๆ! ผมจำได้ท่านเทพเคยบอกว่ายังต้องสอบกลางภาค ท่านเทพเป็นเด็กมอปลายใช่ไหม งั้นท่านเทพลงแข่งไอเอสซีหรือเปล่า อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลกใช่ท่านเทพไหม]

อิ๋งจื่อจินอ่านดูแล้วตอบไปตามตรง “อืม ฉันเอง”

ภายในห้องไลฟ์เงียบไปครึ่งนาที จากนั้นก็แทบระเบิด

[โอ้โห! กะแล้วเชียวเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากท่านเทพ]

[พอเลยๆ รู้หรือเปล่าว่าอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลกหมายถึงอะไร เจ้าของไลฟ์ที่มาเรียกความนิยมเนี่ยนะ ขำเป็นบ้า]

[โม้ ขี้โม้ เธอน่ะเหรออันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลก งั้นฉันก็เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้วล่ะ]

[แน่จริงก็โชว์หน้าจอให้ดูหน่อย ถ้าไม่มีก็อยู่เงียบๆ ไปดีกว่า ขอบคุณ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+