คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 314 ชอบ เธอมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 314 ชอบ เธอมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เผยเทียนอี้รู้จักกับอิ๋งเย่ว์เซวียนมาหนึ่งปีแล้ว เขาชอบรุ่นน้องคนนี้มาก

มีความตั้งใจ รักความก้าวหน้า ไม่ใช่คนจับจดเพราะตัวเองเกิดในตระกูลเศรษฐี

ด้วยเหตุนี้พอเห็นโอกาสดีอะไรเผยเทียนอี้ก็จะแย่งมาให้อิ๋งเย่ว์เซวียน

เขารู้ว่าจะมีคณะนักวิจัยมาที่ประเทศจีน เพียงแต่ตอนแรกสุดไม่รู้ว่าจะมาที่โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ ต่อมาพอทราบข่าวเขาก็ยื่นเรื่อง ถึงได้ติดตามมาด้วย

อันที่จริงรู้ภาษาอังกฤษยุคกลางหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคนที่มาต้อนรับพวกเขาจะต้องเป็นอิ๋งเย่ว์เซวียน

เมื่อเป็นแบบนี้อีกหน่อยอิ๋งเย่ว์เซวียนก็จะมีโอกาสได้แสดงความสามารถมากขึ้น

พอได้ยินเผยเทียนอี้พูดแบบนี้อาจารย์เติ้งก็หุบยิ้ม ขมวดคิ้วแน่นขึ้น “พูดแบบนี้แสดงว่านักศึกษาเผยชำนาญภาษาอังกฤษยุคกลางเหรอคะ”

ตอนที่เธอไปเรียนประวัติศาสตร์ที่ยุโรปก็เคยเรียนภาษาอังกฤษยุคกลางอยู่ระยะหนึ่ง

เพราะหนังสือจำนวนหนึ่งมีแค่ฉบับภาษาอังกฤษยุคกลาง

“ไม่ถึงกับชำนาญครับ ก็แค่พอรู้ผิวเผิน” เผยเทียนอี้ตอบ “ผมรู้ว่าคำขอของผมอาจฟังดูเกินไป แต่อาจารย์เติ้งน่าจะทราบดีว่า การมาต้อนรับคณะนักวิจัยจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย”

อาจารย์เติ้งทราบในจุดนี้

คณะนักวิจัยคณะนี้มาจากโรงเรียนเอลานและโรงเรียนมัธยมหลายแห่งของยุโรป นอกจากอาจารย์จำนวนหนึ่ง ศาสตราจารย์หัวหน้าคณะก็มีชื่อเสียงมากในระดับสากล

เธอถึงได้ให้อิ๋งจื่อจินมาต้อนรับ

เผยเทียนอี้พูดขึ้นมาอีกครั้ง “อีกอย่างผมกับเย่ว์เซวียนก็สนิทกันด้วย เวลาสื่อสารก็จะง่ายหน่อย”

ขณะพูดเขาได้หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ “ตัดสินใจกะทันหัน นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยแสดงความขอโทษ รบกวนฝากอาจารย์เติ้งเอาไปให้นักเรียนคนนั้นด้วยนะครับ”

พูดถึงตรงนี้อาจารย์เติ้งก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว จำต้องพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”

ในคณะนักวิจัยมีลูกหลานของชาวจีนโพ้นทะเลอยู่ ทำให้การสื่อสารสะดวกมาก

จากนั้นอาจารย์เติ้งก็กลับไปที่ห้องพักครูก่อน ครุ่นคิดว่าจะเอ่ยปากอย่างไร สุดท้ายก็คิดว่าพูดไปตามตรงดีกว่า

พอฟังจบ สีหน้าของอิ๋งจื่อจินก็ชะงักเล็กน้อย เธอเลิกคิ้ว “ภาษาอังกฤษยุคกลางเหรอคะ”

“พวกเธออาจไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการของภาษาอังกฤษ” อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ภาษาอังกฤษโบราณคือช่วงศตวรรษที่ห้าถึงศตวรรษที่สิบสอง ต่อมาได้วิวัฒนาการกลายเป็นภาษาอังกฤษยุคกลาง หลังจากศตวรรษที่สิบหก ภาษาอังกฤษยุคกลางก็เริ่มถูกทำให้ง่ายขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นภาษาอังกฤษยุคปัจจุบันที่พวกเราเรียนกันอยู่ตอนนี้”

อิ๋งจื่อจินคิด “พอทราบมาบ้างค่ะ”

เธอเคยใช้ชีวิตอยู่กับพวกเชื้อพระวงศ์ในประเทศอังกฤษอยู่นานมาก เป็นโหราจารย์ของพวกเขา

ซึ่งก็ถือได้ว่าเธอเห็นวิวัฒนาการของภาษาอังกฤษยุคกลางว่าเปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษยุคปัจจุบันอย่างไร

“ตอนแรกอยากให้เธอได้เรียนรู้จากพวกเขา อาจารย์ไม่ดีเอง” อาจารย์เติ้งถอนหายใจ ยื่นของขวัญให้ “นี่เป็นของขวัญขอโทษจากพวกเขา”

อิ๋งจื่อจินไม่ถือสา เธอพยักหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ในเมื่อหนูไม่จำเป็นต้องไปแล้วงั้นหนูกลับห้องแล้วนะคะ”

อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ไปเถอะ”

ห้องสิบเก้า

“เอ๊ะ พ่ออิ๋ง” ซิวอวี่ที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ พอเห็นอิ๋งจื่อจินกลับมาก็ตกใจ “ไหนว่าตามอาจารย์ไปช่วยต้อนรับคณะนักวิจัยไง”

“มีคนไปแล้ว” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ สีหน้าผ่อนคลาย “ดีจริงๆ”

เดิมทีเธอก็ไม่ได้อยากเอาเวลาของตัวเองไปต้อนรับคณะนักวิจัย ก็แค่เพราะอาจารย์เติ้งขอมา เธอถึงได้จะทำ

“ใครกันจิตใจดีขนาดนี้” ซิวอวี่ได้ฟังก็เลยถามดู แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไร “พอดีเลย พอดีเลย เธอว่างแล้ว มาช่วยฉันปั่นโหวตดีกว่า”

“อะไรเหรอ” อิ๋งจื่อจินหันมา เห็นหน้าโหวตคะแนนในโทรศัพท์มือถือของซิวอวี่

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ครั้งนี้ไม่เหมือนกับซีซั่นแรก ยังไม่ได้เริ่มแข่งขันอย่างเป็นทางการก็มีการปล่อยข้อมูลของผู้เข้าแข่งขันทั้งร้อยเอ็ดคนออกมาแล้ว ตอนนี้เป็นการโหวตความนิยม

ซิวอวี่ลูบคาง “เวลาอารมณ์เสีย ดูคนหล่อก็หายแล้ว”

“แล้วลูกชายเธอล่ะ” เจียงหรานได้ยินเสียงก็เงยหน้าถามประชด “เปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”

“นายจะไปเข้าใจอะไร” ซิวอวี่ไม่สนใจเขา “ลูกชายฉันก็ยังเป็นลูกชายอยู่นั่นแหละ ตัวคั่นเวลาจะสู้ตัวจริงได้ไง”

เจียงหราน “…”

หลังจากอิ๋งจื่อจินช่วยซิวอวี่โหวตเสร็จก็มีข้อความวีแชทเข้า

จั่วหลีส่งมา

[นักเรียนอิ๋ง ศูนย์ฟิสิกส์สากลประกาศโจทย์ยากออกมาข้อหนึ่ง เกี่ยวกับกลศาสตร์ควอนตัมกับฟิสิกส์อวกาศ เธออยากลองดูไหม]

อิ๋งจื่อจินยังไม่ทันตอบข้อความที่สองก็ตามมาติดๆ

[อาจารย์สืบมาแล้ว มีเงินให้ ใครแก้โจทย์ได้ก่อนจะได้เงินรางวัลมากถึงหนึ่งล้านดอลลาร์!!!]

เครื่องหมายตกใจสามอันข้างท้ายเพราะกลัวเธอจะไม่อยากลองทำ

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ ตอบกลับสั้นๆ

[งั้นก็ได้ค่ะ]

หนึ่งนาทีต่อมาจั่วหลีก็ส่งโจทย์เข้าอีเมลของเธอ

อิ๋งจื่อจินกวาดตาอ่านหนึ่งรอบแล้วปิดไปก่อน เธอหันไป “เธอว่า ผู้ชายคนนึงชอบพูดว่า ‘เด็กน้อย เรียกพี่ชายให้ฟังหน่อยสิ’ แถมช่วงนี้ยังกล้ามากกว่าแต่ก่อนด้วย มันหมายความว่าไง”

“อื้อหือ” ซิวอวี่ตกใจเกือบทำโทรศัพท์ตก “ใครช่างกล้าพูดกับเธอแบบนี้”

คนในชิงจื้อที่ชอบอิ๋งจื่อจินมีเยอะจนนับไม่หวาดไม่ไหว แต่มีแค่ไม่กี่คนที่กล้ามาสารภาพตรงๆ

“ยังต้องให้พูดอีกเหรอ” ซิวอวี่ประคองตัวให้มั่นคง “แบบนี้ถ้าไม่ใช่ชอบเธอจะเป็นอะไรได้”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ฉันว่าไม่น่าใช่”

“หา? ทำไมล่ะ” ซิวอวี่ไม่เข้าใจ “สัญญาณมันชัดมากเลยนะ”

“เพราะ…” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เปิดฝาแก้วน้ำ “เขาก็พูดแบบนี้กับน้องชายฉัน เรียก ‘พี่ชาย’ ให้ฟังหน่อย”

ซิวอวี่ “…”

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากเผยเทียนอี้ดูแลความเรียบร้อยให้พวกอาจารย์กับศาสตราจารย์แล้วเขาก็ไปหาอิ๋งเย่ว์เซวียน

การปรากฏตัวของเขาเป็นที่ฮือฮาในคลาสเด็กอัจฉริยะมาก ต่างส่งสายตาอิจฉาไปที่อิ๋งเย่ว์เซวียน

ตอนนั้นโควตาไปยุโรปมีแค่โควตาเดียว จงจือหว่านไม่ไปก็ย่อมตกเป็นของอิ๋งเย่ว์เซวียน

อิ๋งเย่ว์เซวียนก็รู้สึกเซอร์ไพร้ส์มาก เธอเดินตามเผยเทียนอี้ออกไป “รุ่นพี่ มาด้วยเหรอคะ”

“ใช่ มาด้วย” เผยเทียนอี้ยิ้ม “อยากเซอร์ไพร้ส์เธอ เลยไม่ได้บอก พี่ไม่ได้กลับมาที่จีนนานมาก เลยอาศัยโอกาสนี้กลับมาเยี่ยมพอดี”

เขาหยุดเล็กน้อย ขมวดคิ้วพลางพูด “ทำไมทางชิงจื้อถึงไม่เลือกเธอไปต้อนรับล่ะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “เพราะฉันยังเก่งไม่พอ”

“เก่งไม่พอเหรอ” เผยเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “ถ้าอย่างเธอเก่งไม่พอจะได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ยุโรปได้ยังไง”

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ตอบ

“ช่างเถอะ พี่บอกให้อาจารย์ของโรงเรียนเปลี่ยนคนต้อนรับเป็นเธอแล้ว” เผยเทียนอี้เห็นสีหน้าของอิ๋งเย่ว์เซวียนแปลกไปจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อ “เธอจะได้มาช่วยพวกเราแปลหนังสือพอดีด้วย ยังจำภาษาอังกฤษยุคกลางที่เรียนตอนนั้นได้ไหม”

“ขอโทษด้วยค่ะรุ่นพี่ ตอนนั้นเรียนไปนิดเดียว” อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง พูดขอโทษ “พอฉันกลับมาก็ไม่ค่อยได้ทบทวนเท่าไร เกือบลืมไปหมดแล้ว”

ถ้าไม่ใช่คนที่ศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์ เสียเวลาเรียนภาษาอังกฤษยุคกลางก็ไม่มีประโยชน์อะไร

อย่างไรเสียตอนนี้ก็นำไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้แล้ว และเธอก็ยังมีอีกหลายเรื่องต้องทำ

แต่การที่เธอได้ไปต้อนรับคณะนักวิจัยแทนอิ๋งจื่อจินก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

อิ๋งเย่ว์เซวียนสะบัดหน้า ควบคุมตัวเองไม่ให้คิด

“ไม่เป็นไร” เผยเทียนอี้ไม่แคร์ นี่ก็อยู่ในความคาดหมายของเขา “เธอคอยตามพี่ก็พอแล้ว ปีหน้าเธอยังต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่จำเป็นต้องตั้งใจกับเรื่องแบบนี้”

อิ๋งเย่ว์เซวียนพูด “ขอบคุณรุ่นพี่มากค่ะ”

“พี่ติดตามรอบคัดเลือกไอเอสซีด้วยนะ” เผยเทียนอี้พูดต่อ “อันดับของเธอสูงมากแล้ว ได้เข้ารอบนานาชาติแน่นอน ที่พี่มาครั้งนี้เป็นเพราะสงสัยอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมด้วย คนที่อยู่อันดับหนึ่งเก่งมากจริงๆ เรียกได้ว่าขั้นเทพเลยล่ะ”

เขาถอนหายใจ “เธอไม่รู้หรอกว่า ศาสตราจารย์ที่พี่รู้จักอยากรออันดับหนึ่งของชาร์ตรวมคนนี้ปรากฏตัวมาก เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกับ ‘เขา’”

“รุ่นพี่ อันดับหนึ่งชาร์ตรวมปรากฏตัวแล้ว เป็นเจ้าของช่องไลฟ์สด” อิ๋งเย่ว์เซวียนบอก “ฉันยังได้ดูไลฟ์ของ ‘เขา’ ด้วย”

เผยเทียนอี้รู้สึกเหนือความคาดหมาย “เจ้าของช่องไลฟ์สดเหรอ งั้นเธอส่งชื่อมาให้หน่อยสิ คืนนี้พี่จะกลับไปดู”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเขียนตัวเลขยาวๆ ให้

เขารับมาแล้วพยักหน้า “ไปเถอะ พี่จะพาไปพบศาสตราจารย์”

บ้านตระกูลฟู่

ซูหร่วนไม่รู้เรื่องที่ซูเหลียงฮุยเอาชื่อเธอไปสร้างเรื่องในเน็ต

ถึงแม้เธอจะยังคงนึกเสียใจเรื่องที่ผิดสัญญาแต่งงานในตอนแรก

ถ้าไม่ได้ทำแบบนั้น เธอคงได้กลายเป็นผู้หญิงที่พวกคุณหนูไฮโซในตี้ตูอิจฉากันหมดแล้ว

แต่ช่วยไม่ได้ ซูหร่วนรู้ว่าถ้าเธอไปหาฟู่อวิ๋นเซินอีกก็มีแต่จะโดนหยามเกียรติ เธอจึงล้มเลิกความคิด

ฟู่อี้หันก็ไม่ได้แย่ เป็นนายใหญ่ของตระกูลฟู่ในตอนนี้

หลังจากที่ฟู่หมิงเฉิงกับคุณนายฟู่ถูกเอาตัวไป เธอก็ไม่ต้องปวดหัวเรื่องพ่อแม่สามี และก็ไม่ต้องทนน้อยอกน้อยใจอะไรด้วย

เพียงแต่ช่วงหลายวันมานี้ฟู่อี้หันยุ่งเรื่องที่บริษัทอยู่ตลอด ไม่ได้กลับบ้าน

แต่วันนี้เลขาของเขาโทรมาบอกว่าฟู่อี้หันจะกลับมาตอนเย็น เธอจึงตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ

และฟู่อี้หันก็ลับมาตอนหนึ่งทุ่มจริงๆ

“อี้หัน” ซูหร่วนวิ่งลงมาจากชั้นบน สายตาออดอ้อน “ใกล้ถึงวันเกิดคุณแล้ว ฉันจองแพ็กเกจท่องเที่ยวเอาไว้ พวกเราไปเที่ยวด้วยกันนะคะ”

เธอกับฟู่อี้หันยังไม่มีลูก ถ้ามีลูกได้จะเป็นการดีที่สุด

ซูหร่วนรู้ดีว่า ฟู่อี้หันเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากและก็ไม่มีทางเหมือนลูกหลานตระกูลเศรษฐีบ้านอื่นที่จะออกไปเที่ยวเละเทะข้างนอก

ขอเพียงแต่มีลูกได้ สถานะของเธอในตระกูลฟู่ก็จะมั่นคง

ไม่ว่าอย่างไรฟู่อวิ๋นเซินก็ยังต้องเรียกเธอว่าพี่สะใภ้

ฟู่อี้หันมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขายื่นเอกสารในมือให้เธอ น้ำเสียงไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย “เซ็นสิ”

ซูหร่วนอึ้ง “อะไรเหรอ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 314 ชอบ เธอมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 314 ชอบ เธอมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เผยเทียนอี้รู้จักกับอิ๋งเย่ว์เซวียนมาหนึ่งปีแล้ว เขาชอบรุ่นน้องคนนี้มาก

มีความตั้งใจ รักความก้าวหน้า ไม่ใช่คนจับจดเพราะตัวเองเกิดในตระกูลเศรษฐี

ด้วยเหตุนี้พอเห็นโอกาสดีอะไรเผยเทียนอี้ก็จะแย่งมาให้อิ๋งเย่ว์เซวียน

เขารู้ว่าจะมีคณะนักวิจัยมาที่ประเทศจีน เพียงแต่ตอนแรกสุดไม่รู้ว่าจะมาที่โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ ต่อมาพอทราบข่าวเขาก็ยื่นเรื่อง ถึงได้ติดตามมาด้วย

อันที่จริงรู้ภาษาอังกฤษยุคกลางหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคนที่มาต้อนรับพวกเขาจะต้องเป็นอิ๋งเย่ว์เซวียน

เมื่อเป็นแบบนี้อีกหน่อยอิ๋งเย่ว์เซวียนก็จะมีโอกาสได้แสดงความสามารถมากขึ้น

พอได้ยินเผยเทียนอี้พูดแบบนี้อาจารย์เติ้งก็หุบยิ้ม ขมวดคิ้วแน่นขึ้น “พูดแบบนี้แสดงว่านักศึกษาเผยชำนาญภาษาอังกฤษยุคกลางเหรอคะ”

ตอนที่เธอไปเรียนประวัติศาสตร์ที่ยุโรปก็เคยเรียนภาษาอังกฤษยุคกลางอยู่ระยะหนึ่ง

เพราะหนังสือจำนวนหนึ่งมีแค่ฉบับภาษาอังกฤษยุคกลาง

“ไม่ถึงกับชำนาญครับ ก็แค่พอรู้ผิวเผิน” เผยเทียนอี้ตอบ “ผมรู้ว่าคำขอของผมอาจฟังดูเกินไป แต่อาจารย์เติ้งน่าจะทราบดีว่า การมาต้อนรับคณะนักวิจัยจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย”

อาจารย์เติ้งทราบในจุดนี้

คณะนักวิจัยคณะนี้มาจากโรงเรียนเอลานและโรงเรียนมัธยมหลายแห่งของยุโรป นอกจากอาจารย์จำนวนหนึ่ง ศาสตราจารย์หัวหน้าคณะก็มีชื่อเสียงมากในระดับสากล

เธอถึงได้ให้อิ๋งจื่อจินมาต้อนรับ

เผยเทียนอี้พูดขึ้นมาอีกครั้ง “อีกอย่างผมกับเย่ว์เซวียนก็สนิทกันด้วย เวลาสื่อสารก็จะง่ายหน่อย”

ขณะพูดเขาได้หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ “ตัดสินใจกะทันหัน นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยแสดงความขอโทษ รบกวนฝากอาจารย์เติ้งเอาไปให้นักเรียนคนนั้นด้วยนะครับ”

พูดถึงตรงนี้อาจารย์เติ้งก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว จำต้องพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”

ในคณะนักวิจัยมีลูกหลานของชาวจีนโพ้นทะเลอยู่ ทำให้การสื่อสารสะดวกมาก

จากนั้นอาจารย์เติ้งก็กลับไปที่ห้องพักครูก่อน ครุ่นคิดว่าจะเอ่ยปากอย่างไร สุดท้ายก็คิดว่าพูดไปตามตรงดีกว่า

พอฟังจบ สีหน้าของอิ๋งจื่อจินก็ชะงักเล็กน้อย เธอเลิกคิ้ว “ภาษาอังกฤษยุคกลางเหรอคะ”

“พวกเธออาจไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการของภาษาอังกฤษ” อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ภาษาอังกฤษโบราณคือช่วงศตวรรษที่ห้าถึงศตวรรษที่สิบสอง ต่อมาได้วิวัฒนาการกลายเป็นภาษาอังกฤษยุคกลาง หลังจากศตวรรษที่สิบหก ภาษาอังกฤษยุคกลางก็เริ่มถูกทำให้ง่ายขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นภาษาอังกฤษยุคปัจจุบันที่พวกเราเรียนกันอยู่ตอนนี้”

อิ๋งจื่อจินคิด “พอทราบมาบ้างค่ะ”

เธอเคยใช้ชีวิตอยู่กับพวกเชื้อพระวงศ์ในประเทศอังกฤษอยู่นานมาก เป็นโหราจารย์ของพวกเขา

ซึ่งก็ถือได้ว่าเธอเห็นวิวัฒนาการของภาษาอังกฤษยุคกลางว่าเปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษยุคปัจจุบันอย่างไร

“ตอนแรกอยากให้เธอได้เรียนรู้จากพวกเขา อาจารย์ไม่ดีเอง” อาจารย์เติ้งถอนหายใจ ยื่นของขวัญให้ “นี่เป็นของขวัญขอโทษจากพวกเขา”

อิ๋งจื่อจินไม่ถือสา เธอพยักหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ในเมื่อหนูไม่จำเป็นต้องไปแล้วงั้นหนูกลับห้องแล้วนะคะ”

อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ไปเถอะ”

ห้องสิบเก้า

“เอ๊ะ พ่ออิ๋ง” ซิวอวี่ที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ พอเห็นอิ๋งจื่อจินกลับมาก็ตกใจ “ไหนว่าตามอาจารย์ไปช่วยต้อนรับคณะนักวิจัยไง”

“มีคนไปแล้ว” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ สีหน้าผ่อนคลาย “ดีจริงๆ”

เดิมทีเธอก็ไม่ได้อยากเอาเวลาของตัวเองไปต้อนรับคณะนักวิจัย ก็แค่เพราะอาจารย์เติ้งขอมา เธอถึงได้จะทำ

“ใครกันจิตใจดีขนาดนี้” ซิวอวี่ได้ฟังก็เลยถามดู แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไร “พอดีเลย พอดีเลย เธอว่างแล้ว มาช่วยฉันปั่นโหวตดีกว่า”

“อะไรเหรอ” อิ๋งจื่อจินหันมา เห็นหน้าโหวตคะแนนในโทรศัพท์มือถือของซิวอวี่

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ครั้งนี้ไม่เหมือนกับซีซั่นแรก ยังไม่ได้เริ่มแข่งขันอย่างเป็นทางการก็มีการปล่อยข้อมูลของผู้เข้าแข่งขันทั้งร้อยเอ็ดคนออกมาแล้ว ตอนนี้เป็นการโหวตความนิยม

ซิวอวี่ลูบคาง “เวลาอารมณ์เสีย ดูคนหล่อก็หายแล้ว”

“แล้วลูกชายเธอล่ะ” เจียงหรานได้ยินเสียงก็เงยหน้าถามประชด “เปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”

“นายจะไปเข้าใจอะไร” ซิวอวี่ไม่สนใจเขา “ลูกชายฉันก็ยังเป็นลูกชายอยู่นั่นแหละ ตัวคั่นเวลาจะสู้ตัวจริงได้ไง”

เจียงหราน “…”

หลังจากอิ๋งจื่อจินช่วยซิวอวี่โหวตเสร็จก็มีข้อความวีแชทเข้า

จั่วหลีส่งมา

[นักเรียนอิ๋ง ศูนย์ฟิสิกส์สากลประกาศโจทย์ยากออกมาข้อหนึ่ง เกี่ยวกับกลศาสตร์ควอนตัมกับฟิสิกส์อวกาศ เธออยากลองดูไหม]

อิ๋งจื่อจินยังไม่ทันตอบข้อความที่สองก็ตามมาติดๆ

[อาจารย์สืบมาแล้ว มีเงินให้ ใครแก้โจทย์ได้ก่อนจะได้เงินรางวัลมากถึงหนึ่งล้านดอลลาร์!!!]

เครื่องหมายตกใจสามอันข้างท้ายเพราะกลัวเธอจะไม่อยากลองทำ

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ ตอบกลับสั้นๆ

[งั้นก็ได้ค่ะ]

หนึ่งนาทีต่อมาจั่วหลีก็ส่งโจทย์เข้าอีเมลของเธอ

อิ๋งจื่อจินกวาดตาอ่านหนึ่งรอบแล้วปิดไปก่อน เธอหันไป “เธอว่า ผู้ชายคนนึงชอบพูดว่า ‘เด็กน้อย เรียกพี่ชายให้ฟังหน่อยสิ’ แถมช่วงนี้ยังกล้ามากกว่าแต่ก่อนด้วย มันหมายความว่าไง”

“อื้อหือ” ซิวอวี่ตกใจเกือบทำโทรศัพท์ตก “ใครช่างกล้าพูดกับเธอแบบนี้”

คนในชิงจื้อที่ชอบอิ๋งจื่อจินมีเยอะจนนับไม่หวาดไม่ไหว แต่มีแค่ไม่กี่คนที่กล้ามาสารภาพตรงๆ

“ยังต้องให้พูดอีกเหรอ” ซิวอวี่ประคองตัวให้มั่นคง “แบบนี้ถ้าไม่ใช่ชอบเธอจะเป็นอะไรได้”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ฉันว่าไม่น่าใช่”

“หา? ทำไมล่ะ” ซิวอวี่ไม่เข้าใจ “สัญญาณมันชัดมากเลยนะ”

“เพราะ…” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เปิดฝาแก้วน้ำ “เขาก็พูดแบบนี้กับน้องชายฉัน เรียก ‘พี่ชาย’ ให้ฟังหน่อย”

ซิวอวี่ “…”

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากเผยเทียนอี้ดูแลความเรียบร้อยให้พวกอาจารย์กับศาสตราจารย์แล้วเขาก็ไปหาอิ๋งเย่ว์เซวียน

การปรากฏตัวของเขาเป็นที่ฮือฮาในคลาสเด็กอัจฉริยะมาก ต่างส่งสายตาอิจฉาไปที่อิ๋งเย่ว์เซวียน

ตอนนั้นโควตาไปยุโรปมีแค่โควตาเดียว จงจือหว่านไม่ไปก็ย่อมตกเป็นของอิ๋งเย่ว์เซวียน

อิ๋งเย่ว์เซวียนก็รู้สึกเซอร์ไพร้ส์มาก เธอเดินตามเผยเทียนอี้ออกไป “รุ่นพี่ มาด้วยเหรอคะ”

“ใช่ มาด้วย” เผยเทียนอี้ยิ้ม “อยากเซอร์ไพร้ส์เธอ เลยไม่ได้บอก พี่ไม่ได้กลับมาที่จีนนานมาก เลยอาศัยโอกาสนี้กลับมาเยี่ยมพอดี”

เขาหยุดเล็กน้อย ขมวดคิ้วพลางพูด “ทำไมทางชิงจื้อถึงไม่เลือกเธอไปต้อนรับล่ะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “เพราะฉันยังเก่งไม่พอ”

“เก่งไม่พอเหรอ” เผยเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “ถ้าอย่างเธอเก่งไม่พอจะได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ยุโรปได้ยังไง”

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ตอบ

“ช่างเถอะ พี่บอกให้อาจารย์ของโรงเรียนเปลี่ยนคนต้อนรับเป็นเธอแล้ว” เผยเทียนอี้เห็นสีหน้าของอิ๋งเย่ว์เซวียนแปลกไปจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อ “เธอจะได้มาช่วยพวกเราแปลหนังสือพอดีด้วย ยังจำภาษาอังกฤษยุคกลางที่เรียนตอนนั้นได้ไหม”

“ขอโทษด้วยค่ะรุ่นพี่ ตอนนั้นเรียนไปนิดเดียว” อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง พูดขอโทษ “พอฉันกลับมาก็ไม่ค่อยได้ทบทวนเท่าไร เกือบลืมไปหมดแล้ว”

ถ้าไม่ใช่คนที่ศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์ เสียเวลาเรียนภาษาอังกฤษยุคกลางก็ไม่มีประโยชน์อะไร

อย่างไรเสียตอนนี้ก็นำไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้แล้ว และเธอก็ยังมีอีกหลายเรื่องต้องทำ

แต่การที่เธอได้ไปต้อนรับคณะนักวิจัยแทนอิ๋งจื่อจินก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

อิ๋งเย่ว์เซวียนสะบัดหน้า ควบคุมตัวเองไม่ให้คิด

“ไม่เป็นไร” เผยเทียนอี้ไม่แคร์ นี่ก็อยู่ในความคาดหมายของเขา “เธอคอยตามพี่ก็พอแล้ว ปีหน้าเธอยังต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่จำเป็นต้องตั้งใจกับเรื่องแบบนี้”

อิ๋งเย่ว์เซวียนพูด “ขอบคุณรุ่นพี่มากค่ะ”

“พี่ติดตามรอบคัดเลือกไอเอสซีด้วยนะ” เผยเทียนอี้พูดต่อ “อันดับของเธอสูงมากแล้ว ได้เข้ารอบนานาชาติแน่นอน ที่พี่มาครั้งนี้เป็นเพราะสงสัยอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมด้วย คนที่อยู่อันดับหนึ่งเก่งมากจริงๆ เรียกได้ว่าขั้นเทพเลยล่ะ”

เขาถอนหายใจ “เธอไม่รู้หรอกว่า ศาสตราจารย์ที่พี่รู้จักอยากรออันดับหนึ่งของชาร์ตรวมคนนี้ปรากฏตัวมาก เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกับ ‘เขา’”

“รุ่นพี่ อันดับหนึ่งชาร์ตรวมปรากฏตัวแล้ว เป็นเจ้าของช่องไลฟ์สด” อิ๋งเย่ว์เซวียนบอก “ฉันยังได้ดูไลฟ์ของ ‘เขา’ ด้วย”

เผยเทียนอี้รู้สึกเหนือความคาดหมาย “เจ้าของช่องไลฟ์สดเหรอ งั้นเธอส่งชื่อมาให้หน่อยสิ คืนนี้พี่จะกลับไปดู”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเขียนตัวเลขยาวๆ ให้

เขารับมาแล้วพยักหน้า “ไปเถอะ พี่จะพาไปพบศาสตราจารย์”

บ้านตระกูลฟู่

ซูหร่วนไม่รู้เรื่องที่ซูเหลียงฮุยเอาชื่อเธอไปสร้างเรื่องในเน็ต

ถึงแม้เธอจะยังคงนึกเสียใจเรื่องที่ผิดสัญญาแต่งงานในตอนแรก

ถ้าไม่ได้ทำแบบนั้น เธอคงได้กลายเป็นผู้หญิงที่พวกคุณหนูไฮโซในตี้ตูอิจฉากันหมดแล้ว

แต่ช่วยไม่ได้ ซูหร่วนรู้ว่าถ้าเธอไปหาฟู่อวิ๋นเซินอีกก็มีแต่จะโดนหยามเกียรติ เธอจึงล้มเลิกความคิด

ฟู่อี้หันก็ไม่ได้แย่ เป็นนายใหญ่ของตระกูลฟู่ในตอนนี้

หลังจากที่ฟู่หมิงเฉิงกับคุณนายฟู่ถูกเอาตัวไป เธอก็ไม่ต้องปวดหัวเรื่องพ่อแม่สามี และก็ไม่ต้องทนน้อยอกน้อยใจอะไรด้วย

เพียงแต่ช่วงหลายวันมานี้ฟู่อี้หันยุ่งเรื่องที่บริษัทอยู่ตลอด ไม่ได้กลับบ้าน

แต่วันนี้เลขาของเขาโทรมาบอกว่าฟู่อี้หันจะกลับมาตอนเย็น เธอจึงตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ

และฟู่อี้หันก็ลับมาตอนหนึ่งทุ่มจริงๆ

“อี้หัน” ซูหร่วนวิ่งลงมาจากชั้นบน สายตาออดอ้อน “ใกล้ถึงวันเกิดคุณแล้ว ฉันจองแพ็กเกจท่องเที่ยวเอาไว้ พวกเราไปเที่ยวด้วยกันนะคะ”

เธอกับฟู่อี้หันยังไม่มีลูก ถ้ามีลูกได้จะเป็นการดีที่สุด

ซูหร่วนรู้ดีว่า ฟู่อี้หันเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากและก็ไม่มีทางเหมือนลูกหลานตระกูลเศรษฐีบ้านอื่นที่จะออกไปเที่ยวเละเทะข้างนอก

ขอเพียงแต่มีลูกได้ สถานะของเธอในตระกูลฟู่ก็จะมั่นคง

ไม่ว่าอย่างไรฟู่อวิ๋นเซินก็ยังต้องเรียกเธอว่าพี่สะใภ้

ฟู่อี้หันมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขายื่นเอกสารในมือให้เธอ น้ำเสียงไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย “เซ็นสิ”

ซูหร่วนอึ้ง “อะไรเหรอ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 314 ชอบ เธอมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 314 ชอบ เธอมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เผยเทียนอี้รู้จักกับอิ๋งเย่ว์เซวียนมาหนึ่งปีแล้ว เขาชอบรุ่นน้องคนนี้มาก

มีความตั้งใจ รักความก้าวหน้า ไม่ใช่คนจับจดเพราะตัวเองเกิดในตระกูลเศรษฐี

ด้วยเหตุนี้พอเห็นโอกาสดีอะไรเผยเทียนอี้ก็จะแย่งมาให้อิ๋งเย่ว์เซวียน

เขารู้ว่าจะมีคณะนักวิจัยมาที่ประเทศจีน เพียงแต่ตอนแรกสุดไม่รู้ว่าจะมาที่โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ ต่อมาพอทราบข่าวเขาก็ยื่นเรื่อง ถึงได้ติดตามมาด้วย

อันที่จริงรู้ภาษาอังกฤษยุคกลางหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคนที่มาต้อนรับพวกเขาจะต้องเป็นอิ๋งเย่ว์เซวียน

เมื่อเป็นแบบนี้อีกหน่อยอิ๋งเย่ว์เซวียนก็จะมีโอกาสได้แสดงความสามารถมากขึ้น

พอได้ยินเผยเทียนอี้พูดแบบนี้อาจารย์เติ้งก็หุบยิ้ม ขมวดคิ้วแน่นขึ้น “พูดแบบนี้แสดงว่านักศึกษาเผยชำนาญภาษาอังกฤษยุคกลางเหรอคะ”

ตอนที่เธอไปเรียนประวัติศาสตร์ที่ยุโรปก็เคยเรียนภาษาอังกฤษยุคกลางอยู่ระยะหนึ่ง

เพราะหนังสือจำนวนหนึ่งมีแค่ฉบับภาษาอังกฤษยุคกลาง

“ไม่ถึงกับชำนาญครับ ก็แค่พอรู้ผิวเผิน” เผยเทียนอี้ตอบ “ผมรู้ว่าคำขอของผมอาจฟังดูเกินไป แต่อาจารย์เติ้งน่าจะทราบดีว่า การมาต้อนรับคณะนักวิจัยจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย”

อาจารย์เติ้งทราบในจุดนี้

คณะนักวิจัยคณะนี้มาจากโรงเรียนเอลานและโรงเรียนมัธยมหลายแห่งของยุโรป นอกจากอาจารย์จำนวนหนึ่ง ศาสตราจารย์หัวหน้าคณะก็มีชื่อเสียงมากในระดับสากล

เธอถึงได้ให้อิ๋งจื่อจินมาต้อนรับ

เผยเทียนอี้พูดขึ้นมาอีกครั้ง “อีกอย่างผมกับเย่ว์เซวียนก็สนิทกันด้วย เวลาสื่อสารก็จะง่ายหน่อย”

ขณะพูดเขาได้หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ “ตัดสินใจกะทันหัน นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยแสดงความขอโทษ รบกวนฝากอาจารย์เติ้งเอาไปให้นักเรียนคนนั้นด้วยนะครับ”

พูดถึงตรงนี้อาจารย์เติ้งก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว จำต้องพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”

ในคณะนักวิจัยมีลูกหลานของชาวจีนโพ้นทะเลอยู่ ทำให้การสื่อสารสะดวกมาก

จากนั้นอาจารย์เติ้งก็กลับไปที่ห้องพักครูก่อน ครุ่นคิดว่าจะเอ่ยปากอย่างไร สุดท้ายก็คิดว่าพูดไปตามตรงดีกว่า

พอฟังจบ สีหน้าของอิ๋งจื่อจินก็ชะงักเล็กน้อย เธอเลิกคิ้ว “ภาษาอังกฤษยุคกลางเหรอคะ”

“พวกเธออาจไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการของภาษาอังกฤษ” อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ภาษาอังกฤษโบราณคือช่วงศตวรรษที่ห้าถึงศตวรรษที่สิบสอง ต่อมาได้วิวัฒนาการกลายเป็นภาษาอังกฤษยุคกลาง หลังจากศตวรรษที่สิบหก ภาษาอังกฤษยุคกลางก็เริ่มถูกทำให้ง่ายขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นภาษาอังกฤษยุคปัจจุบันที่พวกเราเรียนกันอยู่ตอนนี้”

อิ๋งจื่อจินคิด “พอทราบมาบ้างค่ะ”

เธอเคยใช้ชีวิตอยู่กับพวกเชื้อพระวงศ์ในประเทศอังกฤษอยู่นานมาก เป็นโหราจารย์ของพวกเขา

ซึ่งก็ถือได้ว่าเธอเห็นวิวัฒนาการของภาษาอังกฤษยุคกลางว่าเปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษยุคปัจจุบันอย่างไร

“ตอนแรกอยากให้เธอได้เรียนรู้จากพวกเขา อาจารย์ไม่ดีเอง” อาจารย์เติ้งถอนหายใจ ยื่นของขวัญให้ “นี่เป็นของขวัญขอโทษจากพวกเขา”

อิ๋งจื่อจินไม่ถือสา เธอพยักหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ในเมื่อหนูไม่จำเป็นต้องไปแล้วงั้นหนูกลับห้องแล้วนะคะ”

อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ไปเถอะ”

ห้องสิบเก้า

“เอ๊ะ พ่ออิ๋ง” ซิวอวี่ที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ พอเห็นอิ๋งจื่อจินกลับมาก็ตกใจ “ไหนว่าตามอาจารย์ไปช่วยต้อนรับคณะนักวิจัยไง”

“มีคนไปแล้ว” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ สีหน้าผ่อนคลาย “ดีจริงๆ”

เดิมทีเธอก็ไม่ได้อยากเอาเวลาของตัวเองไปต้อนรับคณะนักวิจัย ก็แค่เพราะอาจารย์เติ้งขอมา เธอถึงได้จะทำ

“ใครกันจิตใจดีขนาดนี้” ซิวอวี่ได้ฟังก็เลยถามดู แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไร “พอดีเลย พอดีเลย เธอว่างแล้ว มาช่วยฉันปั่นโหวตดีกว่า”

“อะไรเหรอ” อิ๋งจื่อจินหันมา เห็นหน้าโหวตคะแนนในโทรศัพท์มือถือของซิวอวี่

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ครั้งนี้ไม่เหมือนกับซีซั่นแรก ยังไม่ได้เริ่มแข่งขันอย่างเป็นทางการก็มีการปล่อยข้อมูลของผู้เข้าแข่งขันทั้งร้อยเอ็ดคนออกมาแล้ว ตอนนี้เป็นการโหวตความนิยม

ซิวอวี่ลูบคาง “เวลาอารมณ์เสีย ดูคนหล่อก็หายแล้ว”

“แล้วลูกชายเธอล่ะ” เจียงหรานได้ยินเสียงก็เงยหน้าถามประชด “เปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”

“นายจะไปเข้าใจอะไร” ซิวอวี่ไม่สนใจเขา “ลูกชายฉันก็ยังเป็นลูกชายอยู่นั่นแหละ ตัวคั่นเวลาจะสู้ตัวจริงได้ไง”

เจียงหราน “…”

หลังจากอิ๋งจื่อจินช่วยซิวอวี่โหวตเสร็จก็มีข้อความวีแชทเข้า

จั่วหลีส่งมา

[นักเรียนอิ๋ง ศูนย์ฟิสิกส์สากลประกาศโจทย์ยากออกมาข้อหนึ่ง เกี่ยวกับกลศาสตร์ควอนตัมกับฟิสิกส์อวกาศ เธออยากลองดูไหม]

อิ๋งจื่อจินยังไม่ทันตอบข้อความที่สองก็ตามมาติดๆ

[อาจารย์สืบมาแล้ว มีเงินให้ ใครแก้โจทย์ได้ก่อนจะได้เงินรางวัลมากถึงหนึ่งล้านดอลลาร์!!!]

เครื่องหมายตกใจสามอันข้างท้ายเพราะกลัวเธอจะไม่อยากลองทำ

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ ตอบกลับสั้นๆ

[งั้นก็ได้ค่ะ]

หนึ่งนาทีต่อมาจั่วหลีก็ส่งโจทย์เข้าอีเมลของเธอ

อิ๋งจื่อจินกวาดตาอ่านหนึ่งรอบแล้วปิดไปก่อน เธอหันไป “เธอว่า ผู้ชายคนนึงชอบพูดว่า ‘เด็กน้อย เรียกพี่ชายให้ฟังหน่อยสิ’ แถมช่วงนี้ยังกล้ามากกว่าแต่ก่อนด้วย มันหมายความว่าไง”

“อื้อหือ” ซิวอวี่ตกใจเกือบทำโทรศัพท์ตก “ใครช่างกล้าพูดกับเธอแบบนี้”

คนในชิงจื้อที่ชอบอิ๋งจื่อจินมีเยอะจนนับไม่หวาดไม่ไหว แต่มีแค่ไม่กี่คนที่กล้ามาสารภาพตรงๆ

“ยังต้องให้พูดอีกเหรอ” ซิวอวี่ประคองตัวให้มั่นคง “แบบนี้ถ้าไม่ใช่ชอบเธอจะเป็นอะไรได้”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ฉันว่าไม่น่าใช่”

“หา? ทำไมล่ะ” ซิวอวี่ไม่เข้าใจ “สัญญาณมันชัดมากเลยนะ”

“เพราะ…” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เปิดฝาแก้วน้ำ “เขาก็พูดแบบนี้กับน้องชายฉัน เรียก ‘พี่ชาย’ ให้ฟังหน่อย”

ซิวอวี่ “…”

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากเผยเทียนอี้ดูแลความเรียบร้อยให้พวกอาจารย์กับศาสตราจารย์แล้วเขาก็ไปหาอิ๋งเย่ว์เซวียน

การปรากฏตัวของเขาเป็นที่ฮือฮาในคลาสเด็กอัจฉริยะมาก ต่างส่งสายตาอิจฉาไปที่อิ๋งเย่ว์เซวียน

ตอนนั้นโควตาไปยุโรปมีแค่โควตาเดียว จงจือหว่านไม่ไปก็ย่อมตกเป็นของอิ๋งเย่ว์เซวียน

อิ๋งเย่ว์เซวียนก็รู้สึกเซอร์ไพร้ส์มาก เธอเดินตามเผยเทียนอี้ออกไป “รุ่นพี่ มาด้วยเหรอคะ”

“ใช่ มาด้วย” เผยเทียนอี้ยิ้ม “อยากเซอร์ไพร้ส์เธอ เลยไม่ได้บอก พี่ไม่ได้กลับมาที่จีนนานมาก เลยอาศัยโอกาสนี้กลับมาเยี่ยมพอดี”

เขาหยุดเล็กน้อย ขมวดคิ้วพลางพูด “ทำไมทางชิงจื้อถึงไม่เลือกเธอไปต้อนรับล่ะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “เพราะฉันยังเก่งไม่พอ”

“เก่งไม่พอเหรอ” เผยเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “ถ้าอย่างเธอเก่งไม่พอจะได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ยุโรปได้ยังไง”

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ตอบ

“ช่างเถอะ พี่บอกให้อาจารย์ของโรงเรียนเปลี่ยนคนต้อนรับเป็นเธอแล้ว” เผยเทียนอี้เห็นสีหน้าของอิ๋งเย่ว์เซวียนแปลกไปจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อ “เธอจะได้มาช่วยพวกเราแปลหนังสือพอดีด้วย ยังจำภาษาอังกฤษยุคกลางที่เรียนตอนนั้นได้ไหม”

“ขอโทษด้วยค่ะรุ่นพี่ ตอนนั้นเรียนไปนิดเดียว” อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง พูดขอโทษ “พอฉันกลับมาก็ไม่ค่อยได้ทบทวนเท่าไร เกือบลืมไปหมดแล้ว”

ถ้าไม่ใช่คนที่ศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์ เสียเวลาเรียนภาษาอังกฤษยุคกลางก็ไม่มีประโยชน์อะไร

อย่างไรเสียตอนนี้ก็นำไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้แล้ว และเธอก็ยังมีอีกหลายเรื่องต้องทำ

แต่การที่เธอได้ไปต้อนรับคณะนักวิจัยแทนอิ๋งจื่อจินก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

อิ๋งเย่ว์เซวียนสะบัดหน้า ควบคุมตัวเองไม่ให้คิด

“ไม่เป็นไร” เผยเทียนอี้ไม่แคร์ นี่ก็อยู่ในความคาดหมายของเขา “เธอคอยตามพี่ก็พอแล้ว ปีหน้าเธอยังต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่จำเป็นต้องตั้งใจกับเรื่องแบบนี้”

อิ๋งเย่ว์เซวียนพูด “ขอบคุณรุ่นพี่มากค่ะ”

“พี่ติดตามรอบคัดเลือกไอเอสซีด้วยนะ” เผยเทียนอี้พูดต่อ “อันดับของเธอสูงมากแล้ว ได้เข้ารอบนานาชาติแน่นอน ที่พี่มาครั้งนี้เป็นเพราะสงสัยอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมด้วย คนที่อยู่อันดับหนึ่งเก่งมากจริงๆ เรียกได้ว่าขั้นเทพเลยล่ะ”

เขาถอนหายใจ “เธอไม่รู้หรอกว่า ศาสตราจารย์ที่พี่รู้จักอยากรออันดับหนึ่งของชาร์ตรวมคนนี้ปรากฏตัวมาก เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกับ ‘เขา’”

“รุ่นพี่ อันดับหนึ่งชาร์ตรวมปรากฏตัวแล้ว เป็นเจ้าของช่องไลฟ์สด” อิ๋งเย่ว์เซวียนบอก “ฉันยังได้ดูไลฟ์ของ ‘เขา’ ด้วย”

เผยเทียนอี้รู้สึกเหนือความคาดหมาย “เจ้าของช่องไลฟ์สดเหรอ งั้นเธอส่งชื่อมาให้หน่อยสิ คืนนี้พี่จะกลับไปดู”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเขียนตัวเลขยาวๆ ให้

เขารับมาแล้วพยักหน้า “ไปเถอะ พี่จะพาไปพบศาสตราจารย์”

บ้านตระกูลฟู่

ซูหร่วนไม่รู้เรื่องที่ซูเหลียงฮุยเอาชื่อเธอไปสร้างเรื่องในเน็ต

ถึงแม้เธอจะยังคงนึกเสียใจเรื่องที่ผิดสัญญาแต่งงานในตอนแรก

ถ้าไม่ได้ทำแบบนั้น เธอคงได้กลายเป็นผู้หญิงที่พวกคุณหนูไฮโซในตี้ตูอิจฉากันหมดแล้ว

แต่ช่วยไม่ได้ ซูหร่วนรู้ว่าถ้าเธอไปหาฟู่อวิ๋นเซินอีกก็มีแต่จะโดนหยามเกียรติ เธอจึงล้มเลิกความคิด

ฟู่อี้หันก็ไม่ได้แย่ เป็นนายใหญ่ของตระกูลฟู่ในตอนนี้

หลังจากที่ฟู่หมิงเฉิงกับคุณนายฟู่ถูกเอาตัวไป เธอก็ไม่ต้องปวดหัวเรื่องพ่อแม่สามี และก็ไม่ต้องทนน้อยอกน้อยใจอะไรด้วย

เพียงแต่ช่วงหลายวันมานี้ฟู่อี้หันยุ่งเรื่องที่บริษัทอยู่ตลอด ไม่ได้กลับบ้าน

แต่วันนี้เลขาของเขาโทรมาบอกว่าฟู่อี้หันจะกลับมาตอนเย็น เธอจึงตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ

และฟู่อี้หันก็ลับมาตอนหนึ่งทุ่มจริงๆ

“อี้หัน” ซูหร่วนวิ่งลงมาจากชั้นบน สายตาออดอ้อน “ใกล้ถึงวันเกิดคุณแล้ว ฉันจองแพ็กเกจท่องเที่ยวเอาไว้ พวกเราไปเที่ยวด้วยกันนะคะ”

เธอกับฟู่อี้หันยังไม่มีลูก ถ้ามีลูกได้จะเป็นการดีที่สุด

ซูหร่วนรู้ดีว่า ฟู่อี้หันเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากและก็ไม่มีทางเหมือนลูกหลานตระกูลเศรษฐีบ้านอื่นที่จะออกไปเที่ยวเละเทะข้างนอก

ขอเพียงแต่มีลูกได้ สถานะของเธอในตระกูลฟู่ก็จะมั่นคง

ไม่ว่าอย่างไรฟู่อวิ๋นเซินก็ยังต้องเรียกเธอว่าพี่สะใภ้

ฟู่อี้หันมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขายื่นเอกสารในมือให้เธอ น้ำเสียงไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย “เซ็นสิ”

ซูหร่วนอึ้ง “อะไรเหรอ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+