แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 949 ฟาร์มเจ็ดหมู่
พ่อสือเป็นคนใจกว้าง ชีวิตนี้เขาช่วยเหลือคนมามาก ถึงแม้วิกฤติในครั้งนี้หลายคนจะเลือกนั่งมองเฉยๆหรือคิดจะฉวยโอกาสก็มี แต่สุดท้ายก็ยังมีเพื่อนที่รักกันเหนียวแน่นยอมช่วยเขา เชื่อว่าถ้าให้เวลา พ่อสือจะต้องแก้ไขความผิดพลาดก่อนหน้านี้แล้วพากิจการเข้าสู่สภาวะปกติได้แน่
สำหรับสืออวี้กับเสี่ยวเชี่ยน วิกฤติในครั้งนี้เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมมิตรภาพของทั้งสองคนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทำให้เติบโตไปอีกขั้น
ในความเป็นจริง วิธีของเสี่ยวเชี่ยนในครั้งนี้ อีกหน่อยหากมองย้อนกลับไปนับเป็นเรื่องที่ถูกต้องจริงๆ
หลังจากนั้นการแย่งชิงอำนาจของสุ่ยเซียนเกิดข้อผิดพลาดนิดหน่อย ตระกูลสือได้เข้าช่วยเหลืออย่างไม่ลังเล ช่วยให้อำนาจของสุ่ยเซียนมั่นคง แต่นี่ก็เป็นเรื่องในภายหลัง
เสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้กำจัดเรื่องในใจไปได้แล้วเรื่องหนึ่ง เธอสบายใจขึ้นมาก แต่ในลิ้นชักของเธอมีโทรศัพท์มือถือสีขาวเพิ่มเข้ามา
ตาแมวหลีฮวาที่น่ารังเกียจนั่นทิ้งเอาไว้ เสี่ยวเชี่ยนลอบมองโทรศัพท์เครื่องนั้นบ่อยๆ รู้สึกเหมือนมีก้างปลาติดคอ มันเป็นเครื่องย้ำเตือนว่ายังมีสิ่งที่เธอไม่รู้อีกมากรอเธอออกไปค้นหาอยู่ เธอต้องพยายามศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ
แต่ไม่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะสืบค้นข้อมูลยังไงก็ไม่เจอสิ่งที่เธอต้องการ เธอจึงรู้สึกหงุดหงิดมาก
ทางด้านอาจารย์ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เธอไปจองหนังสือที่ร้านก็ไม่มีที่ต้องการ ลองค้นคว้าด้วยตัวเองก็ไม่มีอะไรคืบหน้า และความหงุดหงิดของเธอทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของอาข่าหมด
อาข่าไม่แอบดักฟังเสี่ยวเชี่ยนแล้ว แต่เธอยังคงอยู่ที่นี่ต่อเพื่อคอยปกป้องประธานเชี่ยนตามความต้องการของบอสเธอ ทุกอาทิตย์เธอต้องรายงานบอสว่าประธานเชี่ยนสุขสบายดีหรือเปล่า หลังจากประธานเชี่ยนจัดการเรื่องสืออวี้ถูกสะกดจิตเรียบร้อยแล้ว เธอก็ย่อมต้องรายงานความกลุ้มใจของประธานเชี่ยนไปด้วย
“บอสคะ ช่วงหลายวันนี้ประธานเชี่ยนดูหงุดหงิดมากเลยค่ะ ฉันเห็นสิวขึ้นที่หน้าผากเขาด้วยค่ะ เมื่อวานเห็นเขาไปซื้อยาหนิวหวง[1]ที่ร้านยา ได้ยินว่าเหงือกบวมร้อนในด้วยนะคะ”
“ไปซื้ออาหารกินแก้ร้อนในให้เขาด้วย แล้วมาเบิกเงินกับฉัน—จริงสิ พวกเธอจะไปเที่ยวพวกสถานบันเทิงยามค่ำคืนก็ได้นะ เอาแบบที่มีหนุ่มๆเยอะๆน่ะ แล้วก็แนะนำให้เขารู้จักด้วย จะต้องเป็นเพราะไอ้ทหารนั่นงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาดูแลเบบี๋เชี่ยนแน่นอน ถึงทำให้เด็กน้อยต้องอดกลั้นจนร้อนใน…”
อาข่าทำตาตี่ใส่
บอสจะยุให้ประธานเชี่ยนออกไปเที่ยวกลางคืน…?!
“มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องนั้นสักหน่อย! บอสคิดว่าประธานเชี่ยนเป็นบอสหรือไงที่มีสาวๆเข้ามาไม่ขาดสาย ประธานเชี่ยนออกจะรักกันดีกับอวี๋หมิงหลาง”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วทำไมถึงได้ร้อนใน? ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้รับเคสอะไรยากๆเสียหน่อย ช่วงนี้เขามีท่าทางผิดปกติเหรอ?”
“ก็ดูไม่มีอะไรผิดปกตินะคะ…อ้อ จริงสิ ช่วงสองวันนี้เขาตระเวนไปตามร้านหนังสือใหญ่ๆทั่วเมืองเลย ดูเหมือนกำลังตามหาหนังสือเกี่ยวกับการสะกดจิต”
“สะกดจิต? ทำไมเขาอ่านพวกนั้น—” สมองอันชาญฉลาดของศาสตราจารย์ชีประมวลผลอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็นึกออกเรื่องหนึ่ง เขาตีหัวตัวเอง
“ไอ๊หยา ฉันได้ยินมาว่าไอ้หมอนั่นช่วงนี้ป้วนเปี้ยนอยู่แถวเมืองที่เบบี๋เชี่ยนอยู่ หรือว่า…”
เบบี๋เชี่ยนจะเจอแมวใหญ่ไวกว่าที่คิด รู้สึกเจ็บแค้นใจ?
“หรือว่าอะไรคะ?” อาข่ายังไม่เข้าใจ
“เอาล่ะ เธอซื้อซุปตะพาบกับชาดับร้อนในไปให้เขาแล้วกัน เรื่องอื่นฉันจัดการเอง”
พอวางสายอาข่าก็ยังไม่เข้าใจ บอสจะจัดการเรื่องอะไร แล้วประธานเชี่ยนเป็นอะไรกันแน่?
“สองคนนี้สื่อสารทางใจกันได้งั้นเหรอ?” อาข่าพูดพึมพำอยู่คนเดียว
…
ข้อมูลที่เสี่ยวเชี่ยนหาได้ไม่สามารถวิเคราะห์ว่าแมวหลีฮวาทำแบบนั้นกับสืออวี้ได้อย่างไร แต่เธอก็ยังคงสามารถวิเคราะห์สิ่งที่เธอไม่เคยรู้ออกมาได้บ้างจากประสบการณ์ของตัวเองรวมถึงประสบการณ์จากที่สืออวี้เอาชนะในครั้งนี้ได้สำเร็จ
อย่างเช่น จะดูออกได้อย่างไรว่าเคยถูกสะกดจิตด้วยวิธีแบบนั้น ถ้าต่อไปเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ประธานเชี่ยนก็มั่นใจแล้วว่าจะจับสังเกตได้ไวกว่าครั้งนี้
นี่ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว เพราะอย่างไรเสียเธอก็ไม่เคยได้สัมผัสกับเรื่องนี้มาก่อน
แต่ประธานเชี่ยนก็ยังไม่พอใจ
หากยกคำพูดของอวี๋หมิงหลางมาพูดก็คือ เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่ถ้าเกิดสนใจเรื่องไหนแล้วต้องเอาให้สุด
ใครกล้าเหยียบเข้ามาในอาณาเขตของเธอ แตะต้องคนของเธอ ถ้าประธานเชี่ยนไม่จัดการให้สาแก่ใจก็จะไม่ปล่อยไป
ตอนนี้เธอคิดหาวิธีแก้แค้นคนที่บงการอยู่เบื้องหลังคนนั้นได้แล้ว แต่กับตาแมวหลีฮวานั่นเธอยังไม่มีแผนใดๆเลย
เรื่องนี้ทำให้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกติดค้างอยู่ในใจ
ในที่ที่เธอมองไม่เห็น มีคนบางกลุ่มรู้เทคนิคควบคุมจิตใจชนิดตรงกันข้ามกับความรู้ที่เธอเรียนมาโดยสิ้นเชิง ถึงแมวหลีฮวาจะแสดงฝีมือออกมาเพียงแค่เล็กน้อย แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่
สมมติว่าคนพวกนั้นยังมีเทคนิคอีกมากที่ไม่มีใครรู้ หากในอนาคตเอาออกมาใช้อีก เธอจะยังสามารถปกป้องคนรอบตัวเธอได้อีกหรือเปล่า?
ในขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังหงุดหงิดอยู่นั้นก็มีคนเคาะประตู
เธอใส่รองเท้าแตะเดินไปเปิด เป็นทหารที่เฝ้ายามหน้าหมู่บ้าน
“พี่สะใภ้ครับ มีคนให้เอานี่มาให้พี่ครับ” ทหารหนุ่มยิ้มกว้างให้ ภรรยาของหัวหน้าใหญ่เป็นพี่สะใภ้ที่หน้าตาดีสุดในหมู่บ้านแล้ว ถึงครั้งแรกที่เจอจะรู้สึกว่าเธอหยิ่ง แต่พออยู่ไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่าเธอก็ดี บางครั้งผ่านป้อมยามหน้าหมู่บ้านมีให้น้ำให้ไอศกรีมด้วย
“ใครให้มาเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนรับมา เป็นกล่องใบหนึ่ง ระบุว่าข้างในเป็นหนังสือ
“พนักงานไปรษณีย์ครับ”
เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เธอไปสั่งหนังสือต่างประเทศที่ร้านหนังสือ สงสัยของจะมาถึงแล้ว
“เข้ามาดื่มน้ำก่อนสิ”
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณครับพี่สะใภ้!”
ทหารหนุ่มดูเขินๆ ส่งของเสร็จก็รีบหายตัวไป เสี่ยวเชี่ยนจะไปหยิบน้ำมาให้ก็ไม่ทัน
เสี่ยวเชี่ยนเปิดกล่องดู เป็นหนังสือที่เธอสั่งมาจริงด้วย เธอหยิบออกมาทีละเล่ม ทันใดนั้นก็ไปสะดุดตากับหนังสือปกหนังแกะที่ดูเก่าเล็กน้อยที่อยู่ล่างสุด
นี่มันอะไรกัน? ของแถม? ทำไมร้านหนังสือแถมของเก่าแบบนี้มาให้ล่ะ หรือตอนห่อของเจ้าของร้านเผลอทำสมุดบัญชีของร้านร่วงลงมาในกล่องด้วย?
เสี่ยวเชี่ยนหยิบขึ้นมา หนังสือปกหนังแกะเล่มนี้ดูมีอายุหลายปีแล้ว หน้าปกเป็นหนังแกะสีเทาอ่อน มีตราประทับคล้ายรูปเข็มทิศ หนังสือถูกเย็บด้วยเชือก ดูแล้วให้ความขลังไม่เบา แผ่นกระดาษทำมาจากหนังวัว ให้กลิ่นอายแบบหนังสือโบราณ
ดูภายนอกไม่แปลกอะไร แต่พอเอาขึ้นมาดูใกล้ๆถึงจะพบความผิดปกติ ในฐานะที่เธอเป็นบอสสาวผู้ผ่านประสบการณ์มาเยอะ เสี่ยวเชี่ยนย่อมรู้ถึงมูลค่าของสิ่งนี้ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา ไม่ใช่ของที่คนอย่างเจ้าของร้านหนังสือจะใช้
เธอเปิดหนังสือดูด้วยความสงสัย ในนั้นมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษแบบตัวเขียน เสี่ยวเชี่ยนอ่านไปได้ไม่กี่บรรทัดก็รู้สึกขนลุก
นี่ นี่ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้หรอกเหรอ?!
บทเกริ่นนำเขียนไว้เกี่ยวกับการสะกดจิตแบบแทรกซึม ที่แท้แมวหลีฮวาก็ใช้วิธีที่เรียกว่าการสะกดจิตแบบแทรกซึม บทเกริ่นนำได้เขียนแนะนำถึงต้นกำเนิดของเรื่องนี้ ซึ่งไม่ได้อยู่ในขอบเขตของจิตวิทยาศึกษาในสมัยนี้ เป็นเทคนิคเฉพาะกลุ่มที่คิดกันขึ้นมาเอง และกลุ่มนั้นมีชื่อว่า—
Qi mu nong chang?
นี่มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เป็นพินอินภาษาจีนไม่ใช่เหรอ? แปลออกมาได้ว่า…ฟาร์มเจ็ดหมู่[2] ?
เสี่ยวเชี่ยนขยี้ตา เธอมองแล้วมองอีก รู้สึกเหมือนตัวเองเดินมาผิดทาง
ชื่อเชยๆแบบนี้มันใช่กลุ่มแนวคิดของสาขาประสาทที่ดูลึกลับนี่จริงๆเหรอ?
ข้างหูเหมือนมีเพลงทุ่งนาดังลอยมา เหมือนเห็นรวงข้าวสีทอง…
[1] สมุนไพรจีนที่ช่วยดับร้อนในๆร่างกายได้
[2] หน่วยวัดพื้นที่ของจีน 1หมู่=666.66ตารางเมตรโดยประมาณ
Comments
แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 949 ฟาร์มเจ็ดหมู่
พ่อสือเป็นคนใจกว้าง ชีวิตนี้เขาช่วยเหลือคนมามาก ถึงแม้วิกฤติในครั้งนี้หลายคนจะเลือกนั่งมองเฉยๆหรือคิดจะฉวยโอกาสก็มี แต่สุดท้ายก็ยังมีเพื่อนที่รักกันเหนียวแน่นยอมช่วยเขา เชื่อว่าถ้าให้เวลา พ่อสือจะต้องแก้ไขความผิดพลาดก่อนหน้านี้แล้วพากิจการเข้าสู่สภาวะปกติได้แน่
สำหรับสืออวี้กับเสี่ยวเชี่ยน วิกฤติในครั้งนี้เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมมิตรภาพของทั้งสองคนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทำให้เติบโตไปอีกขั้น
ในความเป็นจริง วิธีของเสี่ยวเชี่ยนในครั้งนี้ อีกหน่อยหากมองย้อนกลับไปนับเป็นเรื่องที่ถูกต้องจริงๆ
หลังจากนั้นการแย่งชิงอำนาจของสุ่ยเซียนเกิดข้อผิดพลาดนิดหน่อย ตระกูลสือได้เข้าช่วยเหลืออย่างไม่ลังเล ช่วยให้อำนาจของสุ่ยเซียนมั่นคง แต่นี่ก็เป็นเรื่องในภายหลัง
เสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้กำจัดเรื่องในใจไปได้แล้วเรื่องหนึ่ง เธอสบายใจขึ้นมาก แต่ในลิ้นชักของเธอมีโทรศัพท์มือถือสีขาวเพิ่มเข้ามา
ตาแมวหลีฮวาที่น่ารังเกียจนั่นทิ้งเอาไว้ เสี่ยวเชี่ยนลอบมองโทรศัพท์เครื่องนั้นบ่อยๆ รู้สึกเหมือนมีก้างปลาติดคอ มันเป็นเครื่องย้ำเตือนว่ายังมีสิ่งที่เธอไม่รู้อีกมากรอเธอออกไปค้นหาอยู่ เธอต้องพยายามศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ
แต่ไม่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะสืบค้นข้อมูลยังไงก็ไม่เจอสิ่งที่เธอต้องการ เธอจึงรู้สึกหงุดหงิดมาก
ทางด้านอาจารย์ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เธอไปจองหนังสือที่ร้านก็ไม่มีที่ต้องการ ลองค้นคว้าด้วยตัวเองก็ไม่มีอะไรคืบหน้า และความหงุดหงิดของเธอทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของอาข่าหมด
อาข่าไม่แอบดักฟังเสี่ยวเชี่ยนแล้ว แต่เธอยังคงอยู่ที่นี่ต่อเพื่อคอยปกป้องประธานเชี่ยนตามความต้องการของบอสเธอ ทุกอาทิตย์เธอต้องรายงานบอสว่าประธานเชี่ยนสุขสบายดีหรือเปล่า หลังจากประธานเชี่ยนจัดการเรื่องสืออวี้ถูกสะกดจิตเรียบร้อยแล้ว เธอก็ย่อมต้องรายงานความกลุ้มใจของประธานเชี่ยนไปด้วย
“บอสคะ ช่วงหลายวันนี้ประธานเชี่ยนดูหงุดหงิดมากเลยค่ะ ฉันเห็นสิวขึ้นที่หน้าผากเขาด้วยค่ะ เมื่อวานเห็นเขาไปซื้อยาหนิวหวง[1]ที่ร้านยา ได้ยินว่าเหงือกบวมร้อนในด้วยนะคะ”
“ไปซื้ออาหารกินแก้ร้อนในให้เขาด้วย แล้วมาเบิกเงินกับฉัน—จริงสิ พวกเธอจะไปเที่ยวพวกสถานบันเทิงยามค่ำคืนก็ได้นะ เอาแบบที่มีหนุ่มๆเยอะๆน่ะ แล้วก็แนะนำให้เขารู้จักด้วย จะต้องเป็นเพราะไอ้ทหารนั่นงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาดูแลเบบี๋เชี่ยนแน่นอน ถึงทำให้เด็กน้อยต้องอดกลั้นจนร้อนใน…”
อาข่าทำตาตี่ใส่
บอสจะยุให้ประธานเชี่ยนออกไปเที่ยวกลางคืน…?!
“มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องนั้นสักหน่อย! บอสคิดว่าประธานเชี่ยนเป็นบอสหรือไงที่มีสาวๆเข้ามาไม่ขาดสาย ประธานเชี่ยนออกจะรักกันดีกับอวี๋หมิงหลาง”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วทำไมถึงได้ร้อนใน? ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้รับเคสอะไรยากๆเสียหน่อย ช่วงนี้เขามีท่าทางผิดปกติเหรอ?”
“ก็ดูไม่มีอะไรผิดปกตินะคะ…อ้อ จริงสิ ช่วงสองวันนี้เขาตระเวนไปตามร้านหนังสือใหญ่ๆทั่วเมืองเลย ดูเหมือนกำลังตามหาหนังสือเกี่ยวกับการสะกดจิต”
“สะกดจิต? ทำไมเขาอ่านพวกนั้น—” สมองอันชาญฉลาดของศาสตราจารย์ชีประมวลผลอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็นึกออกเรื่องหนึ่ง เขาตีหัวตัวเอง
“ไอ๊หยา ฉันได้ยินมาว่าไอ้หมอนั่นช่วงนี้ป้วนเปี้ยนอยู่แถวเมืองที่เบบี๋เชี่ยนอยู่ หรือว่า…”
เบบี๋เชี่ยนจะเจอแมวใหญ่ไวกว่าที่คิด รู้สึกเจ็บแค้นใจ?
“หรือว่าอะไรคะ?” อาข่ายังไม่เข้าใจ
“เอาล่ะ เธอซื้อซุปตะพาบกับชาดับร้อนในไปให้เขาแล้วกัน เรื่องอื่นฉันจัดการเอง”
พอวางสายอาข่าก็ยังไม่เข้าใจ บอสจะจัดการเรื่องอะไร แล้วประธานเชี่ยนเป็นอะไรกันแน่?
“สองคนนี้สื่อสารทางใจกันได้งั้นเหรอ?” อาข่าพูดพึมพำอยู่คนเดียว
…
ข้อมูลที่เสี่ยวเชี่ยนหาได้ไม่สามารถวิเคราะห์ว่าแมวหลีฮวาทำแบบนั้นกับสืออวี้ได้อย่างไร แต่เธอก็ยังคงสามารถวิเคราะห์สิ่งที่เธอไม่เคยรู้ออกมาได้บ้างจากประสบการณ์ของตัวเองรวมถึงประสบการณ์จากที่สืออวี้เอาชนะในครั้งนี้ได้สำเร็จ
อย่างเช่น จะดูออกได้อย่างไรว่าเคยถูกสะกดจิตด้วยวิธีแบบนั้น ถ้าต่อไปเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ประธานเชี่ยนก็มั่นใจแล้วว่าจะจับสังเกตได้ไวกว่าครั้งนี้
นี่ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว เพราะอย่างไรเสียเธอก็ไม่เคยได้สัมผัสกับเรื่องนี้มาก่อน
แต่ประธานเชี่ยนก็ยังไม่พอใจ
หากยกคำพูดของอวี๋หมิงหลางมาพูดก็คือ เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่ถ้าเกิดสนใจเรื่องไหนแล้วต้องเอาให้สุด
ใครกล้าเหยียบเข้ามาในอาณาเขตของเธอ แตะต้องคนของเธอ ถ้าประธานเชี่ยนไม่จัดการให้สาแก่ใจก็จะไม่ปล่อยไป
ตอนนี้เธอคิดหาวิธีแก้แค้นคนที่บงการอยู่เบื้องหลังคนนั้นได้แล้ว แต่กับตาแมวหลีฮวานั่นเธอยังไม่มีแผนใดๆเลย
เรื่องนี้ทำให้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกติดค้างอยู่ในใจ
ในที่ที่เธอมองไม่เห็น มีคนบางกลุ่มรู้เทคนิคควบคุมจิตใจชนิดตรงกันข้ามกับความรู้ที่เธอเรียนมาโดยสิ้นเชิง ถึงแมวหลีฮวาจะแสดงฝีมือออกมาเพียงแค่เล็กน้อย แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่
สมมติว่าคนพวกนั้นยังมีเทคนิคอีกมากที่ไม่มีใครรู้ หากในอนาคตเอาออกมาใช้อีก เธอจะยังสามารถปกป้องคนรอบตัวเธอได้อีกหรือเปล่า?
ในขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังหงุดหงิดอยู่นั้นก็มีคนเคาะประตู
เธอใส่รองเท้าแตะเดินไปเปิด เป็นทหารที่เฝ้ายามหน้าหมู่บ้าน
“พี่สะใภ้ครับ มีคนให้เอานี่มาให้พี่ครับ” ทหารหนุ่มยิ้มกว้างให้ ภรรยาของหัวหน้าใหญ่เป็นพี่สะใภ้ที่หน้าตาดีสุดในหมู่บ้านแล้ว ถึงครั้งแรกที่เจอจะรู้สึกว่าเธอหยิ่ง แต่พออยู่ไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่าเธอก็ดี บางครั้งผ่านป้อมยามหน้าหมู่บ้านมีให้น้ำให้ไอศกรีมด้วย
“ใครให้มาเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนรับมา เป็นกล่องใบหนึ่ง ระบุว่าข้างในเป็นหนังสือ
“พนักงานไปรษณีย์ครับ”
เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เธอไปสั่งหนังสือต่างประเทศที่ร้านหนังสือ สงสัยของจะมาถึงแล้ว
“เข้ามาดื่มน้ำก่อนสิ”
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณครับพี่สะใภ้!”
ทหารหนุ่มดูเขินๆ ส่งของเสร็จก็รีบหายตัวไป เสี่ยวเชี่ยนจะไปหยิบน้ำมาให้ก็ไม่ทัน
เสี่ยวเชี่ยนเปิดกล่องดู เป็นหนังสือที่เธอสั่งมาจริงด้วย เธอหยิบออกมาทีละเล่ม ทันใดนั้นก็ไปสะดุดตากับหนังสือปกหนังแกะที่ดูเก่าเล็กน้อยที่อยู่ล่างสุด
นี่มันอะไรกัน? ของแถม? ทำไมร้านหนังสือแถมของเก่าแบบนี้มาให้ล่ะ หรือตอนห่อของเจ้าของร้านเผลอทำสมุดบัญชีของร้านร่วงลงมาในกล่องด้วย?
เสี่ยวเชี่ยนหยิบขึ้นมา หนังสือปกหนังแกะเล่มนี้ดูมีอายุหลายปีแล้ว หน้าปกเป็นหนังแกะสีเทาอ่อน มีตราประทับคล้ายรูปเข็มทิศ หนังสือถูกเย็บด้วยเชือก ดูแล้วให้ความขลังไม่เบา แผ่นกระดาษทำมาจากหนังวัว ให้กลิ่นอายแบบหนังสือโบราณ
ดูภายนอกไม่แปลกอะไร แต่พอเอาขึ้นมาดูใกล้ๆถึงจะพบความผิดปกติ ในฐานะที่เธอเป็นบอสสาวผู้ผ่านประสบการณ์มาเยอะ เสี่ยวเชี่ยนย่อมรู้ถึงมูลค่าของสิ่งนี้ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา ไม่ใช่ของที่คนอย่างเจ้าของร้านหนังสือจะใช้
เธอเปิดหนังสือดูด้วยความสงสัย ในนั้นมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษแบบตัวเขียน เสี่ยวเชี่ยนอ่านไปได้ไม่กี่บรรทัดก็รู้สึกขนลุก
นี่ นี่ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้หรอกเหรอ?!
บทเกริ่นนำเขียนไว้เกี่ยวกับการสะกดจิตแบบแทรกซึม ที่แท้แมวหลีฮวาก็ใช้วิธีที่เรียกว่าการสะกดจิตแบบแทรกซึม บทเกริ่นนำได้เขียนแนะนำถึงต้นกำเนิดของเรื่องนี้ ซึ่งไม่ได้อยู่ในขอบเขตของจิตวิทยาศึกษาในสมัยนี้ เป็นเทคนิคเฉพาะกลุ่มที่คิดกันขึ้นมาเอง และกลุ่มนั้นมีชื่อว่า—
Qi mu nong chang?
นี่มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เป็นพินอินภาษาจีนไม่ใช่เหรอ? แปลออกมาได้ว่า…ฟาร์มเจ็ดหมู่[2] ?
เสี่ยวเชี่ยนขยี้ตา เธอมองแล้วมองอีก รู้สึกเหมือนตัวเองเดินมาผิดทาง
ชื่อเชยๆแบบนี้มันใช่กลุ่มแนวคิดของสาขาประสาทที่ดูลึกลับนี่จริงๆเหรอ?
ข้างหูเหมือนมีเพลงทุ่งนาดังลอยมา เหมือนเห็นรวงข้าวสีทอง…
[1] สมุนไพรจีนที่ช่วยดับร้อนในๆร่างกายได้
[2] หน่วยวัดพื้นที่ของจีน 1หมู่=666.66ตารางเมตรโดยประมาณ
Comments
แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 949 ฟาร์มเจ็ดหมู่
พ่อสือเป็นคนใจกว้าง ชีวิตนี้เขาช่วยเหลือคนมามาก ถึงแม้วิกฤติในครั้งนี้หลายคนจะเลือกนั่งมองเฉยๆหรือคิดจะฉวยโอกาสก็มี แต่สุดท้ายก็ยังมีเพื่อนที่รักกันเหนียวแน่นยอมช่วยเขา เชื่อว่าถ้าให้เวลา พ่อสือจะต้องแก้ไขความผิดพลาดก่อนหน้านี้แล้วพากิจการเข้าสู่สภาวะปกติได้แน่
สำหรับสืออวี้กับเสี่ยวเชี่ยน วิกฤติในครั้งนี้เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมมิตรภาพของทั้งสองคนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทำให้เติบโตไปอีกขั้น
ในความเป็นจริง วิธีของเสี่ยวเชี่ยนในครั้งนี้ อีกหน่อยหากมองย้อนกลับไปนับเป็นเรื่องที่ถูกต้องจริงๆ
หลังจากนั้นการแย่งชิงอำนาจของสุ่ยเซียนเกิดข้อผิดพลาดนิดหน่อย ตระกูลสือได้เข้าช่วยเหลืออย่างไม่ลังเล ช่วยให้อำนาจของสุ่ยเซียนมั่นคง แต่นี่ก็เป็นเรื่องในภายหลัง
เสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้กำจัดเรื่องในใจไปได้แล้วเรื่องหนึ่ง เธอสบายใจขึ้นมาก แต่ในลิ้นชักของเธอมีโทรศัพท์มือถือสีขาวเพิ่มเข้ามา
ตาแมวหลีฮวาที่น่ารังเกียจนั่นทิ้งเอาไว้ เสี่ยวเชี่ยนลอบมองโทรศัพท์เครื่องนั้นบ่อยๆ รู้สึกเหมือนมีก้างปลาติดคอ มันเป็นเครื่องย้ำเตือนว่ายังมีสิ่งที่เธอไม่รู้อีกมากรอเธอออกไปค้นหาอยู่ เธอต้องพยายามศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ
แต่ไม่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะสืบค้นข้อมูลยังไงก็ไม่เจอสิ่งที่เธอต้องการ เธอจึงรู้สึกหงุดหงิดมาก
ทางด้านอาจารย์ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เธอไปจองหนังสือที่ร้านก็ไม่มีที่ต้องการ ลองค้นคว้าด้วยตัวเองก็ไม่มีอะไรคืบหน้า และความหงุดหงิดของเธอทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของอาข่าหมด
อาข่าไม่แอบดักฟังเสี่ยวเชี่ยนแล้ว แต่เธอยังคงอยู่ที่นี่ต่อเพื่อคอยปกป้องประธานเชี่ยนตามความต้องการของบอสเธอ ทุกอาทิตย์เธอต้องรายงานบอสว่าประธานเชี่ยนสุขสบายดีหรือเปล่า หลังจากประธานเชี่ยนจัดการเรื่องสืออวี้ถูกสะกดจิตเรียบร้อยแล้ว เธอก็ย่อมต้องรายงานความกลุ้มใจของประธานเชี่ยนไปด้วย
“บอสคะ ช่วงหลายวันนี้ประธานเชี่ยนดูหงุดหงิดมากเลยค่ะ ฉันเห็นสิวขึ้นที่หน้าผากเขาด้วยค่ะ เมื่อวานเห็นเขาไปซื้อยาหนิวหวง[1]ที่ร้านยา ได้ยินว่าเหงือกบวมร้อนในด้วยนะคะ”
“ไปซื้ออาหารกินแก้ร้อนในให้เขาด้วย แล้วมาเบิกเงินกับฉัน—จริงสิ พวกเธอจะไปเที่ยวพวกสถานบันเทิงยามค่ำคืนก็ได้นะ เอาแบบที่มีหนุ่มๆเยอะๆน่ะ แล้วก็แนะนำให้เขารู้จักด้วย จะต้องเป็นเพราะไอ้ทหารนั่นงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาดูแลเบบี๋เชี่ยนแน่นอน ถึงทำให้เด็กน้อยต้องอดกลั้นจนร้อนใน…”
อาข่าทำตาตี่ใส่
บอสจะยุให้ประธานเชี่ยนออกไปเที่ยวกลางคืน…?!
“มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องนั้นสักหน่อย! บอสคิดว่าประธานเชี่ยนเป็นบอสหรือไงที่มีสาวๆเข้ามาไม่ขาดสาย ประธานเชี่ยนออกจะรักกันดีกับอวี๋หมิงหลาง”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วทำไมถึงได้ร้อนใน? ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้รับเคสอะไรยากๆเสียหน่อย ช่วงนี้เขามีท่าทางผิดปกติเหรอ?”
“ก็ดูไม่มีอะไรผิดปกตินะคะ…อ้อ จริงสิ ช่วงสองวันนี้เขาตระเวนไปตามร้านหนังสือใหญ่ๆทั่วเมืองเลย ดูเหมือนกำลังตามหาหนังสือเกี่ยวกับการสะกดจิต”
“สะกดจิต? ทำไมเขาอ่านพวกนั้น—” สมองอันชาญฉลาดของศาสตราจารย์ชีประมวลผลอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็นึกออกเรื่องหนึ่ง เขาตีหัวตัวเอง
“ไอ๊หยา ฉันได้ยินมาว่าไอ้หมอนั่นช่วงนี้ป้วนเปี้ยนอยู่แถวเมืองที่เบบี๋เชี่ยนอยู่ หรือว่า…”
เบบี๋เชี่ยนจะเจอแมวใหญ่ไวกว่าที่คิด รู้สึกเจ็บแค้นใจ?
“หรือว่าอะไรคะ?” อาข่ายังไม่เข้าใจ
“เอาล่ะ เธอซื้อซุปตะพาบกับชาดับร้อนในไปให้เขาแล้วกัน เรื่องอื่นฉันจัดการเอง”
พอวางสายอาข่าก็ยังไม่เข้าใจ บอสจะจัดการเรื่องอะไร แล้วประธานเชี่ยนเป็นอะไรกันแน่?
“สองคนนี้สื่อสารทางใจกันได้งั้นเหรอ?” อาข่าพูดพึมพำอยู่คนเดียว
…
ข้อมูลที่เสี่ยวเชี่ยนหาได้ไม่สามารถวิเคราะห์ว่าแมวหลีฮวาทำแบบนั้นกับสืออวี้ได้อย่างไร แต่เธอก็ยังคงสามารถวิเคราะห์สิ่งที่เธอไม่เคยรู้ออกมาได้บ้างจากประสบการณ์ของตัวเองรวมถึงประสบการณ์จากที่สืออวี้เอาชนะในครั้งนี้ได้สำเร็จ
อย่างเช่น จะดูออกได้อย่างไรว่าเคยถูกสะกดจิตด้วยวิธีแบบนั้น ถ้าต่อไปเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ประธานเชี่ยนก็มั่นใจแล้วว่าจะจับสังเกตได้ไวกว่าครั้งนี้
นี่ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว เพราะอย่างไรเสียเธอก็ไม่เคยได้สัมผัสกับเรื่องนี้มาก่อน
แต่ประธานเชี่ยนก็ยังไม่พอใจ
หากยกคำพูดของอวี๋หมิงหลางมาพูดก็คือ เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่ถ้าเกิดสนใจเรื่องไหนแล้วต้องเอาให้สุด
ใครกล้าเหยียบเข้ามาในอาณาเขตของเธอ แตะต้องคนของเธอ ถ้าประธานเชี่ยนไม่จัดการให้สาแก่ใจก็จะไม่ปล่อยไป
ตอนนี้เธอคิดหาวิธีแก้แค้นคนที่บงการอยู่เบื้องหลังคนนั้นได้แล้ว แต่กับตาแมวหลีฮวานั่นเธอยังไม่มีแผนใดๆเลย
เรื่องนี้ทำให้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกติดค้างอยู่ในใจ
ในที่ที่เธอมองไม่เห็น มีคนบางกลุ่มรู้เทคนิคควบคุมจิตใจชนิดตรงกันข้ามกับความรู้ที่เธอเรียนมาโดยสิ้นเชิง ถึงแมวหลีฮวาจะแสดงฝีมือออกมาเพียงแค่เล็กน้อย แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่
สมมติว่าคนพวกนั้นยังมีเทคนิคอีกมากที่ไม่มีใครรู้ หากในอนาคตเอาออกมาใช้อีก เธอจะยังสามารถปกป้องคนรอบตัวเธอได้อีกหรือเปล่า?
ในขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังหงุดหงิดอยู่นั้นก็มีคนเคาะประตู
เธอใส่รองเท้าแตะเดินไปเปิด เป็นทหารที่เฝ้ายามหน้าหมู่บ้าน
“พี่สะใภ้ครับ มีคนให้เอานี่มาให้พี่ครับ” ทหารหนุ่มยิ้มกว้างให้ ภรรยาของหัวหน้าใหญ่เป็นพี่สะใภ้ที่หน้าตาดีสุดในหมู่บ้านแล้ว ถึงครั้งแรกที่เจอจะรู้สึกว่าเธอหยิ่ง แต่พออยู่ไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่าเธอก็ดี บางครั้งผ่านป้อมยามหน้าหมู่บ้านมีให้น้ำให้ไอศกรีมด้วย
“ใครให้มาเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนรับมา เป็นกล่องใบหนึ่ง ระบุว่าข้างในเป็นหนังสือ
“พนักงานไปรษณีย์ครับ”
เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เธอไปสั่งหนังสือต่างประเทศที่ร้านหนังสือ สงสัยของจะมาถึงแล้ว
“เข้ามาดื่มน้ำก่อนสิ”
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณครับพี่สะใภ้!”
ทหารหนุ่มดูเขินๆ ส่งของเสร็จก็รีบหายตัวไป เสี่ยวเชี่ยนจะไปหยิบน้ำมาให้ก็ไม่ทัน
เสี่ยวเชี่ยนเปิดกล่องดู เป็นหนังสือที่เธอสั่งมาจริงด้วย เธอหยิบออกมาทีละเล่ม ทันใดนั้นก็ไปสะดุดตากับหนังสือปกหนังแกะที่ดูเก่าเล็กน้อยที่อยู่ล่างสุด
นี่มันอะไรกัน? ของแถม? ทำไมร้านหนังสือแถมของเก่าแบบนี้มาให้ล่ะ หรือตอนห่อของเจ้าของร้านเผลอทำสมุดบัญชีของร้านร่วงลงมาในกล่องด้วย?
เสี่ยวเชี่ยนหยิบขึ้นมา หนังสือปกหนังแกะเล่มนี้ดูมีอายุหลายปีแล้ว หน้าปกเป็นหนังแกะสีเทาอ่อน มีตราประทับคล้ายรูปเข็มทิศ หนังสือถูกเย็บด้วยเชือก ดูแล้วให้ความขลังไม่เบา แผ่นกระดาษทำมาจากหนังวัว ให้กลิ่นอายแบบหนังสือโบราณ
ดูภายนอกไม่แปลกอะไร แต่พอเอาขึ้นมาดูใกล้ๆถึงจะพบความผิดปกติ ในฐานะที่เธอเป็นบอสสาวผู้ผ่านประสบการณ์มาเยอะ เสี่ยวเชี่ยนย่อมรู้ถึงมูลค่าของสิ่งนี้ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา ไม่ใช่ของที่คนอย่างเจ้าของร้านหนังสือจะใช้
เธอเปิดหนังสือดูด้วยความสงสัย ในนั้นมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษแบบตัวเขียน เสี่ยวเชี่ยนอ่านไปได้ไม่กี่บรรทัดก็รู้สึกขนลุก
นี่ นี่ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้หรอกเหรอ?!
บทเกริ่นนำเขียนไว้เกี่ยวกับการสะกดจิตแบบแทรกซึม ที่แท้แมวหลีฮวาก็ใช้วิธีที่เรียกว่าการสะกดจิตแบบแทรกซึม บทเกริ่นนำได้เขียนแนะนำถึงต้นกำเนิดของเรื่องนี้ ซึ่งไม่ได้อยู่ในขอบเขตของจิตวิทยาศึกษาในสมัยนี้ เป็นเทคนิคเฉพาะกลุ่มที่คิดกันขึ้นมาเอง และกลุ่มนั้นมีชื่อว่า—
Qi mu nong chang?
นี่มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เป็นพินอินภาษาจีนไม่ใช่เหรอ? แปลออกมาได้ว่า…ฟาร์มเจ็ดหมู่[2] ?
เสี่ยวเชี่ยนขยี้ตา เธอมองแล้วมองอีก รู้สึกเหมือนตัวเองเดินมาผิดทาง
ชื่อเชยๆแบบนี้มันใช่กลุ่มแนวคิดของสาขาประสาทที่ดูลึกลับนี่จริงๆเหรอ?
ข้างหูเหมือนมีเพลงทุ่งนาดังลอยมา เหมือนเห็นรวงข้าวสีทอง…
[1] สมุนไพรจีนที่ช่วยดับร้อนในๆร่างกายได้
[2] หน่วยวัดพื้นที่ของจีน 1หมู่=666.66ตารางเมตรโดยประมาณ
Comments
แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 949 ฟาร์มเจ็ดหมู่
พ่อสือเป็นคนใจกว้าง ชีวิตนี้เขาช่วยเหลือคนมามาก ถึงแม้วิกฤติในครั้งนี้หลายคนจะเลือกนั่งมองเฉยๆหรือคิดจะฉวยโอกาสก็มี แต่สุดท้ายก็ยังมีเพื่อนที่รักกันเหนียวแน่นยอมช่วยเขา เชื่อว่าถ้าให้เวลา พ่อสือจะต้องแก้ไขความผิดพลาดก่อนหน้านี้แล้วพากิจการเข้าสู่สภาวะปกติได้แน่
สำหรับสืออวี้กับเสี่ยวเชี่ยน วิกฤติในครั้งนี้เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมมิตรภาพของทั้งสองคนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทำให้เติบโตไปอีกขั้น
ในความเป็นจริง วิธีของเสี่ยวเชี่ยนในครั้งนี้ อีกหน่อยหากมองย้อนกลับไปนับเป็นเรื่องที่ถูกต้องจริงๆ
หลังจากนั้นการแย่งชิงอำนาจของสุ่ยเซียนเกิดข้อผิดพลาดนิดหน่อย ตระกูลสือได้เข้าช่วยเหลืออย่างไม่ลังเล ช่วยให้อำนาจของสุ่ยเซียนมั่นคง แต่นี่ก็เป็นเรื่องในภายหลัง
เสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้กำจัดเรื่องในใจไปได้แล้วเรื่องหนึ่ง เธอสบายใจขึ้นมาก แต่ในลิ้นชักของเธอมีโทรศัพท์มือถือสีขาวเพิ่มเข้ามา
ตาแมวหลีฮวาที่น่ารังเกียจนั่นทิ้งเอาไว้ เสี่ยวเชี่ยนลอบมองโทรศัพท์เครื่องนั้นบ่อยๆ รู้สึกเหมือนมีก้างปลาติดคอ มันเป็นเครื่องย้ำเตือนว่ายังมีสิ่งที่เธอไม่รู้อีกมากรอเธอออกไปค้นหาอยู่ เธอต้องพยายามศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ
แต่ไม่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะสืบค้นข้อมูลยังไงก็ไม่เจอสิ่งที่เธอต้องการ เธอจึงรู้สึกหงุดหงิดมาก
ทางด้านอาจารย์ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เธอไปจองหนังสือที่ร้านก็ไม่มีที่ต้องการ ลองค้นคว้าด้วยตัวเองก็ไม่มีอะไรคืบหน้า และความหงุดหงิดของเธอทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของอาข่าหมด
อาข่าไม่แอบดักฟังเสี่ยวเชี่ยนแล้ว แต่เธอยังคงอยู่ที่นี่ต่อเพื่อคอยปกป้องประธานเชี่ยนตามความต้องการของบอสเธอ ทุกอาทิตย์เธอต้องรายงานบอสว่าประธานเชี่ยนสุขสบายดีหรือเปล่า หลังจากประธานเชี่ยนจัดการเรื่องสืออวี้ถูกสะกดจิตเรียบร้อยแล้ว เธอก็ย่อมต้องรายงานความกลุ้มใจของประธานเชี่ยนไปด้วย
“บอสคะ ช่วงหลายวันนี้ประธานเชี่ยนดูหงุดหงิดมากเลยค่ะ ฉันเห็นสิวขึ้นที่หน้าผากเขาด้วยค่ะ เมื่อวานเห็นเขาไปซื้อยาหนิวหวง[1]ที่ร้านยา ได้ยินว่าเหงือกบวมร้อนในด้วยนะคะ”
“ไปซื้ออาหารกินแก้ร้อนในให้เขาด้วย แล้วมาเบิกเงินกับฉัน—จริงสิ พวกเธอจะไปเที่ยวพวกสถานบันเทิงยามค่ำคืนก็ได้นะ เอาแบบที่มีหนุ่มๆเยอะๆน่ะ แล้วก็แนะนำให้เขารู้จักด้วย จะต้องเป็นเพราะไอ้ทหารนั่นงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาดูแลเบบี๋เชี่ยนแน่นอน ถึงทำให้เด็กน้อยต้องอดกลั้นจนร้อนใน…”
อาข่าทำตาตี่ใส่
บอสจะยุให้ประธานเชี่ยนออกไปเที่ยวกลางคืน…?!
“มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องนั้นสักหน่อย! บอสคิดว่าประธานเชี่ยนเป็นบอสหรือไงที่มีสาวๆเข้ามาไม่ขาดสาย ประธานเชี่ยนออกจะรักกันดีกับอวี๋หมิงหลาง”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วทำไมถึงได้ร้อนใน? ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้รับเคสอะไรยากๆเสียหน่อย ช่วงนี้เขามีท่าทางผิดปกติเหรอ?”
“ก็ดูไม่มีอะไรผิดปกตินะคะ…อ้อ จริงสิ ช่วงสองวันนี้เขาตระเวนไปตามร้านหนังสือใหญ่ๆทั่วเมืองเลย ดูเหมือนกำลังตามหาหนังสือเกี่ยวกับการสะกดจิต”
“สะกดจิต? ทำไมเขาอ่านพวกนั้น—” สมองอันชาญฉลาดของศาสตราจารย์ชีประมวลผลอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็นึกออกเรื่องหนึ่ง เขาตีหัวตัวเอง
“ไอ๊หยา ฉันได้ยินมาว่าไอ้หมอนั่นช่วงนี้ป้วนเปี้ยนอยู่แถวเมืองที่เบบี๋เชี่ยนอยู่ หรือว่า…”
เบบี๋เชี่ยนจะเจอแมวใหญ่ไวกว่าที่คิด รู้สึกเจ็บแค้นใจ?
“หรือว่าอะไรคะ?” อาข่ายังไม่เข้าใจ
“เอาล่ะ เธอซื้อซุปตะพาบกับชาดับร้อนในไปให้เขาแล้วกัน เรื่องอื่นฉันจัดการเอง”
พอวางสายอาข่าก็ยังไม่เข้าใจ บอสจะจัดการเรื่องอะไร แล้วประธานเชี่ยนเป็นอะไรกันแน่?
“สองคนนี้สื่อสารทางใจกันได้งั้นเหรอ?” อาข่าพูดพึมพำอยู่คนเดียว
…
ข้อมูลที่เสี่ยวเชี่ยนหาได้ไม่สามารถวิเคราะห์ว่าแมวหลีฮวาทำแบบนั้นกับสืออวี้ได้อย่างไร แต่เธอก็ยังคงสามารถวิเคราะห์สิ่งที่เธอไม่เคยรู้ออกมาได้บ้างจากประสบการณ์ของตัวเองรวมถึงประสบการณ์จากที่สืออวี้เอาชนะในครั้งนี้ได้สำเร็จ
อย่างเช่น จะดูออกได้อย่างไรว่าเคยถูกสะกดจิตด้วยวิธีแบบนั้น ถ้าต่อไปเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ประธานเชี่ยนก็มั่นใจแล้วว่าจะจับสังเกตได้ไวกว่าครั้งนี้
นี่ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว เพราะอย่างไรเสียเธอก็ไม่เคยได้สัมผัสกับเรื่องนี้มาก่อน
แต่ประธานเชี่ยนก็ยังไม่พอใจ
หากยกคำพูดของอวี๋หมิงหลางมาพูดก็คือ เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่ถ้าเกิดสนใจเรื่องไหนแล้วต้องเอาให้สุด
ใครกล้าเหยียบเข้ามาในอาณาเขตของเธอ แตะต้องคนของเธอ ถ้าประธานเชี่ยนไม่จัดการให้สาแก่ใจก็จะไม่ปล่อยไป
ตอนนี้เธอคิดหาวิธีแก้แค้นคนที่บงการอยู่เบื้องหลังคนนั้นได้แล้ว แต่กับตาแมวหลีฮวานั่นเธอยังไม่มีแผนใดๆเลย
เรื่องนี้ทำให้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกติดค้างอยู่ในใจ
ในที่ที่เธอมองไม่เห็น มีคนบางกลุ่มรู้เทคนิคควบคุมจิตใจชนิดตรงกันข้ามกับความรู้ที่เธอเรียนมาโดยสิ้นเชิง ถึงแมวหลีฮวาจะแสดงฝีมือออกมาเพียงแค่เล็กน้อย แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่
สมมติว่าคนพวกนั้นยังมีเทคนิคอีกมากที่ไม่มีใครรู้ หากในอนาคตเอาออกมาใช้อีก เธอจะยังสามารถปกป้องคนรอบตัวเธอได้อีกหรือเปล่า?
ในขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังหงุดหงิดอยู่นั้นก็มีคนเคาะประตู
เธอใส่รองเท้าแตะเดินไปเปิด เป็นทหารที่เฝ้ายามหน้าหมู่บ้าน
“พี่สะใภ้ครับ มีคนให้เอานี่มาให้พี่ครับ” ทหารหนุ่มยิ้มกว้างให้ ภรรยาของหัวหน้าใหญ่เป็นพี่สะใภ้ที่หน้าตาดีสุดในหมู่บ้านแล้ว ถึงครั้งแรกที่เจอจะรู้สึกว่าเธอหยิ่ง แต่พออยู่ไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่าเธอก็ดี บางครั้งผ่านป้อมยามหน้าหมู่บ้านมีให้น้ำให้ไอศกรีมด้วย
“ใครให้มาเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนรับมา เป็นกล่องใบหนึ่ง ระบุว่าข้างในเป็นหนังสือ
“พนักงานไปรษณีย์ครับ”
เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เธอไปสั่งหนังสือต่างประเทศที่ร้านหนังสือ สงสัยของจะมาถึงแล้ว
“เข้ามาดื่มน้ำก่อนสิ”
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณครับพี่สะใภ้!”
ทหารหนุ่มดูเขินๆ ส่งของเสร็จก็รีบหายตัวไป เสี่ยวเชี่ยนจะไปหยิบน้ำมาให้ก็ไม่ทัน
เสี่ยวเชี่ยนเปิดกล่องดู เป็นหนังสือที่เธอสั่งมาจริงด้วย เธอหยิบออกมาทีละเล่ม ทันใดนั้นก็ไปสะดุดตากับหนังสือปกหนังแกะที่ดูเก่าเล็กน้อยที่อยู่ล่างสุด
นี่มันอะไรกัน? ของแถม? ทำไมร้านหนังสือแถมของเก่าแบบนี้มาให้ล่ะ หรือตอนห่อของเจ้าของร้านเผลอทำสมุดบัญชีของร้านร่วงลงมาในกล่องด้วย?
เสี่ยวเชี่ยนหยิบขึ้นมา หนังสือปกหนังแกะเล่มนี้ดูมีอายุหลายปีแล้ว หน้าปกเป็นหนังแกะสีเทาอ่อน มีตราประทับคล้ายรูปเข็มทิศ หนังสือถูกเย็บด้วยเชือก ดูแล้วให้ความขลังไม่เบา แผ่นกระดาษทำมาจากหนังวัว ให้กลิ่นอายแบบหนังสือโบราณ
ดูภายนอกไม่แปลกอะไร แต่พอเอาขึ้นมาดูใกล้ๆถึงจะพบความผิดปกติ ในฐานะที่เธอเป็นบอสสาวผู้ผ่านประสบการณ์มาเยอะ เสี่ยวเชี่ยนย่อมรู้ถึงมูลค่าของสิ่งนี้ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา ไม่ใช่ของที่คนอย่างเจ้าของร้านหนังสือจะใช้
เธอเปิดหนังสือดูด้วยความสงสัย ในนั้นมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษแบบตัวเขียน เสี่ยวเชี่ยนอ่านไปได้ไม่กี่บรรทัดก็รู้สึกขนลุก
นี่ นี่ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้หรอกเหรอ?!
บทเกริ่นนำเขียนไว้เกี่ยวกับการสะกดจิตแบบแทรกซึม ที่แท้แมวหลีฮวาก็ใช้วิธีที่เรียกว่าการสะกดจิตแบบแทรกซึม บทเกริ่นนำได้เขียนแนะนำถึงต้นกำเนิดของเรื่องนี้ ซึ่งไม่ได้อยู่ในขอบเขตของจิตวิทยาศึกษาในสมัยนี้ เป็นเทคนิคเฉพาะกลุ่มที่คิดกันขึ้นมาเอง และกลุ่มนั้นมีชื่อว่า—
Qi mu nong chang?
นี่มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เป็นพินอินภาษาจีนไม่ใช่เหรอ? แปลออกมาได้ว่า…ฟาร์มเจ็ดหมู่[2] ?
เสี่ยวเชี่ยนขยี้ตา เธอมองแล้วมองอีก รู้สึกเหมือนตัวเองเดินมาผิดทาง
ชื่อเชยๆแบบนี้มันใช่กลุ่มแนวคิดของสาขาประสาทที่ดูลึกลับนี่จริงๆเหรอ?
ข้างหูเหมือนมีเพลงทุ่งนาดังลอยมา เหมือนเห็นรวงข้าวสีทอง…
[1] สมุนไพรจีนที่ช่วยดับร้อนในๆร่างกายได้
[2] หน่วยวัดพื้นที่ของจีน 1หมู่=666.66ตารางเมตรโดยประมาณ
Comments
Pengaturan Membaca
The quick brown fox jumps over the lazy dog
Background :
Font :
Size :